มาร์ก ซักคอเบิร์ก โดนองค์กรการกุศล และการศึกษา 129 แห่งทั่วโลก ลงนามกดดันให้ Facebook หยุดการทำแชทเข้ารหัสในทุกแพลตฟอร์มในเครืออย่างที่ Facebook เคยประกาศไว้ (ทั้ง Facebook, WhatsApp และ Instagram) เพราะจะเอื้อประโยชน์ต่อผู้ร้ายที่หวังหาประโยชน์และล่วงละเมิดเด็ก
ในจดหมายมีระบุว่า การเข้ารหัสจะทำให้การล่อลวงเด็กผ่านแชทเพิ่มขึ้น ผู้ร้ายอาจแฝงตัวเป็นเด็กอีกคนมาคุย และหลอกให้ไปใช้แชทแพลตฟอร์มอื่นที่ผู้ร้ายจะติดต่อเด็กได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ Facebook แชร์ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่รัฐและองค์กรคุ้มครองเด็ก เพื่อที่จะได้ประเมินความเสี่ยงและผลกระทบได้
ด้าน David Miles หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Facebook ในยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา บอกว่า การเข้ารหัสช่วยยืนยันความปลอดภัยจากแฮกเกอร์ และอาชญากรทั้งหลาย โปรเจกต์เข้ารหัสเป็นโปรเจกต์ระยะยาว การปกป้องเด็กก็เป็นประเด็นสำคัญของบริษัทด้วยเช่นกัน และให้สัญญาว่าจะสร้างมาตรการที่ปลอดภัย
ที่มา - Financial Times
Comments
เจอแบบนี้ก็แอบสงสารนะ ทำอะไรก็ไม่ถูกใจ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
+1024
ความเป็นส่วนตัว กับการคุกคามทาง Social มักจะไปด้วยกันซะด้วยสิ
ยิ่งตรวจหาตัวจริงได้ยากแค่ไหน ความรุนแรงก็จะยิ่งมากขึ้น
จะไปทางไหนดีล่ะ
เทคโนโลยีไม่ผิด แต่ผิดที่คนใช้
เค้ามีแต่ส่งเสริมให้เข้ารหัสการส่งข้อมูล เพื่อความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว อันนี้มีการมากดดันให้ไม่เข้ารหัส โว้ งงจัง
อีกอย่าง การละเมิดเด็กมีอยู่จริง แต่ Social Media Application เป็นแค่ ช่องทาง เป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น
ต่อให้เด็กย้ายไปใช้ platform อื่น คนละเมิดก็ตามไปละเมิดตาม platform นั้น
มันก็ไม่กลายเป็นว่า ไปขอ platform นั้นให้ยกเลิกการเข้ารหัสอีกรึ ? เอ๊อ
ตัวเด็กเอง ก็ต้องถูกเติมความรู้ จากบุคลากรที่เหมาะสม อันนี้ต่างหากน่าจะสำคัญที่สุด เพราะเราไม่ได้ไปเฝ้าดูเด็กได้ตลอดเวลา
หรือถ้าเด็กเล็กมาก ก็ควรอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง (และที่ดี ควรเป็นผู้ปกครองที่มีวุฒิภาวะที่ดีด้วย)
แปลกจริงๆ จะโทษแต่เทคโนโลยีอย่างเดียวเลยทั้งๆที่ปัญหาเกิดจากคนแท้ๆ
อีกหน่อยคงมี อายุ 18 ใช้แชทเข้ารหัสได้
+1 ตอนนี้ Facebook ก็แยกของเด็กอยู่นี่นา
ผมว่าเป็นการกดดันที่ผิดจุดเอามากๆ และผมสนับสนุนการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อความเป็นส่วนตัวด้วย ส่วนเรื่องละเมิดทางเพศกับเด็กเนี่ย ควรจะจัดการตั้งแต่ต้นลม โครงข่าย หรือผู้บงการด้วยซ้ำไป
แล้วเรื่องการต่อต้านไม่เข้ารหัสเนี่ย ผมเสียมันมากกว่าที่คุณคิดนะ อย่าเอาแต่จะได้อยู่ข้างเดียวสิ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
แย้งเขาแล้วก็ช่วยเสนอแนวทางให้เขาด้วยสิ ว่าจะเพิ่มความปลอดภัยในการส่งข้อมูลยังไงหากไม่เข้ารหัส
นึกไม่ออกว่าไม่เข้ารหัสแล้วจะลดการละเมิดเด็กได้ยังไง ถ้าผู้ปกครองไม่สามารถดูแลเด็กได้ ถึงไม่มีแชตพวกนี้เด็กก็มีโอกาสถูกล่อลวงจากวิธีอื่นอยู่ดี
+1024
Privacy vs Security V2. ปล.ยังไงผมก็คิดว่าไม่มี Privacy มันจะไปมี Security ได้ยังไง?
ผู้ไม่หวังดีสื่อสารด้วยการเข้ารหัสเสมอ
ถ้าให้ FB ไม่เข้ารหัสนี่เปลี่ยนคนทั้งประเทศเป็นเหยื่อทันที
+1024
น่าจะออกแนวให้เด็กใช้ key เดียวกับผู้ปกครอง จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ
เพื่อให้ผู้ปกครองตรวจสอบแชทเด็กได้
และ คนอื่นที่ไม่ใช่ผู้ปกครอง/hacker ก็แกะแชทอ่านไม่ได้ด้วย
ได้ทั้ง security และ privacy
ถึงจะไม่สุดซักทาง แต่น่าจะตรงจุดตรงความต้องการ
อืมมม ในยุคที่แม้แต่เด็กอนุบาลยังออกมาชูสามนิ้วได้
แล้วทำไมถึงคิดว่าเค้าจะถูกหลอกลวงกันนะ...
ปล ผมประชดนะ อิอิ