หลังจากที่ Google Nuxus One ได้เปิดตัวและเปิดให้ทำการสั่งซื้อผ่านหน้าเว็บไซต์ได้ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ก็มีผู้ให้ความสนใจเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้กันพอสมควร ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่อยากได้เจ้าเครื่อง Nexus One มานอนกอดและเป็นเจ้าของมัน วันนี้หลังจากได้ทดลองใช้มันดูแล้วก็เลยอยากเอาประสบการณ์การใช้มาเขียนรีวิวให้เพื่อนๆดู ขอบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้เป็นนักเขียนบทความอาชีพเท่าไหร่ ถ้ามีจุดไหนผิดพลาดยังไงก็ชี้แนะได้นะครับ

คำชี้แจงก่อนเข้าสู่รีวิว

• ผมไม่เคยใช้ Android OS มาก่อนแต่อย่างใด เคยแค่ได้จับๆเล่นของคนอื่นดูบ้างนิดหน่อยเท่านั้น
• ผมใช้ iPod Touch อยู่ด้วย ในบทความ ผมจึงจะพูดเปรียบเทียบการใช้งานของทั้งสองเครื่องให้ด้วย
• ผมจะรีวิวจากประสบการณ์ของผม ดังนั้นถ้ามันจะออกแนวเล่าเรื่องก็ขออภัยด้วย ถือว่าผมมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังล่ะกัน

สิ่งที่ควรรู้ก่อนอ่านบทความ

• Nexus One คืออะไร? (หาอ่านกันเองนะจ๊ะ)
• สเปคของคร่าวๆ ของ Nexus One ข่าวเก่า

การสั่งซื้อและได้มาซึ่ง Nexus One
ในตอนนี้การจะเป็นเจ้าของ Nexus One ได้นั้นจะต้องทำการสั่งผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของทาง Google เท่านั้น มีให้เลือกสองแบบคือ ผูกสัญญา 2 ปีกับเครือข่ายมือถือ ($179) ซึ่งตอนนี้มีให้เลือกแค่ T-Mobile ค่ายเดียวเท่านั้น แต่ในหน้าเว็บของ Google จะมีโลโก้ Verizon กับ Vodafone ขึ้นมาด้วย แต่สถานะยังเป็น Coming soon และแบบซื้อเครื่องขาด ($529) แต่ที่สำคัญคือในตอนนี้ Google จะทำการส่งเครื่องให้นอกอเมริกาเฉพาะ อังกฤษ ฮ่องกง และสิงคโปร์เท่านั้น ดังนั้นการสั่งซื้อโดยปกติจึงทำให้แค่เพียงใน 4 ประเทศ (รวม USA) เท่านั้น ในไทยใครอยากสั่งก็ต้องทำรายการผ่าน Proxy เอานะครับ และการชำระเงินจะชำระผ่านบัตรเครดิตที่ผูกเอาไว้กับ Google Checkout อย่างเดียวนะครับ
ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ Nexus One เป็นอย่างไรบ้าง?
จากประสบการณ์ของผมเองโดยตรง คือการสั่งซื้อจากไทยและให้ส่งไปที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อให้ญาติของผมรับของให้ แล้วผมจึงบินตามไปเอาที่สิงคโปร์ (ขณะเขียนบทความนี้ นอนเล่นอยู่ที่นี่) จึงขอแจกแจงค่าใช้จ่ายที่ใช้ตามจริงดังนี้นะครับ
ส่วนแรก ธนาคารตัดเงินผมไป 18,593.42 บาท

• ค่าเครื่อง Nexus One $529 หรือประมาณ 17,4xx บาท (แปรผันตามค่าเงิน)
• ค่าส่งของผ่าน DHL จาก USA > SG ราคา $28.32 หรือประมาณ 94x บาท (แปรผันตามค่าเงิน)

