Tags:
Node Thumbnail

สายการบินต้นทุนต่ำได้ทำให้การเดินทางภายในประเทศสะดวกสบายและรวดเร็วกว่าการนั่งรถแบบเดิมๆ ทว่า Volvo พลิกมุมกลับปรับมุมมองว่ารถยนต์ไร้คนขับจะทำให้คนกลับมานั่งรถยนต์แทนที่การนั่งเครื่องในการเดินทางสั้นๆ หรือภายในประเทศ

Marten Levenstam รองประธานอาวุโสฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กรของ Volvo บอกว่ารถไร้คนขับที่มีที่นอน (sleeping cabins) จะช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับบริษัทเครื่องบินหรือสายการบินได้ โดย Volvo บอกว่าไฟล์ทที่ระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตรเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากแนวคิดนี้มากที่สุด อย่างไรก็ตามปัญหาของแนวคิดนี้ยังคงอยู่ที่ปัญหาเดิมๆ อย่างการจราจร

ที่มา - Bloomberg

No Description

Get latest news from Blognone

Comments

By: pepporony
ContributorAndroid
on 7 September 2018 - 13:09 #1069447

ถ้ามีที่นอนก็คงออกสักสามทุ่มถึงเช้าไปเลย น่าจะนอนหลับง่ายกว่านั่งรถไฟตู้นอน

By: icez
ContributoriPhoneAndroidRed Hat
on 7 September 2018 - 13:32 #1069451

อย่างไรก็ตามปัญหาของแนวคิดนี้ยังคงอยู่ที่ปัญหาเดิมๆ อย่างการจราจร

มาใช้ในกรุงเทพนี่สบาย รถติดจนนอนได้!

By: Orion
Windows PhoneAndroidWindows
on 7 September 2018 - 14:03 #1069455
Orion's picture

ผม​ว่า​ในอนาคต​ในเมืองใหญ่คงบังคับใช้รถยนต์ไร้คนขับถ้ารถคันรอบๆมันสื่อสารกันได้ว่าคันไหนจะไปไหนการจราจร​จะลื่นไหลมากแม้จะมีรถเยอะก็ตาม

By: impascetic
Android
on 7 September 2018 - 16:41 #1069489 Reply to:1069455

น่าจะแก้ปัญหาพวกปาด,แทรกตามคอสะพานหรือทางแยกไปได้เยอะ ซึ่งก็น่าจะลดปัญหารถติดได้นะครับ ทุกวันนี้มันติดพวกนี้ซะเยอะเลย คือคนทำอ่ะเร็วขึ้น แต่คนต่อคิวมานี่ก็รอยาวไป

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 7 September 2018 - 21:08 #1069543 Reply to:1069455
hisoft's picture

เมืองใหญ่ที่ว่านี่ผมสงสัยว่าในไทยจะได้ตามเค้าไปเมื่อไหร่กัน

By: readonly
iPhone
on 8 September 2018 - 06:16 #1069584 Reply to:1069455
readonly's picture

ยกเว้นเมืองใหญ่ๆ ในไทยได้เบย รถอายุ 10+ ปีวิ่งกันให้เกลื่อน คนขับตีนผีเพียบ รถไร้คนขับจะกลายเป็นโลงอัตโนมัติแทน

By: Witna
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 7 September 2018 - 14:07 #1069456

แต่ปัจจุบันอุบัติเหตุทางรถยนต์มากกว่าเครื่องเยอะนะ

จะปลอดภัยพอรึ ไม่ใช่ตื่นมาเจอหน้าท่านยมเลยนะ

By: Mars2005
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 7 September 2018 - 17:08 #1069495 Reply to:1069456
Mars2005's picture

เรื่องแรกคือ ถ้าเป็นรถยนต์ไร้คนขับทั้งหมด ปัญหาเรื่องอุบัติเหตุน่าจะลดลงจนแทบไม่มีครับ ยิ่งถ้ารถแต่ละคันสื่อสารกันเองได้

เรื่องสองคือ ถ้าเทียบจริง ๆ แล้ว อุบัตเหตุจากรถยนต์แทบไม่ได้สูงกว่าเครื่องบินเลย ในจำนวนและเส้นทางที่เท่ากัน เผลอ ๆ เครื่องบินยังเสี่ยงมากกว่าด้วยซ้ำ ที่เราเห็นอุบัติเหตุจากรถยนต์สูงกว่าเครื่องบิน เพราะการเปรียบเทียบ ที่ไม่นับจำนวน และเส้นทางให้เท่ากันมากกว่าครับ

ลองนึกถึงถ้าโลกมีรถยนต์ 10000 คัน แล้วมีเส้นทางวิ่งทั่วโลก กับเครื่องบิน 10000 ลำ แล้วเส้นทางบินทั่วโลกดูก็ได้ครับ

By: IDCET
Contributor
on 7 September 2018 - 17:34 #1069500 Reply to:1069495

ผมว่าเทียบแบบนั้นก็ไม่ค่อยถูกซะทีเดียว ถ้าลองตามข่าวหรือขับบนถนนดู จะเห็นอุบัติเหตุแทบจะทุกวันเลย ทั้งเล็กน้อยและร้ายแรงถึงชีวิต ออกข่าวก็บ่อยพอสมควรในบ้านเรา แม้ว่าบนพื้นดินยังมีทางรอดมากกว่า ความช่วยเหลือยังเข้าถึงได้มากกว่า เว้นแต่จะโดนอัดจนเสียชีวิต หรือตกเหว

