Tags:
Node Thumbnail

อีกหนึ่งความพ่ายแพ้ของการจำกัดสิทธิในการใช้งานด้วยเทคโนโลยี DRM เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อแฮกเกอร์จากอิสราเอลและสหรัฐฯ สามารถแกะเอาไฟล์ของ Kindle แล้วแปลงให้เป็นไฟล์ .mobi แบบไม่มีข้อจำกัดใดๆ ทำให้สามารถนำไฟล์ไปใช้งานกับเครื่องอื่นๆ ที่รองรับฟอร์มแมตเดียวกันนี้ได้

แฮกเกอร์อาศัยการ reverse engineer ซอฟต์แวร์ของ Kindle บนพีซีโดยเจาะจงไปที่การทำงานของซอฟต์แวร์ขณะที่กำลังถามรหัสผ่านจากผู้ใช้ แล้วขโมยรหัสผ่าน PC1 ที่ใช้ในการถอดรหัสไฟล์ออกมา

ซอฟต์แวร์มีสองรุ่น หาอ่านได้ใน pastie และ pastebin

หลายต่อหลายครั้งที่ผู้ผลิตเนื้อหาโดยเฉพาะด้านความบันเทิง พยายามใช้ DRM เพื่อจำกัดสิทธิ์ในการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ด้วยความหวังว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะลดการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยยอมแลกกับความลำบากของลูกค้าที่ซื้อสินค้าอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี CSS ใน DVD, BD+ ใน Blu-ray, ไล่ไปจนถึงการติดตั้ง rootkit ลงบนเครื่องของผู้ใช้ในกรณี Sony ที่สุดท้ายต้องจ่ายเงินค่าชดเชยในที่สุด

หวังว่าถึงจุดหนึ่งแล้วผู้ผลิตจะคิดว่า "พอกันที" กับเทคโนโลยีเหล่านี้แล้วหันมาอำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้ออย่างถูกต้องให้ดีที่สุดกันเสียที

ที่มา - The Register

Get latest news from Blognone

Comments

By: tomyum
ContributorAndroidWindows
on 28 December 2009 - 00:17 #145436
tomyum's picture

สองคำ..."งานเข้า" มองในแง่ดี ซื้อ e-book ผ่าน Amazon แล้วไม่ต้องถูก Lock-In ใช้ kindle อย่างเดียว ยอดขายอาจจะเพิ่มขึ้นอีกก็ได้นะ

By: BlackMiracle
WriterAndroidUbuntuWindows
on 28 December 2009 - 00:18 #145438
By: tontpong
Contributor
on 28 December 2009 - 00:48 #145440

หวังว่าถึงจุดหนึ่งแล้วผู้บริโภคจะคิดว่า "พอกันที" กับการงัดแงะเทคโนโลยีเหล่านี้แล้วหันมาสนับสนุนการซื้ออย่างถูกต้องให้ดีที่สุดกันเสียที

เบื่อเหมือนกัน กับการทำ CM แล้วต้องมานั่งทำ DRM ด้วย (ตอนสร้าง Content ก็เหนื่อยอีก) ไก่กับไข่ อะไรจะเกิดก่อนกัน.. เฮ้อออ

By: Witna
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 28 December 2009 - 01:46 #145449 Reply to:145440

ถูกครับ
ถ้าไม่มีโจร บ้านเมืองก็ไม่ต้องมีตำรวจหรอกครับ

By: Thaina
Windows
on 28 December 2009 - 10:15 #145504 Reply to:145449

ผมว่าบางครั้งเราต้องแยกให้ออก ว่าแบบไหนคือ "รัฐที่มีตำรวจ" แบบไหนคือ "รัฐตำรวจ"

การที่งัดแงะเทคโนโลยีครั้งนี้ ไม่ได้มาจากการซื้อที่ไม่ถูกต้อง แต่เป็นการที่ ของเถื่อนของปลอมดันดีมีประโยชน์กว่าของจริง

คนซื้อเหมือนถูกหักหลัง สิ่งที่ควรทำได้กลับไม่ยอมให้ทำ

By: oakyman
ContributorAndroid
on 28 December 2009 - 11:04 #145531 Reply to:145440

ไก่กับไข่จริงๆ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 28 December 2009 - 02:48 #145452
hisoft's picture

สรุปว่าพลาดเพราะออกรุ่นสำหรับ PC สิครับเนี่ย

By: leenoi
Ubuntu
on 28 December 2009 - 07:45 #145462

ไม่รู้ว่าเขาทำวิจัยกันหรือปล่าวครับ ว่าคนที่เขาซื้อจองแท้ แล้วจะหันมา copy เยอะหรือไม่

ส่วนตัวผมคิดว่า คนซื้อแท้ ก็มักจะซื้อของแท้ตลอด สว่นคน copy อย่างงัยก็ copy วันยังค่ำ