ส่วนที่สอง คือจ่ายปลายทางเมื่อรับของคือค่า SGT 7% ของประเทศสิงคโปร์ เป็นเงิน s$62 หรือประมาณ 1,621 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน s$1 = 24.95 บาท)
รวมแล้วต้นทุนของ Nexus One ที่สั่งมาที่สิงคโปร์คือ 20,214 บาท โดยประมาณครับ
(ปล.ในขั้นตอนการสั่งซื้อถ้าสั่งมาที่สิงคโปร์จะมีการบวกเพิ่มค่าอแดบเตอร์สำหรับใช้ในสิงคโปร์อีก $19 แต่สามารถเลือกเอาออกได้ถ้าไม่ต้องการ)
สัมผัสแรก Nexus One

• กล่อง DHL ใหญ่มาก มีถุงลมกันกระแทกให้อย่างดี ไม่ว่าจะสั่งกี่เครื่องก็ตาม จะส่งแยกกันหมด เครื่องละกล่อง
• เมื่อแกะออกมาจะเจอกล่องสีขาวๆเล็กๆ ลักษณะการเปิดเป็นการเปิดฝาครอบออก โดยจะมีการแบ่งเป็นชั้นๆ ชั้นแรกจะใส่ตัวเครื่อง เปิดไปชั้นที่ 2 จะเจอซองสำหรับใส่ตัวเครื่องและคู่มือเอกสาร เปิดไปอีก ก็จะเป็นชั้นสุดท้าย ใส่อุปกรณ์มี แบตเตอรี่ หูฟัง สายดาต้าลิ้งค์ และอแดบเตอร์สำหรับชาร์จ โดยตัวเครื่องจะถูกห่อด้วยพลาสติกไว้ทั้งเครื่อง หลังจากแกะมันออก ถอดฝาหลัง ใส่ซิม ใส่แบตเตอรี่เรียบร้อยก็สามารถเปิดเครื่องได้ทันที (แถม Sandisk MicroSD Class 2 ขนาด 4GB ให้มาในตัวเครื่องเรียบร้อย)
• น้ำหนักเครื่องเบามากเมื่อเทียบกับ iPhone (ยืมของคนใกล้ๆตัวมาประมาณน้ำหนัก)

ทดสอบการใช้งาน
หน้าจอแสดงผล

• ขนาดหน้าจอ ความยาวมีขนาดยาวกว่าเมื่อเทียบกับ iPod Touch G2 ส่วนความกว้างจอเท่าๆกัน
• ความละเอียดหน้าจอ เนื่องจาก Nexus One มีความละเอียดถึง 800 x 480 ภาพจึงรู้สึกว่าคมชัดกว่าเมื่อเทียบกับจอของ iPod Touch
• สีสันสวยงามมาก โดยส่วนตัวคิดว่าสีที่ออกมาสดกว่าเมื่อเทียบกับ iPod Touch G2
• ความคงทนของจอ มีความคงทนสูงมาก สามารถเอาลูกกุญแจมาขูด เอากรรไกรหรือคัตเตอร์มากรีดก็ไม่ทำให้หน้าจอเป็นรอยแต่อย่างใด (แต่ผมไม่กล้าทำนะครับ กลัวน้องวันช้ำใน)

