แม้ว่าหน้า Start Page แบบใหม่บน Windows 8 อาจจะเป็นที่ชื่นชอบสำหรับหลาย ๆ คน แต่ดูเหมือนว่าผู้ใช้หลายคนไม่ชอบมันเสียเลย หากมาดูจากรายงานล่าสุดของ USA Today พบว่า Start8 แอพที่เอาปุ่ม Start กลับมาที่จำหน่ายอยู่ที่ราคา 5 ดอลลาร์ตอนนี้ขายได้แล้วหลายหมื่นชุด และยังมีผู้ใช้อีกหลายหมื่นที่ได้ดาวน์โหลดฟรีเวอร์ชันไปใช้
แต่ถ้าเปรียบเทียบยอดดาวน์โหลดของ Start8 กับยอดขาย Windows 8 ที่ขายชุดอัพเกรดได้ 4 ล้านชุดในสุดสัปดาห์แรกที่วางจำหน่าย จะพบว่ายอดนี้ไม่ได้มากขนาดนั้น แต่ดูเหมือนว่า Stardock เจ้าของแอพตัวนี้เริ่มสนใจที่จะพัฒนา Start8 ต่อไปเพื่อนำคุณสมบัติ Start Menu เดิม ๆ กลับมาอย่าง Drag-and-drop และการปิด hot corner ไปโดยสิ้นเชิง
ที่มา - Engadget
Comments
Start Screen กับ Metro Mode นี่มันคือ Bloatware ของคนที่ใช้แค่ Desktop Mode อย่างเดียวเลยนะ น่าจะออกแพทช์มาให้แยก Metro กับ Desktop ไปเลยจะดีกว่า เอาปุ่ม Start กลับมาด้วย
ผมคนนึงที่ไม่ใช้ Windows8 เพราะว่าไม่มีปุ่ม Start แอบหวังเล็กๆว่าจะมีตัวอัพเดทที่แยก Metro mode กับ Desktop mode ออกจากกัน
ผมด้วยครับ
แต่ผมลองใช้แล้วมันมีนะครับ สามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ แต่ RT ไม่รู้
ไปเจอโปรแกรมนี้มา น่าสนใจดีแฮะ http://www.retroui.com/ แก้ปัญหาของ Windows 8 ได้หลายอย่างเลย :)
ตัว hybrid ดูดีแหะ.. livetile กับ notify มาด้วยรึป่าว ถ้ามาด้วยนี่เจ๋งเลย :?
แต่ว่าส่วน search นี่ติดแบบ win8 ไปแล้วแหะ.. เพราะมันแยกหาผ่าน app ได้ด้วย
แอพนี้หลายคนบอกว่าดีฮะ ยังไม่ได้ลองเพราะไม่มี Windows 8
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ซื้อมาแล้วดีจริงครับ
ผมว่า Start Page มันไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่นะ แต่ Learning Curve ครั้งนี้มันมากกว่าทุกอย่างที่เคยเจอมาก็เท่านั้น (สำหรับคนที่ใช้แต่ Desktop Mode)
ปัญหาจริงๆ คือเรื่องการสลับแอพ การ multitasking นอก Desktop Mode มากกว่า
@TonsTweetings
+8 รัวๆ ครับ
เซ็งที่ M$ ไปโฟกัสที่การสลับแอพของ Modern Mode แทน...
Dream high, work hard.
ปัญหาคือมันไม่มีอะไรให้ใช้มากกว่าครับ ส่วนใหญ่จะไปทำงานบน destop กันหมด แถมธีม start page เอาเข้าจริงๆ มันน่าเบื่อ....
ใช่ครับ หน้า Start Screen นี่ไม่เป็นปัญหาสำหรับผมเลย แต่เมื่อต้องเปิดโปรแกรมทั้งสองโหมดแล้วสลับกันไปมานี่มันนรกจริงๆ
คือ win+tab กับ alt+tab ไม่ work .. หรือว่าหมายถึงอย่างอื่น เช่น แบบ desktop สามารถจิ้มกับส่อง taskbar เพื่อสลับได้สะดวกกว่า :?
ใช้ตัวทดลองอยู่ ใกล้หมดอายุล่ะ = ="
Start Menu สำหรับผมแล้วยังมีประโยชน์อีกมากเลยนะครับ เพราะไม่ว่าจะ Control Panel, Printer, Network, Shut down, Restart, Pin Star menu ฯลฯ ดังนั้นผมจึงเป็นอีกหนึ่งคนที่ผมไม่อยากให้ Start Menu หายไป
ถ้า Microsoft อยากเข็น Start Screen นัก ก็ควรที่จะแยกการทำงานไปเลย โดยให้ Start Screen เป็นที่รวมแอพฯ ที่โหลดจาก Windows Store โดยไม่ต้องเอาโปรแกรมที่่ติดตั้งจาก Desktop เดิมๆ ไปรวมใน Start Screen เพราะมันรกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.... ส่วน Start Menu ก็เอาไว้รวมโปรแกรมเดิมๆ ที่เราติดตั้งกันมา เพราะ Microsoft น่าจะรู้ว่าโปรแกรมพวกนี้นอกจากจะมีไฟล์ที่ใช้รันโปรแกรมแล้ว มันยังมีทั้งไฟล์ Help, Readme, ไฟล์ลิงก์เว็บต่างๆ, Uninstall สารพัดสารเพ มันจะรกมากเวลาที่ไม่มีการแบ่งโฟลเดอร์ แถมยังมีปัญหาเรื่องการที่รันโปรแกรมบางโปรแกรมแล้ว มันเด้งไปโชว์ที่ Desktop หรือบางโปรแกรมที่รันจาก Desktop มันเด้งเข้า Full Screen ของ Start Screen อีก สับสนมาก
ต่อให้ผมใช้ Windows 8 ผมก็ไม่คิดจะใช้ Start Screen หรอกครับ เพราะมันไม่สะดวกอย่างแรง
