Tags:
Topics: 

Sun Microsystem เป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ด้านคอมพิวเตอร์ แต่ปัจจุบันอาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง หลังจากรายได้ตกต่อเนื่องติดต่อกันมาสามปี เมื่อกลยุทธของบริษัทเปลี่ยนมายึด Solaris เป็นหลักอีกครั้ง และข้อกินแหนงแคลงใจเรื่อง OpenOffice.org ทำให้ผู้บริหารของ Red Hat ออกมาโจมตี

Sun ทำธุรกิจหลายอย่างครับ หลักๆ มีดังนี้

  • จาวา เป็นธุรกิจที่รุ่งที่สุดของบริษัทตอนนี้
  • ขายเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งปัจจุบันมีสองสถาปัตยกรรม คือ Opteron สำหรับตลาดล่าง และ SPARC สำหรับตลาดบน
  • ระบบปฏิบัติการ Solaris
  • ซอพท์แวร์ออฟฟิศ StarOffice ซึ่งอิงมาจาก OpenOffice.org ที่เป็นโครงการโอเพ่นซอร์ส และ Sun ให้การสนับสนุนอยู่
  • Java Desktop System - เป็นลินุกซ์ของซันเอง อิงจาก SUSE และขายตลาดเดสก์ทอปองค์กร

กิจการที่ทำเงินได้เต็มเม็ด คือ จาวา รองลงมาคือขายเซิร์ฟเวอร์ ส่วน StarOffice นั้นไม่รุ่งเท่าไรนัก จุดอาการหนักคือ Solaris ที่โดนลินุกซ์ตีซะเละเทะ Sun เองรู้ว่าไม่สามารถฝืนกระแสลินุกซ์ได้ เซิร์ฟเวอร์ระดับล่างที่เป็น Opteron จึงรันลินุกซ์ Red Hat Enterprise แล้วยก Solaris ขึ้นไปในเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้ UltraSPARC VI

Sun เป็นบริษัทที่โตมากับยูนิกซ์ (Bill Joy หนึ่งในผู้ก่อตั้ง เป็นคนเขียน VI) และเข้าใจในวัฒนธรรมยูนิกซ์อย่างมาก แต่กลยุทธของบริษัทเกี่ยวกับโอเพ่นซอร์สนั้นยังสับสนมาก อย่างแรก Sun สนับสนุนโครงการ OpenOffice.org ซึ่งเป็นโครงการโอเพ่นซอร์สขนาดใหญ่ และมีฐานผู้ใช้สูงมากโครงการหนึ่ง อย่างที่สองคือ Solaris 10 ตัวใหม่ ก็จะออกมาเป็นโอเพ่นซอร์สเช่นกัน

แต่ตัวเรือธงอย่างจาวา ยังไม่โอเพ่นซอร์สเสียทีหลังจากโดนกดดันอย่างหนักมาหลายปี ทั้งจากผู้ใช้ทั่วไป พาร์ทเนอร์อย่าง IBM และ Oracle เนื่องจากว่าซันกลัวสูญเสียอำนาจในการควบคุมภาษาจาวาไปนั่นเอง ทั้งที่ IDE ภาษาจาวาของซันที่ชื่อ NetBeans ก็เป็นโอเพ่นซอร์ส

ตอนนี้ซันเริ่มจะเปลี่ยนกลยุทธของตัวเองที่มีกับลินุกซ์แล้วล่ะครับ จาก CNET Jonathan Schwartz ซึ่งเป็น COO ของซัน ได้ออกมาประกาศกลยุทธใหม่ที่จะให้ลูกค้าจ่ายค่าใช้งานประมวลผล แทนที่จะขายเซิร์ฟเวอร์ทั้งเครื่อง ในราคา 1 เหรียญต่อซีพียูต่อชั่วโมง และหันมาใช้ Solaris เป็นระบบปฏิบัติการหลักของบริษัทดังเดิม โดยจะมุ่งให้ Solaris 10 รุ่นสำหรับ x86 จะถูกนำมาใช้บนเซิร์ฟเวอร์ Opteron แทน Red Hat Linux โดยมีโครงการให้ Solaris 10 ที่จะออกปลายปีนี้สามารถรันโปรแกรมของลินุกซ์ได้มากขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจย้ายระบบได้ง่ายขึ้น Sun เปลี่ยน Red Hat จากคู่ค้ามาเป็นคู่แข่งซะแล้ว

นอกจากนี้ยังมีกรณีไมโครซอพท์ เมื่อต้นปี Sun ตกลงกับไมโครซอพท์ได้ และไมโครซอพท์ยินดีจ่ายเงินให้ Sun เป็นค่ายอมความเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งกันและกัน แต่ในสัญญาดังกล่าวเปิดช่องให้ไมโครซอพท์ฟ้องผู้ใช้ OpenOffice.org ได้ถ้าเกิดการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไมโครซอพท์ (แต่ไม่สามารถฟ้องผู้ใช้ StarOffice ได้) ประเด็นนี้ละเอียดอ่อนมาก เพราะการที่ OO.o เปิดฟอร์แมตของออฟฟิศได้ก็ไม่รู้ว่าล้ำเส้นนี้ไปหรือยัง Sun จึงโดนชุมชนโอเพ่นซอร์สมองว่าหักหลังให้กับโครงการ OpenOffice.org ไปเสียแล้ว Sun เองออกมาประกาศว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และจะยังสนับสนุน OpenOffice.org ต่อไป

จาก CNET เช่นกัน Michael Tiemann อดีตผู้บริหาร Cygnus เจ้าของ Cygwin และปัจจุบันเป็นรองประธาน Red Hat ออกมาโจมตี Sun และ Jonathan Schwartz ผ่านบล็อกของเขาว่า ไม่มีความจริงใจต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส ทั้งในกรณีจาวา และ OO.o อีกทั้งยังเปรียบเทียบกับ IBM ที่มีความจริงใจมากกว่า

บทวิเคราะห์จาก Blognone Sun หันมาจับ Solaris เพราะว่าบริษัทเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเอง สามารถหากินกับค่าบริการได้อีกมาก ผิดกับลินุกซ์ที่ลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย ช่วงหลัง Sun ยอดขายหดไปเยอะ เพราะโดนเซิร์ฟเวอร์ตระกูล x86 รันลินุกซ์ตีตลาด Sun เองคงเห็นว่า SPARC ไม่มีอนาคตแล้ว จึงหันมาจับ x86 เหมือนกัน แต่รัน Solaris แทน

ส่วนมุมมองของ Tiemann นั้นยืนอยู่ในฝั่งชุมชนโอเพ่นซอร์ส ซึ่งยังหวาดกลัวการโจมตีด้านกฎหมายที่ SCO เคยโจมตี IBM และลินุกซ์มาแล้ว ทำให้ระแวงว่า Sun อาจตลบหลังมาฟ้องผู้ใช้ เพื่อแลกกับรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตก็เป็นได้ครับ ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า Sun จะจริงใจแค่ไหน Tiemann พูดประโยคเด็ดไว้ว่า ในโลกของโอเพ่นซอร์ส การกระทำสำคัญกว่าคำพูด (ลมๆ แล้งๆ จากผู้บริหาร) ครับผม

Get latest news from Blognone