Tags:
Topics: 
Node Thumbnail

ปัญหาหนึ่งของ Instagram คือการเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คสำหรับรูปภาพ อาจทำให้การขยายฐานผู้ใช้ไปยังพื้นที่ที่อินเทอร์เน็ตไม่ดีเป็นไปได้อย่างลำบาก จึงทำให้ Instagram ให้ทีมวิศวกรในนิวยอร์กช่วยปรับปรุงตัวแอพให้รองรับการการใช้งานภายใต้สภาพแวดล้อมที่อินเทอร์เน็ตไม่เร็วมากนักได้ดี โดยล่าสุด Instagram ได้ตัดสินใจเน้นที่ระบบ prefetching ที่ทำงานแบบเบื้องหลัง

Michael Midling นักวิทยาการข้อมูลของ Instagram ได้สำรวจเครือข่ายที่ใช้งาน Instagram ในแต่ละประเทศทั่วโลก พบว่าความเร็วในการเชื่อมต่อมีอย่างหลากหลาย อย่างเช่นแคนาดาที่มีความเร็วราว 4Mbps หรือเร็วกว่านั้น ไปจนถึงอินเดียที่ 1Mbps ดังนั้นถ้าเกิดต้องการทำให้แอพเร็วขึ้นในอินเดีย ก็จะเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก

โซลูชั่นหนึ่งของ Instagram คือการเพิ่มประเภทการเชื่อมต่อของผู้ใช้เข้าไปใน logging events เพื่อทำให้ Instagram สามารถเฝ้าดูแพทเทิร์นการใช้งานที่แตกต่างกันแยกตามประเภทการเชื่อมต่อ และข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ Instagram ปรับปรุงแอพให้มีประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้การเชื่อมต่อแต่ละแบบได้

ถัดไปคือระบบออฟไลน์ ซึ่ง Instagram จะต้องทำสามข้อคือ ออฟไลน์เป็น “สถานะ” ไม่ใช่ “ข้อผิดพลาด”, ประสบการณ์ใช้งานออฟไลน์จะต้องไร้รอยต่อ และสร้างความเชื่อมั่นผ่านการเชื่อมต่อที่ชัดเจน ซึ่งทาง Instagram จะแยกเครือข่ายออกจากการใช้งานแอพ ดังนั้น Instagram จะแคชภาพและวิดีโอไว้ เพื่อแสดงให้ผู้ใช้เมื่อไม่ได้รับข้อมูลผ่านระบบเครือข่าย และ Instagram เชื่อว่าการที่ผู้ใช้เห็นคอนเทนต์เก่านั้นยังดีกว่าการเห็นหน้าจอสีเทาหรือสีขาว แต่ดีที่สุดคือการเห็นคอนเทนต์ใหม่ จึงมีระบบ prefetching เบื้องหลังขึ้นมา

Instagram กล่าวว่า ตอนนี้ทีมจะยังไม่เปิด API ให้วิศวกรคนอื่นจนกว่าจะมั่นใจว่าการปรับปรุงการเชื่อมต่อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้จริง ๆ ซึ่งยิ่งมีผู้ใช้เข้าร่วม Instagram มากเท่าไร การปรับปรุงนี้ก็ยิ่งสำคัญ โดยรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับ workflow และเบื้องหลังการพัฒนา Instagram ได้เขียนมาอย่างละเอียด สามารถอ่านได้จากที่มา

ที่มา - Instagram Engineering

Get latest news from Blognone