ตอนที่ Start Menu ถูกยุบให้มันยอยู่ในกรอบ Start Panel อย่างเดียวใน Windows Vista,7 ไม่มีการแพนเมนูออกเหมือนกับ Windows XP (และเก่ากว่า)ผมยังรู้สึกไม่ชอบเลย เพราะว่า Shortcut มันไม่สามารถจับเรียงว่าอะไรอยู่บน อะไรอยู่ล่างได้ (เช่น ในโปรแกรมหนึ่งๆ Shortcut รันโปรแกรม, Readme, Uninstall ผมก็จะจับเรียงเอา Uninstall ไว้ล่างสุด แล้วก็เอา Readme ไว้ตรงกลาง ส่วนShort รันโปรแกรมไว้บนสุดของโฟลเดอร์นั้นๆ) ทำให้ผมต้องหา Classic Shell มาติดตั้งใช้งาน เพราะมันจะทำให้ Start Menu มีการแพนออกมาได้ แถมมี Skin มีสไตล์ให้เลือกและปรับแต่งได้ด้วย... การแพนเมนูออกมาเปป็นคอลัมน์ มันทำให้ผมเห็นโปรแกรมทั้งหมดเพียงแค่กวาดสายตามอง ซึ่งมันสังเกตได้ง่ายกว่า Start Panel ที่ต้องเลื่อน Scrollbar เพื่อหา ซึ่งมันทำให้อึดอัดด้วย
ยังมี Super Bar ที่ใช้ใน Windows 7 อีกอัน ผมก็ไม่ชอบ เพราะยังไงก็สู้ Quick Launch ไม่ได้ เพราะการปักหมุดเวลาที่รันโปรแกรม มันจะกระจายกันตามไอคอนมาถูกจัดวางเอาไว้ (เช่น Explorer อยู่ 1, Notepad อยู่ 2, IE อยู่ 3, WMP อยู่ 4, Firefox อยู่ 5 ถ้าผมรัน Notepad ไอคอนจะอยู่ทีตำแหน่งของตัวเองนั้นๆ เลย ซึ่งถ้ารันข้ามกันไปมา มันจะเรียกกันกระจาย แล้วยิ่งเวลาที่รันโปรแกรมแล้วมันซ้อนกันอีก มันไม่สะดวกตรงที่ มันจะมองยากว่าเราเปิดไปกี่หน้าต่างแล้ว แถมเวลาจะไปที่หน้านั้นๆ มันก็ต้องมาเสียเวลาเอาเมาส์ชี้แล้วรถให้ Thumbnail โชว์ขึ้นมาอีก แล้วจึงไล่ไปหานั่นเอีก เสียเวลาสุด สรุปสุดท้ายผมก็ปรับให้มันไม่รวมกลุ่ม, โชว์ Label ของหน้าต่างๆ นั้น, และถอนหมุดออกหมด แล้วสร้าง Quick Launh ขึ้นมาแทน แฮบปี้ที่สุดแล้วสำหรับผม
สุดท้ายผมว่าอยู่ที่ความถนัดของแต่ละคนครับว่าชอบแบบไหน
ปล. ผมใช้ Classic Shell ใน Windows 8 ก็สามารถใช้งานได้ดีเหมือนกับที่ผมใช้ Windows Vista, 7 อีกด้วย ปรับแต่งสกิน, Start Menu แบบแพนออก, เปลี่ยน Skin ปุ่ม Start ตามใจ แถมมีให้ปรับแต่ง Windows Explorer ได้อีกด้วย แถม IE9 ใครอยากให้มี Title Bar กลับมาก็ใช้โปรแกรมนี้ช่วยได้อีกเช่นกัน... ใครสนใจลองไปโหลดมาได้ครับ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายๆ ใดๆ อีกด้วย
+1 ให้ Classic Shell ครับ
+1 ชอบเมนูแบบ winxp ที่สุด All program อยู่ด้านล่าง และแพนเมนูไปกว้างๆ
quick launch ก็ใช้ถนัดกว่า win 7 bar จริงๆ
+1 ใช้ Classic Shell เหมือนกัน เจ๋งจริง ที่สำคัญคือฟรี
ปรับปุ่ม Windows ได้ด้วย ไม่ต้องกลัวมันเด้งไป Start Screen
สั่ง Startup มาหน้า Desktop เลยก็ยังได้ ไม่ต้องไปค้างที่ Start Screen ถ้าไม่ชอบจริงๆ
ที่อธิบายใน comment มา นั่นคือคำตอบเลยว่าทำไมถึงควรตั้งต้นแบบ start screen มากกว่า start menu .. กว่า start menu จะพร้อมใช้ได้สะดวกต้องจัดแต่งกันไม่น้อยเลย ส่วน start screen พร้อมใช้ทันทีสำหรับคนที่ใช้แอพไม่กี่สิบตัว
สำหรับ prosumer คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง เผลอๆ สนุกกับการจัดแต่ง.. แต่สำหรับ user ทั่วๆ ไปแล้ว คงยากที่จะมีใครทำแบบนั้น ส่วนมากจะใช้แบบตอนที่ตัว install ทั้งหลายมันลงไว้เอาไว้ให้นั่นแหละ ใช้ไรที-งมหาที ไล่คลิกๆๆ ยุบๆ ย่อๆ กันไป ไล่หาว่ามันอยู่ตรงไหน(นอกจากนั้น การจัดแบบ hierarchy นี่ยังทำให้โชว์ notify ลำบากอีกด้วย)
ส่วนบริเวณที่ pin ได้ของ start menu นั้น มันมีพื้นที่อยู่นิดเดียว ใช้เลือกโชว์ได้แค่ไม่กี่ตัว.. แล้วถ้าพ่วง live tile ลงไปจะยิ่งโชว์ได้น้อยลงไปอีก เพราะนอกจาก icon กับ name แล้ว ยังต้องใช้พื้นที่แสดงข้อมูลอื่นๆ เพิ่มอีก
