อินเทลชี้แจงประเด็นที่มีรายงานข่าวว่าบริษัทพิจารณาขายหุ้น Mobileye บริษัทรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งบริษัทเป็นผูัถือหุ้นใหญ่ โดยยืนยันว่าไม่มีแผนขายหุ้นออกมาแต่อย่างใด
อินเทลบอกว่าปัจจุบัน Mobileye มีสถานะเป็นบริษัทแยกจากอินเทล เพื่อโฟกัสการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งมีโอกาสเติบโตอีกมาก และ Mobileye ก็เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ADAS ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ด้วย
ก่อนหน้านี้อินเทลประกาศแผนปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินหลายอย่าง เช่น การแยกธุรกิจรับผลิตชิป หรือชะลอการขยายโรงงานในยุโรป ซึ่งตอนนั้นไม่ได้พูดถึง Mobileye แต่อย่างใด
สำนักข่าว Bloomberg อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องบอกว่า อินเทลกำลังศึกษาแนวทางขายหุ้นบางส่วนของบริษัทรถยนต์ไร้คนขับ Mobileye ที่อินเทลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยมีการนำเสนอเรื่องนี้ในที่ประชุมบอร์ดของ Mobileye แล้ว
อย่างไรก็ตามการขายหุ้น Mobileye ออกมาในตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่ยากสำหรับอินเทล เพราะบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้นเมื่อปี 2022 โดยปีนี้ราคาหุ้นลดลงมา 71% มีมูลค่ากิจการ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ และธุรกิจขาดทุนติดต่อกันมาสามปีแล้ว
นอกจาก Mobileye แล้ว อินเทลยังมีศึกษาแผนขายธุรกิจชิปสำหรับอุปกรณ์เครือข่าย ซึ่งเรียกรวมว่ากลุ่ม Network and Edge ซึ่งเป็นส่วนธุรกิจที่มีรายได้ลดลงต่อเนื่องมาหลายไตรมาสด้วย
Mobileye บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ ที่เป็นบริษัทย่อยของอินเทล ได้นำบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้น Nasdaq เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยตัวย่อ MBLY โดยราคาหุ้นวันแรกปิดการซื้อขายเพิ่มขึ้น 37% จากราคาไอพีโอ ทั้งนี้ Mobileye ระดมทุนจากการขายหุ้นเพิ่มได้เงิน 861 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้อินเทลซื้อกิจการ Mobileye ในปี 2017 ที่มูลค่าราว 15,300 ล้านดอลลาร์ โดยที่ราคาไอพีโอนั้นมูลค่ากิจการอยู่ที่ราว 17,000 ล้านดอลลาร์ ไม่สูงกว่าราคาที่อินเทลซื้อมานัก
ผลประกอบการ Mobileye ในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา รายได้เพิ่มขึ้น 41% เป็น 460 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนลดลงเหลือ 7 ล้านดอลลาร์
Mobileye บริษัทพัฒนารถยนต์ไร้คนขับของอินเทล ยื่นเอกสารไฟลิ่ง S-1 ต่อ SEC หรือ กลต. สหรัฐ เพื่อเตรียมไอพีโอบริษัทเข้าตลาดหุ้น Nasdaq แล้ว หลังยื่นเอกสารเบื้องต้นก่อนหน้านี้
ตัวเลขการเงินของ Mobileye เติบโตสูงต่อเนื่องทุกปี โดยมีรายได้ปี 2019 879 ล้านดอลลาร์, 2020 ที่ 967 ล้านดอลลาร์ และ 2021 ที่ 1,390 ล้านดอลลาร์ บริษัทก็ขาดทุนน้อยลงจาก 328 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 มาเหลือขาดทุน 75 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว
อินเทลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2022 รายได้รวมตามบัญชี GAAP อยู่ที่ 15,321 ล้านดอลลาร์ ลดลง 22% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และขาดทุนสุทธิ 454 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Pat Gelsinger ยอมรับว่าผลการดำเนินงานไตรมาสนี้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเราจะต้องทำให้ดีขึ้น ผลกระทบหลักนั้นมาจากปัญหาเศรษฐกิจ แต่ก็มีปัจจัยจากการดำเนินงานของอินเทลเองด้วย
อินเทลประกาศว่า Mobileye บริษัทในเครือที่พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ ได้ยื่นเอกสาร S-1 ต่อคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์สหรัฐฯ แล้ว เพื่อเตรียมนำบริษัทไอพีโอเข้าตลาดหุ้นต่อไป ซึ่งอินเทลเคยประกาศแผนงานนี้เมื่อปีที่แล้ว
เนื่องจากเป็นเอกสารขั้นแรก อินเทลจึงยังไม่ได้ให้ข้อมูลว่า Mobileye จะขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนเท่าใด และมูลค่ากิจการเท่าใด อย่างไรก็ตามสำนักข่าว Reuters อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ว่าบริษัทประเมินมูลค่ากิจการที่ราว 50,000 ล้านดอลลาร์
Mobileye เป็นบริษัทจากอิสราเอล เชี่ยวชาญการพัฒนาชิปด้านการมองเห็นของรถยนต์อัตโนมัติ อินเทลซื้อกิจการไปเมื่อปี 2017
Mobileye บริษัทลูกด้านรถยนต์ไร้คนขับของอินเทลที่เตรียม IPO ช่วงกลางปีนี้ เปิดตัวชิป SoC สมรรถนะสูงสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ ที่ระบุว่าใช้ SoC ตัวเดียวก็เอาอยู่แล้ว (autonomous vehicle on a chip) ไม่ต้องยัดคอมพิวเตอร์ทั้งเครื่องไปในรถเหมือนสมัยก่อน
ชิปตัวนี้ชื่อว่า EyeQ Ultra มีสมรรถนะ 176 TOPS (tera operations per second) เทียบเท่ากับชิป EyeQ 5 รุ่นปัจจุบันจำนวน 10 ตัว, พัฒนาขึ้นบนสถาปัตยกรรม EyeQ ของ Mobileye ที่ใช้อยู่แล้วกับรถยนต์กว่า 100 ล้านคันในท้องตลาด, ใช้การผลิตที่ 5 นาโนเมตร รองรับการขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 4 โดยใช้พลังงานน้อยลงจากเดิมมาก
อินเทลประกาศแผนการนำบริษัทลูกด้านรถยนต์ไร้คนขับ Mobileye ขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ช่วงกลางปี 2022
Mobileye ก่อตั้งในปี 1999 เป็นบริษัทสัญชาติอิสราเอลที่พัฒนาระบบช่วยขับขี่ เช่น ระบบแจ้งเตือนการชน-เปลี่ยนเลน โดยขายเทคโนโลยีให้แบรนด์รถยนต์ต่างๆ นำไปใช้ในรถของตัวเอง Mobileye ถูกอินเทลซื้อกิจการมาในปี 2017 ด้วยมูลค่า 15.3 พันล้านดอลลาร์
Sixt บริษัทรถเช่ารายใหญ่ของโลกจากเยอรมนี ที่ภายหลังหันมาทำธุรกิจเรียกรถ ride-hailing ด้วยในบางประเทศ ประกาศความร่วมมือกับ Mobileye บริษัทรถยนต์ไร้คนขับในเครืออินเทล ว่าจะทดสอบให้บริการแท็กซี่แบบไร้คนขับ (robotaxi) ที่เมืองมิวนิก (สำนักงานใหญ่ของ Sixt) ในปีหน้า 2022
เยอรมนีเพิ่งปรับแก้กฎหมายยอมให้รถยนต์ไร้คนขับวิ่งบนถนนจริงได้แล้ว ทำให้ Sixt และ Mobileye ถือโอกาสนี้ทดสอบบริการแท็กซี่ไร้คนขับที่มิวนิกก่อน แล้วมีแผนจะขยายไปยังเมืองอื่นๆ ในเยอรมนีต่อไป
รถยนต์ไร้คนขับจะใช้เทคโนโลยีของ Mobileye แต่จะดูแลและซ่อมบำรุงโดย Sixt ส่วนวิธีการเรียกใช้งานสามารถทำได้ทั้งจากแอพ Sixt (ที่ใช้เรียกรถแบบมีคนขับอยู่แล้วในปัจจุบัน) และแอพ Moovit ของอินเทล
อินเทลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2021 มีรายได้รวมตามวิธีทางบัญชี GAAP 19,631 ล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 5,061 ล้านดอลลาร์
Pat Gelsinger ซีอีโออินเทลกล่าวว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ การเปลี่ยนผ่านทุกอย่างสู่ดิจิทัลได้สร้างโอกาสกับอินเทลในทุกกลุ่มธุรกิจ ผลประกอบการที่ออกมาสะท้อนว่าการดำเนินงานของอินเทลมีทิศทางที่ดี
กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ Client Computing ซึ่งมีสินค้าหลักคือชิปของพีซี มีรายได้เพิ่มขึ้น 6% เป็น 10,109 ล้านดอลลาร์ และ Mobileye ธุรกิจชิปสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ รายได้เพิ่มขึ้น 124% เป็น 327 ล้านดอลลาร์
Ford ประกาศความร่วมมือกับ Mobileye บริษัทเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ (สถานะคือเป็นบริษัทลูกของอินเทลมาตั้งแต่ปี 2017) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสนับสนุนการขับขี่ (driver-assistance) ร่วมกัน
ภายใต้ข้อตกลงนี้ Mobileye จะนำเทคโนโลยีของตัวเองชื่อ EyeQ (ประกอบด้วยชิป SoC และซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพ) มาใช้กับระบบช่วยขับขี่ Ford Co-Pilot360 โดยถือเป็นระบบช่วยขับขี่ระดับ 1 และ 2 ตามนิยาม advanced driver assistance systems (ADAS) อย่างการเบรกอัตโนมัติ คุมพวงมาลัย การรักษาเลน เป็นต้น
นอกจากนี้ Ford ยังจะแสดงโลโก้ของ Mobileye ตามจุดต่างๆ อย่างในหน้าจอ Ford Sync โดยรถยนต์ที่จะใช้งานระบบนี้เริ่มจากรถกระบะ F-150 และ Mustang Mach-E รุ่นหน้า
อินเทลประกาศเข้าซื้อกิจการ Moovit สตาร์ทอัพแพลตฟอร์มวางแผนเส้นทางการเดินทางจากอิสราเอล ด้วยมูลค่าราว 900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นดีลที่มาเสริมกับธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับ ต่อจากการซื้อกิจการ Mobileye ผู้พัฒนาชิปรถยนต์ไร้คนขับเมื่อ 3 ปีก่อน
แอปของ Moovit มีผู้ใช้งานกว่า 800 ล้านบัญชีทั่วโลก รองรับข้อมูลเส้นทางใน 3,100 เมือง ของ 102 ประเทศ ระบบถูกดีพลอยลงในยานพาหนะเกือบ 60 ล้านคัน จากผู้ผลิตรถยนต์ 25 ราย
Bob Swan ซีอีโออินเทล กล่าวว่าอินเทลต้องการเข้ามาเปลี่ยนเกมของธุรกิจเทคโนโลยีในรถยนต์ ต่อจาก Mobileye มาถึง Moovit ทำให้อินเทลมีเทคโนโลยีในมือที่ครบมากขึ้น
ปกติแล้ว เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับที่เราเห็นมักใช้ radar/lidar ร่วมกับกล้องเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ ก่อนให้อัลกอริทึมตัดสินใจว่าจะขับรถอย่างไร
แต่ Mobileye บริษัทอุปกรณ์ไร้คนขับจากอิสราเอล (ปัจจุบันเป็นบริษัทลูกของอินเทล ซื้อมาปี 2017) ก็โชว์ความสำเร็จในการใช้กล้องเพียงอย่างเดียว ขับรถในเมืองที่มีสภาพแวดล้อมซับซ้อนได้อย่างไม่มีปัญหา (เป็นสภาพแวดล้อมจริงในเมือง ไม่ใช่ถนนจำลอง)
Mobileye โชว์คลิปสาธิตการขับรถในกรุงเยรูซาเลม ความยาว 27 นาที ใครสนใจแนวทางของ Mobileye สามารถรับชมกันได้ (ในรถยังมีระบบ radar/lidar อยู่ด้วยเช่นกัน แนวคิดของ Mobileye คือมีทั้งสองระบบเพื่อตรวจสอบกันและกัน)
