Tags:

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมาผมได้ไปร่วมงานเสวนา "สิทธิพลเมืองกับหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์" ที่จัดโดย Thai Netizen การพูดครั้งนั้นมีผลมากกว่าที่ผมคิด คือหนังสือพิมพ์และสื่อหลายฉบับนำข้อมูลไปอ้างอิง เช่น กรุงเทพธุรกิจ, The Nation, และเจาะข่าวตื้น ข้อมูลในงานนั้นเป็นข้อมูลที่ได้ผ่านทาง iLaw ที่นัดแนะให้ผมเข้าไปดูเอกสารสำนวนคดีที่ทางฝั่งจำเลยได้รับมา เนื่องจากเวลาในงานนั้นมีจำกัด และกลุ่มผู้ฟังไม่ใช่คนในสายวิชาการนัก ผมจึงตัดสินใจมาเขียนบทความอีกครั้งใน Blognone

บทความนี้เป็นการชี้ว่าด้วยหลักฐานเท่าที่มี มันมีความเป็นไปได้อื่นๆ อีกจำนวนมาก และหากยึดมาตรฐานว่าหลักฐานเท่านี้เพียงพอต่อการดำเนินคดีและลงโทษ อาจจะทำให้เกิดการใส่ร้ายป้ายสีหรือการสวมรอยบุคคลอื่นๆ ทำความผิดตามมาได้อีกมากมาย

ข้อเท็จจริงในคดี

หลายคนอ่านจากหลายที่แล้วอาจจะเจอข้อเท็จจริงไปแบบต่างๆ อย่างใน Blognone เองที่คุยกันก็มีความสับสนมาก จึงข้อไล่ข้อเท็จจริงกันก่อน

  1. หลักฐานข้อความคือภาพถ่ายหน้าจอโทรศัพท์จำนวน 4 ภาพ เป็นภาพถ่ายหน้าจอโทรศัพท์
  2. การส่งมีขึ้นในวันที่ 9, 11, 12, 22 พฤษภาคม 2553 จากหมายเลข "-3615" ในเครือข่าย DTAC เป็นหมายเลขไม่ลงทะเบียนชื่อผู้ใช้ ภายหลังตรวจพบว่ามีข้อความที่หมายเลขนี้ส่งข้อความไปมากกว่านั้น แต่ไม่มีข้อมูลว่าเป็นข้อความอะไร
  3. หมายเลข IMEI ที่ใช้งานกับหมายเลข -3615 นั้นคือ 358906000230110
  4. เจ้าหน้าที่ค้นหาว่าหมายเลข 358906000230110 มีการใช้งานกับหมายเลขใดอีกบ้าง จึงพบว่ามีการใช้งานกับหมายเลข "-4627" ในเครือข่าย True แบบไม่ลงทะเบียนผู้ใช้อีกครั้ง
  5. แต่จากการตรวจสอบการใช้งานของหมายเลข "-4627" พบว่ามีการติดต่อกับอีกหมายเลขหนึ่ง เป็นหมายเลขลงทะเบียน ภายหลังจึงทราบว่าเป็นหมายเลขของลูกสาวคุณอำพล
  6. Cell ID ของ DTAC ที่ใช้ส่ง SMS คือ Cell ID หมายเลข 23672 กินพื้นที่ซอยวัดด่านสำโรง ซอย 14 ถึง 36 โดยบ้านนายอำพลอยู่ที่ซอย 32 และ Cell ที่หมายเลข -4627 ใช้งานนั้นอยู่บริเวณเดียวกัน
  7. หมายเลข -3615 และ -4627 ใช้งานในเวลาใกล้เคียงกัน และไม่เคยใช้งานในเวลาเดียวกัน
  8. log เป็น log การใช้งานบันทึกช่วงเวลาที่มีการรับส่งต่างๆ โดยตลอดทั้งวันมี SMS เข้าหมายเลข -4627 เป็นช่วงๆ ในเรื่องนี้คำพิพากษาฉบับเต็ม (PDF) ได้ระบุไว้ว่าหมายเลข -4627 นั้นมีการส่ง SMS จำนวนมาก ผมไม่แน่ใจว่าเอกสารที่ผมเห็นครบถ้วนหรือไม่ แต่เท่าที่เห็นคือมีแต่การรับเท่านั้น
  9. ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวเครื่องไปเพื่อหาว่ามีการแก้หมายเลข IMEI หรือไม่ และหาข้อความที่อาจจะเหลือหลักฐานในเครื่อง แต่เครื่องเสียหายจนไม่สามารถตรวจสอบหมายเลข IMEI จากเครื่องได้ (ตรวจได้จากสติกเกอร์หลังเครื่องเท่านั้น) ทำให้ไม่สามารถตรวจหน่วยความจำในเครื่องได้อีกเช่นกัน ที่เหลือคือข้อมูลในการ์ด micro SD ที่เจ้าหน้าที่ระบุว่าได้ดัมพ์ลง CD ให้แล้ว (ไม่พบเอกสารว่ามีข้อมูลอะไรภายใน)