สำหรับโปรแกรมเดิมๆ ตัว start screen อาจคือข้อเสีย แต่สำหรับโปรแกรมใหม่ๆ ที่ใช้ foundation ที่ os เตรียมไว้ให้มันคือข้อดี.. ทว่าหากแยก entry-point ของ modern กับ desktop ออกจากกัน แม้จะได้ข้อดีจากทั้งสองแบบ แต่การแยก entry-point หลายแบบหลายทางคงทำให้ user ทั่วไปงงๆ ไม่น้อยเช่นกัน แล้ว entry-point ที่จะเลือกใช้นี่ต้องเอาไปใช้กับ touch ui สำหรับพวก handheld device และใช้กับ contactless ui สำหรับพวก smart device อย่าง smart tv อีก (สมมติมี device 5 อย่าง แล้วมี entry-point 5 แบบ แม้ว่ามันจะ best-fit สำหรับแต่ละ device แต่สำหรับ user ทั่วๆ ไปนี่เวลาใช้งานคงมึนไม่น้อย)
ช่วงแรกคงต้องยอมหักดิบเลือกซักแบบไปก่อน แล้วค่อยเสนอออปชั่นกลับมาอีกที หากแบบใหม่เข็นไม่ขึ้นและยังหา solution แบบ one-size-fit-all ไม่ได้.. ถ้ามีออปชั่นแต่แรก คาดว่า user ทั่วไปคงไม่ยอมเปลี่ยน คงเลือกใช้ออปชั่นแน่นอน เพราะแอพแบบใหม่ๆ ยังไม่ค่อยมีเลยขาดแรงจูงใจ (ในทางกลับกัน หาก user ไม่ยอมปรับการใช้งาน แอพแบบใหม่ๆ คงเกิดยากเช่นกัน เพราะขาดแรงจูงใจที่จะทำ กลายเปน 'ไก่' กับ 'ไข่')
ส่วน prosumer ทั้งหลายนั้น คงมีความสามารถในการจัดแต่งกันอยู่แล้ว เบื้องต้นคงถือว่าโปรแกรมพวกนี้นี่แหละคือออปชั่นสำหรับ prosumer ซึ่งอาจจะรวมถึงกลุ่มองค์กรที่ยังใช้โปรแกรมแบบ desktop อยู่เยอะเช่นกัน โดยถือว่าฝ่ายไอทีคือตัวช่วย.. ส่วนอนาคตคงต้องลุ้นว่า webapp ในองค์กรจะกินสัดส่วนได้แค่ไหน ถ้ากินได้มากคือกินส่วน desktop ไปด้วย แต่ถ้ากินได้น้อยทำให้ส่วน desktop ยังเหลือมาก ตัว start menu ก้ออาจกลับมา
Classic Shell อืม(ในลำคอ)
ข่าวต่อไป Windows 7 transformation pack for Windows 8 ขายได้ครบหนึ่งล้านชุด (ฮา)
แค่เหวี่ยง mouse ไปมุมจออ่ะนะ
ตอนนี้ผมใช้ start page แทน desktop ไปล่ะ ส่วน desktop เก่าไว้วางไฟล์ รกๆ แทน ฮา อะไรใช่บ่อยๆ ก็ pin taskbar ไป
ผมก็รู้สึกอย่างนั้น เอา Shortcut ไปวางไว้ Star Screen ทั้งหมด Desktop ก็เอาไว้วางไฟล์ด่วนๆ ที่วางไว้ชั่วคราว จะกดเปิดโปรแกรมอะไรใหม่ถ้าไม่มีที่ Taskbar ข้างล่าง ก็กดปุ่ม windows ก็เจอ Shortcut ที่เรียงแถวไว้อย่างเป็นระเบียบหาง่าย โดยไม่ต้องเก็บหน้าต่างงานที่เปิดไว้ลงมาเพื่อหา Shortcut บน Desktop อีกต่อไป แถมพอกดเปิดโปรแกรมปุ๊บ ก็กลับมาหน้า Desktop ใช้งานต่อได้เลย
+1 ครับ ผมว่ามันก็ไม่ได้ใช้ยากขนาดที่บ่นๆ กันน่ะนะ สะดวกขึ้นซะด้วยซ้ำใช้สนุกดีออก
ลองต่อสองจอดูนะครับ
ถ้าเป็นพวกต่อสองจอก็น่าจะใช้ Hotkey ให้เป็นนะครับ
ใช้อยู่นะ 2 จอ
ปุ่ม start เดิมมันก็อยู่แถวๆ ทางล่างซ้ายที่ต้องเหวียงเมาส์ไปไม่ใช่เหรอครับ
แต่ ของใหม่เหวียงเมาส์ไปได้ทั้งสี่มุม ก็เข้า start ได้เหมือนกันใช่รึเปล่าครับ
ลองต่อ 2 จอแล้วผมด่า MS ไปชุดใหญ่เลยครับ
ลองตั้งแต่ RP ผมก็ด่าแบบนี้เหมือนกัน
ความคิดหนึ่งเเว๊บมาในหัวว่าซักวันนึง Desktop Mode จะหายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่วินโดวส์ 9 ก็วินโดวส์ 10
ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้นะ ดูอย่าง Mac OS สิ หน้า Desktop เป็นอย่างไร ก็แทบจะไม่ต่างจากเดิมเลย ก็ยังขายได้ดี และสาวก Mac ก็ยอมรับได้ดีอีกด้วยนะ
ของมันดีอยู่แล้ว และยังทำงานได้อยู่ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนครับ ถ้าเปลี่ยนแล้วทำให้ระบบแย่ลง เสถียรน้อยลงผมว่าปล่อยไว้เหมือนเดิมดีกว่า
แล้วหากไม่ทำของใหม่มา.. จะประเมินได้ยังไงว่าเทียบของเก่าแล้วมัน ดีกว่า/แย่กว่า/เสมอตัว
มีปัญหาอีกว่าจะประเมินยังไงด้วย เรื่องความเสถียรยังพอวัดได้.. แต่เรื่องเรตติ้งถ้าผลออกมาแย่ จะแยกยังไงว่าเพราะ user ไม่คุ้นหรือว่าของมันไม่ดีจิงๆ (อย่างถ้าในแลบนี่ จะกำหนด scenario แล้วนับคลิกนับคีย์กันเลย แต่โอเคแหละว่ากับ user ทั่วไปคงทำงั้นลำบาก)
ทางฝั่งโน้นเขามี Launchpad ครับ ตอบโจทย์เรื่อง Start Screen ได้ แถมไม่รก
ถ้าเรียกว่า "สาวก" .. คง "ยอมรับได้ดี" อยู่แล้วแหละ :?
