เว็บข่าวบันเทิง The Hollywood Reporter ให้ข้อมูลภายในว่า Netflix กำลังปรับนโยบายผลิตคอนเทนต์ของตัวเองใหม่ หลังเจอปัญหายอดสมาชิกลดลง จนหุ้นตกหนัก และต้องปลดพนักงานออก 150 คนเพื่อลดค่าใช้จ่าย
ภาพรวมของ Netflix จะเน้นเรื่องคุณภาพมากกว่าปริมาณ สร้างหนังใหญ่ขึ้น คุณภาพสูงขึ้น แต่ลดจำนวนเรื่องลง ตัวอย่างคือแทนที่จะลงทุนสร้างหนังมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ 2 เรื่อง ก็เปลี่ยนมาสร้างหนัง 20 ล้านดอลลาร์เรื่องเดียวแทน
กลุ่มหนังที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายใหม่คือ หนังกลุ่มครอบครัว แอนิเมชัน ในขณะที่หนังใหญ่ๆ แบบ Don’t Look Up, Red Notice, Adam Project จะเป็นตัวอย่างของหนังที่ Netflix อยากทำ
Netflix ยังมีโปรเจคหนังใหญ่ๆ มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์อยู่ในคิว เช่น The Gray Man (แสดงโดย Ryan Gosling และ Chris Evans) จะฉายบนแพลตฟอร์มหลังเข้าโรงในเดือนกรกฎาคมเพียง 1 สัปดาห์ และ Knives Out 2 (Daniel Craig) เริ่มฉายในไตรมาส 4 ของปีนี้
ที่มา - The Hollywood Reporter
Comments
เราสามารถดูทุนหนังของ Netflix แต่ละเรื่องได้มั๊ยครับ
คือว่าหนังมันเยอะมาก เลือกไม่ถูก เรื่องสนุกๆก็มี เรื่องน่าเบื่อก็เยอะ เลยก็ว่าจะเลือกดูตามทุนหนังสูงๆละกัน
ไม่ได้บอกว่าหนังทุนสูงมันสนุก แต่ถ้าตามข่าวคือมันควรจะสนุกเพราะเค้าเน้นคุณภาพตามจำนวนเงินลงทุน
แต่จะลองเปลี่ยนวิธีการเลือกหนังใน Netflix
ก็ไปดูคะแนนตามเว็บรีวิวซิครับ
สำหรับผมเน้นสนุกไม่คิดลึกไม่ศิลปศาสตร์เข้าเส้นเลือด ก็ดูคะแนน imdb
เห็นด้วยครับ เอาชื่อไปหาดูก่อนว่าชาวโลกเขาให้กันกี่คะแนน ผมว่าคะแนนนี้จะตรงกับความสนุกมากกว่าทุนสร้างเสียอีก
ใช้ได้เฉพาะหนัง ซีรี่ย์นี่คะแนนสูง แทบทุกเรื่อง แต่ดูจริงแล้วไม่ถูกจริต
ผมคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจาก การที่คนเราทนดูซีรี่ย์ใด ๆ จนจบเนี่ย แสดงว่าต้องชอบจริง ๆ ถึงจะดูจนจบได้แล้วไปรีวิว เพราะฉะนั้นคะแนนมันเลยสูงเพราะมาจากคนที่ชอบซีรี่ย์นั้น ๆ จริง ๆ
ส่วนคนที่ไม่ชอบดูแล้วเบื่อ ก็จะเทไปตั้งแต่แรก ๆ แล้วบางคนดูตอนเดียวเลิกก็มี และคงไม่กล้าไปวิจารณ์ซีรี่ย์นั้น ๆ เพราะไม่ได้ดูจบ
ผมคิดว่านะ เพราะผมก็เทไปหลายเรื่องเหมือนกัน @_@ บางเรื่องก็สนุกนะ แต่ผมก็เท
