อ้างอิงตามการจัดอันดับของ Bloomberg Billionaires Index พบว่า Mark Zuckerberg มีทรัพย์สินรวมลดลงกว่าครึ่งหนึ่งจากเมื่อต้นปี โดยลดลงราว 7.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ตกลงมาอยู่ลำดับที่ 20 ในรายชื่อผู้ที่มีทรัพย์สินมากที่สุดจากเดิมที่เคยอยู่ในลำดับที่ 6 ในเดือนมกราคมของปีนี้ โดยปัจจุบัน Zuckerberg มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 5.59 หมื่นล้านเหรียญ
Zuckerberg เคยอยู่ในอันดับที่ 3 ในรายชื่อบุคคลที่มีทรัพย์สินมากที่สุด โดยเคยมีทรัพย์สินสูงสุดถึง 1.42 แสนล้านเหรียญในเดือนกันยายนของปีที่แล้วเมื่อหุ้นของ Facebook มีมูลค่าถึงหุ้นละ $382 ก่อนที่บริษัทจะเปลี่ยนชื่อเป็น Meta ในเดือนถัดมาและบริษัทเริ่มซบเซาหลังจากนั้น โดยปัจจุบันมูลค่าหุ้น Meta อยู่ที่ราว 148 เหรียญ
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนลดลงหลัก ๆ คือการที่บริษัทไปลงทุนไปกับ Metaverse ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและยังไม่ได้สร้างมูลค่าใด ๆ ประกอบกับการลงทุนกับ Instagram Reels เพื่อแข่งขันกับ TikTok ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก
นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ บริษัทเผยว่าไม่มีการเติบโตของผู้ใช้งาน Facebook รายเดือนเลย จนมูลค่าหุ้นลดลง นำมาสู่การที่ทรัพย์สินของ Zuckerberg ลดลงถึง 3.1 หมื่นล้านเหรียญซึ่งถือเป็นการลดลงภายใน 1 วันที่มีมูลค่ามากที่สุด
นักวิเคราะห์กล่าวว่าทรัพย์สินของ Meta อาจจะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปีจากการลงทุนใน Metaverse
ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ก็มีมูลค่าลดลงเช่นเดียวกันจากปีที่แล้ว เช่น Apple ลดลง 14% Amazon ลดลง 26% และ Google ลดลง 29%
ที่มา: Bloomberg
Comments
เลิกเถอะเมต้าวงเมต้าเวิร์ส ไม่เกิดหรอกฮะ เสียเวลาเปล่า
ทำไม มันเหมือนกับว่า คนที่จะทำอะไร เปลี่ยนโลก จะถูกคนอื่นมองว่าบ้า Meta ผมมองว่าจะกลายเป็นโลกที่สามารถเจอได้ และมีปฏิสัมพันธ์แบบ 3D VR เทพ ๆ เลย อยากรู้เหมือนกันว่าจะเจ๋งขนาดไหน
ปัญหาใหญ่มาก ๆ ของ Meta ตอนนี้ก็คือยังห่างไกลกับคำว่า 3D VR เทพ ๆ เลยครับ
เอาแค่ทำ VR ให้สวยงาม และสามารถดึงคนให้อยู่กับมันหลายชั่วโมงอย่างเกม Skyrim VR ที่ออกเมื่อ 4 ปีก่อน ก็ยังทำไม่ได้เลยครับ
“This is what happens when you work to change things. First, they think you’re crazy, then they fight you, and then all of a sudden you change the world.”
