KBTG องค์กรด้านเทคโนโลยีของธนาคารกสิกรไทยได้เปิดบริษัทใหม่ในชื่อ KASIKORN X หรือ KX เชื่อว่าต้องมีคนงงกันบ้างว่า ชื่อเหมือนธนาคารกสิกรไทย แล้วจะมีอะไรแตกต่างจากตัวธนาคารหรือไม่ รวมถึงตัวอักษร X ที่ต่อท้ายนั้นมีความหมายว่าอะไร

ธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Head of Venture Builder ของ KASIKORN X อธิบายว่า ถึงชื่อจะเหมือนกัน แต่ KX ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นอิสระจากธนาคารกสิกรไทย และ KBTG มีจุดเด่นคือดำเนินธุรกิจแบบสตาร์ตอัพ และมี Decentralized Finance and Beyond เป็นแนวคิดในการขับเคลื่อนกิจการ

หากนับจากวันที่เปิดตัว KX ดำเนินธุรกิจมาเกือบ 7 เดือน และส่งผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่ไม่เคยมีมาก่อนในไทย เช่น Coral แพลตฟอร์มงานศิลปะแบบ NFT และ Kubix บริการระดมทุนในรูปแบบ ICO ซึ่งทั้งคู่ได้รับความสนใจจากชาวไทย และนักลงทุนในต่างประเทศ

KX ทำอย่างไรถึงปั้นสองผลิตภัณฑ์ดิจิทัลดังกล่าวจนติดตลาด และอนาคต KX หลังจากนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง Blognone มีโอกาสพูดคุยกับ ธนะเมศฐ์ อีกครั้ง เพื่อหาคำตอบดังกล่าว พร้อมฉายภาพสถานการณ์ของ KX ในปัจจุบันว่าในเวลา 7 เดือนนั้นทำได้ตามเป้าหมายแค่ไหน

เริ่มต้นจากโอกาสในบริการทางการเงิน

อย่างที่เล่าไปข้างต้น KASIKORN X หรือ KX ใช้ Decentralized Finance and Beyond เป็นแนวคิดในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเกิดมาจากโอกาส และช่องว่างของบริการทางการเงินที่ Decentralized Finance หรือ DeFi เข้ามาแก้ปัญหา และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้บริการทางการเงินในปัจจุบันได้

แต่การจะขับเคลื่อนเรื่องนี้ จำเป็นต้องมีการทำงานให้เร็วเหมือนสตาร์ตอัพ และวางตัวเองเป็น Regional Company ตั้งแต่วันแรก KX จึงเป็น Venture Builder หรือโรงงานผลิตสตาร์ตอัพ และธุรกิจใหม่ ทำงานแยกจากธนาคารกสิกรไทย และ KBTG ที่สำคัญคือมีทีมงานเป็นคนเวียดนาม และจีน ทั้งสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษทั้งองค์กร

“ถึงทำงานแยกกัน แต่ยัง Synergy กับธนาคารกสิกรไทย และ KBTG ตลอด ซึ่งพวกเขาพร้อมสนับสนุนเรา และถือเป็นความโชคดีของ KX ที่มีครอบครัวที่ดี” ธนะเมศฐ์ กล่าว

สำหรับบริษัทแรกของ KX คือ Kubix แพลตฟอร์มการระดมทุนในรูปแบบ ICO ที่องค์กรต่าง ๆ สามารถระดมทุนง่าย ๆ แต่มีประสิทธิภาพ ด้วยการจำหน่าย Digital Token ที่มีเทคโนโลยี Blockchain อยู่เบื้องหลัง ถือเป็นการช่วยปลดล็อกบริการทางการเงินในประเทศไทย

Kubix แพลตฟอร์ม ICO ของคนไทย

“Kubix ถือเป็นบริษัทแรกของ KX ในโลกของ Digital Asset ซึ่งการระดมทุนที่สร้างชื่อให้กับเราคือ Destiny Token หรือ โทเคนดิจิทัลภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส 2 ที่เปิดตัวช่วงปลายเดือน ก.พ. 2022 ผ่านการร่วมมือกับ จีดีเอช และ บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น” ธนะเมศฐ์ อธิบาย

แม้การระดมทุนแบบ ICO ในไทยจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในเวลานั้น แต่ด้วยการจับมือกับผู้ผลิตภาพยนตร์ และกระแสของ บุพเพสันนิวาส ประกอบกับผลตอบแทนที่สูงถึง 2.99% ต่อปี และเพิ่มเป็น 5% ต่อปีหากภาพยนตร์ดังกล่าวทำเงินได้แตะ 1,000 ล้านบาท ทำให้โปรเจคนี้ถูกพูดถึงในวงกว้าง

ถึงจะยังไม่ประกาศวันเสนอขาย แต่ลองมาทราบรายละเอียดของ Destiny Token เพื่อเตรียมตัวลงทุนกันได้ โดย Destiny Token จะแบ่งเป็น 3 แบบคือ

• โทเคน I am Glad ราคาเสนอขาย 5,559 บาทต่อโทเคน จำนวน 15,559 โทเคน
• โทเคน I am Delighted ราคาเสนอขาย 155,559 บาทต่อโทเคน จำนวน 459 โทเคน
• โทเคน I am Happy ราคาเสนอขาย 1,555,559 บาทต่อโทเคน จำนวน 69 โทเคน

มูลค่าระดมทุนรวมทั้งสิ้น อยู่ที่ 265,227,633 บาท ผ่านโทเคนดิจิทัล 16,087 โทเคน ใช้ระยะเวลาการระดมทุนไม่เกิน 2 ปี มีผลตอบแทนตามข้อมูลข้างต้น

