Wall Street Journal ได้เผยปัญหาการเมืองภายในบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งเกิดขึ้นจากฟีเจอร์ InPrivate Filter ใน Internet Explorer 8 ก่อนการเปิดตัวเบราว์เซอร์ดังกล่าวเมื่อหลายปีก่อน
InPrivate Filter เป็นฟีเจอร์ที่คอยตรวจจับสคริป รูปภาพ และทรัพยากรอื่นๆ ที่ถูกอ้างอิงในหน้าเว็บว่าอยู่คนละโดเมนกับหน้าเว็บดังกล่าวหรือไม่ หากตรวจพบว่าทรัพยากรดังกล่าวถูกใช้งานมากกว่า 10 เว็บไซต์ขึ้นไป (เช่น สคริปที่ผู้ให้บริการโฆษณาอย่างกูเกิลใช้) จะถูกบล็อคโดยอัตโนมัติ โดยทีมพัฒนา Internet Explorer ต้องการให้ฟีเจอร์นี้ทำงานโดย default แต่คุณ Brian McAndrews ซึ่งขณะนั้นเป็นรองประธานอาวุโสที่ดูแลงานโฆษณา (ปัจจุบันลาออกไปดูแลบริษัทอื่นแล้ว) และคนอื่นๆ ได้กล่าวโจมตีว่าทีมพัฒนาและผู้จัดการทีม คุณ Dean Hachamovitch จะทำลายธุรกิจโฆษณาของไมโครซอฟท์เองและสัมพันธภาพกับบริษัทรับโฆษณาอื่นๆ ลง
ท้ายที่สุด ฟีเจอร์ InPrivate Filter ก็ยังปรากฏอยู่ใน Internet Explorer 8 แต่ไม่ทำงานโดย default เว้นแต่ผู้ใช้จะแก้ไข Registry ส่วนอีกฟีเจอร์ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มบัญชีดำของบริษัทที่อาจจงใจจะละเมิดความเป็นส่วนตัว ก็ได้ถูกตัดออกจากเบราว์เซอร์ในที่สุด
ที่มา: Wall Street Journal ผ่าน Ars Technica
Comments
ผมลง adblock ตัวเดียวจบ
InPrivate Filtering != InPrivate Browsing
Jusci - Google Plus - Twitter
ตอนแรกตกใจเหมือนกัน นึกว่ามันอันเดียวกัน มาเจอความเห็นนี้
อ้อ มันคนละอันกัน ขอบคุณครับ
เป็นฟีเจอร์ที่ไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้เอาซะเลย แบบนี้เอาลิงค์รูปภาพไปแปะก็ไม่ได้สิ
แถมยังมีปัญหากับเมล์ที่ฝังรูปภาพด้วย ผู้ให้บริการก็ต้องเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลสำหรับแบนเนอร์พวกนี้เองอีก โลกร้อนขึ้นน่าดู
ผมนึกว่าออกมาเพื่อจัดการกับ Google ซะอีก เพราะส่วนใหญ่ที่โดน Block จาก InPrivate ก็ Google Ads กับ Google Analytics นั่นแหละ
Geek VS Marketing
Brian คิดถูกแล้วหละ
เพราะไม่ได้มีผลแค่โฆษณา
เดี๋ยวนี้ css, java script ก็ไปฝากไว้กับ CDN กันหมดแล้ว
+1