-Elizabeth Holmes
ตัวอย่างผู้พูดดีซะด้วย 555
โตมากับ Ragnarok Online เพราะงั้นเลยไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับ Metaverse เท่าไหร่ครับ อย่างที่คุณ Phil Spencer บอกไว้ว่า ประธาน XBOX เผย “เกมเมอร์อยู่ใน Metaverse มา 30 ปีแล้ว"
ต้องถามมาร์คก่อนว่า จะลงทุนปั้นโมเดล 3D ทุกอย่างบนโลก metaverse เอง สเกลมันอลังการมากๆ แบบนี้ไม่ต่างจากสร้างเกมเลย ใช้ทุนมหาศาล
ไม่เหมือนในกรณี FB ที่ทุกคนสามารถทำคอนเท็นเองได้ง่ายๆ ของแค่มีระบบรองรับ มันเลยเกิด
ส่วนตัวมองว่า metaverse ทำได้นะ แต่คงไม่แมสสำหรับทุกคน
เอาเงินไปลงทุนทำบริษัทผลิต HDD ดีกว่านะ จะได้พอให้คนอัพโหลดรูป วิดีโอได้เยอะๆ งานไม่หยาบ
ตามาร์กไม่เคยเล่นเกมออนไลน์หรอกเหรอ? ไม่เคยดูเมะที่หลุดไปอยู่ในโลกเกมหรอกเหรอ?
The Dream hacker..
ผิดหวังปนแปลกใจ
บริษัทใหญ่ระดับโลก ประกาศเปิดตัวยิ่งใหญ่ถึงขนาดเปลี่ยนชื่อบริษัท แต่ทุกอย่างกลวงไม่มีอะไรเลย ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน ทุกวันนี้อย่าว่าแต่นวัตกรรมหรืออะไรที่แปลกใหม่เลย แค่ทำของที่ชาวบ้านเขามีกันก็ยังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันที่เป็น Metaverse เลย
ผมมองแบบเดียวกับท่านเลย Meta หรือ Facebook เดิม มีทรัพยากรมหาศาลมาก แต่ทำไมจนถึงทุกวันนี้มีแต่ลมปาก ทุ่มเงินไปมากจนเท่า GDP หลายประเทศ แต่ผลลัพธ์ได้แค่เกมกราฟฟิกห่วย ๆ แบบย้อนยุคไป 90s
สุดท้ายมันก็คงจะมาละ แต่อาจจะไม่ใช่อย่างที่ผู้พยายามสร้างอยู่ตอนนี้ก็ได้
ส่วนตัวคิดว่าแว่น VR คงไม่ใช่แน่ๆ
Metaverse ของพี่มาร์คจะขายอะไรนะ universal ของ Metaverse งี้เหรอ หรือแค่ Social Network อีกทางแบบเป็น 3D
ปัจจุบัน Zuckerberg มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 5,590 ล้านเหรียญ --> $55.9 billion ครับ
แปลยังไงให้เงินหายไป 5 หมื่นล้าน $US
จะเกิดก็ต้องรอ HW จาก Apple อีกแหละ มาจุดให้
Metaworse
หลง
เมต้าอีโก้จนเสียสติสนับสนุนให้ Metaverse เกิดครับมีโลกเดียวมันน่าเบื่อเกินไป บางทีผมก็อยากพาแฟนไปเปิดหูเปิดตาอะไรใหม่ๆแต่ติดที่เวลากลางวันส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงาน และแฟนผมเป็นคนที่ไม่เล่นเกมซะด้วย ผมว่ามันดีสุดๆไปเลยถ้าคนส่วนหนึ่งออกใช้ชีวิตพบปะกันสังสรรค์กันหากิจกรรมทำด้วยกันใน Metaverse หลังเลิกงาน
เกิดได้ครับ แต่ต้องไม่ใช่ Meta ของ FB
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
+1
