จากกรณี Amazon ยกเลิกแผนสร้างสำนักงานใหญ่ (HQ2) ที่นิวยอร์ก หลังโดนต่อต้านหนัก
ฝั่งผู้สนับสนุนให้ Amazon เข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ที่นิวยอร์ก ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ นักลงทุน ก็เข้าชื่อกันเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง Jeff Bezos ขอให้ทบทวนเรื่องแผนการตั้งสำนักงานใหญ่อีกครั้ง
ในจดหมายระบุว่าชาวนิวยอร์กอยากเห็น Amazon เข้ามาตั้งสำนักงานและจ้างงานคนจำนวนมาก และคะแนนจากโพลก็ชี้ให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ต้องการ ส่วนประเด็นเรื่องเสียงคัดค้านก็เป็นเรื่องปกติของคนนิวยอร์กอยู่แล้ว ซึ่งผู้ว่าการรัฐ Andrew Cuomo จะเป็นคนเข้ามารับผิดชอบเรื่องกระบวนการอนุมัติจากรัฐบาลท้องถิ่นให้โดยตรง
จดหมายนี้ตีพิมพ์ในหน้าโฆษณาของหนังสือพิมพ์ The New York Times โดยมีซีอีโอของบริษัทใหญ่ๆ ในนิวยอร์ก เช่น Goldman Sachs, Morgan Stanley, Citigroup, Deloitte, Mastercard, MongoDB, SAP, ShutterStock รวมถึงประธานสมาคมการค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัย เข้ามาร่วมลงชื่อท้ายจดหมายด้วย
The New York Times ยังรายงานข่าวว่าผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก Cuomo โทรศัพท์ไปคุยกับ Bezos หลายครั้ง และสัญญาว่าจะช่วยผลักดัน Amazon ให้ได้รับการอนุมัติ แต่ทาง Amazon ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจถอนตัว
ที่มา - The New York Times, The New York Times
ภาพจาก Amazon
Comments
ผมว่าอย่าเลยนะ ไปตั้งแถวห่างไกล คนต้านน้อยๆ แล้วค่อยสร้างระบบขนส่ง รถรับ-ส่งสถานีใกล้เคียง หรือหอพักเอายังจะดีกว่า แถมพื้นที่กว้างกว่าด้วย แบบ Oracle และ IBM
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ปัญหาคือมัน (น่าจะ) เป็นศูนย์กระจายสินค้า ยิ่งอยู่ใกล้เมืองยิ่งประหยัดค่าขนส่งครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เท่าที่ดูมันเป็น HQ นะครับ ตรงกันข้ามกับ โกดังเลย ปกติยังไงโกดังไม่ไว้กลางเมืองอยู่ละ ที่ไหนๆ ก็ไว้ชานเมือง
hq ครับ ไม่ใช่โกดัง ปัญหาที่ตามมาคือรถติด ค่าครองชีพแพงขึ้น ที่แพงขึ้น ความสงบ (มีเปล่า) ลดลง
ในมุมของคนทำธุรกิจมันดีนะ ร้านค้าขายก็ยอดเพิ่ม คนทำอพาร์ทเมนต์ก็มีคนเช่า เกิดกระแสการใช้เงินในเมือง แต่ในมุมผู้อยู่อาศัยมันคือหายนะชัดๆ ครับ
แหงอยู่ละ พวกนี้สนชาวบ้านที่ไหนล่ะ ดูชื่อแต่ละบริษัท
ส่วนอะเมซอนอยากมาก็มาสิ ไม่ต้องหาดีลพิเศษหรอกมั้ง รวยจนใช้ไปร้อยชาติก็ไม่หมดล่ะ ไม่คิดจะคืนสังคมบ้าง
ตรรกะนี้มาอีกแล้ว...
ประมาณนั้น...
ขยายความละกัน Long island ไม่ได้ต้องการให้ใครมาช่วย stimulate เศรษฐกิจเลยครับ
เพราะมันกำลังบูม ซึ่งภาษีที่การมาของอะเมซอนจะช่วย generate มันไม่ได้มากกว่าที่มันได้ลดไปเท่าไรเลย
แต่ผลกระทบกับคนตัวเล็กที่จะต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น
สรุปว่า long island ไม่ได้รับประโยชน์อะไรขนาดนั้นกับการมาของอะเมซอน ถ้าหากจะต้องไปให้ incentive กับเขาเยอะขนาดนั้น เพราะอย่างที่บอก long island กำลังบูมครับ
แน่นอนเศรษฐกิจมหภาคจะไดัรับผลประโยชน์ ก็ย่อมมีพวกแบงก์ ฯลฯ สนับสนุน ขณะที่คนตัวเล็กเสียประโยชน์ก็ย่อมต่อต้าน สุดท้ายแล้วผมเห็นว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ต้องการความช่วยเหลือจากภาษีน้อยกว่าประชาชนหรือคนยากจนครับ
ผมก็อยากทราบตตรรกะคุณบ้าง ถ้าว่างก็ช่วยสาธยายให้ฟังหน่อยละกันนะครับ
เท่าที่ตามข่าว Amazon ต่อรองลดภาษีไปหนิครับ
คือถ้าเทียบกับ google ของ google กลับไม่ได้ขอลดหย่อนภาษีอะไร
https://www.nytimes.com/2018/12/14/nyregion/google-nyc-amazon-offices.html
เมืองมันต้องมีประชากรหนาแน่นระดับหนึ่ง สาธารณูปโภคมันถึงจะดีเพราะมีความคุ้มทุน แต่ถ้าหนาแน่นเกินไปก็แย่งกันกินแย่งกันใช้ ผมก็ไม่รู้ว่าเมืองนี้เขาขาดแคลนประชากรขนาดต้องลดภาษีเพื่อดึงเอกชนเข้ามาตั้ง HQ เลยหรือ
มันคือ economy of scale อีกแบบนะครับ
"ผมจะทำธุระกิจ 1000 ล้าน ที่ a, b, c ที่ใหนคิดภาษีน้อยที่สุด ผมจะไปลงทุนตรงนั้น"
จังหวัด a ลดพิเศษเหลือ - 6 %
จังหวัด b ลดพิเศษเหลือ - 5 %
จังหวัด c ลดพิเศษเหลือ - 4 %
c ครั้งที่ 1, c ครั้งที่ 2, เคาะ (a, b อด)
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
จะสนใจไปทำไมว่าลดเท่าไหร่ เลี่ยงภาษีไปเลย นอนนับตังสบายยยย
เลี่ยงภาษีไม่ไช่จะทำใด้ทุกกรณีนิครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
แสดงว่าไม่เก่งจริง
แบบนั้นมันไม่ใช่ economy of scale ครับ มันเหมือนนักการเมืองต้องการดึงกิจการเข้ามาในพื้นที่ของตัวเอง
เหมือนกทม. เป็นเมืองที่แออัดมาก เพราะสาธารณูปโภคดีกว่าที่อื่น economy of scale มันได้เปรียบที่อื่นอยู่แล้ว
แล้วนักการเมืองก็ยังจะลดภาษีเพื่อให้กิจการจากต่างจังหวัดเข้ามาตั้งในกทม.อีก แทนที่จะกระจายความเจริญออกไป