หูฟัง

• หูฟังที่แถมมาเป็นหูฟังแบบ Earbud สายข้างซ้ายและขวายาวเท่ากัน (โดยส่วนตัวไม่ชอบสายแบบนี้ซักเท่าไหร่)
• การดีไซน์ของตัวหูฟังนั้น เป็นหูฟังสีดำ และมีก้านหูฟังเป็นแบบแบนๆ ความเห็นของผมคือใส่แล้วรู้สึกแปลกๆ เพราะก้านมันจับได้ไม่ค่อยถนัดมือเท่าที่ควร
• ปุ่มควบคุมที่หูฟังจะมีให้กด 3 ปุ่มคือ เล่น เดินหน้า ถอยหลัง สามารถนำไปเสียบใช้กับ iPod Touch ได้ แต่ไม่สามารถใช้ปุ่ม เดินหน้า ถอยหลังได้ (ต้องกด เล่น สองครั้งติดแทนตามสไตล์ iPod)
• เสียงที่ได้ หลังจากแกะปุ๊บเสียบฟังปั๊บ บอกได้เลยว่า เสียงแย่มาก เบสหายไปไหนหมดไม่รู้ เสียงกลางก็ไม่ชัด ผมไม่ได้เป็นพวกหูทองอะไรเท่าไหร่หรอกนะ แต่รู้สึกได้เลยว่าเสียงมันธรรมดามากเมื่อเทียบกับหูฟังตัวอื่นๆที่เคยฟังมาทั้งของ iPod เองหรือหูฟัง Nokia ตระกูล XpressMusic คิดว่าจุดนี้ HTC คงยังทำการบ้านมาน้อยในเรื่องของ Multimedia จึงทำหูฟังออกมาได้ไม่ดีพอ ผมได้ลองเอาหูฟังตัวนี้ไปเสียบฟังบน iPod Touch เสียงที่ได้ก็ยังธรรมดา อีกทั้งขนาดเปิด Volume แบบดังสุดแล้ว หูฟังของ Nexus One ยังให้เสียงที่เบากว่าหูฟัง Sennheiser mx460 ที่ผมใช้อยู่ปกติเสียอีก แต่ถ้าไม่นับเรื่องหูฟังแล้ว พลังในการขับเสียงของ Nexus One ถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว น่าจะถูกใจขา Pop Rock เช่นผม (เพราะผมรู้สึกว่าเสียงจาก iPod มันออกไปทาง Jazz มากกว่า) ดังนั้นแนะนำว่าถ้าอยากใช้ Nexus One ในการฟังเพลงเป็นหลักคงต้องหาหูฟังคู่ใจซักตัวแทนแล้วล่ะครับ

เกริ่นนำการใช้งานเพื่อทดสอบของผม

• ผมทดสอบการใช้งานที่สิงคโปร์ โดยการใช้งานผ่าน Sim Broadband 3G ของค่าย m1 สามารถใช้ได้ที่ความเร็วสูงสุด 7.2 mbps เลยทีเดียว
• ผมใช้งานตลอดทั้งวัน (เริ่มตั้งแต่เที่ยง) โดยการเปิด 3G ทิ้งไว้ตลอด ทั้งออน gtalk , เปิด Google Map และที่สำคัญคือเปิด Twitter เล่นตลอด ดังนั้นจึงถือว่าเป็นการทดสอบการใช้งานแบบค่อนข้างหนักพอสมควร เพื่อดูว่าใช้งานได้เต็มที่แค่ไหน
• Wireless และ Bluetooth ผมปิดเอาไว้นะครับ ไว้โอกาสหน้าค่อยทดสอบส่วนนี้ให้อีกที
• ผมได้ลงภาษาไทยและ Droidsans Thai Keyboard เรียบร้อยแล้ว
• บน iPod Touch ผมใช้ Thai Keyboard อีกตัวที่ไม่ใช่ Keyboard ของทาง Apple นะครับ ลักษณะการวาง Layout จึงค่อนข้างเหมือนกับของ Droidsans Thai Keyboard

Touch
สิ่งที่หลายคนน่าจะรออ่านอยู่ก็น่าจะเป็นเรื่องของการ Touch หรือการสัมผัสเพื่อใช้งานเจ้า Nexus One ซึ่งจากการได้ใช้งานจริง