จากมุมมองคนไม่เล่นเกม Metaverse มันจะว๊าวครับ แต่ถ้าเป็นคนเล่นเกม MMORPG มาก่อน ไม่ค่อยรู้สึกอะไรกันหรอก ผมมีเพื่อนที่อายุต่างกันคือมากกว่าผมเยอะอยู่เขาเป็นคนไม่เล่นเกมตั้งแต่เด็ก ดูรู้เลย เพราะไม่รู้เรื่องเกมเท่าไหร่ เขาจะว๊าวมากกับแว่น VR แล้วนั้นทำให้มุมมองของคนเคยเล่นกับคนไม่เคยเล่นเกม MMORPG มองเห็น Metaverse ต่างกันเลยครับ เพราะความรู้สึกว่ามันต่างกันแบบจริงๆจังๆตรงไหน คือการเรามีตัวตนของอวตารเราที่จะสวยหล่อ เท่ ตามที่ใจคต้องการปรับแต่งที่ชอบ ไปเจอคนอื่นที่ออนไลน์ ไปร่วมกันต่อสู้ เก็บเลเวล แบ่งบันของให้กัน จัดทีมปาตี้ หาเพื่อนเพิ่ม เคยทำมาแล้วทั้งนั้น เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ในโลกออนไลน์ก็ไม่มีอะไรให้ทำเลย เพราะเราไม่ได้รับรู้ขนาดที่ว่าตัวละครดื่มน้ำเราจะรู้สึกด้วย กินอาหารก็รับรู้รสด้วย หรือได้กลิ่นจากในจากใน Metaverse ถ้ายังไม่มีสิ่งเหล่านี้ในสายตาผมก็ไม่ต่างจากมองจอเล่นเกม ไม่ใช่ว่าคนไม่เล่นเกมจะชอบอะไรที่สัมผัสได้จริงๆไม่ใช่หรือครับ เพราะในเกมหรือแม้แต่ Metaverse ก็ยังให้ไม่ได้เลยนะ Metaverse มันแค่เป็นจากจอภาพ มาเป็นแว่นแค่นั้นและที่เหลือก็เหมือน การเล่นเกมทุกประการ คือต้องมี คอลโทลเลอร์คอยควบคุมให้เราขยับได้
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนลดลงหลัก ๆ คือการที่บริษัทไปลงทุนไปกับ Metaverse ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและยังไม่ได้สร้างมูลค่าใด ๆ
กลางเดือนหน้า จะมีการประกาศวางจำหน่าย Meta Quest Pro และวางจำหน่ายช่วงปลายเดือนเลย อดใจรอนิดนะ นักลงทุนทั้งหลาย
ขอถามแบบไม่รู้นะครับ เจ้า "Meta Quest Pro" นี่เอาไว้ทำอะไรนะครับ หมายถึงมันแค่ hardware ใหม่หรือมีระบบอะไรใหม่ๆ มาด้วยหรือเปล่าครับ
ใช่ครับ เป็น VR ตัวใหม่ แต่คิดว่า ต่อไปอาจจะเปลี่ยนไปเรียกว่า MR (Mix Reality) Headset มั้ง เพราะว่ามันจะไม่ได้เป็นแค่ VR แล้ว มันจะเป็นทั้ง VR และ AR ในตัว (มองว่าคล้ายกับ MS Halo Len ก็พอจะได้ แต่ที่ผมเข้าใจคือ Halo Len เป็น VR ไม่ได้ และราคาของ Quest Pro ก็ไม่สูงเป็นหลักแสนกว่าบาท) สิ่งที่ดีขึ้นกว่า Quest 2 ก็คือ จอความละเอียดสูงขึ้น น้ำหนักเบาลง เล็กลง (เพราะเปลี่ยนมาใช้ Pancake Lens) และฟังก์ชั่นที่เพิ่มมาคือ Eye Tracking, Face Tracking
แต่สิ่งที่ว้าวที่สุด สำหรับผม มี 2 อย่าง คือ
1. Colour Passtrough เพราะว่ามันจะทำให้เรามีสิ่งที่เป็น Virtual มาอยู่กับสภาพแวดล้อมจริงเราได้เลย เช่น มีกลองเสมือน มีโต๊ะปิงปองเสมือน มีตัวการ์ตูนแบบโปเกมอน มาอยู่กับเรา มีโค้ชฟิตเน็ตมายืนต่อหน้า เป็นต้น
