ข่าวบิตคอยน์เงียบไปพักใหญ่หลังจากเกิดปัญหา MtGox ล้มละลาย ตอนนี้ปัญหาใหม่เริ่มเข้ามาแทน เมื่อทีมพัฒนาซอฟต์แวร์บิตคอยน์กำลังจะแตกเป็นสองสาย จากปัญหาความเห็นไม่ตรงกันระหว่างทีมพัฒนา

ขีดจำกัดสำคัญของบิตคอยน์คือขนาดบล็อคแต่ละบล็อคนั้นต้องไม่เกิน 1MB จากการออกแบบของ Satoshi Nakamoto ขนาดบล็อคเช่นนี้เคยเชื่อกันว่ามีขนาดใหญ่เหลือเฟือสำหรับการบริการจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาขนาดบล็อคจำนวนมากติดเพดาน 1MB เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การที่ขนาดบล็อคติดเพดานเช่นนี้ ทำให้การโอนเงินต้องรอเป็นเวลานานกว่าที่ควรจะเป็น ตามการออกแบบของ Nakamoto เองการโอนเงินปกติก็ใช้เวลาหลายสิบนาทีเพื่อยืนยัน แต่เมื่อจำนวนรายการโอนเริ่มล้นขนาดบล็อค ระยะเวลาที่ต้องรอการยืนยันก็อาจจะนานไปถึงหลายชั่วโมง

ทีมพัฒนาบิตคอยน์เองมีการพูดคุยกันหลายครั้งว่าควรเพิ่มขนาดบล็อคหรือไม่ แต่กลับไม่สามารถหาข้อตกลงได้ Mike Hearn นักพัฒนาคนหนึ่งในทีมงานออกมาเขียนบล็อกระบุถึงปัญหานี้ (ปัจจุบันเขาทำงาน R3CEV บริษัทที่พัฒนาระบบธนาคารด้วยเทคโนโลยี blockchain)

กลุ่มทีมพัฒนากลุ่มหนึ่งแยกตัวออกมาเป็น Bitcoin Classic และประกาศจะอัพเกรดขนาดบล็อคเป็น 2MB เมื่อพร้อม อีกกลุ่มหนึ่งคือ Bitcoin Unlimited ประกาศแก้ไขซอฟต์แวร์ไปในทางเดียวกัน แต่โครงการหลักคือ Bitcoin Core กลับไม่ยอมรับแพตช์เหล่านี้ และระบุว่าหากมีรายการโอนมากเกินที่จะยอมรับได้ ผู้ที่ขุดบิตคอยน์อาจจะเพิ่มค่าธรรมเนียมขั้นต่ำเพื่อรับบันทึกรายการโอนเพื่อให้ได้บันทึกในเวลาอันรวดเร็ว

ปัญหาสำคัญคือเครือข่ายบิตคอยน์นั้นไร้ศูนย์กลางและไม่มีใครบังคับให้ทุกคนอัพเกรดซอฟต์แวร์พร้อมกันได้ หากซอฟต์แวร์ฝั่งหนึ่งได้รับความนิยมโดยที่อีกฝั่งไม่ยอมรับ ฐานข้อมูลบิตคอยน์จะแตกเป็นสองฝั่ง (brain split) เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ เมื่อสามปีก่อน แต่รอบนี้จะกลายเป็นการแยกกันอย่างถาวร ผู้ใช้และผู้ค้าต้องเลือกกันเอาเองว่าจะเชื่อฐานข้อมูลใด

ที่มา - The Verge, @octskyward