Reuters รายงานว่า Mobileye ผู้พัฒนาชิปสำหรับรถไร้คนขับ บริษัทลูกของ Intel ได้เซ็นสัญญากับบริษัทรถยนต์สัญชาติยุโรป ในการป้อนชิปสำหรับรถไร้คนขับกว่า 8 ล้านคัน
ผู้บริหารของ Mobileye เผยว่าการส่งมอบชิปตามดีลนี้ จะเกิดขึ้นในปี 2021 ตอนที่บริษัทพัฒนาชิป EyeQ5 สำหรับการขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 4 ขณะที่ชิปล่าสุดของ Mobileye คือ EyeQ4 ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ปัจจุบัน Mobileye มีพาร์ทเนอร์เป็นบริษัทรถยนต์อยู่หลายเจ้าอาทิ Nissan, Audi, BMW, Honda และ Fiat Chrysler ที่ Mobileye จะต้องป้อนชิปรถไร้คนขับระดับ 3 ให้ภายในปีหน้า
จากเหตุการณ์ รถยนต์ไร้คนขับของ Uber ชนคนเดินเท้าเสียชีวิตรายแรก ส่งผลให้คู่แข่งร่วมวงการหลายรายต่างระงับการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับชั่วคราว
แต่อินเทลที่เพิ่งซื้อกิจการ Mobileye บริษัทพัฒนาชิพสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติกลับสวนกระแส ด้วยการนำฟุตเตจวิดีโอจากกล้องของรถ Uber มาวิเคราะห์ และบอกว่าระบบของ Mobileye สามารถป้องกันการชนเคสนี้ได้ แม้ใช้เฉพาะภาพจากกล้องวิดีโอเท่านั้น
หลังการควบรวม Mobileye เสร็จสมบูรณ์ Intel ประกาศพัฒนาและผลิตรถยนต์ไร้คนขับระดับ 4 โดยอาศัยชิปของ Mobileye สำหรับการทดสอบทั้งในสหรัฐ ยุโรปและอิสราเอล ทั้งหมดราว 100 คันและคันแรกน่าจะได้ออกทดสอบวิ่งปลายปีนี้
สาเหตุที่ Intel ตั้งใจจะทดสอบถึง 3 ภูมิภาค เนื่องจากความแตกต่างของสภาพแวดล้อม ภูมิประเทศ สภาพจราจร Intel จึงต้องการเก็บข้อมูลและทดสอบให้ได้หลากหลายที่สุด ขณะที่รถยนต์ที่จะถูกผลิตออกมาจะมาจากหลากหลายยี่ห้อและรุ่น แต่จะมีชิ้นส่วนจากทั้งของ Mobileye อย่าง Computer vision, เซ็นเซอร์, การทำแผนที่ ร่วมกับเทคโนโลยี Data Center และ 5G ของ Intel
Intel ได้เข้าซื้อ Mobileye ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านชิพการมองเห็นสำหรับระบบรถยนต์อัตโนมัติ ซึ่งดีลการเข้าซื้อครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 15.3 พันล้านดอลลาร์
ชิพที่ Mobileye พัฒนานั้นจะช่วยให้ตัวรถยนต์สามารถนำทางตัวเองได้โดยอัตโนมัติ และให้คำเตือนเกี่ยวกับการชน โดย Tesla นั้นใช้เทคโนโลยีชิพของ Mobileye กับระบบ autopilot ของตัวรถ ซึ่งแยกทางกันในภายหลัง
BMW ประกาศจับมือกับ Intel และ Mobileye ตั้งแต่ปีที่แล้ว และตอนนี้ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีพร้อมแล้ว บริษัทประกาศว่าจะเริ่มทดสอบ BMW Series 7 แบบไร้คนขับ ลงถนนจริงในช่วงครึ่งหลังของปี 2017
รถยนต์ไร้คนขับที่ใช้ทดสอบมีประมาณ 40 คัน โดย BMW จะรับผิดชอบส่วนของการควบคุมและระบบความปลอดภัยโดยรวม ส่วน Intel รับผิดชอบด้านการประมวลผลทั้งในตัวรถยนต์และฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ด้วยโซลูชันตัวใหม่ Intel Go ที่เพิ่งเปิดตัวในวันนี้ และ Mobileye พัฒนาหน่วยประมวลผล EyeQ 5 สำหรับประมวลผลภาพที่ได้จากเซ็นเซอร์และกล้อง ก่อนส่งไปยังระบบของ Intel ต่อไป