สูตรสำเร็จของหนังซีรีส์มันเริ่มวนลูปจนคนจับทางได้แล้วครับ ทำพล็อตหวือหวา เปิดเรื่องยิ่งใหญ่อลังการ ดำเนินเรื่องเร็ว ช่วงท้ายตอนทิ้งปมไว้ให้คนอยากรู้เรื่องราวตอนต่อไป ถ้าเนื้อเรื่องมันสมจริง มีเหตุมีผลก็กินยาวๆ แต่หลังๆ เหมือนเอาพล็อตจากซีซั่นเดิมมา reuse หรือเปลี่ยนแคแรกเตอร์ของตัวละครจนกลายเป็นหนังน้ำเน่า เรื่องที่ผมรู้สึกว่ามันลูปจนเน่านี่ก็ประมาณ hera palace, the 100, Lost ที่ซีซั่นแรกๆ ทำออกมาได้ดี แต่ซีซั่นต่อๆ มายำแหลกจนเสียไปเลย
อย่างหนึ่งที่เป็นตัวชี้วัดที่ดีคือทีมงานเบื้องหลังในตำแหน่งหลัก ๆ ครับ ผู้กำกับ ผู้เขียนบท บทดั้งเดิม หรือแม้แต่ผู้กำกับภาพ เราชอบงานคนไหน งานที่คนคนนั้นเข้าไปมีส่วนร่วมก็มีโอกาสตรงกับรสนิยมเราสูง
เข้าคำถามที่ว่าหากอยากดูต้นทุน คิดว่าแหล่งที่ดีที่สุดคือวิกิ แต่ก็ไม่แนะนำให้เอามาเป็นปัจจัยเพราะมันผันผวนง่ายครับ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
คือ review ผมก็ดูนะ แต่มันผิดหวังบ่อยไง(อัตราส่วนเจอหนังสนุกไม่ต่างจากสุ่มดู) อ่านเสร็จ build ซะอย่างดีแต่พอดูแล้วก็ปรกติไม่ได้สนุก(มาก)เหมือนที่บอก คงเพราะคนที่ review น่ะเค้าดูหนังเป็นประจำและมีความ "รับรู้" สิ่งที่หนังแสดงออกมาได้ ต่างจากผมที่ไม่มี background อะไรเลยขอแค่ดูสนุกน่าติดตามก็พอ ดูแล้วก็จบๆไป (ผู้กำกับ/นักแสดง เอาจริงๆผมไม่รู้จักสักคน เคยกำกับ/เล่นหนังอะไรมาบ้างก็ไม่รู้เลย อย่างมากก็คุ้นหูกับที่คนที่เค้าดังจริงๆ)
ไอ้ครั้นจะไปหารายชื่อผู้กำกับ/นักแสดง มันก็ดูจะเปลืองพลังงานไปหน่อย(จากประโยคข้างบน ไม่รู้จักคนในวงการนักหนัง/นักแสดง) ส่วน Top 10 นั่นสำหรับผมก็มีตรงใจอยู่บ้าง
จะบอกว่าไม่ได้ serious หรอกแค่จะหาวิธีหาหนังดูไปเรื่อยๆ แบบเปิดปุปไม่นานก็ได้ดูเลย ไม่ต้องไปหาข้อมูลอะไรเยอะแยะ
เลยจะมาลอง idea ใหม่ดูตามทุนสร้างซะเลย แต่ถ้าทุนสร้างมันหายากนักก็ล้มเลิก idea นี้ไป สุ่มดูเหมือนเดิม
ไม่ได้บอกให้อ่านคำวิจารณ์ครับ ดูคะแนนรวมที่มีสมาชิกมาให้คะแนน
แนวไหนคุณชอบดูมากก็ตั้งเกณฑ์ไว้ต่ำหน่อย แนวไหนไม่ค่อยชอบก็ตั้งไว้สูงๆ อย่างผมชอบสยองขวัญ ถ้าได้เกินหกคะแนนผมก็ดูแล้ว พวกรักน้ำเน่าก็ตั้งไว้แปดจุดห้าต่ำกว่าไม่ดู
ที่สำคัญละครฝรั่งจะต่างจากละครไทย ไทยมีโครงเรื่องจนจบอยู่แล้ว แต่ละครฝรั่งส่วนมากปรับไปในแต่ละปีตามสถานะการณ์ ดังนั้นต้องทำใจรับความเนือยบ้าง หรือไม่ก็ต้องไปดูพวกที่สร้างตามนิยาย พวกนั้นจะมีเนื้อเรื่องที่ต้องทำตามหนังสือ
