Tags:
Node Thumbnail

ทุกคนเก็งเรื่องนี้กันมานานและในที่สุดมันก็มา (จริงๆ มาก่อนแล้วใน The Daily)

แอปเปิลเปิดบริการสมัครสมาชิก (subscription) ของแอพใน iTunes Store แล้ว โดยเจ้าของแอพพวกนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์สามารถเลือกระยะเวลาที่ต้องการ (เช่น รายวัน รายสัปดาห์ รายปักษ์) และเพิ่ม API ที่ผู้ใช้แอพสามารถจ่ายเงินเพื่อสมัครสมาชิกได้จากตัวแอพเลย วิธีการคิดเงินก็หักจากบัญชี iTunes ตามปกติ และแอปเปิลก็หักค่าหัวคิว 30% เหมือนกับการขายแอพ

แต่จุดที่เป็นประเด็นถกเถียงคือเงื่อนไขเพิ่มเติมของแอปเปิลบังคับว่า

  • ห้ามใส่ลิงก์สำหรับสมัครสมาชิกผ่านระบบอื่นที่ไม่ใช่ iTunes ไว้ในแอพ
  • ถ้าแอพตัวไหนมีบริการสมัครสมาชิกนอกแอพ (เช่น ผ่านเว็บไซต์) จะต้องเพิ่มบริการสมัครสมาชิกแบบเดียวกันผ่าน iTunes ด้วยเสมอ

ทั้งสองเรื่องเป็น ประเด็นที่มีปัญหากับ Sony Reader App มาก่อนแล้ว

โฆษกของแอปเปิลยืนยันกับ Computerworld ว่านโยบายใหม่ของแอปเปิลนี้กระทบกับ Kindle App อย่างแน่นอน โดย Amazon จะต้องนำลิงก์ Kindle Store ออกไปจากแอพ และเพิ่มระบบสมัครสมาชิกผ่าน iTunes เข้ามาด้วย ตอนนี้ทาง Amazon ยังไม่บอกว่าจะมีนโยบายอย่างไร

รายที่ออกมาโวยแล้วคือ Real ซึ่งมีบริการขายเพลง Rhapsody บน iOs โดยแถลงการณ์ของ Real บอกว่าเงื่อนไขหัก 30% ของแอปเปิลเป็นเงื่อนไขที่รับไม่ได้ (Real อ้างตัวเลขหัก 2.5% ของบัตรเครดิตมาเทียบ) และบอกว่าจะไม่ให้บริการนี้ถ้าต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของแอปเปิล แถมยังทิ้งท้ายว่าจะคุยกับผู้ให้บริการรายอื่นเพื่อหามาตรการทางกฎหมายที่เหมาะสมมาจัดการกับแอปเปิลต่อไป - Engadget

เว็บไซต์ Newsgrange วิจารณ์นโยบายนี้ของแอปเปิลว่า "หน้าเลือด" และบอกว่าผู้ให้บริการเนื้อหาออนไลน์ไม่มีทางประกอบธุรกิจได้ ถ้าหากต้องเสียเงินให้แอปเปิลอีก 30% ของราคาขาย เพราะหลายรายต้องจ่ายค่าเนื้อหาให้กับผู้ผลิตเนื้อหาอยู่ก่อนแล้ว

ส่วน Wall Street Journal อ้างความเห็นของอาจารย์ด้านกฎหมายผูกขาดจาก University of Wisconsin Law School ว่ากรณีนี้ของแอปเปิลอาจโดนเล่นงานเรื่องผูกขาด ถ้าหากเจ้าหน้าที่เห็นว่าแอปเปิลมีส่วนแบ่งตลาดมากพอ และใช้สถานะนี้กดดันคู่แข่งเรื่องราคา

เว็บไซต์ mocoNews อ้างข้อมูลจากผู้ผลิตเนื้อหารายหนึ่งว่า กูเกิลเตรียมเปิดบริการสมัครสมาชิกแบบเดียวกัน แต่หักค่าหัวคิว 10% แทน

ที่มา - แถลงการณ์ของแอปเปิล, ReadWriteWeb

Get latest news from Blognone

Comments

By: g-man
ContributoriPhone
on 16 February 2011 - 21:34 #260476

ผลไม้ไม่แคร์สื่อ~~~

By: Halogenmaster on 16 February 2011 - 21:41 #260480

เริ่มทำตัว evil กันทุกบริษัทแล้วซิ 55+

By: zerntrinos
ContributorAndroidWindows
on 16 February 2011 - 21:50 #260481 Reply to:260480
zerntrinos's picture