ผมคิดว่าควรมีการป้องกันบ้าง แต่ไม่ต้องถึงกับสร้างความยุ่งยากให้กับผู้ใช้งาน เพราะคนเล่นของแท้ เขาจะมีใจที่จะเล่นของแท้อยู่แล้ว ส่วนคนเล่น copy จะ copy วันค่ำ เพราะ ebook เนี้ยหาโหลดได้ตามร้านขายยาทั่วไปอยู่แล้ว (bit และเว็บ)

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 28 December 2009 - 07:48 #145463 Reply to:145462
lew's picture

งานวิจัยแนวนี้เท่าที่ผมจำได้ เคยมีงานระบุว่า คนที่ดาวน์โหลดของปลอมเยอะ เป็นกลุ่มคนที่ซื้อของแท้สูงไปด้วยนะครับ

อันนี้จำจากคุ้นๆ เอาอย่าเพิ่งเชื่อครับ เดี๋ยวไปหาลิงก์มาให้ก่อน


lewcpe.com, @wasonliw

By: btxxxx
AndroidWindows
on 28 December 2009 - 08:26 #145469 Reply to:145463

ผมว่ามันเหมือนกับเราไปเลือกซื้อหนังสือที่ร้าน
-หนังสือเล่มหุ้มพลาสติกไว้เห็นแต่ปก หรือเห็นยี่ห้อก็น่าซื้อแล้ว ซื้อได้ทันที
-บางเล่มบางร้านอาจไม่ให้แกะดูข้างใน คนซื้อก็ชั่งใจว่าซื้อไปจะคุ้มไหม ซ้ำกับที่เรามีหรือเปล่าหว่า? คนกล้าเสี่ยงก็ซื้ออยู่ บางคนก็ไม่กล้าซื้อ อดได้ลูกค้าไปซะงั้น
-บางเล่มบางร้านอาจให้เปิดดูข้างในได้ คนซื้อนั่งอ่านจนจบเล่ม บางคนอาจคิดว่ามีประโยชน์กับเขา เก็บไว้ใช้วันหลังได้ หรือน่าเก็บเอาไว้ ก็ซื้อ แต่บางเล่มเปิดไป 2-3 หน้า ก็เก็บเข้าที่เดิมแล้ว

คนที่โหลดของปลอมมาเยอะ ๆ ก็ได้มีโอกาสพิจารณาผ่านตามากกว่าคนที่ซื้อของแท้อย่างเดียว บางอย่างมันแกะดูก่อนเหมือนหนังสือไม่ได้ (อย่างหนังโรง โปรแกรม ฯลฯ) ผมว่าถ้าสำหรับคนที่มีงบจำกัดก็น่าจะมีส่วนให้มีโอกาสซื้อของแท้ได้มากกว่าคนที่ไม่ได้่สัมผัส รอซื้อของแท้อย่างเดียวเลย เพราะจะซื้อทีก็ต้องมั่นใจจริง ๆ ว่ามันดี (แล้วจะมั่นใจได้ไง???)

สรุปว่า ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากของนั้นมากกว่า ถ้าดีจริงไม่ต้องกลัวว่าขายไม่ได้แน่นอน...

By: Thaina
Windows
on 28 December 2009 - 10:19 #145506 Reply to:145462

มีคนที่จำใจเล่นของก็อป เพราะไม่มีเงินซื้อของแท้ หรือถ้าซื้อก็แกลบ
แต่ไม่อยากจะพลาดโอกาสดีๆในชีวิต

พวกนี้เขามีความละอาย ไม่อยากออกมาประกาศตัวเหมือนพวกเกรียนที่ภูมิใจว่าตรูฉลาดที่โกงได้หรอกครับ
ถ้ามีโอกาส มีเงินซื้อของแท้ เขาก็ซื้อ
เพราะงั้นคุณเห็นเกรียนที่ภูมิใจกับการ Copy แล้วมานั่งพูดว่า "คน copy อย่างงัยก็ copy วันยังค่ำ"
อย่าคิดว่านั่นเป็นส่วนใหญ่

มองเห็นพระอาทิตย์ จะถือว่าตาดี นั้นไม่ได้

By: joecole on 28 December 2009 - 10:53 #145522 Reply to:145506

ผมว่า คน copy นั่นแหละคือคนส่วนใหญ่

ไม่งั้น บรรดาเจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งหลาย (ค่ายเพลง, หนัง, หนังสือ) คงไม่มานั่งกลุ้มใจกับการละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ทุกวันนี้หรอก

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 28 December 2009 - 13:13 #145568 Reply to:145506
mr_tawan's picture

แต่ผมเห็นว่านั่นคือส่วนใหญ่ สังเกตจากผู้ใหญ่รอบ ๆ ตัวนะครับ

เรื่องลิขสิทธินี่อาจจะมีตื่นตัวในคนยุคเราพอสมควร แต่คนยุคเก่า ๆ ยังมองว่าการที่ได้ของเหมือนกันแต่ราคาถูกกว่ามันเสียหายตรงไหน ?