หมายเลข IMEI

ประเด็นว่าหมายเลข IMEI ว่าปลอมได้หรือไม่นั้นคงเป็นประเด็นที่มีการพูดกันมากแล้วว่าปลอมได้ ในบางรุ่นแทบไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษใดๆ มากไปกว่าสาย USB และซอฟต์แวร์ เท่านั้น

No Description

ประเด็นที่ควรกังวลอีกประเด็นหนึ่งคือแม้เราจะไม่รู้หมายเลข IMEI ของคนทั่วไปเพราะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมัน แต่ในทางปฎิบัติแล้วหมายเลข IMEI ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด เครื่องส่วนมากสามารถดูหมายเลข IMEI ได้ด้วยการกด *#06# ในส่วนสติกเกอร์นั้นมักติดอยู่ใต้แบตเตอรี่ ตัวกล่องโทรศัพท์เองมักมีหมายเลข IMEI บอกไว้ภายนอกกล่อง หมายเลขนี้จะผ่านตาคนจำนวนมาก เช่น พนักงานขาย โทรศัพท์มือถือ หรือคนซ่อมโทรศัพท์ ฯลฯ ต่างจากหมายเลขที่เป็นความลับเช่นรหัสบัตรเอทีเอ็ม ที่จะส่งมาในซองดำที่คอมพิวเตอร์ถูกออกแบบให้พิมพ์ตรงออกมายังซองปกปิด ไม่มีใครเห็นรหัส แม้แต่ตัวพนักงานผู้สั่งพิมพ์เอง

ภาพหน้าจอ

ผมเคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งว่าภาพหน้าจอไม่ใช่หลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งเซฟหน้าจอโดยตรง หรือเอากล้องมาถ่ายภาพหน้าจอก็ตามที ในความเป็นจริงคือเราสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลภายในได้จนไม่เหลือพิรุธใดๆ และการกระทำเช่นนี้ใช้เวลาไม่นาน

การเปลี่ยนแปลงข้อความใน SMS ที่ได้รับมาเป็นหัวข้อที่ทำได้ไม่ยากในโทรศัพท์หลายรุ่น (Nokia, Android, iPhone) เมื่อผ่านการแก้ไขด้วยกระบวนการเหล่านี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตรวจสอบความถูกต้องของข้อความว่าเป็นข้อความจริงด้วยภาพหน้าจอ

ความถูกต้องของ Log การใช้งาน

ในคำพิพากษามีส่วนหนึ่งระบุถึงความถูกต้องของ log ว่ามีผลสำคัญต่อความน่าเชื่อถือ แต่หากใครทันยุคโทรศัพท์อนาล็อก (ระบบ AMPS) อาจจะจำได้ว่ายุคหนึ่งฝันร้ายของคนใช้โทรศัพท์มือถือคือการถูกจูนโทรศัพท์ ค่าใช้จ่ายจำนวนมากจากเหยื่อที่ไม่ได้ใช้งาน ทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้กับผู้ให้บริการอยู่ต่อเนื่อง แม้แต่ในปัจจุบันนี้เอง ปัญหาการคิดค่าบริการผิด (ซึ่งก็คิดมาจาก log การใช้งานเหล่านี้) ก็ยังเป็นปัญหาสำคัญที่สบท. และกสทช. ต้องรับเรื่องแก้ไขกันเรื่อยมาจนเป็นปัญหาอันดับหนึ่งของวงการโทรคมนาคมไทย ในยุโรปเองเริ่มมีรายงานผู้ใช้ถูกจูนโทรศัพท์ในระบบ GSM กันบ้างแล้ว ปัญหาความไม่น่าเชื่อถือก็ยังอยู่กับวงการโทรคมนาคมต่อไปเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้