• การรูดแบบสไลด์ด้านข้างเพื่อ Unlock เครื่อง ทำออกมาได้ดีครับ ให้ความรู้สึกเหมือน iPod Touch เลย
• การรูดไปทางซ้าย/ขวา เพื่อเปลี่ยนหน้า ผมคิดว่ายังรู้สึกว่าช้ากว่า iPod Touch อยู่นิดหน่อย แต่ถือว่าเร็วทีเดียว
• การใช้งานในการ Input ข้อความต่างๆ (ยกตัวอย่างจากการพิมพ์ข้อความเพื่อทวีต) เนื่องจากผมถนัดการพิมพ์ด้วยมือเดียวมาจาก T9 มาก่อน และพอได้มาใช้ iPod Touch การพิมพ์ด้วยมือเดียวจึงค่อนข้างจะทำบ่อย พูดให้เข้าใจง่ายคือการถือเครื่องด้วยมือข้างเดียวแล้วใช้นิ้วหัวแม้โป้งในการจิ้มลงไปบน Keyboard ซึ่งเมื่อมาใช้ Thai Keyboard บน Android เป็นเวลาหนึ่งวันเต็มแล้ว ยังรู้สึกว่าการ Input ข้อมูลด้วยมือข้างเดียวให้มีความถูกต้องยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก จุดนี้น่าจะเกี่ยวกับเรื่องของความแม่นยำของระบบ Touch ที่ Android ยังทำสู้ Apple ไม่ได้ด้วย ดังนั้น Android เลยมีระบบตรวจสอบคำพิมพ์ผิดที่ดีมากมาให้มองดูเหมือนว่าช่วยกลบเกลื่อนเรื่องความแม่นยำในการ Input ข้อความได้ในระดับหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ระดับสะกดคำส่วนนี้ยังไม่สามารถสะกดคำภาษาไทยได้ และเมื่อใช้ Droidsans Keyboard ระบบสะกดคำภาษาอังกฤษก็เหมือนจะโดนปิดไป (หรือมันไปปิดเอาไว้เองก็ไม่แน่ใจนะครับ) ย้ำนะครับว่าผมทดสอบจากความคุ้นเคยในการใช้งานที่ใช้ iPod Touch มาก่อนซักพัก อาจจะเป็นเพราะความไม่คุ้นเคยก็ได้จึงอาจจะมีผลในการจิ้มพิมพ์บ่อยๆ
• การใช้งาน Browser ไม่สามารถกางนิ้ว/หุบนิ้ว เพื่อ Zoom ได้เหมือน iPod Touch ต้องทำการ Double Touch หรือจิ้มสองครั้งเพื่อให้ซูมเข้า/ซูมออก รวมถึงการใช้งาน Gallery รูปภาพก็ต้องใช้แบบเดียวกัน
• สามารถลง Browser ตัวอื่นนอกจากที่ทาง Google แถมมาให้ได้ แถมยังสามารถใช้งาน Multitouch ได้อีกด้วย เอาไว้ผมจะมาพูดถึงในตอนต่อไป สรุปได้ง่ายๆตอนนี้ว่า Nexus One มี Multitouch ครับ!

3G และการใช้งานอินเตอร์เน็ต

• ตามสเปคแล้ว Nexus One สามารถรับความเร็วของ 3G ได้สูงถึง 7.2 mbps และหลังจากผมทดสอบความเร็วในหลายๆที่ในสิงคโปร์แล้ว สามารถวัดความเร็วในการดาวน์โหลดได้สูงสุดถึง 3542 kbps เลยทีเดียว ก็คิดว่าความเร็วที่ตกหล่นไปน่าจะอยู่ที่บริเวณที่ทดสอบไม่สามารถรับสัญญาณได้ดีพอก็เป็นได้ แต่คิดว่าด้วยความเร็วระดับนี้แล้ว ถ้าอยู่ในจุดที่รับสัญญาณได้ดีอาจจะรับได้สูงกว่านี้ก็เป็นได้ (ส่วนในไทยก็รอกันต่อไป)

กล้องและการถ่ายภาพ

• กล้องสามารถกำหนดขนาดภาพได้สูงสุดที่ 5 mega pixel
• มี Auto Focus โดยจะทำงานให้อัตโนมัติเมื่อกดถ่าย ซึ่งจากการลองใช้ดู ไม่ว่าภาพจะใกล้/ไกล สามารถถ่ายภาพออกมาได้ชัดทีเดียว
• คุณภาพของภาพที่ได้ ถ้าเป็นภาพที่ถ่ายในที่สว่างออกมาสวยทีเดียว แต่ถ้ามืดๆหน่อยรูปที่ได้ก็จะค่อนข้างมืด
• แฟลชไม่ค่อยแรงอย่างที่คิด คงเพราะว่าเป็นไฟ LED ธรรมดาไม่ได้เป็นแฟลชแบบซีน่อน