อย่างบ.ลุงผมเพิ่งจะวิ่งหา License ซอฟท์แวร์เอาก็ตอนที่ตร.ส่งหมายไปที่บ.นั่นแหละ ...

อ้อ ผมโดนที่บ้านด่าประจำว่า จะซื้อ CD เพลงทำไมเยอะหนักหนา โหลดเอาก็ได้นี่ ! (บางแผ่นผมต้องถ่อไปซื้อถึงญี่ปุ่น ราคาก็ไม่ถูก) ...ชอบบอกว่าให้เก็บเงินไว้ซื้อบ้าน (ที่คงไม่ได้ย้ายไปอยู่แหง ๆ) ... แต่ผมภูมิใจกับ Collection ผมนะ !


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: toandthen
WriterMEconomics
on 28 December 2009 - 19:08 #145633 Reply to:145462
toandthen's picture

ผมว่าปัจจัยเรื่องนี้บางครั้งมันมากกว่าเรื่องราคากับคนด้วยครับ

ผมยอมรับว่าตัวผมเองละเมิดลิขสิทธิมากเมื่อเป็นหนังหรือ Series ด้วยสาเหตุหลักคือ

  • ซื้อ DVD ข้ามโซนใช้ไม่ได้ ผมไป ๆ มา ๆ ออสเตรเลียกับเมืองไทยโซนมัน 2 กับ 3
  • หนัง HD ที่เป็น Series นี่หาถูกลิขสิทธิไม่ได้ในประเทศไทย ออสเตรเลียช้าไป 1 สัปดาห์ (ไม่อยากรอ)
  • การ์ตูนญี่ปุ่น HD หาถูกลิขสิทธิไม่ได้ทั้งในไทยและออสเตรเลีย
  • หนัง Blu-ray เมืองไทยซื้อมาใช้ได้ไม่เต็ม BD-Live ไม่เวิร์กบางค่าย เหมือนซื้อมาใช้ได้ 50%

ส่วนเรื่อง CD เพลงนี่ผม iTunes โลดอยู่แล้ว ปัญหาหลักที่ทำให้ผมไม่อยากซื้อของจริงเพราะต้องซื้อทั้งแผ่น ผมต้องการแค่เพลงเดียวในหลาย ๆ กรณี เช่นกันกับหนังสือหรือ Magazine ถ้าเป็นไปได้ส่วนใหญ่ผมต้องการแค่บทความเดียวหรือบางส่วนเท่านั้น ถ้ามีวิธีที่เราไม่ต้องจ่ายทั้งหมดเพื่อได้เฉพาะสิ่งที่เราต้องการจะดีมาก

เรื่องหนังสือพิมพ์ที่ต้อง Subscribe น่าเบื่อสุด WSJ เป็นตัวอย่างที่ดีเลย ผมอยากได้แค่บทความเดียว Academic Journals ก็เหมือนกัน ในเมื่อมันซื้อบทความไม่ได้ แต่ผมต้องการบทความนั้นจริง ๆ ผมก็ละเมิดเลยด้วยความจำเป็น เพราะว่ามันอยู่ตรงหน้าเราอยู่แล้ว จะละเมิดมันก็แค่เพิ่ม Effort เรานิดเดียวว่างั้น

แต่อย่างที่ว่า เรื่องนี้กลับไปสู่ข้อโต้แย้งของ North ได้อีกเรื่อง Institution กับ Law Enforcement กฏหมายบางอย่างมันทำผิดกันมากมายและตรวจสอบยาก ว่าง่าย ๆ ถ้า Social Norm มันเป็นแบบนั้นมันยากจริงที่จะแก้ไขครับ

เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเรียนกฏหมายมาแต่ดันทำผิดกฏหมายซะนี่ - -''


@TonsTweetings

By: Slimy
AndroidUbuntu
on 28 December 2009 - 08:08 #145467

เทคนิค reverse engineer ก็ไม่โดนเื่รื่องกฏหมายสินะครับ เหมือน Emu PS1

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 28 December 2009 - 09:27 #145479 Reply to:145467
lew's picture

บางประเทศห้ามนะครับ อย่างน้อยๆ ก็สหรัฐฯ มีกฏหมาย DCMA คุ้มครองบางส่วนไว้


lewcpe.com, @wasonliw

By: lingjaidee
ContributoriPhoneAndroid
on 28 December 2009 - 14:01 #145581
lingjaidee's picture

ข่าวนี้ Cool! มั่กๆ ;)


my blog