ในด้านความปลอดภัยนั้น การโจมตีผู้ให้บริการเพื่อให้เกิด log ที่ผิดพลาดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เช่น การจูนโทรศัพท์ในระบบ GSM ที่เพิ่งมีรายงานไม่กี่วันมานี้, การโจมตีด้วย De-Registration Spoof ที่มีรายงานมาตั้งแต่กว่าสิบปีก่อน ทำให้ผู้ให้บริการเข้าใจว่าเครื่องปลายทางมีการปิดเครื่องไป

ช่องโหว่ของระบบ GSM นั้นมีจำนวนมาก และความผิดพลาดในการออกแบบจำนวนหนึ่งได้รับการแก้ไขไปในระบบ 3G รายงานช่องโหว่ส่วนมากปรากฏอยู่ในรายงานเชิงเทคนิคของ 3GPP (PDF) ซึ่ง 3GPP เป็นหน่วยงานออกมาตรฐานในระบบ 3G เอง

การใช้งานสลับกัน

การใช้งานสลับกันเป็นหัวข้อที่คงพูดถึงกันมากที่สุดต่อจากการปลอม IMEI ในคดีนี้คือการใช้งานสลับกัน อย่างที่ได้กล่าวในหัวข้อที่แล้วว่าการ "หลอก" ผู้ให้บริการว่าเครื่องออกจากระบบนั้นทำได้ แต่หากต้องการกระทำเช่นนั้นจริง มีวิธีที่ง่ายกว่ามากคือการรบกวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

เครื่องรบกวนสัญญาณมือถือเป็นปัญหาอย่างหนึ่งในระบบการควบคุมการนำเข้าอุปกรณ์วิทยุในประเทศไทย ขณะที่การปล่อยคลื่นที่ต้องได้รับอนุญาตล่วงหน้าจากกสทช. เช่นนี้ทำไม่ได้ตามกฏหมาย แต่อุปกรณ์เหล่านี้กลับมีวางขายอยู่ทั่วไปในหลายขนาดหลายราคา ตั้งแต่ 10-100 เมตร และมีการใช้งานทั่วไปตามห้องประชุม หรือสถานที่ต่างๆ

การที่ log ไม่แสดงว่ามีการใช้งานทับช่วงเวลากัน แล้วถือว่า log เช่นนั้นเป็นการยืนยันว่าข้อความถูกส่งออกมาจากเครื่องเดียวกันจริง ทั้งที่ไม่สามารถตรวจสอบจากตัวเครื่องได้ จะสร้างคำถาม และเปิดช่องให้มีการโจมตีกันได้อีกมาก เช่น หากมีคนมีความตั้งใจจะโจมตีใส่ร้ายผู้อื่นว่าเป็นผู้กระทำความผิด เขาต้องการเพียงรู้หมายเลข IMEI แล้วจัดหาเครื่องตัดสัญญาณที่แรงพอ เดินออกไปนอกเขตทำการของเครื่องตัดสัญญาณแล้วใช้เครื่องที่ปลอมแปลงมาส่งข้อความออกไป ทั้งหมดไม่ต้องแตะต้องเครื่องที่ถูกโจมตีหรือใช้ความรู้พิเศษไปกว่าความรู้ทั่วไปที่ช่างซ่อมโทรศัพท์ทั่วไปสามารถทำได้

การพิสูจน์ตัวตน

ด้วยข้อสงสัยทั้งหมด ผมยังคงตั้งคำถามว่าหากเราสามารถหาหลักฐานยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าเครื่องที่ใช้กระทำความผิดนั้นเป็นเครื่องที่จับกุมได้จริง เจ้าหน้าที่ควรต้องหาหลักฐานยืนยันตัวผู้กระทำเพิ่มเติมหรือไม่ ก่อนหน้านี้คดีทางคอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่เคยระมัดระวังในเรื่องพิสูจน์ตัวบุคคลถึงกับซุ่มจับขณะที่ใช้งานคอมพิวเตอร์หน้าเครื่อง แม้จะมีประเด็นคำถามอื่นๆ ต่อความถูกต้องในการจับกุมว่าผู้ต้องหาได้รับสิทธิต่างๆ อย่างครบถ้วนหรือไม่ แต่คำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับมาตรฐานการพิสูจน์ตัวตนผู้กระทำความผิดที่คดีนี้ใช้เพียง log ที่ชี้ไปยังโทรศัพท์เครื่องหนึ่งเท่านั้น

คำถามสำคัญต่อเจ้าหน้าที่ในเรื่องนี้คือมาตรฐานของหลักฐานว่าเพียงพอต่อการดำเนินคดีหรือไม่นั้นอยู่ตรงไหน และคำถามสำคัญต่อสังคมคือเราจะเอามาตรฐานนี้จริงๆ หรือเปล่า?