ผมว่านั่นแหละครับคือสิ่งที่ MS อยากให้เป็น
แวบมาในหัวเหมือนกัน ว่า วันหนึ่ง Windows จะหายไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ผมกลับเห็นว่า อนาคตมันก็ควรจะยังต้องเป็น Hybrid อยู่ิอย่างนี้แหละครับ
แต่ละโหมดมีข้อดีข้อเสียของมันตามแต่ละการใช้งาน
Metro/Modern อาจจะดีต่อ Tablet การใช้งานง่ายๆในชีวิตประจำวัน อ่านหนังสือ ดูหนังฟังเพลง เนื่องจากลักษณะของ UI มีความเหมาะสมกับการใช้นิ้วสัมผัส
แต่หากเป็นงานทีละเอียดอ่อน การออกแบบทางวิศวกรรม การสร้างอนิเมชั่น หรืออะไรทำนองนี้โหมด Desktop น่าจะเหมาะสมมากกว่า
ผมจึงเห็นว่า Windows รุ่นถัดไปน่าจะเป็นอะไรที่ทำให้ทั้ง 2 โหมดสามารถเข้ากันได้อย่างกลมกลืนแทนที่จะเป็นการตัดตัวใดตัวหนึ่งทิ้งไป
งานที่ละเอียดอ่อน การออกแบบทางวิศวกรรม การสร้างอนิเมชั่น หรืออะไรทำนองนั้น.. น่าจะทำแบบ Modern ได้เหมือนกันนิ
ตามที่เข้าใจ ข้อจำกัดหลักๆ ของ modern คือ ปรับขนาดหน้าต่างตามใจไม่ได้, เหมือนว่าแต่ละ app จะมีได้แค่ instance เดียว, ทำงานบน WinRT platform ซึ่งไม่เทียบเท่าเป้ะๆ กับ win32 และ .net (มีทั้งดีกว่าและแย่กว่า)
โอเคว่าแอพเดิมๆ คงเอามา run แบบ modern ไม่ได้.. แต่หากจะเขียนขึ้นมาใหม่เลย คิดว่าไม่น่าจะมีข้อจำกัดว่าเอามาเขียนแอพพวกนั้นไม่ได้นะ แม้จะควรทำ ui ให้เหมาะกับการ touch แต่ว่ายังใช้เมาสกับคียบอรดได้อยู่เช่นกัน :?
ปัญหาอีกอย่างคือเวลาเผลอกดปุ่ม Windows โดยไม่ตั้งใจ สายตาจะต้องมาดูหน้า Start ที่มาบังงานทั้งหมดแทน ผมว่ามัน Distract พอสมควร (รุ่นก่อนๆ เมนู Start ไม่เต็มจอ ถ้ากดผิดก็แค่มีเมนูเล็กๆ ด้านล่างซ้ายปรากฎเอง)
เออ... จริงแฮะ ถ้ากดเผลอกดปุ่ม Start ในขณะที่ทำงานอยู่ มันชะงักแบบสุดๆ เลยนะนั่น เพราะมันโผล่มาที เล่นซะ Full Screen แต่ Start Menu มันก็แค่เมนู Panel เล็กๆ
ไม่อยากคิดถึงตอนเล่นเกมเล้ย พะเผื่อยสิ
ก็กดปุ่ม windows อีกครั้ง Desktop ก็กลับมาแล้วครับ ไม่น่าจะเป็นปัญหาจนทำให้ลำบาก
มัน Distract กระบวนการทำงานไงครับ และถ้าเผลอกดเม้าส์ลงไประหว่างที่มันเปิดขึ้นมาละก็เป็นการรันโปรแกรมแบบไม่ได้ตั้งใจอีก
อืม ... ถ้าคนเดินข้ามถนนรบกวนการจราจรก็ให้เดินข้ามกลับอีกที
ผมว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน ... ไปดีฝ่า
ไม่เอา พอมีปุ่ม Start เดี่ยวคน หาว่าใช้วินโดส์เก่า อยู่ 55+
ตอนแรกที่ลองเล่น Windows 8 Release Preview บน VMware ก็มีความรู้สึกเดียวกับคนอื่นนะที่ไม่ชอบที่ Windows 8 เอา Start menu ออกไป รู้สึกไม่สะดวก ยุ่งยากในการหาโปรแกรมที่ต้องการเปิด อยากให้ start menu กลับมาในเวอร์ชั่นเต็ม แต่พอลองเล่นกับ Windows 8 ที่มากับเครื่อง ความรู้สึกนั้นมันหายไปเลยนะ ผมว่า Start Screen กับ Start menu ไม่ได้ต่างกันเลยนะ Start Screen มันก็แค่เป็น Start Menu เวอร์ชั่นขยายร่าง
+1
ตอนแรกผมก็ไม่ชอบ Start Screen สมัยตอนใช้ Develop preview ครั้งแรก
แต่เดี๋ยวนี้ชินซะแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเลวร้ายอะไร แค่ startที่ขยายร่าง (รับได้)
แต่มีจุดที่ไม่ชอบอยู่จุดนึงคือ เวลาลงโปรแกรมแล้วมันมากองที่ Start ทั้งหมด
ต้องมานั่งติ๊กออก เคยคาดหวังว่า Microsoft ควรปรับปรุงในจุดนี้แต่พอตัวเต็มออก
ยังคงรักษาไว้เหมือนเดิม Y_Y
อันนี้คงต้องรอพวก installer ปรับตัว package กันใหม่.. ให้ใส่แค่แอพพอ ส่วนที่เหลือให้เรียกจากในโปรแกรม หรืออย่างน้อยให้รวมไว้ใน sub-folder อีกที
ของเดิมมันใช้โครงสร้างแบบ hierarchy แต่พอของใหม่ใช้โครงสร้างแบบ flat อะไรๆ เลยมากองกันหมด.. แต่เหมือน os จะกันไว้ขั้นนึงแล้วนะ เหมือนจะเอาแค่ level แรกมา ส่วน level ต่อๆ ไปจะใส่ตัว folder เลย ซึ่งลำพังที่ส่วน os ทำได้คงแค่นี้แหละมั้ง ถ้าจะให้เลือกเอาแค่บางตัวจากใน level แรกคงต้องมีฐานข้อมูลว่า installer แต่ละตัวควรใส่ไรลง start screen บ้าง ซึ่งอันนี้คงต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลอีกพักใหญ่เลย (หรือว่าน่าจะทำวิธีไหนได้อีก ?)
