Tags:
Node Thumbnail

Tesla ยุติ "ข้อตกลงความร่วมมือ" กับ NTSB คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการคมนาคมแห่งชาติของสหรัฐฯ ในการสืบสวนอุบัติเหตุที่รถ Tesla X พุ่งชนกำแพงคอนกรีตก่อนจะโดนรถที่วิ่งตามชนซ้ำและเกิดการลุกไหม้ ซึ่งมีผลให้คนขับ Tesla X เสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ Tesla ยังออกรายงานที่เน้นย้ำอีกครั้งว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะคนขับไม่ได้ใส่ใจเพียงพอ

ความไม่ลงรอยระหว่าง Tesla และ NTSB ในระหว่างการสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้มาจากการที่ Tesla ออกรายงานผลการสืบสวนจากฝั่งของตนออกมา ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับ NTSB ที่ไม่คิดว่าการเปิดเผยรายละเอียดการสืบสวนสู่สาธารณชนเป็นเรื่องเหมาะสม

ทางฝั่ง NTSB ขอให้ Tesla หยุดการปล่อยรายงานจนกว่าการสืบสวนทั้งหมดจะสิ้นสุดลง แต่ทาง Tesla ไม่เห็นด้วยและมองว่าการทำตามคำขอนี้จะส่งผลลบต่อสังคม จึงนำมาสู่การประกาศยุติความร่วมมือกับ NTSB

ใจความตอนหนึ่งจากแถลงการณ์โดยโฆษกของ Tesla มีดังนี้

เราเชื่อมั่นในความโปร่งใส, ดังนั้นข้อตกลงที่ยับยั้งไม่ให้เราเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณชนนานกว่า 1 ปี จึงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้

อย่างไรก็ตาม Tesla ยืนยันว่าจะยังให้การสนับสนุนด้านเทคนิคแก่ NTSB เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนอุบัติเหตุต่อไปได้ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสถานะหน่วยงานร่วมสืบสวนอย่างเป็นทางการก็ตาม

รายงานที่ Tesla มีออกมาก่อนหน้านี้อ้างอิงระบบบันทึกข้อมูลในรถยนต์ Tesla X ระบุว่ารถยนต์ไม่ตรวจพบว่าคนขับได้กระทำการใดๆ ในช่วงระยะเวลา 6 วินาที นับตั้งแต่ที่สัญญาณเตือนการไม่ตรวจพบมือวางไว้ที่พวงมาลัยดังขึ้น จวบจนจังหวะที่เกิดการชน แต่ล่าสุด Tesla ออกแถลงการณ์เน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง โดยครั้งนี้ไม่ได้บอกว่าคนขับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ หากแต่กล่าวเจาะจงชัดว่าเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุในครั้งนี้

จากที่สมาชิกครอบครัวของเขากล่าวอ้าง, Mr.Huang ได้ตระหนักดีอยู่แล้วว่าระบบ Autopilot นั้นมิได้สมบูรณ์แบบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าตัวเองได้บอกพวกเขาว่ามันเชื่อถือไม่ได้ในระหว่างการใช้งานบริเวณจุดที่เกิดเหตุนั้น การชนเกิดขึ้นในวันที่อากาศแจ่มใสและทัศนวิสัยเบื้องหน้าแจ่มชัดหลายร้อยฟุต ซึ่งหมายความว่าหนทางเดียวที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้นได้ ก็เป็นเพราะ Mr.Huang เองไม่ใส่ใจถนนเบื้องหน้า แม้ว่ารถจะส่งสัญญาณเตือนแล้วก็ตาม

พร้อมกันนี้ Tesla ได้ระบุถึงความกังวลใจว่าอาจมีการเผยแพร่ความเข้าใจผิดว่าระบบ Autopilot ของ Tesla นั้นไม่ปลอดภัยเพียงพอด้วย

เราเข้าใจและเห็นกับครอบครัวของ Mr.Huang ผู้ซึ่งเราเข้าใจได้ว่ากำลังเผชิญกับความเศร้าและการสูญเสีย, แต่การเข้าใจผิดว่าระบบ Autopilot ไม่ปลอดภัยนั้น อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่นบนท้องถนน

ทางด้านทนายฝั่งครอบครัวของ Huang ผู้เสียชีวิต เชื่อว่าการที่ Tesla ออกมากล่าวพาดพิงในลักษณะกล่าวอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของ Huang แบบเน้นย้ำเช่นนี้ เป็นเพราะ Tesla ต้องการเบี่ยงประเด็นความสนใจของสังคมที่กำลังเคลือบแคลงใจสงสัยว่าระบบ Autopilot ในรถยนต์ Tesla นั้นปลอดภัยดีเพียงพอจริงหรือไม่

Mike Fong หนึ่งในทีมอัยการของครอบครัวผู้เสียชีวิต บอกแก่สำนักข่าว ABC 7 ว่าเซ็นเซอร์ในรถยนต์ของ Huang นั้นมีปัญหาไม่สามารถอ่านตำแหน่งเส้นแบ่งช่องทางเดินรถได้ หนำซ้ำระบบห้ามล้อก็ล้มเหลวไม่อาจตรวจพบวัตถุที่หยุดนิ่งขวางแนวการวิ่งของรถได้ จึงสันนิษฐานได้ว่านั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้รถของ Huang ส่ายเข้าหากำแพงคอนกรีต ณ จุดเกิดเหตุนี้มาแล้วหลายครั้ง

ทั้งนี้ Fong บอกว่าทางด้านครอบครัวของ Huang ยังไม่คิดจะฟ้องร้อง Tesla จนกว่าจะได้เห็นรายงานผลการสืบสวนอุบัติเหตุฉบับสมบูรณ์จากทาง NTSB เสียก่อน

ที่มา - ABC 7 via Engadget, Business Insider

Get latest news from Blognone

Comments

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 13 April 2018 - 06:49 #1043756

งงว่า​ไม่ใช่คนขับกับครอบครัวรู้อยู่แล้วหรอว่า​ Autopilot ของ​ Tesla มันแค่ระดับ​ 3 เอง​ มันไม่ได้ปลอดภัยถึงขนาดไม่สนใจถนนทำไมไว้ใจรถขนาดนั้น? ​

By: -Rookies-
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 14 April 2018 - 07:38 #1043904 Reply to:1043756

นั่นสิครับ ข่าวก็บอกอยู่ว่าออกมาพูดเองว่าผู้ตายบ่นอยู่บ่อย ๆ ว่ารถชอบส่ายเวลาไปแถวนั้น ก็น่าจะระวังนะ แต่อย่างไรก็ตาม ระบบของเทศล่าก็น่าจะมีปัญหาจริง ๆ แต่ดันไม่ยอมพูดถึงปัญหาตัวเอง ผมว่าผิดทั้งคู่อะ


เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!

By: ti.krab
Android
on 13 April 2018 - 11:22 #1043782

Tesla ยังเคราะห์ดีที่ว่า ไม่มีบุคคลภายนอกรถตาย (<< ถึงจะแค่ระดับ3 ก็ตาม)
ไม่งั้นอาจโดนสั่งหยุดขายและให้เรียกคืนก็ได้

ซึ่ง Tesla ยังสามารถทำมึนแก้ตัวกลบความผิดตัวเองได้
ทั้งๆ ที่ Tesla ก็ผิด โดยบอกว่าคนขับไม่สนใจเอง
แต่ไม่พูดถึงความผิดตัวเอง

By: lancaster
Contributor
on 14 April 2018 - 11:07 #1043934

อารมณ์เหมือน dev ที่พยายามปกปิดบั๊กโดยบอกว่า user error