2.3D Environment Scan and Sharing
ตัวอย่าง Use Case ที่น่าจะทำให้เข้าใจง่าย ๆ คือ แฟนไปพักโรงแรม ส่วนเราติดงาน แล้วแฟนก็โทรมาคุยกับเรา พอรับรับสาย เราก็เป็น Avartar ไปอยู่กับแฟน โดยสิ่งที่เราเห็นคือห้องพักในโรงแรมนั้น ที่แฟนพักอยู่ เพราะว่ากล้องจาก MR Headset ที่แฟนใส่ จะ Scan ห้องนั้นไว้ แล้วส่งมาแสดงผลที่ Headset เรา ทำให้เราเห็นสถานที่นั้น ๆ ด้วย (ถ้าเขียนแบบ ให้อ่านแล้วรู้สึกเว่อร์ ๆ ก็ประมาณ กำลังจะเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นยุคถอดจิต ไปโผล่ที่โน่น ที่นี่)
ถ้าสนใจ หลังงานวันที่ 11 ตุลา (ประเทศไทยคงจะเป็นวันที่ 12 ) น่าจะมีคนสรุปสิ่งที่ Mark Zuckerberg นำเสนอออกมามากมาย ส่วนตัวผมคงฟังสด เพราะอยากเก็บทุกรายละเอียดครับ
ขอบคุณครับ มันน่าสนใจจริงๆด้วย ตอนแรกก็คิดว่าแค่ VR ตัวใหม่ แค่ upgrade hardware spec อะไรแบบนั้น
หันหลังกลับไปมอง มาร์คเอง
ที่ผ่านมาเค้าเอง "คิดริเริ่ม" อะไรที่เป็นของตัวเองแบบ Original บ้าง
Facebook ยิ่งใหญ่ขึ้นมากเิดจากการมองทิศทางและบริหารงานที่ดี อันนี้ใช่ ให้เครดิต แต่เค้าก็ไม่ได้เป็นคนคิดริเริ่มเอง ไม่ได้ปลูกไอเดียด้วยตัวเอง
เหตุการณ์นี้พิสูจน์ ศักยภาพด้านนี้ของมาร์คได้ดีเลย
การเป็นผู้บริหารกับการเป็น Inventor มันต่างกันนะ
เห็นด้วยเลยจริง ๆ เขาก็มีแค่ facebook เท่านั้นซึ่งมันเปรียบเหมือนหวยทุนนิยมเลยได้เงินรางวัลสูงมาก หลังจากนั้นก็ไม่มีของอะไรใหม่ ๆ อีกเลย นอกจากที่ไปซื้อโน่นนั่นนี่มา
โลกเมต้า เอาจริง ถ้าอยากทำ ทำโลกปล่าวๆไว้ แล้วให้เครื่องมือกับคนใช้มาสร้างเมืองกันไม่ดีกว่ารึ
ทุกวันนี้ Feed ใน facebook คือ ถ้าอ่านFeed โฆษณา แล้วระบบก็เอามายัดแบบเดียวกันรัวๆจนไม่มีอย่างอื่นเลย
ผมว่าเป็นเพราะความเชื่อมั่นส่วนตัวสูงมากเกินไป แถมยังมีทรัพยากรเกือบจะไม่จำกัด ความล้มเร็วลุกเร็วเลยน้อย แถมเอาเข้าจริงผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ปัง ๆ ของ Facebook เอาเข้าจริงผมว่าแทบไม่มี ถ้าไม่นับสิ่งที่เขาไปซื้อมา
เข้าโลก Metaverse เพื่อไปดู Ads แบบ 4D -
เขาเตรียมไว้นานแล้วครับ หนึ่งในทีม Metaverse ตอนนี้ก็มีทีมทำ Ads สำหรับงาน AR/VR นี่แหล่ะครับ ไอดอลไอทีชาวไทยที่เงียบหายไปก็เคยทำงานอยู่บริษัทที่ Facebook เทคไป แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ายังอยู่ใน Meta หรือไม่ ข่าวเงียบไปนานพอสมควร
ผมว่า Metaverse มันเกิดแน่ แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ครับ
ดูๆ ผมยังรู้สึกว่าเทคโนโลยีมันยังไม่พร้อมเลยนะ