MS ไม่ควรหักดิบเอาออกไปเลยนะ อย่างน้อยก็น่าจะมีออพชั่นให้เอากลับมาได้
ต่อไห้ไมโครซอฟท์ตัด Desktop Mode ทิ้งไปเลย ก็ยังมั่นใจว่าขายได้ แล้วซักวัน คนไม่ชอบก็ต้องทำใจยอมรับ แล้วอัปเกรดมาใช้อยุ่ดี
คือยังใงมันก็ไม่มีทางเลือก ไม่ชอบแค่ใหนก็ต้องใช้... ตราบใดที่ซอฟท์แวร์ เกม ยังเขียนทีเดียวแล้วครอสแพลตฟอร์มไม่ได้
เหมือน ms จะเข็น cross-platform ซะเอง.. ยกให้ html/js/css คือ 1st class สำหรับ dev เลย (แต่สำหรับ modern app กับ agave นะ คือกะหากินผ่าน cloud เตมรูปแบบ ส่วน iOS กับ android นี่ การ dev ด้วย html/js/css ยังเปน 2nd class อยู่เลย)
บอกแล้ว ว่ามันคือ unity เวอร์ชั่น windows
ถ้าไม่ได้ใช้ windows 8 ในแบบ tablet หรือ จอสัมผัส ผมว่า Start Page ก็ไม่ค่อยจะสนุกในการใช้เท่าไร และการทำงานแบบ full screen บน desktop ก็รู้สึกแปลกๆ ใช้แบบลาก ย่อ หน้าต่าง ตามใจ ได้ดั่งใจกว่า (ถึง windows 8 จะแบ่งจอได้ก็เถอะ มันก็ขัดๆ) พวก ลากวาง ก็เลยไม่ค่อยได้ใช้เลยครับ
รู้สึก ฮา อย่างบอกไม่ถูก
ตอนแรกก็ไม่ชินอ่ะแต่พอลองใช้แล้วก็สะดวกดี จัดตามการใช้งานจริง อันไหนไม่ค่อยได้ใช้ก็ไม่เอาออกมาจะใช้ค่อยหาเอา
ที่ ms เอา start แบบเก่าออกไปเลยเพราะคงอยากให้ได้เรียนรู้ของใหม่่อ่ะ ถ้าของเก่ายังอยู่คงไม่มีคนฝึกใช้ของใหม่ แต่ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ ก็คงเอากลับมาให้ แต่เท่าที่ลองดูก็ใช้ได้ดีนะแบบนี้
ปัญหาเดียวคือเสียเวลาตอนเด้งไปเปิดโปรแกรมที่เปิดใช้ไฟล์นั้นๆไม่ได้แล้วต้องกดกลับมาอีกรอบ
start menu ฟรีๆ ดีดีก้อมีให้นะ
pokki
vistart
ทำให้ W8 สมบูรณ์ ทันที ทั้ง Metro Mode และ Desktop user (ใช้พร่้อมกันได้ทั้ง start menu และ start Screen)
W8 เร็วกว่า W7 ครับ
(แถมท้าย ใช้ Virtual Box mode seamless ลง W7 เสริม Run app เก่าบางตัวที่
ทำบน W8 ไม่ได้ เช่น VB6 เพราะไม่มี compatible disable desktop composition)
Hyper-V กิน Resource IRQ เยอะไป)
เท่านี้ ก้อ Replace W7 ได้ละ ใช้แล้ว ไม่กลับไป W7 แล้วครับ
stardock กับมาดังเปรี้ยงปร้าง อีกทีเลยทีเดียว ยอดเยี่ยมครับ
ปัญหาคือปิดเครื่องยาก - -"
ผมต้องทำ short cut ไว้กดปิดเครื่อง
May the Force Close be with you. || @nuttyi
Charm bar > Power > Shut down
ขั้นตอนเยอะกว่าสมัย Windows 7 นิดเดียวเองครับ (Start > Shut down)
Dream high, work hard.
Charm bar นั่นแถบข้างขวาใช่ป่ะครับ แถบนั้นชี้แล้วขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง ไม่สะดวกสุดๆ
ทำ Shortcut ไว้แทนจุดเดียวกับปุ่ม start ใช้สะดวกกว่าครับ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
กด Windows + I ก็ได้ครับ ไม่ต้องเสียเวลาลากเม้าไปชี
ชี้มุมขวา (บนหรือล่างก็ได้) เสร็จแล้วลากเมาส์ออกจากมุมโดยชิดขอบขวา มันจะโผล่แบบ 100% ครับ
Dream high, work hard.
จิ้มไปที่ว่าง ๆ บน desktop แล้วกด Alt+F4 ครับ
+1
ไม่เซตที่ power options เอาล่ะ หลังๆ ใช้ soft switch กันหมดแล้วไม่ใช่หรอ.. รึว่ามันมีข้อเสียยังไง ?
ถามเผื่อตัวเองด้วย.. ปกติมันตั้งว่ากดแล้วสั่งให้ os มัน shutdown แหละ ส่วนของตัวเองตอนนี้ตั้งว่ากดแล้วสั่งให้ os มัน standby
แต่เจอคนบ่นเรื่อง win8 สั่ง shutdown ยากหลายที่แหละ.. เลยชักไม่แน่ใจว่าทำไมไม่เซต power options กัน วิธีนี้มันไม่ดีตรงไหน?