ส่วนอนาคตของ Kubix ขึ้นอยู่กับทีมงานผู้บริหารของ Kubix เอง ที่จะวางภาพให้ Kubix เป็นแพลตฟอร์มการระดมทุนของธุรกิจและการสร้างประสบการณ์แบบใหม่ให้แก่ลูกค้าที่หลากหลาย

Coral แพลตฟอร์มจำหน่ายงานศิลปะ NFT ระดับโลก

สำหรับธุรกิจที่ 2 ที่ KX ส่งออกมาคือ Coral แพลตฟอร์มจำหน่ายงานศิลปะ NFT โดยจุดเริ่มต้นของ Coral มาจากงานศิลปะของศิลปินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่โดดเด่น แต่อาจไม่ได้รับโอกาสในการก้าวไปในระดับโลก KX จึงต้องการขับเคลื่อนวงการนี้ด้วยการพาพวกเขาเติบโตด้วย NFT

“Coral คือ Super Simple NFT มีเป้าหมายสร้างโอกาสให้ศิลปินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เติบโตในระดับโลก และเราไม่ได้เป็นแค่ช่องทางจำหน่าย แต่คือการเป็นพาร์ตเนอร์กับศิลปินเพื่อเติบโตไปด้วยกัน และยกระดับวงการศิลปะให้ไปในฝั่งดิจิทัล ขนานไปกับโลกฟิสิคัลที่พวกเขาคุ้นเคย” ธนะเมศฐ์ กล่าว

จุดเด่นที่ Coral แตกต่างแพลตฟอร์มจำหน่ายงานศิลปะ NFT อื่น ๆ คือ

• มีการยืนยันตัวตนศิลปิน เพื่อความมั่นใจในการซื้องานศิลปะดิจิทัล NFT
• สนับสนุนการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีการร่วมมือกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ออกสัญลักษณ์ © Informed to DIP สำหรับงานศิลปะที่มีการจดแจ้งกับทางกรมฯ ข้อมูลเหล่านี้จะไปอยู่บน Blockchain
• งานศิลปะดิจิทัล NFT ของ Coral จะอยู่บน Ethereum ซึ่งเป็น Global Standard สำหรับงานศิลปะ NFT
• ใช้เงินบาทในการชำระเงิน ไม่ต้องแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินดิจิทัลก่อนซื้อ โดยใช้วิธีการที่คุ้นเคย คือ Mobile Banking และ Credit Card/ Debit Card
• มีการจัดงานอีเวนต์โชว์งานศิลปะต่าง ๆ เชื่อมต่อโลกออนไลน์ และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ผ่าน Coral NFT Walls

สิ่งที่พิสูจน์ว่า Coral เติบโตได้จริง นั่นคืองานศิลปะที่จำหน่ายใน Coral มีราคาค่อนข้างสูง หรือตั้งแต่ 25,000-2,800,000 บาท และที่จำหน่ายได้มีทั้งงานศิลปะจากศิลปินแห่งชาติ และศิลปินหน้าใหม่ ที่สำคัญคือผู้ซื้อไม่ได้มีแค่คนในสังคมสกุลเงินดิจิทัล แต่รวมถึงคนทั่วไปที่ชื่นชอบงานศิลปะด้วย

ภาพงานออฟไลน์อีเวนต์ที่ KX จัดขึ้นเพื่อแสดงผลงาน NFT

Endless Capital กองทุนรูปแบบใหม่

สุดท้ายคือ Endless Capital ธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนในสตาร์ตอัพของ KX เน้นลงทุนในรอบ Seed และ Pre-Series A และลงลึกในสตาร์ตอัพที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Web3, DeFi, Metaverse และอื่น ๆ โดยมี กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG เป็นผู้ช่วยขับเคลื่อนอย่างใกล้ชิด

“รายละเอียดของ Endless Capital ยังมีไม่มาก เราบอกได้แค่ว่าเป็นกองทุนที่ไม่เหมือนชาวบ้าน คือลงเงิน และเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ พร้อมทำงานด้วยกันทันที แก้ปัญหาสตาร์ตอัพที่ปัจจุบันได้เงินทุน แต่ไม่มีพาร์ตเนอร์ ทำให้พวกเขาทำงานได้ลำบาก” ธนะเมศฐ์ เสริม

จาก 3 ผลิตภัณฑ์ข้างต้นของ KX แสดงให้เห็นถึงเป้าหมายการตอบโจทย์ธุรกิจด้วยสิ่งที่เหนือกว่าบริการทางการเงิน และการตอบโจทย์นี้ไม่ใช่แค่สำหรับองค์กรธุรกิจในไทย แต่หมายถึงองค์กรในอาเซียน และพื้นที่อื่น ๆ ที่น่าสนใจคือ 3 ผลิตภัณฑ์นี้เกิดขึ้นภายในระยะเวลาเกือบ 7 เดือนเท่านั้น

ประกอบกับแนวคิด Decentralized Finance and Beyond ทำให้หลังจากนี้จะเห็นสิ่งที่เหนือกว่าบริการทางการเงินต่าง ๆ จาก KX มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจด้วยเทคโนโลยีทางการเงิน จนภาพ KX จะไม่ได้หยุดแค่งานศิลปะ หรือการระดมทุน แต่มันจะมากกว่านั้น ซึ่งจะเป็นอะไรก็คงต้องติดตามกันต่อไป