Get latest news from Blognone

Comments

By: Ton-Or
ContributorAndroidCyberbeingRed Hat
on 5 January 2012 - 16:13 #370961 Reply to:370959
Ton-Or's picture

ทักอย่างนี้ผมว่ายาว

ตั้งกระทู้ ใหม่ดีกว่าไหมนิ - -''


Ton-Or

By: qute on 5 January 2012 - 17:09 #370973 Reply to:370961

ขอบคุณที่เตือนผมเรื่อง off-topic ครับ :)

By: btxxxx
AndroidWindows
on 6 January 2012 - 09:49 #371179 Reply to:370907

เก่งครับเก่ง แต่มันมีประโยชน์อะไรหรือครับ?

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 6 January 2012 - 16:20 #371321 Reply to:371179
PaPaSEK's picture

ไม่มีประโยชน์อะไรเลยครับ แต่ผมว่ามันคือคำถามที่หลายคน "อยากรู้ แต่ไม่อยากถาม" เพราะกลัวโดนยำครับ

By: btxxxx
AndroidWindows
on 6 January 2012 - 20:22 #371382 Reply to:371321

ตอนนี้ "ทะเลสีดำ" มาดังกว่านะครับ :)

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 5 January 2012 - 17:01 #370970 Reply to:370879

โดยส่วนตัวคิดว่า การ"ยัดเยียด" ว่าคู่สนทนาเป็นกลุ่มการเมืองฝ่ายใด(ทั้งฝ่ายเสนอ และฝ่ายแ้ก้) โดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะเปิดเผยเอง เข้าข่ายเป็นการใช้เหตุผลวิบัติ(fallacy) แบบการ discredit หรือ ad hominem นะครับ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสนทนาโดยตรง

พูดแซวกันเล่นๆก็อาจจะได้ แต่ถ้าพูดจริงจัง คุณคิดว่า "สีของกลุ่มการเมือง" นั้นมีผลทำให้"สิ่งที่เขาพูด" มีเหตุผลมากขึ้น หรือลดลงได้อย่างไร?

ทำไมเราถึงไม่โต้แย้งในประเด็น ด้วยตรรกะและเหตุผล แต่กลับไปมัวจงใจเบี่ยงประเด็นที่ตัวบุคคล?

By: Thaina
Windows
on 5 January 2012 - 17:27 #370979 Reply to:370970

คุณคิดว่า "สีของกลุ่มการเมือง" นั้นมีผลทำให้"สิ่งที่เขาพูด" มีเหตุผลมากขึ้น หรือลดลงได้อย่างไร?

+99999

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 5 January 2012 - 18:27 #371013 Reply to:370970
PaPaSEK's picture

กรณีแบบนี้คงต้องไปบอกคอการเมืองครับ

เคยมีคนแถวบ้านเถียงกับผมตั้งนาน ไปๆ มาๆ ตอนจบลงท้ายด้วยคำถามว่า

"อ้าว ผมไม่ใช่เสื้อเหลืองเหรอ?"

คือเค้าเถียงกับผมเพราะคิดว่าผมเป็นเสื้อเหลืองแค่นั้นเองครับ ถ้าเสื้อเหลืองคิดอย่างนึง เค้าก็จะต้องคิดแบบตรงข้ามให้ได้

By: BLiNDiNG
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 5 January 2012 - 23:17 #371087 Reply to:370970
BLiNDiNG's picture

+1 ครับ

ตรรกะวิบัติแบบนี้ เป็นอะไรที่ย่ำแย่มากครับ

เหตุการณ์สมมุติ

ถ้าขอทานบอกว่า
-"พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ตกทางทิศตะวันตก"-

แต่มีนายกรัฐมนตรีมาบอกว่า
-"เจ้าขอทานสกปรกน่ารังเกียจ อย่ามาโกหกพกลมแถวนี้ แท้ที่จริงแล้วพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกและตกทางทิศตะวันออกต่างหากเล่า จำไว้ซะเจ้าจัณฑาลผู้มากด้วยเสนียดจัญไร"-

สถานะของผู้พูดมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ความถูกต้องหรือความผิดพลาดในคำพูดได้เลยแม้แต่น้อย

By: non
Symbian
on 5 January 2012 - 11:04 #370884 Reply to:370855

ประเด็นนี้เกี่ยวกับสีเสื้อด้วย?