ส่วนเครื่องบิน ความเสี่ยงสูงกว่า แม้ว่าอุบัติเหตุจะน้อยกว่า แต่อัตราการเสียชีวิตต่อครั้งสูงมากครับ ถ้าเป็นเครื่องบินโดยสารหลักร้อยชีวิต แม้นานที่จะมีข่าวเครื่องบินตก ความเสียงก็มีตั้งแต่บินในอากาศแล้วครับ ทั้งผู้ขับและปัญหาอื่นๆ หากเครื่องมีปัญหาแล้วควบคุมไม่ได้ ชิ้นส่วนหลุดเสียหาย หรือระเบิดขึ้นมา ตกเร็วพอกับแรงโน้มถ่วง ตายสถานเดียว เว้นแต่จะโชคดีมากจริงๆ


ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว

By: Mars2005
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 7 September 2018 - 17:44 #1069501 Reply to:1069500
Mars2005's picture

ก็นั่นแหละครับ ผมถึงบอกว่า ถ้าเทียบจริง ๆ ต้องเทียบให้เท่ากัน วางพื้นฐานที่เท่าเทียมกันไงครับ แล้วจะเห็นได้ว่า เครื่องบินก็ไม่มีสถิติความปลอดภัยสูงกว่ารถยนต์เท่าไหร่หรอกครับ

เช่นถ้ารถยนต์ในโลกมี 1 ล้านล้านคัน ก็ต้องเทียบกับสถิติของเครื่องบิน 1 ล้านล้านลำล่ะครับ

By: icez
ContributoriPhoneAndroidRed Hat
on 7 September 2018 - 18:48 #1069510 Reply to:1069501

ปกติเค้าเปรียบเทียบตาม passenger-km (เดินทาง x km โอกาสตายเท่าไหร่) หรือ passenger-hour (เดินทาง x ชั่วโมง โอกาสตายเท่าไหร่) ครับ

อันนี้ตัวเลขของ EU ปี 2003

No Description

By: adente
ContributorSUSESymbianWindows
on 7 September 2018 - 14:29 #1069460
adente's picture

ความคิดดีแต่ลำยุคไปหน่อย เอาให้รถมันวิ่งมารับเราโดยไม่ชนอะไรให้ได้ก่อนไหม

By: super_lw
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 7 September 2018 - 14:47 #1069465
super_lw's picture

นอนบนรถนี่ผมชอบสุดละ สมัยเด็กๆ ชอบมาก บอกพ่อให้ขับอ้อมหน่อยจะนอน 555

ตอนนี้ต้องขับเอง นอนไม่ได้ละ


Educational Technician

By: errin on 7 September 2018 - 15:27 #1069468

ถ้าเอามาใช้ในเมืองไทยมันก็จะน่ากลัวหน่อยๆ จู่ๆเจอย้อนศร ผ่าไฟแดง แซงซ้าย ขับปาด ขนาดที่ AI คงเรียนรู้ไม่ทัน

By: icez
ContributoriPhoneAndroidRed Hat
on 7 September 2018 - 18:50 #1069512 Reply to:1069468

ที่บอกนั่น เป็นเรื่องที่ AI ได้เปรียบทุกเรื่องเลยนะครับ เพราะมองได้ 360 องศาตลอดเวลา ไม่เหมือนคนที่กว่าจะเห็นก็ต้องโชคดีหันไปดูพอดี

By: pepporony
ContributorAndroid
on 8 September 2018 - 10:35 #1069622 Reply to:1069468

วันก่อนเพิ่งดูคลิป Tesla Autopilot อยู่ในเลนตัวเองแล้วมีคนปาด AI หลบมันตั้งแต่รถคันนั้นยังไม่โผล่บน dashcam เลย

มนุษย์ต้องคอยมองกระจกข้างตลอดเวลา ถ้าจะหลบทันครับ

By: akira on 7 September 2018 - 20:40 #1069535

เอาแค่วิ่งจากสนามบิน มาในเมืองแทน Taxi ก็อยู่ได้สบายแล้ว เส้นทางชัดเจนด้วย เหมือนรถไฟฟ้า คือวิ่งจอดรับเป็นจุดเลยไม่จอดทั่วไป ผมว่าลูกค้าที่เบื่อ Taxi สนามบิน หรือเบื่อต่อราคาเพียบ ทำกำไรเอามาลงทุนต่อได้สบาย แต่คงติดปัญหาค่าสัมปทานในเมืองไทยคงแพงจนไม่คุ้มลงทุน ยิ่งเป็นรถไฟฟ้าไร้คนขับด้วยสร้างภาพลักษณ์ได้อีก แต่เมืองไทยคงยาก ผลประโยชน์ระยะสั้นมันเยอะ

By: tomyum
ContributorAndroidWindows
on 8 September 2018 - 00:09 #1069570
tomyum's picture

เมืองไทยเราจะใช้รถนอนไปทำงาน...

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 8 September 2018 - 01:23 #1069573 Reply to:1069570
hisoft's picture

นั่งทำงานในรถยังอาจจะได้งานเยอะกว่าเวลางาน - -"