หมายถึงกดปุ่ม power ที่เครื่องหรอครับ ถ้าอันนี้อย่างเดียวเลยคือ ไม่ชิน
soft switch นี่คืออะไรอะครับ? คือปุ่มบนตัว hardware ป่ะ? ผมว่าไอ้ปุ่มนี้คนเค้าไม่ใช้กันแล้วไม่ใช่เรอะ
จริงๆ คนที่บอกส่วนใหญ่จะไม่ได้มีความรู้มากขนาดนั้นน่ะครับ power option คืออะไรยังไม่รู้เลย เวลาผมพับจอลงมาแล้วเครื่องไม่ดับเค้าก็งงกันละ ว่าทำได้ด้วยหรอ
ผู่ใช้เค้าต้องการมาม่าอะครับ ลงปุ๊บใช้ได้เลย..ไม่สิ หลายคนยังไม่ได้ลงเองเลย
May the Force Close be with you. || @nuttyi
จริงๆมันตั้งเป็นค่าเริ่มต้นแล้วครับกดปุ่ม power ตอนเปิดเครื่อง คือสั่งปิดเครื่อง เพื่อนผมเคยใช้ hp ที่ปุ่มควบคุมเป็นปุ่มสัมผัสอย่างแย่พลาดไปโดนปิดเครื่องเลย ต้องไปตั้งให้กดแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บน Notebook ผมไม่ใช้ครับ ป้องกันเผลอไปกดโดยไม่ตั้งใจ
บน 7 คลิก Start > ปุ่ม Shutdown เพียง 2 คลิก ขยับนิ้วนิดเดียวเพราะอยู่ใกล้กัน มีอะไรง่ายกว่านี้อีก
ผมเซตให้กดปุ่มแล้ว hibernate/standby มาตั้งแต่ xp ละ เลยไม่กังวลเรื่องกดผิด.. อาจจะถูกโฉลกกับ windows มั้ง เปิดยาวแต่ไม่รวนไม่อืด เฉลี่ย 1-3 เดือนจะ reboot ซักที (reboot เพราะ windows หรือ app ที่ update มันบังคับนั่นแหละ เทียบง่ายๆ คือใช้ pc เหมือนใช้ tablet เลย)
แต่ถ้าเครื่องใครรวนบ่อย คงต้องรอ version ต่อๆ ไป.. คุ้นๆ ว่ามีแผนจะทำให้ไม่ต้อง boot windows บ่อย
Reply ผิดช่อง xD
เรื่องแบบนี้แล้วแต่คนนะ จะว่ายาก บางคนก็ว่ายาก ไม่ชิน จะว่าง่าย หลายคนก็บอกง่าย ไม่เห็นจะต่างกันเลย
ส่วนตัว สำหรับผม แทบจะไม่ได้ใช้การคลิกเลือกโปรแกรมมาตั้งแต่ Windows 7 แล้ว เพราะกด windows key แล้วก็พิมพ์ชื่อเอา (ก่อนหน้านั้นก็ใช้พวกโปรแกรม luanchy บน Windows XP) ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันต่างจากเดิมเท่าไหร่ แถมจะสะดวกกว่าเดิมด้วยซ้ำ เช่น จะหาการตั้งค่าเน็ตเวิร์ค ก็แค่กด windows key พิมพ์ว่า network กดเลือกฟิลเตอร์ setting เท่านี้ก็มีตัวเลือกขึ้นมาให้เลือกแล้ว ก็เลยคิดว่า ที่บ่นๆ กัน ส่วนใหญ่คงเพราะไม่ชินมากกว่า กับอีกส่วนหนึ่ง ที่ถนัดจะใช้เมาส์มากกว่า
iPAtS
เห็นด้วย ผมว่าเป็นความเคยชินมากกว่าเพราะปุ่ม start มันอยู่คู่วินโดส์มานาน ซึ่งตั้งแต่ win 7 ผมใช้แบบนับครั้งได้เลยเพราะโปรแกรมที่ใช้ส่วนใหญ่ก็พินไว้ที่ taskbar ส่วนที่เหลือก็เป็น icon ใน desktop กดปุ่ม start เพื่อหาโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้บ่อยๆเช่น เครื่องคิดเลข แค่นั้นแถมหลังๆคีบอร์ดที่ใช้มีปุ่มเรียกเครื่องคิดเลขอีกทำให้ใช้น้อยกว่าเดิมอีก ส่วนที่บ่นเรื่องโปรแกรมเต็มจอมันทำให้เหมือนรู้สึกว่าเสียการใช้งานหลายโปรแกรม จริงผมว่าไม่ใช่ปัญหาเลยเพราะมันสลับโปรแกรมเร็วแถมก็ยังใช้ Alt+Tab ได้เหมือนเดิม ติดอยู่ที่ความเคยชินไม่ก็ไม่ชอบในรูปแบบนั่นแหละ
Windows 8 : "Everything at once" ตรงไหน? ทำไมเขาต้องซื้อแอพเพิ่ม? MS มันน่าจะคิดได้แล้วมั๊ง
อันนี้โดนใจ แฟนบอยตัวจริงมันต้องแบบนี้ครับ
+8 รัวๆ
ก็ OS เดียว ทั้ง Tablet , Desktop หน้าตาเหมือนกันหมด ไม่แยกเหมือนของ iOS ,OS X
ผมยังโหลด pokki มาใช้หาโปรแกรมเลย
แต่ไม่มีปัญหาสลับโหมด เพราะสนุกดีกับการสลับไปมา
ผมใช้ classic shell menu เป็นอันจบข่าว......