Apple ผมมองว่า Evil มานาแล้วนะครับฮ่าๆ


เวลาดูสาวชอบดูสาวขาวๆ Sex Sex เวลาดู Notebook ชอบแบบ"ถึกๆดำๆ"

Twitter : @Zerntrino
G+ : Zerntrino Plus

By: gondolaz
AndroidUbuntuWindows
on 16 February 2011 - 23:51 #260537 Reply to:260481
gondolaz's picture

+1

By: nolykk
ContributoriPhoneAndroidUbuntu
on 16 February 2011 - 21:56 #260483
nolykk's picture

ที่ไม่ค่อยบ่นค่า app 30% เพราะใช้วิธีแจกแอพฟรี แล้วคิดค่าสมาชิกเอากันรึป่าวครับ ก่อนหน้านี้ทำได้??


twitter.com/djnoly

By: kswisit
ContributoriPhoneAndroidIn Love
on 16 February 2011 - 22:02 #260486

"หน้าเลือด" ชัดเจน


^
^
that's just my two cents.

By: arjin
WriteriPhoneWindows
on 16 February 2011 - 22:11 #260488
arjin's picture

สุ่มเสี่ยงต่อ Antitrust มากเรื่องนี้

By: moosaTAE
AndroidWindows
on 16 February 2011 - 22:18 #260492
moosaTAE's picture

ผมว่า ที่ App ไม่โวย เพราะต้นทุนมันแค่ตอนผลิตนี่ครับ ไม่ต้องไปเสียค่าอะไรให้ใครอีก
แต่ เพลง หรือ เนื้อหาในหนังสือ นอกจากต้นทุนค่าผลิตแล้ว บางทีมันต้องเสียค่าลิขสิทธิ์อีกหลายต่อ ถ้าเพลงก็ต้องมีส่วนแบ่งให้เจ้าของเพลงด้วย ต้นทุนมันถึงต่างกันละครับ

By: Not Available a...
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 16 February 2011 - 22:34 #260500 Reply to:260492
Not Available at this Moment's picture

แต่ถ้ามองอีกมุมมันก็ลดค่าใช้จ่ายในการผลิตด้วย เช่นหนังสือก็ไม่ต้องมีค่าจ้างโรงพิมพ์ ค่าจัดส่ง Logistic ต่างๆ แถมขายได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องมีตัวแทนจำหน่ายและอื่นๆอีกหลายอย่างด้วยนะ

ผมคิดว่าค่าที่หายไปของสิ่งเหล่านี้มันน่าจะเกิน 30% ของราคาสินค้านะครับ


ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)

By: best
iPhoneAndroid
on 16 February 2011 - 22:20 #260494

อาณาจักรมืดกำลัง ขู่รีดภาษีหลังจากปกครองหัวเมืองใหญได้สำเร็จได้สำเร็จ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 16 February 2011 - 22:30 #260497
hisoft's picture

ผมยุให้ Amazon ถอน Kindle for iPhone, iPad ทิ้งแทน

แต่เกี่ยวจริงเหรอครับ ผมรู้สึกว่าพวกนิตยสารกับหนังสือพิมพ์ที่บอกรับมันใช้ได้แต่บน Kindle นะ บนอุปกรณ์อื่นได้แต่หนังสือปกติหรือเปล่า หรือว่านับรวมหมดอ่ะครับ

By: tekkasit
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 22 February 2011 - 16:53 #262240 Reply to:260497
tekkasit's picture

ไม่จริงครับ ผมใช้ Kindle Gen 2 กับ Galaxy S ผมก็อ่านวารสาร Information Week ได้ทั้งบน Android และ Kindle ครับ

By: errin on 16 February 2011 - 22:31 #260498

ครั้งนี้เชียร์ให้ Apple แพ้แฮะ

By: tanapon on 16 February 2011 - 22:37 #260504

ถ้าผู้ให้บริการคิดว่าได้เงินไม่พอ ก็บวกราคาเพิ่มขึ้นไปจนกว่าจะพอใจ งานนี้โดนกันทุกเจ้าก็ไม่น่าจะบ่น