By: soginal
AndroidIn Love
on 5 January 2012 - 11:09 #370888 Reply to:370855
soginal's picture

อย่าเอามาเป็นประเด็นดีกว่าครับ
เวลานี้เรามาคุยกันเรื่องข้อมูล ความรู้ต่างๆดีกว่า

โยงเข้าสีมาก สุดท้ายแล้วก็เอาเรื่องสีมาด่ากัน

By: NightMare on 5 January 2012 - 11:14 #370893 Reply to:370855
NightMare's picture

ไม่เกี่ยวกันหรอกครับ คนที่นี่ที่มองว่าออกแดงๆ ส่วนใหญ่ ผมขอใช้ศัพท์ทางการเมืองว่า เป็นพวกหัวก้าวหน้า ดีกว่าครับน่าจะอธิบายได้ชัดเจนที่สุด ^^

By: Slimy
AndroidUbuntu
on 5 January 2012 - 12:08 #370909 Reply to:370855

เหมือนใส่สีขาวนะครับ

By: bahamutkung
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 5 January 2012 - 14:48 #370936 Reply to:370855
bahamutkung's picture

ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในเว็บนี้นิยมสีเดียวกันครับ

สีกา

เว็บชายล้วนนี่เนอะ /หัวเราะทั้งน้ำตา


"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."

By: raifa
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 5 January 2012 - 20:46 #371031 Reply to:370936

+1

By: lancaster
Contributor
on 5 January 2012 - 21:26 #371038 Reply to:370855

น่าจะเสื้อขาวนะครับ --> No Description

By: massacre
AndroidUbuntu
on 5 January 2012 - 21:29 #371040

ไม่มีที่ว่างตรงกลาง ทางการเมืองเลยจริงๆ อะไรที่มันเกี่ยวข้องกับการเมืองจะถูกจัดอยู่สี ไม่เหลืองก็แดง คนที่บอกว่าตัวเอเป็นกลางนี่ เห็นด่าแต่สีเดียวตลอด

By: Tg on 8 January 2012 - 05:44 #371675 Reply to:371040

จัดให้อยุ่กลุ่มเสื้อสีไหนก็ไม่แปลกนี่ครับ มนุษย์มีนิสัยชอบจัดของคล้ายๆกันเข้าพวกอยู่แล้ว

แต่ไอ้คนที่เย้วๆว่าไม่อยากอยู่ฝั่งโน้นหรือฝั่งนี้ผมว่าแปลก แสดงว่ารู้ตัวว่ากลุ่มไหนมันเฮงซวย แถมรู้ตัวด้วยว่าทำตัวคล้ายๆกลับเสื้อสีนั้น... ถามจริง ถ้ากลุ่มที่โดนจัดเข้าไปให้ไม่เฮงซวยแล้วทำไมต้องบอกว่าไม่ใช่... และถ้าเกลียดกลุ่มนั้นจริงทำไมถึงพฤติกรรมดันออกมาคล้ายๆกัน... ถ้าไม่ชอบจริงๆทำไมไม่แสดงจุดยืนว่า "มันต่างกันยังไง"

ร้อยละเก้าสิบบอกว่าไม่ใช่แดง แต่ไม่ค่อยเห็นอธิบายว่าไอ้ที่ทำๆอยู่นี่มันต่างกันตรงไหน.

