สตรีมมิ่งไม่เพียงให้ความบันเทิงแค่ผู้ใหญ่ แต่ผู้ชมที่เป็นกลุ่มเด็กและครอบครัวก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันสตรีมมิ่งเปรียบเหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปแล้ว ดังนั้นการแข่งขันคอนเทนต์ของวงการสตรีมมิ่งจึงต้องเจาะกลุ่มเด็กและครอบครัว
ตลาดตอนนี้ที่ใหญ่ที่สุดยังคงเป็น Netflix โดย Andy Yeatman อดีตผู้จัดการคอนเทนต์เด็กและครอบครัวบอกว่า ในบรรดาคอนเทนต์สำหรับเด็กที่มีอยู่ประมาณ 200 เรื่องมีการรับชมไปแล้ว 2 ล้านครัวเรือน ตัวเลขกลุ่มผู้ชมที่เป็นเด็กและครอบครัวโตขึ้น 61% เป็นตัวเลขทั่วโลก ส่วนในสหรัฐฯ โตขึ้น 13% เพราะตลาดเริ่มอิ่มตัว (ตัวเลขเดือนตุลาคม 2017)
ตลาดสตรีมมิ่งจะเริ่มสนุกสนานมากขึ้นไปอีกเมื่อ Disney กำลังจะเปิดตัวสตรีมมิ่งของตัวเอง แม้จะตามหลัง Netflix แต่ด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเด็กๆ รู้จักก็น่าจะทำให้เด็กติดตามได้ไม่ยาก มาดูกันว่าแต่ละเจ้ามีทีเด็ดอะไรมาเจาะตลาดเด็กและครอบครัวได้บ้าง
ภาพจาก Trailer Star Wars
ชื่อสตรีมมิ่งของ Disney ลือกันว่าชื่อ Disney Play จะอัดแน่นไปด้วยของโปรดเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาจาก Pixar, Marvel ยังมีซีรีส์ Star Wars และอาจจะมีซีรีส์ภาคแยกของโลกิและนาตาชา โรมานอฟ แห่งมาร์เวล รวมทั้งซีรีส์คนแสดงของการ์ตูนอมตะ The Lion King ด้วย
นอกจากนี้ยังมีหนังใหม่ และหนังรีเมคมากมายคือ 3 Men and a Baby, Don Quixote, Father of the Bride, Flora & Ulysses, Lady and the Tramp, Magic Camp, Noelle, The Paper Magician, The Parent Trap, Stargirl, The Sword in the Stone, Timmy Failure, Togo, and Honey, I Shrunk the Kids
โดยทุกอย่างจะเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างในปี 2019
แม้คอนเทนต์เด็กจะเป็นส่วนหนึ่งที่ Netflix ลงทุนด้วย แต่ Netflix ก็ลงทุนสูงมากเรื่องทำคอนเทนต์ออริจินัล โดยลงทุนสูงถึง 8 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2018 และมีคอนเทนต์ไม่น้อยที่แม้ไม่เจาะเด็กโดยตรง แต่ก็เป็นสิ่งที่ดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เช่น Voltron reboot, Guillermo Del Toro’s TrollHunters, Lemony Snicket’s Series of Unfortunate Events, and even Beat Bugs และด้วยปริมารการลงทุนก็คาดว่าจะมีคอนเทนต์เด็กมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่กำลังโปรโมทตอนนี้คือ Next Gen, The Dragon Prince
ภาพจาก Trailer Lemony Snicket's A Series of Unfortunate Events
ในวงการสตรีมมิ่งยังมีผู้เล่นน่าสนใจอีกหลายรายที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่ตลาดนี้ Amazon มีผู้ติดตามประมาณ 26 ล้านราย Hulu มีฐานประมาณ 17 ล้านรายและ HBO Now มี 5 ล้านราย ซึ่งแต่ละเจ้าก็ต้องเตรียมลงทุนในคอนเทนต์หลากหลาย แต่สำหรับคอนเทนต์เด็กและครอบครัว มีแค่ Netflix และ Disney ที่เป็นผู้นำในตอนนี้
Comments
สำหรับผู้บริโภคคงไม่สนุก
อยากดูdisney ก็ต้องสมัครdisney play(ชื่อยังไม่ทางการ)
อยากดูseriesดังๆ ก็ต้องสมัครNetflix
อยากดูHBOในไทย ก็ต้องสมัครais play
ถ้าชอบดูหลากหลาย ก็โดนรายเดือนซ้ำซ้อนมาก
ถึงจะเป็นแบบที่ว่า ผมก็คิดว่ายังดีกว่าไม่มีสักเจ้านะครับ
แต่มันก็ไม่แปลกนะ เหมือนเครื่องเกมส์คอนโซลนั่นแหละ
ไม่เหมือนกันตรง เครื่องเล่นเกม console
ที่ไม่ได้ subscribe ทุกเจ้าเพื่อเล่นเกม
แต่ต้องซื้อเครื่องเกมส์ถ้าต้องการเล่นเกมที่ออกเฉพาะเครื่องนั้นๆ ถ้าอยากเล่นเกมที่มันออกคนละเครื่องก็ต้องซื้อสี่เครื่อง ประมาณนี้ครับที่ผมว่าเหมือนกัน
เอาตรงๆต้องจัดสรรเองว่า เดือนนี้ดูของเจ้าไหนเรื่องอะไรบ้าง ก็โออยู่นะ เปลี่ยนๆกัน
Netflix ณ ตอนนี้มี series เป็นของตัวเองเยอะมาก ทั้งเนื้อเรื่องดี และไม่ดี
The dragon prince สนุกมาก ใครยังไม่ได้ดูแนะนำเลย ภาพสวยด้วย
ปกติผมเวลาผมดูพวก Anime ของญี่ปุ่น ดูแล้วหลับตลอดเลย รู้สึกเนื้อเรื่องมันยืดเหลือเกิน
The dragon prince = Netflix
Gumball = CN
Teen Titan Go = CN
/SUG/ = CN
Duck Tales = Disney
Star VS = Disney
Tangled the series = Disney
Star Wars Rebels = Disney
เอยะ ขี้เกียจดู