ปัญหาก็คือลูกค้าบางส่วนจะย้ายไปใช้ platform อื่นหรือเปล่า เพราะหนังสือพิมพ์ต้องจ่ายเงินซื้อทุกวัน จ่ายแพงกว่าตลอดเวลาส่วนต่างก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

By: Not Available a...
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 16 February 2011 - 22:52 #260509 Reply to:260504
Not Available at this Moment's picture

มองในแง่ดีการที่ออกมาโวยแบบนี้ก็เท่ากับผู้ให้บริการมองว่า Apple ยังเป็นตลาดที่แข็งแกร่งกว่าตลาดบน Platform อื่นๆก็ได้นะผมว่า

แถมพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยการขายบน Platform อื่นเท่ากับราคาที่ขายกับ Apple ซะเลยหมดเรื่องหมดราว Apple ได้ ผู้ให้บริการก็ได้ แต่คนซื้อซวย 555+


ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)

By: house
WriterWindows PhoneWindows
on 16 February 2011 - 22:59 #260513

วิธีดัดหลังแอปเปิลที่แสบที่สุด คือยอมแอปเปิลไปทุกอย่าง แล้วก็ไปขายบนแพลตฟอร์มอื่นให้ถูกกว่า 30% แจ้งลูกค้าเลยว่า จำเป็นต้องแพงขึ้น เพราะผลไม้ขึ้นราคา

เจ็บกว่าถอนแอพ อีก เพราะงานนี้คนโดนโวยจะเปลี่ยนเป็น แอปเปิ้ลบ้างละ

By: Thaina
Windows
on 17 February 2011 - 00:13 #260542 Reply to:260513

ผมก็เห็นด้วยกับวิธีนี้นะ

ใส่โฆษณาไปด้วยเลยว่า ซื้อที่แพลทฟอร์มอื่น ถูกกว่า ประหยัดกว่า

By: ninja741 on 17 February 2011 - 00:48 #260560 Reply to:260542

ไม่ได้ครับ ถ้าไปอ่าน source จาก apple จริงๆจะบอกว่า ยอมให้มีการ purchase ข้างนอกได้ แต่ต้องมีผ่าน in-app ด้วย "ในราคาที่เท่ากันหรือถูกกว่า"

By: pittaya
WriterAndroidUbuntuIn Love
on 17 February 2011 - 01:06 #260565 Reply to:260560
pittaya's picture

นี่มัน evil ของแท้ ทำสัญญากับซาตานเลย


pittaya.com

By: vinboxx
AndroidIn Love
on 17 February 2011 - 01:52 #260574 Reply to:260565
vinboxx's picture

+1

By: kowittan
AndroidWindows
on 17 February 2011 - 11:24 #260706 Reply to:260560

จากเดิมที่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย พากันรุมเข้าไปในระบบของ Apple
ทำให้ Apple กล้าที่จะตั้งกฏอะไรก็ได้ตามใจของตัวเอง
ถ้าผู้ขายถูกขูดรีดมากๆ จนต้องออกจากระบบของ Apple ไป
เมื่อไม่มีคนขาย คนซื้อก็ไม่มีอะไรให้ซื้อ
คนซื้อก็จะออกจากระบบไปหาระบบอื่นๆ ไปเอง

ว่าแต่ใครจะเป็นผู้นำในการออกนอกระบบ
เ้พราะผู้ขายก็เป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่ฮีโร่!!!

เพ้อเจ้อไปเรื่อย ^ ^

By: joomla
iPhoneUbuntu
on 16 February 2011 - 23:09 #260517
joomla's picture

แล้วขึ้นค่าแอปเพื่อผลักภาระให้ผู้บริโภคไม่ได้เหรอ ทำเหมือนห้าง

By: Not Available a...
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 17 February 2011 - 01:16 #260568 Reply to:260517
Not Available at this Moment's picture

ผมมองว่าถ้าเป็นหนังสือ ขายราคาเท่าปกติมันก็กำไรอยู่ดี อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ทางผู้ให้บริการอยากจะเน้นจุดขายว่าราคาถูกกว่าเพื่อดึงดูดลูกค้ามากกว่า และยังเอาใจลูกค้าหัวเก่าบางประเภทที่มองว่ามันไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันทีจับต้องได้แบบปกติ


ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)

By: Pinery
ContributoriPhoneAndroidIn Love
on 16 February 2011 - 23:25 #260526

"when Apple brings a new subscriber to the app, Apple earns a 30 percent share; when the publisher brings an existing or new subscriber to the app, the publisher keeps 100 percent and Apple earns nothing,”

