เมืองที่เป็นแหล่งที่อยู่ของบริษัทเทคโนโลยีอย่างซิลิคอนวัลเล่ย์, ซีแอตเทิล มีปัญหาค่าที่อยู่อาศัยแพงเกินกว่าจะอาศัยได้ ล่าสุดไมโครซอฟท์เข้าร่วมเป็นหนึ่งในโซลูชั่นแก้ปัญหา โดยลงทุน 500 ล้านดอลลาร์ ในการทำที่อยู่อาศัยที่ราคาสามารถเข้าถึงได้ แบ่งเป็นเงินสินเชื่อ และเงินช่วยเหลือคนไร้บ้าน
ใน 500 ล้านดอลลาร์ ประกอบด้วย
ไมโครซอฟท์ระบุว่าในช่วงแปดปีที่ผ่านมา ย่าน Puget Sound ในซีแอตเทิลมีการเติบโตเร็วมาก ตลาดงานโตขึ้น 21% ในขณะที่การก่อสร้างที่อยู่อาศัยเติบโตได้ช้ากว่าคือ 13% ทำให้ราคาบ้านพุ่งขึ้น 96% ในรอบแปดปี ส่งผลให้บริเวณ Greater Seattle เป็นพื้นที่ที่แพงที่สุดเป็นอันดับหกในสหรัฐ ค่าที่อยู่อาศัยสูงจนคนทำงานรายได้กลางๆ จ่ายลำบาก ทำให้ต้องไปอยู่ไกลๆ
ไมโครซอฟท์ไม่ใช่บริษัทเดียวที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ ยังมี มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก และ พริสซิลลา ชานภรรยาของเขาลงทุนโครงการบ้านจัดสรรราคาไม่แพงผ่านทางมูลนิธิของตัวเอง Google ร่วมมือกับนักพัฒนาและรัฐบาลท้องถิ่นสร้างที่อยู่อาศัย 6,600 ยูนิตโดยหนึ่งในนั้นราคาจะต่ำกว่าตลาด
ที่มา - ไมโครซอฟท์, Mashable
Comments
ไม่แน่ใจว่า link จาก Mashable ผิดหรือเปล่าครับ เข้าไปแล้วเป็นเรื่อง unboxing Xiaomi Mi Mix 3
ขอบคุณค่ะ
ขอเสริมในส่วน
ใน link ต้นทางบอกว่า 20% จะมีราคาที่จับต้องได้ครับ
อ่านแล้วเข้าใจว่ามียูนิตเดียวราคาต่ำกว่าตลาด อีก 6599 ยูนิตราคาสูงกว่าตลาดหมด ๕๕๕
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
นึกว่าจะมีแฟลตหรือโครงการบ้านของรัฐมาช่วยเหลืออย่างการเคหะแห่งชาติ หรือสร้างแฟลตสำหรับจะดสรรเพื่อคนไร้บ้านเสียอีก
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
จริงๆ วิธีการแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้ผล MS ควรจะต้องเข้าไปกว้านซื้อที่ หรือ take over บริษัทที่เป็นเจ้าของที่ (ผ่านทางหุ้นหรืออะไรก็แล้วแต่) ให้ได้เกินครึ่งหนึ่งของตลาด แล้วคุมราคากลางของตลาด
วิธีการนี้ได้ผลคล้ายๆ กันมาแล้วกับ Philadelphia ฝั่ง West ซึ่งเป็นฝั่งย่านของ University Area (UPenn และ Drexel) ในการลดแหล่งและปริมาณอาชญากรรมของในบริเวณรอบๆ มหาลัยที่เดิมที เป็นย่านที่อยู่อาศัยของของดำ เท่าที่ได้ยินคือมหาลัยใช้วิธีการคล้ายๆเดียวนี้จัดการ สิ่งที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 5-6 ปี บริเวณที่ถูกขึ้นชื่อว่าอันตรายสำหรับนักเรียนถูกผลักออกไปให้ห่างจากตัวมหาลัยขึ้น เรื่อยๆ จนเรียกได้ว่าปลอดภัยขึ้นเยอะมาก