GPS

• สามารถจับตำแหน่งได้รวดเร็วมาก เปิดปุ๊บนับ 1-3 ก็สามารถจับสัญญาณได้ทันที ผมลองทั้งข้างถนน หรือใต้ดินชั้น 1 ใต้ดินชั้น 2 หรือในรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วก็สามารถใช้งานได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว

แบตเตอรี่และการใช้งาน
อย่างที่เกริ่นนำเอาไว้ว่าผมใช้งานหนักมากในการทดสอบ ผลปรากฏว่าเมื่อแบตหมดเกลี้ยง นับเวลารวมแล้วใช้งานได้อย่างเต็มที่ (ตามที่บอกไว้) ได้สูงถึงเจ็ดชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว ผมไม่ทราบนะว่า iPhone ถ้าใช้งานเต็มที่เช่นนี้จะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน แต่ iPod Touch ผมเคยเปิด Wireless เล่นตลอดได้ซัก 4-5 ชั่วโมงแบตก็หมดแล้ว อันนี้ก็ต้องรอดูว่าถ้าเปิดเล่น Wireless ของ Nexus One ตลอดจะได้ซักเท่าไหร่ แต่อย่าลืมนะครับว่า Nexus One สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ผมไม่ทราบว่าแบตตัวนี้จะเป็นตัวเดียวกับที่ใช้บนเครื่อง HTC เครื่องอื่นๆด้วยหรือเปล่า
สรุปข้อเสียที่ผมเจอ

• เมื่อต้องการเปิดหน้าจอหลังจากที่ Standby ไปแล้วต้องกดปุ่ม Power (ด้านบน) เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ผมคิดว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะผมเคยกดใช้งานปุ่ม Power ของ iPod Touch จนปุ่มมันเจ๊ง แค่แตะๆมันก็เปิด/ปิดเองได้มาแล้ว เลยกลัวว่าปุ่ม Power ของ Nexus One มันจะคงทนหรือเปล่า
• Application ยังเยอะสู้ Apple ไม่ได้
• การ Zoom in/Zoom out ในหน้า Browser ยังไม่ลื่นไหลเท่า iPod Touch
• ยังไม่เห็นประโยชน์ที่ชัดเจนของ Trackball เพราะส่วนใหญ่เวลาเลือกดูจะจิ้มจอเอามากกว่า อีกทั้งผมรู้สึกว่าผมกดปุ่ม Back กับ Home มากกว่าเสียอีก ดังนั้นผมว่า Apple ทำการบ้านส่วนนี้มาดีกว่า

สรุปข้อดีที่ผมชอบ

• เมนูสวย เอฟเฟคหน้าจออลังการ (Live Wallpaper เจ๋งมาก!)
• โปรแกรมฟรี แม้ผมจะยังเล่นได้ไม่หมด แต่ก็คิดว่าคงมีโปรแกรมหลายๆโปรแกรมที่ดีเยอะทีเดียว
• เครื่องเบา เหมาะมือมากๆ จับแล้วแน่นมือไม่ต้องกลัวว่าจะหล่น (ยกเว้นจับไม่ดีเอง)
• หน้าจอไม่เป็นรอยแม้ไม่ติดกันรอย ใส่ไว้กับกุญแจก็ไม่ต้องกลัวว่าจอจะเป็นรอย (แต่นอกจากจอนี่ผมไม่รู้นะ)
• ระบบ Contact สวยงามและใช้งานง่ายมาก
• ถ้าคุณฝากชีวิตส่วนใหญ่กับ Google มือถือเครื่องนี้คือคำตอบ

เนื่องจากผมได้ลองเล่นมันเพียงแค่วันเดียว จึงไม่สามารถใช้งานได้ครอบคลุมนัก อีกทั้งยังเป็นมือใหม่ Android รายละเอียดส่วนอื่นหรือถ้ามีสิ่งที่คุณสงสัย อยากรู้ก็สามารถถามได้นะครับจะลองทดสอบเพื่อหาคำตอบให้เท่าที่ทำได้ สามารถดูรูปภาพบางส่วนได้จากที่มา แล้วพบกันตอนหน้านะครับ
ที่มา : NexusThai.com