การทดสอบของ BMW จะเริ่มจากในสหรัฐและยุโรปก่อน แต่ยังไม่ระบุพื้นที่เมืองหรือช่วงเวลาอย่างเจาะจง
Mobileye บริษัทรถยนต์ไร้คนขับชื่อดังจากอิสราเอล (เปิดกิจการมาตั้งแต่ปี 1999) ประกาศความร่วมมือกับบริษัทแผนที่ HERE เพื่อพัฒนาระบบแผนที่ร่วมกัน
ช่วงหลังเราเห็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และเทคโนโลยีหันมาจับมือกันไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง เพื่อพัฒนารถยนต์ไร้คนขับอยู่เนืองๆ เช่นเดียวกับกรณีล่าสุดอย่าง Delphi ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่พัฒนารถไร้คนขับของตัวเองไปแล้ว ได้จับมือกับ Mobileye บริษัทด้านเทคโนโลยีบนรถยนต์สัญชาติอิสราเอล พัฒนารถไร้คนขับร่วมกันและตั้งเป้าออกสู่ถนนจริงในปี 2019
ทั้งสองบริษัทตั้งเป้าพัฒนารถไร้คนขับในระดับ 4 จากระดับ 5 ให้ได้ (ขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยสมบูรณ์ ยกเว้นในสภาพอากาศเลวร้าย ขณะที่ระดับ 5 คือขับเคลื่อนได้แม้ในสภาพอากาศเลวร้าย) ซึ่งคาดว่า Delphi จะนำเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์และโซลูชันด้านกล้องและระบบไร้คนขับมาเสริมกับระบบที่ตนพัฒนาอยู่
Mobileye บริษัทเทคโนโลยีรถยนต์สัญชาติอิสราเอล และผู้ผลิต EyeQ ซึ่งเป็น SoC สำหรับระบบกึ่งไร้คนขับบนรถยนต์ในปัจจุบัน รวมถึงรถยนต์ Model S และ Model X ของ Tesla Motors ด้วยแต่ล่าสุดทาง Mobileye ออกมาประกาศแยกทางกับ Tesla และจะไม่ผลิตชิพให้อีกแล้ว
BMW, Intel และ Mobileye บริษัทด้านเทคโนโลยีบนรถยนต์ ประกาศร่วมมือกันพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ โดยตั้งเป้าสูงสุดว่ารถไร้คนขับ จะต้องสามารถขับเคลื่อนได้โดยไม่จำเป็นต้องมีคนนั่งอยู่ข้างในเผื่อกรณีเหตุฉุกเฉิน (driver-off) และคาดว่าจะสามารถเดินสายพานการผลิตได้ภายในปี 2021
รถยนต์ BMW โมเดล iNext จะถูกนำมาเป็นฐานในการพัฒนารถไร้คนขับ ขณะที่ Mobileye จะเข้ามาช่วยพัฒนาโซลูชันและระบบไร้คนขับ ส่วน Intel จะดูแลเรื่องฮาร์ดแวร์ในการประมวลผลและชิปเซ็ตต่างๆ
เบื้องต้นทั้ง 3 บริษัทคาดว่าจะนำรถไร้คนขับมาทดสอบวิ่งบนถนนจริงภายในปี 2017 นี้
ที่มา - Intel Newsroom
GM ยักษ์ใหญ่ของวงการรถยนต์สหรัฐ จับมือ Mobileye บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับสัญชาติอิสราเอล ในการจัดทำฐานข้อมูลกลางเพื่อเก็บข้อมูลถนนสำหรับรถยนต์ไร้คนขับในอนาคต โดยให้รถยนต์ของ GM ที่ติดตั้งกล้องหน้าและรองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE อัพโหลดภาพรายละเอียดบนถนน อาทิ สัญญาณไฟจราจร ป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ไปยังฐานข้อมูลกลาง ฐานข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบของรถยนต์ไร้คนขับ อาทิ เมื่อไม่สามารถอ่านป้ายได้ชัดเจน เป็นต้น
Mobileye กล่าวว่า ระบบ Road Experience Management ของบริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลถนนโดยใช้ข้อมูลเพียง 10 กิโลไบต์ ต่อระยะทางหนึ่งกิโลเมตร ซึ่งช่วยลดโหลดของการอัพโหลดข้อมูลสู่ระบบกลาง และให้ข้อมูล ณ สถานที่ในความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 10 ซม. ซึ่งแม่นยำกว่า GPS เสียอีก