อันนี้หมายความว่าโดนเสียให้ 30% เฉพาะครั้งแรกป่ะครับ อ่านต้นฉบับแล้วผมงงๆที่อยู่ๆก็มีบอก "the publisher keeps 100 percent and Apple earns nothing,” ด้วยนี่แหละ

By: chayaninw
WriterMEconomicsAndroidIn Love
on 16 February 2011 - 23:39 #260534 Reply to:260526
chayaninw's picture

หมายถึงว่า ถ้าลูกค้า subscribe ผ่านระบบของ Apple ก็ต้องเสีย 30% ให้ Apple แต่ถ้าลูกค้าไปสมัครกับ publisher โดยตรงก็ได้ publisher ก็เก็บได้เต็ม 100%

By: koalaz
ContributorAndroid
on 16 February 2011 - 23:40 #260535
koalaz's picture

Cash Cow ต้อง Milk


Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ

By: zerocool
ContributoriPhoneAndroid
on 17 February 2011 - 00:03 #260540
zerocool's picture

30% นี่เยอะเกิน


That is the way things are.

By: Soul_Master
Windows Phone
on 17 February 2011 - 00:38 #260551

บอกได้คำเดียวว่า (Don't) be evil. :D

By: iStyle
ContributoriPhoneAndroidSymbian
on 17 February 2011 - 02:41 #260583
iStyle's picture

30% สำหรับผู้ผลิตผมมองว่าไม่เยอะนะ กับการเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขนาดนี้

แต่ apple กินเปล่า แถมกฎค่อนข้าง evil นี่ไม่ชอบจริง


May the Force Close be with you. || @nuttyi

By: platalay
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 17 February 2011 - 02:57 #260586 Reply to:260583

ถ้าคุณเปิดร้านค้า แล้วขอเครื่องรูดบัตรจากธนาคาร โดนคิด 30% คุณว่าแพงมั๊ย (ของจริงแพงสุด 3% ถูกสุด 1% ตามยอดการใช้งาน)

By: iStyle
ContributoriPhoneAndroidSymbian
on 17 February 2011 - 03:09 #260588 Reply to:260586
iStyle's picture

ผมมองสองมุมน่ะครับ

  • คิดดูว่า iPhone iPad iPodtouch บนโลกมีอยู่เท่าไหร่ / การกระจายสินค้าลงไปได้ขนานนั้น 30% ผมว่าคุ้ม / ในมุมกลับกัน ถ้าไม่ใช้ มีวิธีไหนมั่งที่จะเข้าถึงคนจำนวนเยอะขนาดนั้นได้ / ถ้ามีจริงก็เลิกใช้ AppStore ไปเลยครับ แต่นี่มันไม่มีไง แต่แค่ไม่อยากจ่ายเยอะเลยมาโวยวายกัน / มันเหมือนค่ากระจายสินค้าน่ะครับ กว่า Apple จะขายของได้ขนาดนี้ก็ไม่ใช่ว่าอยากขายก็ขายได้ แต่ก็ต้องมีค่า R&D โฆษณา /

  • Apple เสือนอนกินมากๆ และกฎค่อนข้าง evil จะขายข้างนอกก็ห้ามถูกกว่า ผมจะไม่ชอบก็กฎข้อนี้นี่แหละ

ผมไม่ได้บอกว่าชอบ 30% แต่คิดว่า ขู่เผื่อได้กันแค่นั้นแหละ ถ้าไม่ได้ก็ต้องทนใช้ต่อไป / ถ้าบ่นแล้วเค้าไม่ฟังต้องพร้อมจะเลิกทำธุรกิจกับเค้าครับ / ขู่เฉยๆ ไม่พร้อมถอนตัว ไม่มีประโยชน์


May the Force Close be with you. || @nuttyi

By: Demonic
iPhone
on 17 February 2011 - 08:28 #260622 Reply to:260588
Demonic's picture

ก็เห็นด้วยนะครับ ก็ใช้ฐานลูกค้าของ apple

By: Soul_Master
Windows Phone
on 17 February 2011 - 11:13 #260699 Reply to:260588

