ที่ผ่านมามีองค์กรจำนวนไม่น้อย ใช้คลาวด์เพื่อการย้ายฐานข้อมูล ย้ายระบบไปสู่แพลตฟอร์มใหม่ โดยประโยชน์ที่ได้รับคือช่วยลดต้นทุนเป็นหลักและอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้บ้าง
แนวคิดนี้ไม่ผิด แต่ต้องยอมรับว่าหากตัดสินใจนำคลาวด์ไปใช้ในเชิงกลยุทธ์เป็นโมเดลปฏิบัติการใหม่จะช่วยให้องค์กรปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงได้อย่างต่อเนื่อง สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้ และการเติบโตได้ในอนาคต
จากรายงานของ Accenture หัวข้อ “Ever-ready for Every Opportunity: How to Unleash Competitiveness on the Cloud Continuum” ซึ่งเป็นผลการสำรวจข้อมูลในกลุ่มผู้บริหารระดับสูงเกือบ 4,000 คนทั่วโลกพบว่า การใช้คลาวด์เพื่อลดต้นทุนเพียงอย่างเดียวอาจทำให้องค์กรเสียเปรียบ เมื่อเทียบกับองค์กรที่เลือกใช้ทั้งคลาวด์สาธารณะ คลาวด์ส่วนตัวและเอดจ์ในเชิงกลยุทธ์มากขึ้น
องค์กรที่วางแผนดี ใช้ประโยชน์จากคลาวด์อย่างเต็มประสิทธิภาพมองว่าคลาวด์เป็นเทคโนโลยีที่ต่อเนื่องกันเป็นห่วงโซ่ สามารถขยายไปยังจุดต่างๆ และมีสถานะความเป็นเจ้าของต่างกัน ควบคู่ไปกับการใช้ 5G แบบคลาวด์เฟิร์สและเครือข่ายที่กำหนดได้ด้วยซอฟต์แวร์ (software-defined networks) จึงสามารถรองรับความต้องการของธุรกิจที่เปลี่ยนไปตลอดเวลาได้
รายงานฉบับนี้ได้เผยให้เห็นว่า ในขณะที่องค์กรวางแผนย้ายระบบงานกว่า 2 ใน 3 ขึ้นไปบนคลาวด์ให้ได้ภายใน 3 – 5 ปีข้างหน้า แต่จะมีเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นที่ใช้ศักยภาพของคลาวด์ได้เต็มที่โดยนำไปใช้เปลี่ยนงานประจำวันต่างๆ การทำงานที่ต้องใช้องค์ความรู้ ตลอดจนปรับปรุงแอปพลิเคชั่นให้ทันสมัยเพื่อรองรับความต้องการด้านต่างๆ ของธุรกิจ
องค์กรที่มีความล้ำหน้าเช่นนี้เรียกว่า Continuum Competitors หรือผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง มีสัดส่วนประมาณ 12-15% ของผู้ตอบแบบสำรวจ ถือเป็นองค์กรที่โดดเด่นในด้านการขยายประสบการณ์ที่ได้จากคลาวด์สาธารณะไปสู่ศูนย์ข้อมูลองค์กร และจุดประมวลผลเอดจ์ ช่วยปรับขั้นตอนการดำเนินงานประจำของธุรกิจทำให้สามารถรับประโยชน์จากคลาวด์ได้เต็มที่ หมายถึงความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่า และการรับมือสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีกว่า
ตัวอย่างองค์กรที่เห็นได้ชัดคือ Carlsberg บริษัทเบียร์ข้ามชาติจากเดนมาร์ก ที่ใช้คลาวด์ในเชิงกลยุทธ์ ช่วยทั้งประหยัดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มอิสระในการสร้างสรรค์และทดลอง ทำให้เปิดตัวโครงการและแคมเปญใหม่ๆ โดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงจากเดิมที่ใช้เวลาเป็นเดือน
กล่าวได้ว่า ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทขึ้นอยู่กับการเลือกประเภทคลาวด์ให้เหมาะกับการนำไปใช้และเลือกใช้บริการบนคลาวด์แบบต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ศูนย์ติดต่ออัจฉริยะ เอดจ์คอมพิวติ้ง โรโบติกคอมพิวติ้ง เทคโนโลยีโลกเสมือน (extended reality) และอื่นๆ ซึ่งเป็นการนำห่วงโซ่ต่างๆ ในระบบคลาวด์ไปใช้ด้วยแนวทางที่ล้ำหน้าที่สุด และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่
ทั้งหมดคือการใช้กลยุทธ์แบบคลาวด์เฟิร์ส ช่วยสร้างประสบการณ์ลูกค้าให้ดีขึ้น มีกระบวนการทำงานที่เป็นอัจฉริยะและมีผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยมีสิ่งที่แตกต่าง อาทิ
ทั้งนี้ Accenture พบ 4 แนวทางการใช้คลาวด์สู่ความเป็นผู้นำในภาคธุรกิจ ซึ่งองค์กรต่างๆ สามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้
รายงานของ Accenture เรื่อง “Ever-ready for Every Opportunity: How to Unleash Competitiveness on the Cloud Continuum” ออกมาในขณะที่องค์กรต่างๆ ถูกบีบคั้นจากสถานการณ์โควิดให้ต้องส่งมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับลูกค้า ให้บริการในรูปแบบใหม่และเป็นแบบเสมือนจริง อีกทั้งงานวิจัยก่อนหน้านี้ของเอคเซนเชอร์ก็ยังพบว่า องค์กรที่สามารถปรับขนาดของนวัตกรรมเทคโนโลยีได้ในช่วงโควิด-19 จะสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตเร็วกว่าองค์กรที่นำนวัตกรรมเทคโนโลยีไปใช้ช้า ถึง 5 เท่า