ผมลง VMWare Player ลง Windows XP กับ Linux แล้วเอาโปรแกรมทำงานทั้งหมดย้ายลงไปในนั้น
Windows 8 มีไว้เล่นเกมเท่านั้น
มันต่างกันยังไง ระหว่างมีกับไม่มีปุ่ม startMenu
เอาลิ้งค์ด้านล่างไปลุยแล้วจะเก็ตครับ ถ้าอยู่บน Win8 มันจะรกขนาดไหน (มันไม่มี Group ก็หนักเข้าไปใหญ่)
http://th.upic.me/i/qk/imtired2.jpg
ยังไม่รวมเครื่องมือของ Nero Adobe นะนี่
เครื่องผมมีโปรแกรม ราว 200-300 Object ตอนนี้
ขนาดติดตั้งเครื่องมือยังไม่ครบนะ
ถือว่าคือพลเมืองชั้นสองไปละกัน
เค้าคงถือว่าหากให้เรียกใช้ start menu ได้ด้วยแล้ว อาจทำให้ user ทั่วไปไม่ยอมปรับตัวมาใช้ start screen กัน แถม user ทั่วไปแต่ละรายจะมีโปรแกรมแค่กี่สิบเชียว (เว้นแต่พวกที่ลงโปรแกรมมั่วซั่ว) .. ส่วนคนที่ใช้โปรแกรมเยอะหลายสิบหลายร้อยนี่ ต่อให้ไม่ใช้โปรแกรมทดแทน start menu ก้อเหอะ ไงคงไม่ยากเกินไปที่จะเอา folder 'start menu' มา pin ไว้บน task bar
และในระยะยาว เมื่อปรับโครงสร้างของ launcher จากแบบ hierarchy มาใช้แบบ flat แทนแล้ว.. พวกโปรแกรมคงต้องปรับเรื่อง package ด้วยเช่นกัน โดยยุบพวกโปรแกรมย่อยๆ ให้ไปเรียกใช้จาก main console ของ app นั้นๆ แทน (หลายตัวทำแบบนี้มาตั้งนานแล้วด้วย อย่างโปรแกรมย่อยๆ ของ vs นั้น เรียกใช้จากใน vs มาได้ตั้งนานละ ผ่านเมนูบ้างผ่าน shell บ้างแล้วแต่กรณี)
ปล. ของ vs เก่าๆ นี่ยังไม่ได้ใช้ เลยบอกผลไม่ได้.. แต่ vs2012 ที่ลงบน win2012 นี่ ตัว start screen ไม่รกไรนิ ซึ่งผลบน win8 คงคล้ายๆ กัน (แล้วใน start screen นี่สามารถจัดกรุปได้ด้วยเช่นกันนี่นา?)
ผมไม่รู้สึกต่างกันเลย ปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้ Start Menu อยู่แล้ว ปกกด Windows แล้วก็พิมพ์หาอยู่ดี
คือ... สำหรับผมแล้วนะ จะมีหรือไม่มี start menu ก็ได้ แต่ไอ้ start screen ตอนนี้สำหรับผมแล้วมันน่ารำคาญมาก เพราะบางจังหวะต้องนั่งเลื่อน cursor ไปทั้งหน้าจอเลย มันจะใหญ่ไปไหนฟะ
เอาจริงๆผมชอบ live tiles นะ แต่มันน่าจะมีวีธีแสดงผลที่ดีกว่า start screen นะ ผมว่า
บ่นนิด ไอ้ hot spot ด้านบนที่เอาไว้ลาก app สำหรับปิด หรือ pin ไว้ด้านข้างอ่ะ โดยปรกติแล้ว บางโปรแกรม เช่น browser ผมมักสลับดูแบบ maximize กับ windows ซึ่งเวลาเปลี่ยน mode จาก windows ให้เป็น maximize มันไม่มีปัญหาเท่าไหร่ เพราะปรกติก็ d.click เอาตรง title bar หรือไม่ก็ลากขึ้นไปชิดขอบบนอยู่แล้ว แต่ปัญหามันอยู่ตอน restore จาก maximize เป็น windows นี่แหละ เพราะผมใช้วิธีตวัดเมาส์ขึ้นไปข้างบนแล้วลาก title bar ลงมา ซึ่งตอนนี้มันดันทำไม่ได้แล้วเพราะมันจะกลายเป็นการ activate hot spot แทน -.- ตอนนี้เลยต้องนั่งเล็งไม่ให้ cursor ไปติดด้านบนสุดของจอก่อนจะลาก
อันนี้ผมไม่เป็นนะ จะเป็นก็ต่อเมื่อด้านบนเป็นพื้น desktop เพิ่งลองขยับหน้าต่างไปชนด้านบนดูแต่ยังไม่ maximize นะลูกศรกลายเป็นย่อขยายหน้าต่าง ถ้า maximize ก็เหมือนใน 7 คือลากจากขอบได้เหมือนเดิม จะเป็น hot spot ก็ต่อเมื่อขอบด้านบนเห็นพื้น desktop
ผมก็ไม่เป็น ไม่เจอปัญหานี้เลยเหมือนกัน
Jusci - Google Plus - Twitter
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงทันสังเกต แต่พักหลังผมกด Winkey + ลูกศรแทน - -" จริง ๆ เป็นปัญหาซีเรียสพอสมควรเลยนะครับนั่น
ตอนนี้ใช้ Windows 8 อยู่ ผมกลับไม่รู้สึกว่า UI ใหม่มันสร้างความลำบากในการใช้งานนะ ผมสามารถใช้งานปกติเหมือนใน Windows 7 เลย แต่มีสิ่งเดียวที่ไม่ชินตอนนี้คือปุ่มเปลี่ยนภาษาครับ ต้องกด Windows + Spacebar
ปรับกลับเป็นตัวหนอนเหมือนเดิมก็ได้นะครับ
ปรับตัวให้ชินกับของใหม่ดีกว่าครับ
Control Panel\Clock, Language, and Region\Language\Advanced settings ==> change language bar hot keys
ผมไม่ได้ปรับอะไร มันเป็นกด Alt+Shift นะ นี่ไม่ใช่อันปกติที่ตั้งมาเหรอ
ทำได้ทั้ง 2 ปุ่มครับ Alt+Shift มันจะแสดงที่ taskbar อย่างเดียว แต่ Win+Space มันแสดงว่ากำลังจะเปลี่ยนไปไหนให้เห็นชัด ๆ (อันเบ้อเริ่ม)
Jusci - Google Plus - Twitter
ขอบคุณสำหรับวิธีการเปลี่ยนปุ่ม Hot Key ครับ ผมว่าจะลองใช้สักหนึ่งอาทิตย์ก่อน ถ้ายังไม่ชินค่อยปรับให้เหมือนเดิมก็แล้วกัน
ฝึกชินๆ ก็ดีนะครับ เผื่อมาใช้แมค จะได้ไม่ต้องปรับตัวครับ ฮ๋าๆ
ใช้ Mac ผมก็หา KeyRemap มาแก้ให้มันเป็นตัวหนอนเหมือนกันครับ 555
ส่วนตัวรุสึกว่า win+space นี่กดติดง่ายกว่า อย่างเวลาเครื่องโหลดๆ นี่มักกดตัวหนอนไม่ค่อยติด.. คนอื่นเปนงี้กันมั้ยน้า :?