ที่ใกล้เคียงสุดตอนนี้ก็คงเป็นพวก VR แต่มันก็จะดึงคนได้แค่กลุ่มเล็กๆ
ผมว่าถ้า Metaverse จะมีคนนิยมเห่อกันใช้จริงๆ ก็คงจะต้องดันไปให้ถึงประสบการณ์ใช้งานแบบพวกนิยายเกมออนไลน์เลยแหละ คือนอกจากมองเห็นแล้ว ยังรับสัมผัสต่างๆ ได้จริง จนคล้ายว่าเราหลุกไปใช้ชีวิตอีกโลกหนึ่งไปเลย ซึ่งผมว่าคงต้องใช้พวกคลื่นสมองโน่นแหละมั้ง ถึงจะได้
สาวก Drupal และ Backdrop CMS ไม่ใช่ใคร ก็ผมนี่แหละ
ผมไม่ซ้ำเติมนะ อย่างน้อยเขาใช้ทรัพยากรของตัวเองในการพยามทำสิ่งใหม่ๆ
ถ้ามันสำเร็จโลกก็จะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้
ไม่เหมือนพวกวงการคริปโต อยากจะเปลี่ยนโลกแต่เอาเงินคนอื่นมาลง
ไม่ได้จะแซะแต่เห็นโม้ว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่เหมือนกัน
ลงทุนไปเยอะน่าดู ถ้าสำเร็จ น่าจะคืนมากกว่าเดิมนะ
metaverse ถ้าจะเกิด ก็ต้องเกิดจากทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ไม่ใช่เพราะ meta ทำเพียงบริษัทเดียว
ยกตัวอย่างเหมือนครั้ง internet เปลี่ยนจากเครือข่ายด้านการศึกษาการทหาร เป็นเครือข่ายรวมคนทั้งโลก มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะใครคนใดคนหนี่งแต่เกิดเพราะทุกภาคส่วนมุ่งหน้าไปด้านนั้น
Metaverse ไม่มีทางเกิดตราบใดที่ตัวรับ input ไม่ได้เบาและสะดวกจะเหมือนกับไม่ได้สวมใส่
ถ้าทำไม่ได้ เล่นเกม MMORPG ยังรู้สึกว่าไหลลื่นกว่าเลย
ปล. ส่วนตัวผมคิดว่าบนโลกแห่งความเป็นจริง เรายังมีอะไรให้ทำอีกมาก ธรรมชาติก็มีความหลากหลายอย่างหาที่สุดไม่ได้ ทั้งน่าตื่นตาตื่นใจและน่าแปลกใจไปพร้อม ๆ กัน ผมว่ามันน่าสนใจกว่าโลกเสมือนที่จำกัดและถูกสร้างโดยคนแค่ไม่กี่คน ถ้าให้ผมไปเล่น Metaverse ผมไปเล่น RPG หลาย ๆ เกมดีกว่า ได้เปลี่ยนโลกเปลี่ยน lore ไปเรื่อย ๆ ด้วย
That is the way things are.
รอให้เหมือนในอนิเมะ SAO ที่ ผ่านคลื่นสมองเลยดีกว่า ถ้ายังต้องใช้ตาอยู่ไม่ดีหรอก ตาจะเสียซะเปล่าๆ ปัญหาหลักๆผมว่ามันอยู่ที่ Hardware ที่ต้องคาดแว่น แต่ดูสภาพเหมือนเล่นนานไม่ได้เสียสายตา ไปเล่นเกมที่ออนไลน์ดีกว่า ยกเว้นว่า Metaverse รับรส รับกลิ่น หรือประสาทสัมผัสทั้ง 5 สามารถตอบสนองได้จาก Metaverse ไม่อย่างงั้นไม่ต่างอะไรจาก MMORPG ที่มีแค่ภาพบวกกับมุมมองที่ได้จาก VR แค่นั้นเลย
Metaverse ก็เหมือนโกในเกม RPG ยุคก่อนนั่นล่ะ แค่ใส่แว่นให้เป็นมุมมองเราเองซึ่งมีแค่นั้นแต่ใช้เงินเพิ่มขึ้นมากขึ้นด้วย Mark Zuckerberg ไม่น่าจะเคยเล่นเกม MMORPG แน่ๆเลย คงเล่นแต่พวกแนว 5 VS 5 และ เกมแบบ FPS ยิงๆ