By: btxxxx
AndroidWindows
on 8 January 2012 - 09:57 #371682 Reply to:371675

มันต้องย้อนถามคุณกลับก่อนว่า สีที่คุณระบุให้เค้า หมายถึงอะไร? เพราะบางครั้งการที่คนมีแนวความคิดอะไรบางอย่างเหมือน ๆ กัน อาจไม่ได้มีความคิดทั้งหมดเหมือนกัน บางคนก็มีความคิดไปว่า ถ้าสีนี้ต้องคิดแย่ ๆ จากกระแสที่มีคนพยายามจะโน้มน้าวให้ดูแย่ หรือ บางสีต้องคิดดีมาก ซึ่งก็มาจากกระแสที่ไปปั่นให้สีตัวเองดูดี อย่างตัวอย่างที่คุณใช้ว่า "กลุ่มไหนมันเฮงซวย" และอีกหลาย ๆ ประโยคหลังจากนั้น นั่นก็แสดงให้เห็นว่าคุณเองก็น่าจะมีสีที่คุณชอบอยู่เหมือนกัน แล้วคุณคิดว่าคุณเองอยู่สีอะไร? มีความคิดทุกอย่างเหมือนกับผู้นำสีของคุณ (เอาแค่คนเดียวพอ) รึเปล่า? และจะเรียกว่าอยู่สีเดียวกันได้ไหม?

จริง ๆ ที่ควรจะเกี่ยวกับกระทู้ ทำไมไม่คุยกันเรื่องเหตุผลที่เค้านำมาเสนอ ใช่ไม่ใช่ก็คุยกันไป ถามเรื่องสีแล้วมีประโยชน์อะไร? ทำให้ข้อเท็จจริงอะไรมันเปลี่ยนเหรอ? (ข้างบนมีคนตอบผมไปแล้วว่าไม่มีประโยชน์ แค่คนอยากรู้ แต่จากลักษณะที่ถามมันทำให้รู้สึกว่าต้องการนำมาใช้ดิสเครดิตมากกว่า)

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 9 January 2012 - 14:41 #372096 Reply to:371675

ผมคิดว่าทุกคน"เลือกข้าง" ทั้งนั้นแหละครับ เพียงแต่การเลือก อาจเลือกแบบทุ่มสุดใจจนกล้าประกาศตัวมาดังๆ หรือเห็นด้วยแค่บางส่วนเลยไม่สามารถระบุได้ชัด หรืออยู่ในสังคมที่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ค่อยเป็น เลยไม่อยากบอกใคร หรือแม้แต่แสร้งว่าไม่ได้เลือก ทั้งๆที่จริงๆเลือกไปแล้ว(อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องบอกใคร) เค้าถึงมีการจัดกลุ่มเพิ่มเติมอีก เช่น "สลิ่ม"(เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆเวลากลุ่มตัวเองโดนด่า ทั้งๆที่ก็คนกลุ่มเดิมๆทำเรื่องเดิมๆ) หรือ "กลางกลวง"(ก็ฉันอยู่กลาง กล๊่าง กลาง แต่ฉันด่าแค่ฝ่ายเดียว และด่าแบบไม่มีเหตุผล)

ที่สำคัญการโต้แย้งแบบมีเหตุผล ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดสีให้คู่สนทนาสักหน่อย(ถ้าเขาไม่ไ้ด้อยากบอกเอง) มันอยู่ที่ความเป็นเหตุเป็นผลของ"สิ่งที่เขาพูด" ไม่ใช่"สี/ข้างที่เขาอยู่" การใช้ fallacy มันก็บ่งบอกความ"กลวง"อยู่ในตัวนั่นเอง(ผมไม่ได้ยัดเยียดว่าใคร "กลวง"นะ)

หรือจะพูดอีกแบบก็ได้ว่า การเบี่ยงประเด็นเรื่องการจัดกลุ่มเพื่อโจมตีบุคคล นั้นทำไปเพื่อกลบเกลื่อนการโต้แย้งแบบมีเหตุผลของอีกฝ่าย? :P

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 9 January 2012 - 16:24 #372131 Reply to:371040
PaPaSEK's picture

มันไม่สำคัญว่าจะอยู่สีไหน ที่สำคัญคือ "มองเห็นอะไร" ถ้าการเลือกสีทำให้เห็นว่าฝ่ายตัวเองถูกเสมอ ฝ่ายชั้นดีเลิศ ทำอะไรก็ดี๊ดี อีกฝ่ายทำอะไรผิดตลอด

แบบนี้ผมเป็นสลิ่มดีกว่าครับ ถ้าเข้าข้างพวกพ้องแบบน่าเกลียดผมยอมเป็นตัวอะไรอุบาทว์ๆ แต่ด่าได้ ชมได้ เห็นข้อดี/ข้อเสียของแต่ละฝ่ายดีกว่า

Pages