ซื้อ 8 แล้วดาวน์เกรดเป็น xp ได้ไหมอ่ะ
Win + F / Win + Q / Win + E / Win + X / Win + I
ห้าปุ่มนี้ผมใช้ประจำจนทำให้ผมคิดว่า Windows 8's Start Screen เจ๋งกว่า Windows 7's Start Menu หลายเท่าตัวเลยครับ
ข้อดีของ Windows 8 คือ สามารถใช้ปุ่ม Windows เป็น Boss Key ได้ เนียนสุดละ XD
แต่ไม่ชอบการมี "taskbar" สองอันของมันจริง ๆ เวลาใช้โปรแกรมทั้ง desktop ทั้ง modernUI แล้วมุมบนซ้ายมันเป็นตัวสลับโปรแกรม ผมคลิกพลาดบ่อย
อยากให้การค้นหาโปรแกรม มันรวม Settings กับ App เข้าด้วยกันเหมือนของ Windows 7 เพราะจะเข้าถึงโปรแกรมใน control panel แล้วพิมพ์ไม่ครบ ต้องมาคลิก Settings อีกทีก่อน เสียเวลา พิมพ์ให้ครบบางตัวก็ยาว... (ทำเป็นตัวเลือกก็ได้)
Jusci - Google Plus - Twitter
หากจะ search ในส่วนของ setting .. สามารถกด arrow down ลงมาได้เลย ไม่ต้องจับเมาส์ (เลื่อนต่อลงไปเลือกหาไฟล์หรือ search ผ่าน app ได้เลย)
ถ้าถนัด hotkey .. win+q = search app, win+w = search setting, win+f = search file (http://shortcutworld.com/en/win/Windows_8.html#link_2)
แต่เมาส์จี้ขอบซ้ายขอบขวานี่ปิดได้มั้ยน้า ใช้ hotkey อยู่แล้ว.. ถ้าเผลอไปทำให้มันโผล่ ต้องรอมันซ่อน แอบหงุดหงิดเหมือนกัน .
ปล.
win8 นี่ทำมาใช้กับคียบอรดได้อย่างดีเลย.. แต่ใครเน้นใช้เมาส์คงลำบากพอควร ต้องคอยเล็งแถมบางทีไม่ค่อยจะติด หรือบางทีไม่ได้เล็งแต่ดันติดซะงั้น แถมใครตั้งเมาส์หนืดๆ ยิ่งลำบากเพราะเน้นการใช้แบบ fullscreen (แต่ส่วนตัวใช้ 'คียบอรด' กับ 'ทัชแพด' เลยไม่ลำบากไร แค่ตวัดนิ้วนิดเดียวเอง เวลาใช้คียบอรดขยับนิ้วมากกว่าแยะ)
กดปุ่มลูกศรลงเพื่อเปลี่ยนเป็น setting ได้ก็ต่อเมื่อค้นหาแล้วไม่เจออะไรนี่ครับ นอกจากนั้นยังกดลง 2 ครั้ง enter อีกที เพื่อเปลี่ยนเป็น Setting แล้วกดปุ่มลูกศรไล่หาดูอีกที ถ้ารวมไว้ด้วยกันก็กดไล่หาได้ตั้งแต่แรก
hot key บางคำสั่งคีย์ที่ใช้มันก็ไม่สื่อเอาเสียเลย I เปิดเพเนลตั้งค่าด้านขวา Q ค้นหาโปรแกรม W ค้นหาการตั้งค่า ผมนึกไม่ออกว่าย่อมาจากอะไร ไม่กดนาน ๆ ก็ลืมหมดครับ
Jusci - Google Plus - Twitter
ผมกด arrow ต่อจากที่พิมพค้างใน box ได้เลยนะ.. ตอนนั้นใช้หาแอพใน store น่ะ แต่ highlight มันวิ่งผ่าน setting ก่อนนั่นแหละ (เข้าใจว่า design แบบนี้มาอยู่แล้วนะ มองว่ามันคือ search center ซึ่งแอพไหนที่รองรับ search จะมาโผล่ตรงนี้ด้วย)
ไม่แน่ใจเรื่องที่มาของ shortcut .. แต่ส่วนตัวจำว่า q คือ query ใดใด (แต่เผอิญ app คือตัวแรกในลิสต เลยถือว่า win+q คือหา app ไปโดยปริยาย), w คือ windows (หาข้อมูลเกี่ยวกับ windows โดยเฉพาะ มองว่ามันคือ การ search help มากกว่าการ search setting เช่นพิมพว่า update จะมีผลโผล่เพียบเลย แนวๆ ว่าทำนู่นนี่นั่นกับ update จะแยกคนละรายการกันเลย ไม่ใช่โชวแค่ windows update เพียงตัวเดียว ดังนั้นถ้าเอามันไปรวมไปแอพนี่คงรกไม่น้อยเลย หากใครเน้นใช้คียบอรดคงได้กดเพิ่มเกิน 3 ทีของ 2 arrow + 1 enter แน่ๆ)