มาเลเซียประกาศแผนกลยุทธ์เซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ (National Semiconductor Strategy - NSS) โดยเตรียมงบประมาณจากฝั่งรัฐบาลเอง 25 พันล้านริงกิต หรือประมาณ 2 แสนล้านบาท ตั้งเป้าดึงการลงทุน 5 แสนล้านริงกิตหรือประมาณ 4 ล้านล้านบาท
แผนการมีเป้าหมายหลายอย่าง ได้แก่
แผนการนี้แบ่งออกเป็น 3 เฟส ได้แก่ 1) ใช้ศักยภาพของอุตสาหกรรมชิปในมาเลเซียเดิม ที่รับเอาต์ซอร์สการผลิต 2) ดึงอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเข้ามา 3) ช่วยซัพพอร์ตบริษัทท้องถิ่นให้ก้าวสู่เทคโนโลยีระดับโลก
ที่ผ่านมามาเลเซียเป็นจุดลงทุนสำคัญของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยมักรวมตัวกันบริเวณเกาะปีนัง (อ่านเพิ่มเติมบทความชมโรงงานอินเทลในเกาะปีนัง)
ที่มา - New Straits Times
Comments
ตอนผมอายุ 23 ทำงานปีแรก ที่ทำงานเชิญวิทยากรในบรรยายซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องกับดาว.... กับ .... และ .... และมีชื่อในกลุ่มที่ปรึกษาของนายกฯ เขาบอกว่าเราตามโลกที่เป็น 0 และ 1 ไม่ทันแล้ว แต่โลกยุคต่อไปคือ A T G C ต่างหาก ไม่รู้สิ่งที่เขาว่าไว้เป็นผลมาถึงตอนนี้หรือเปล่านะ
I need healing.
งั้นตอนนี้พวก gene/biosimilar เราอยู่ตรงไหนของโลกละครับเนี่ย
ตกหมด ทั้ง ยุค digital, nano, bio, ai
สรุปตอนนี้กลายเป็น
"ผลิตชิปเพื่อเอามาช่วยพัฒนาเอไอให้ซิมูเลท
ฺBio/Petro chemical/Materail"
แนวคิดดี
ประเทศไหนก็ทุ่มงบสนับสนุน ไปๆมาๆจะขาดทุนกันหมดไหมนะ จะรอดู
เป็น game theory
ถ้าไม่ลงกันหมด ก็ปกติ
พอใครลง คนนั้นได้เปรียบ
พอลงกันหมด over supply ขาดทุนกันหมด
ถ้าขาดทุน ขาดทุนเพียงตอนนี้เพื่อรองอกงามในอนาคตเป็นสิ่งที่คุ้มค่าเสมอสำหรับ R&D ครับ
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
กลยุทธ์งั้นๆแหละ สู้เงินดิจิมอนเราไม่ได้หรอก
ต้องใช้คนที่สนับสนุนอุตสาหกรรมด้านนี้เยอะแค่ไหน ถ้าเป็นไทยจะสร้างคนได้ให้เพียงพอได้ไหมนะ เหมือนเยาวชนรุ่นใหม่ไม่เน้นเรียนแล้วด้วย ขนาดไปดูมัธยมปลายยังแย่เลย
จริงครับ น่าห่วงมาก
ตอนนี้ผู้ปกครองเลี้ยงลูกแบบ พ่อแม่รังแกฉัน เยอะมาก
ต้องการให้เด็กมีความสุขแบบสุดๆ ไม่ต้องตั้งใจเรียน ช่วง 15-20ปีแรกของชีวิต
แล้วไปทุกข์อีก 50ปีที่เหลือ (อายุเฉลี่ยไทยรู้สึกจะแถวๆ 70)
เพราะมีปัญหาด้านการทำงาน มีความรู้ไม่พอ แถมติดนิสัยรักสบาย
😓
+1
และสื่อ combo ด้วยการ ปั่นความคิดรักสบาย
เรียกร้องหา work life balance และ การทำงานน้อยลง
แต่ต้องยังสามารถมีชีวิตที่ดีได้อยู่
ไม่ว่ายังไงก็มองไม่เห็นอนาคตเลยครับ
แต่มองอีกแง่ก็ดี ถ้ามีคนรักสบายเยอะ
เราก็จะโดดเด่นได้ง่าย
ถ้าเกิดประเทศไปไม่ไหว ย้ายไปที่อื่นก็ได้
ถ้าเราไม่รีบแก้ เราจะเน่ากันหมดครับ
เพราะคนทำงานไม่ได้ ขั้นแรกคือ ขอทาน
ขอไม่ได้ จะเริ่มโกหกหลอกลวง
หลอกลวงไม่ได้ ก็จะเริ่มขโมย/ปล้น
ซึ่งทางออกในชีวิตที่ดูสุจริตสำหรับคนเหล่านี้คือ
ให้รัฐเลี้ยงดู เป็นรัฐสวัสดิการสุดโต่ง
ให้รัฐปล้นคนที่ตั้งใจเรียน ทำงานหนัก มาช่วยเหลือตน
ยิ่งเราแก้เรื่องนี้ช้าเท่าไหร่
เราต้องแบกคนแบบนี้ไปอีก50ปี / รุ่นปี
ประเทศไทยไม่ค่อยสนใจพัฒนาบุคลากรเลย
ไม่ว่ายุคสมัยไหน พรรคไหน รัฐบาลไหน
เวลาหาเสียงกัน นโยบายเรื่องการศึกษานี่ไปอยู่นู่นนนน ต่อหางแถวเลย
สนใจกันแต่เรื่องเฉพาะหน้า เรื่องของกลุ่มตัวเอง เรื่องใครจะได้เป็น ใครจะได้กลับมา ใครจะมีอำนาจ
ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งผมเฝ้าคอยดูตลอดว่ามีใครจะดันนโยบายการศึกษาปังๆบ้างนะ
แต่ทุกดีเบต แทบไม่มีพื้นที่ให้คุยเรื่องนโยบายการศึกษาหรือนโยบายสร้างคนเลย
ประเทศอื่นลงทุนเพื่อพัฒนาคนบุคลากร หันกลับมาดูเรา.....แจกเงิน เหอะ
+1