น่าจะทำตั้งนานแล้ว
ปริมาณก็ตุนไว้จนพอแล้ว ก็คงได้เวลาทำหนังคุณภาพบ้าง แต่ก็ต้องดูว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มใหญ่ของ Netflix คือใครด้วยแหล่ะเพราะมันใช้ Algorithm คำนวณ แยกตามโซน ดังนั้นก็คงไม่แปลกที่อาจจะได้เห็นหนังเกาหลีฟอร์มใหญ่อยู่ดี ถ้าใครไม่อินกับหนังเกาหลีก็อาจจะส่ายหัวเหมือนเดิม ส่วนโซนอื่นก็คงต้องดู Algorithm ก่อนแหล่ะว่าลงไปโซนไหน หนังแนวอะไร
ฆ่าตัวเองด้วยหนังไร้คุณภาพ ผมคนนึงล่ะที่ถ้าจะกลับบไปดูต้องคิดแล้วคิดอีก
adam project นี่นะคุณภาพ หนังเกรดซี เนือเรื่องเดาได้ไม่เหมาะสมกับเน็ตฟลิกซ์ลย
ทำไมNetflixไม่ยอมมองว่าปัญหาคนหายมาจากการจัดการcontentบ้างนะ
มาจังเลยเกาหลีอินเดียเนี่ย
อันนี้ไม่ได้อยู่ที่เราดูอะไรเยอะหรอครับ ของผมมีเกาหลีอินเดียบ้าง 1-2 อันที่เหลือก็เป็นแนวที่ผมดูเกือบหมดเลย
ที่บ่นๆกันเกาหลีเนี่ย คืออัลกอริทึมของเน็ตฟลิกมีข้อมูลอยู่ว่าคนไทยที่สมัครดูเกาหลีเยอะ รวมถึงใน SEA ซึ่งเข้าใจว่าคนในนี้น่าจะไม่ค่อยดูกันแต่คนกลุ่มใหญ่ชอบ เน็ตฟลิกซ์ใช้หลักการไปจอยร่วมทุนกับสตูของเกาหลี ช่องต่างๆของเกาหลีซื้อสิทธิ์การฉายนอกประเทศเกาหลี หรือรวมถึงในประเทศเกาหลีเอง ซึ่งช่องก็มองว่าวินตัวเองไม่ต้องหาขายซีรี่ย์ในต่างประเทศด้วย เน็ตฟิกก็ไม่ต้องลงทุนเยอะ แต่มีซีรี่ย์เกาหลีคุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ตลาดเอเชีย รวมถึงบางเรื่องยังเลือกนักแสดงได้ด้วย อย่างละครไทยบางเรื่อง เรตติ้งเน่ามากแต่ผู้ผลิตไม่แคร์ เพราะเน็ตฟลิกซื้อไปฉาย 50 ประเทศ
ส่วนซีรี่ย์ฝรั่ง 70% คุณภาพตำ่ ผลิตจากสตูดีโอที่ไม่ดัง คนมันเลยไม่ดูแคนเซิลไปเยอะ
แล้วจะมีไอดีแยกเพื่อศึกษาวิธีการดูของแต่ละคนไปทำไมล่ะครับ ถ้ามันไม่ได้สะท้อนความชอบของเจ้าของไอดีจริงๆ?
แต่เรื่องจัดให้แต่ตามความชอบของผู้ใช้มันก็เป็นเหมือนดาบสองคมเหมือนกันนะ เพราะมันจะทำให้เราเจอแต่เรื่องเดิม ๆ แต่เรื่องที่สนุกเหมือนกันแต่เป็นแนวที่เราไม่ค่อยได้ดูบางทีมันก็พลาดโอกาสตรงนั้นไปเหมือนกัน
ควรทำนานแล้วครับ ดูไม่ค่อยเข้าถึงหนังเท่าไรดูแล้ว งง
อยากให้มีการกดโหวต ชอบ ไม่ชอบ หลังดูจบ
ผมล่ะอยากให้มีใส่รายชื่อหนังที่เราไม่ชอบเข้าไปเลย ให้เอาไปวิเคราะห์ได้เลย เลือกที่ชอบให้ไม่ได้ ก็ขอเป็นไม่ต้องส่งแนวเรื่องที่ไม่ชอบมาก็ยังดี