จริงๆ มองแบบนั้นไม่ได้ครับ

  1. ราคาพวก Digital Download กับ Box ไม่เท่ากันแน่นอน ถ้าเท่ากันใครจะบ้าไปซื้อ Digital Download? ยกเว้นหาไม่ได้จริงๆ
  2. ถ้า Apple กิน 30% แบบไม่ต้องทำอะไร Content Provider มันก็ต้องกินอย่างต่ำอีก 30% ล่ะผมว่า(ในกรณีพวก Digital Download ทั้งหลาย) ซึ่งก็น่าจะทำให้ราคาสินค้าพอๆ หรือสูงกว่าแบบ Box ด้วยซ้ำ

แต่ถ้ามันเป็นจริงขึ้นผมว่า 30% มันอาจจะเป็นไปได้ถ้าเค้าไม่ใช่พ่อค้าคนกลางแบบพวก Amazon คือต้องเป็นผู้ผลิตจริงๆ 30% อาจจะรับได้ ไม่น่าเกลียด

แล้วถ้าถามว่า 30% ที่ได้ Apple ทำอะไรมาก? ผมว่าเค้าแทบไม่ได้ทำอะไรเลย App ก็แทบไม่ได้ช่วยโฆษณา แค่เป็นตัวกลางในการตัดบัตร ทั้งที่ผู้ผลิตก็สามารถทำเองได้ แถมยังห้ามจ่ายเงินทางอื่นอีก แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าผูกขาดก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรล่ะ ผมว่านะ

By: Not Available a...
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 17 February 2011 - 11:23 #260705 Reply to:260699
Not Available at this Moment's picture

จะบอกว่า Apple ไม่ทำอะไรผมว่ามันก็ไม่ยุติธรรมกับ Apple นะครับ

คือสิ่งที่ Apple ทำคือสร้างและเชื่อมโยงฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลเข้าเอาไว้ด้วยกัน และยังทำระบบเพื่อให้คุณเข้ามาใช้งานฐานลูกค้าดังกล่าวได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังตัดขั้นตอนหลายๆอย่างเช่นการผลิตตัวสินค้า การจัดส่ง การหาตัวแทนจัดจำหน่ายแต่ละประเทศแถมยังมีต่อพื้นที่อีกด้วย

ถ้าจะบอกว่า Apple ไม่ได้ทำอะไรมันไม่ถูกหรอกครับ เพราะเค้าสร้างมารอไว้ให้แล้ว

ส่วนผู้ที่เสียเปรียบก็คือพ่อค้าคนกลางนั่นแหละอย่างที่คุณว่า แต่ทำไม? เราต้องมีพ่อค้าคนกลางในเมื่อ Apple ก็ทำการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้ากับผู้ผลิตให้อยู่แล้วได้เหมือนกัน ก็เหมือนกับว่า Apple ไปเป็นพ่อค้าคนกลางซะเองนั่นแหละครับ ซึ่งผมว่ามันก็มีการเก็บหัวคิวอยู่วันยังค่ำ แค่จะเก็บกับใครมากกว่า

ถ้าสมมุติว่านิตยสารบ้านเราขายแบบ e-book บ้างแล้วราคาเท่ากับฉบับจริงทั้งๆที่มันลดต้นทุนไปเยอะแล้ว ยังไงซะผมก็คงซื้อแบบ e-book นั่นแหละ เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่รกบ้านผม แถมไม่ต้องเดินไปหาซื้ออีก


ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)

By: iStyle
ContributoriPhoneAndroidSymbian
on 17 February 2011 - 12:36 #260731 Reply to:260699
iStyle's picture

ถ้ารับไม่ได้ คิดว่า../ Apple ไม่ได้ทำอะไร / ฐานลูกค้าจาก Apple มันจิ๊บๆ / 30% มากเกินไม่คุ้ม

ก็ไปใช้เจ้าอื่นได้ครับ android ก็มี.. ถ้าเป็นหนังสือ amazon ก็ได้ หรือถ้าคิดว่ามันง่ายมากกว่า 30% ก็ทำระบบแบบเดียวกันขึ้นมาเองเลย


May the Force Close be with you. || @nuttyi

By: bricker
Contributor
on 17 February 2011 - 06:14 #260602 Reply to:260586

ต้องมองอีกมุมว่านอกจากจะหักค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตแล้ว ยังหักค่าเช่าห้างเพื่อเอาของไปวางขายด้วย เป็นห้างที่มีคนเข้าจากทั่วโลก

By: Not Available a...
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 17 February 2011 - 09:00 #260637 Reply to:260586
Not Available at this Moment's picture

ธนาคารไม่ได้ลดต้นทุนการผลิต ต้นทุนการจัดส่ง ต้นทุนการจำหน่ายให้คุณนี่ครับ?


ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)

By: Ambient
Ubuntu
on 17 February 2011 - 13:33 #260723 Reply to:260586

ของเดิมขาย App มันก็ charge 30% อยู่แล้ว
อันนี้ไม่ได้ต่างจาก AIS/DTAC/TRUE ที่ชาทจากการ download mobile content
ผ่าน mobile life ซึ่ง mobile operator ก็ charge ที่ 30% เหมือนกัน

ที่เพิ่มมาคือ subscript การเป็นสมาชิกด้วยอีกตัว
ถ้าเปรียบเทียบกับระบบสมาชิกรับข่าวของ SMS รายเดือน
อันนี้ mobile operator ที่ผมกล่าวมาข้างต้น Charge 50% นะครับ
ขูดเลือดขูดเนื้อไหมละครับ

ผมมองว่ามันปกติแล้วครับ ซึ่งเค้าทำกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ไอ่ business model แบบนี้

หน้าร้านเค้า อยาก charge แบบนี้ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องขาย ไปขายที่อื่น
ก็หาทางทำตลาดผ่านทางอื่นต่อไปก็แค่นั้น นั่นละครับความเป็นจริงในโลกธุรกิจ

ตอนสร้าง ช่องทางทางการตลาด เค้าลงทุนเยอะ ถึงเวลาเค้าก็หาทางเอาคืนนั่นละครับ
ใครที่มีระบบเก็บเงินที่ดี มีหน้าร้านดีเพิ่มยอดเราได้ อำนาจต่อรองมันสูงจนต่อให้ 50% กุก็ยอมว่ะ

By: gololo
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 17 February 2011 - 05:41 #260601

ยังไงก็ต้องยอม ผมว่าวิธีที่ดีที่สุด ก็ขายผ่านเวปเปิดดูผ่านเวปดีกว่าแบบของ google ใด้ หัก 2% หรือ apple จะตามมาแบนเวปอีกละเนี้ยๆๆๆ

By: pines
Blackberry
on 17 February 2011 - 07:38 #260608

ธุรกิจต้องมีการต่อรอง รายไหนไม่ไหวก็ต้องยอมให้เจ้าอื่นมาวางแทน อิอ

By: Zatang
ContributoriPhoneAndroid
on 17 February 2011 - 08:57 #260635

ปกติถ้าขายหนังสือที่ร้าน ร้านกำไรกี่ % ก็คงต้องมากพอให้ร้านจ่ายค่าที่ + ค่าพนักงาน + มีกำไร แล้วขายที่ app store 30% ก็ไม่น่าจะต่างกันมากนะ ลดต้นทุนขนส่ง + วัสดุได้ด้วย


อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว

By: maytee
iPhone
on 17 February 2011 - 10:51 #260684

คนที่ใช้ iPhone/iPad ส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่พร้อมจะซื้อพร้อมจะจ่ายค่า App มีประสบการณ์ที่ดีในการซื้อ App หลายคนไม่ได้เก่งเรื่องเทคนิคแต่ซื้อ App เองติดตั้งเองได้เพราะมันง่าย มี Royalty สูง และอุปกรณ์ก็เป็นมาตรฐานทำให้พัฒนา App/Content ง่าย จึงเป็นกลุ่มที่พร้อมจะซื้อ Content มาบริโภคมากที่สุดกลุ่มนึง ค่าใช้จ่ายเพื่อเข้าถึงคนกลุ่มนี้เลยสูงหน่อย

By: pines
Blackberry
on 17 February 2011 - 13:10 #260745

ถ้าผู้ผลิตคอนเทนต์สร้างช่องทางการขายที่ดีกว่าได้ก็คงไม่มานั่งต่อรองหรอก ระบบนิเวศน์ไม่ใช่แค่โปรแกรมแยกกับอุปกรณ์ จึงไม่ได้คิดเพียงต่อเดียว อิอ

By: Be1con
ContributorWindows PhoneWindowsIn Love
on 17 February 2011 - 14:11 #260780
Be1con's picture

ข่าวต่อมา : Steve Jobs ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่สมอง เพราะเครียดที่ Developer มาชุมนุมหน้า Apple สำนักงานใหญ่


Coder | Designer | Thinker | Blogger