เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยมีปัญหากับ AirPods ไม่มากก็น้อยครับ ทั้งปัญหาการเชื่อมต่อ การชาร์จ และปัญหาเกี่ยวกับเสียง หรือปัญหาอื่น ๆ วันนี้ MacThai เลยมี 5 วิธีแก้ปัญหา AirPods จาก 9To5Mac มาแชร์กัน
แม้ว่า AirPods จะเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้เชื่อมต่อราบรื่นดีกับอุปกรณ์ของแอปเปิล เพราะการตั้งค่าหูฟัง เช่น จับคู่อัตโนมัติกับเครื่อง หรือการสลับอุปกรณ์ไปมาก็ง่าย แต่แน่นอนว่าระหว่างทางก็มีปัญหาการใช้งานเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าง AirPods ไม่ทำงานบ้าง ซึ่งก็พอมีวิธีแก้ตามนี้อยู่ครับ
ตรวจสอบแบตเตอรี่ของเคส AirPods และ AirPodsอันดับแรกคือการตรวจสอบแบตเตอรีของ AirPods และเคสของ AirPods ก่อน โดยใส่ AirPods เข้าไปในเคส แล้วลองเปิดฝาเคสใกล้ ๆ กับไอโฟนใหม่อีกครั้งเพื่อเช็กสถานะแบตเตอรี
และหากมีปัญหากับการชาร์จ AirPods ก็ลองตรวจสอบในเคสก่อนเลยว่ามีเศษ หรือขยะอะไรเล็ก ๆ อยู่ด้านล่างเคสไหม เพราะก้านของ AirPods ต้องสัมผัสกับด้านล่างของเคสครับ
ตรวจสอบบลูทูธบน iPhoneบางครั้งก็มีบ้างที่ใส่หูฟัง AirPods แล้วแต่ดันไม่เชื่อมต่อ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะลืมเปิดบลูทูธบนไอโฟน ก็เข้าไปที่ตั้งค่าบนไอโฟน > บลูทธ และกดเปิดได้เลย
ทำความสะอาด AirPodsหากใช้งาน AirPods บ่อย ๆ ก็มีบ้างที่จะสกปรก และมีฝุ่นเข้าได้ ทั้งตัวลำโพงบนหูฟัง และเคสก็สามารถทำความสะอาดด้วยผ้าไฟเบอร์ หรือคอตตอนบัดถู ๆ หน่อย
รีเซ็ต AirPods ใหม่ถ้า 3 วิธีเช็ก AirPods เวลาไม่ทำงานข้างต้นไม่ได้ผล ก็อาจจะต้องลองรีเซ็ตใหม่ดูไปเลย โดยเฉพาะเวลาที่ AirPods เชื่อมต่อไม่ได้ หรือยังมีปัญหาเรื่องเสียงเวลาฟังอยู่ก็ตาม ก็เข้าไปที่ตั้งค่า และกด “Forget This Device” ไปก่อน แล้วค่อยเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใหม่ แต่ต้องทำขณะที่ฝาเคส AirPods เปิดอยู่ และกดปุ่มข้างหลังค้างไว้จนกว่าไฟ LED จะกระพริบเปลี่ยนเป็นสีขาว
ติดต่อ Apple Supportหากใครที่ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับ AirPods ที่แม้จะรีเซ็ตก็ไม่ช่วย สามารถติดต่อได้ที่ Apple Support ครับ
ที่มา – 9To5Mac
The post 5 วิธีแก้ไขเวลา AirPods ไม่ทำงาน! ทั้งปัญหาการเชื่อมต่อ การชาร์จ หรือเกี่ยวกับเสียง appeared first on Macthai.com.
ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในโลกธุรกิจมากขึ้น จึงไม่แปลกที่องค์กรในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จะลงทุนเรื่องนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน AIS Business จึงขออาสายกระดับภาคธุรกิจด้วยเทคโนโลยีทั้ง 5G & Business Network, CloudX, Paragon Platform, Cloud PC for Enterprise รวมถึง Digital Solution ต่าง ๆ
วันนี้ AIS Business ได้เปิดเผยความสำเร็จในการเข้าไปร่วมสนับสนุนองค์กรในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการผลิต, การขนส่ง และอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการค้า ด้วย 5G และนวัตกรรมข้างต้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับการแข่งขันขององค์กรเหล่านั้นได้จริง
แต่ละอุตสาหกรรมที่ AIS Business เข้าไปร่วมทำงาน มีองค์กรใดบ้าง และองค์กรเหล่านั้นนำ 5G และนวัตกรรมมายกระดับธุรกิจอย่างไร นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ได้อธิบายไว้อย่างน่าสนใจดังนี้
AIS Business ยกระดับภาคธุรกิจไทยนายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่า การทำตลาดกับลูกค้าองค์กรของ AIS ทำมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และร่วมมือกับพาร์ตเนอร์หลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อให้ได้สินค้า และบริการที่ช่วยยกระดับลูกค้าองค์กรได้จริง
“ดิจิทัลกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะกับการเปลี่ยนแปลงองค์กรเพื่อรองรับกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในภาคธุรกิจ ทำให้ AIS Business ยังคงมุ่งมั่นลงทุนด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน 5G, Cloud, Data Center หรือแพลตฟอร์ม เช่น AIS PARAGON และ Communications Platform-as-a-Service หรือ CPaaS พร้อมการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าองค์กร ทำให้องค์กรเหล่านั้นสามารถเติบโตในโลกธุรกิจได้จริง รวมถึงดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น สร้างขีดความสามารถใหม่ๆ เพื่อเผชิญความท้าทายได้อย่างยั่งยืน”
ติดอาวุธเทคโนโลยีให้กับโรงงานผลิตตัวอย่างแรกที่ AIS Business เข้าไปยกระดับองค์กรด้วยเทคโนโลยีคืออุตสาหกรรมโรงงานผลิต ผ่านการร่วมมือกับ บมจ. สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี หรือ SAT ที่องค์กรดังกล่าวนำเทคโนโลยี 5G ไปใช้ในการควบคุมคลังสินค้าอัตโนมัติ ระบบ Autonomous AGV ไร้คนขับ และแขนกลหุ่นยนต์ที่สั่งการด้วยกล้อง 3 มิติ ซึ่งมีความเสถียร และรวดเร็วกว่าการควบคุมไร้สายด้วยคลื่นอื่น ๆ
“SAT แปรรูปเหล็กแบบต่าง ๆ ผ่านยอดขายกว่า 9,000 ล้านบาท และเราสร้างความสมดุลระหว่างเทคโนโลยีที่ทันสมัย กับการทำธุรกิจเพื่อยกระดับชุมชน ซึ่งการได้ร่วมมือกับ AIS Business ช่วยให้ทั้งสองแกนธุรกิจของบริษัทดำเนินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นภัสร กิตะพาณิชย์ Director and President ของ Somboon Advance Technology กล่าว
นอกจาก SAT ทาง AIS Business ยังได้ร่วมมือกับ บริษัท สยามโตโยต้า อุตสาหกรรม จำกัด หรือ STM ซึ่ง ณรงค์ชัย บัณฑิตวรภูมิ Vice President ของ Siam Toyota Manufacturing เสริมว่า บริษัทได้นำ AIS 5G Manufacturing Platform เข้าไปช่วยจัดเก็บข้อมูลในด้านพลังงาน เพื่อนำไปวิเคราะห์ และปรับปรุงการใช้งานเรื่องพลังงานในอนาคต
ยกระดับการขนส่งในทุกช่องทางขณะเดียวกัน AIS Business ยังเข้าไปยกระดับอุตสาหกรรมขนส่งในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ร่วมมือกับ ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย โดย อาณัติ มัชฌิมา Chief Operating Officer ของ Hutchison Ports Thailand (HPT) แจ้งว่า AIS Business ช่วยยกระดับความสามารถของระบบควบคุมปั้นจั่นยกตู้สินค้าจากระยะไกล และระบบรถขนตู้สินค้าอัตโนมัติ (Autonomous Truck) ที่ทั้งหมดถูกควบคุมผ่านเทคโนโลยี 5G ให้มีความเสถียร และการเชื่อมต่อที่สม่ำเสมอ
นอกจากนี้ ปฏิญญา อมรรัตนานนท์ Head Of Technology ของ AI and Robotics Ventures (ARV) ยังเสริมว่า เทคโนโลยี 5G ของ AIS Business ยังช่วยปลดล็อกการให้บริการโดรนที่เดิมทีทำงานบนคลื่น 2.4 GHz และมีพิสัยทำงานเพียง 6 กม. แต่การใช้ 5G ทำให้ระยะทำงานสามารถทำได้ไม่จำกัด ช่วยเพิ่มความสามารถและการนำไปใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น เช่นใช้สำหรับโดรนขนส่งกลางทะเล หรือในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดในการขนส่ง
“ด้วย ARV วางตัวเป็น Venture Builder ผ่านการมี 6 บริษัทสตาร์ตอัปที่องค์กรเข้าไปมีส่วนร่วม ดังนั้นบริษัทจะนำประโยชน์จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของ AIS Business เช่น การพัฒนา และควบคุมหุ่นยนต์ รวมถึงระบบบริหารจัดการ AI เพื่อทำให้ตัวธุรกิจสามารถเติบโตได้สูงสุด”
ขับเคลื่อนดิจิทัลให้การค้า และศูนย์ประชุมมากกว่านั้น AIS Business ยังเข้าไปช่วยเหลือธุรกิจการค้าด้วยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ ของบริษัท รวมถึงพาร์ตเนอร์ชั้นนำจากองค์กรระดับโลก เพื่อให้ธุรกิจการค้า รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ สามารถตอบโจทย์ลูกค้าในยุคดิจิทัลได้มากขึ้น
ตัวอย่างที่ดีคือการร่วมมือกับศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดย อดิศักดิ์ จาบทะเล Senior Vice President Information Technology and Digital ของ N.C.C Management & Development เสริมว่า AIS Business เข้าไปวางระบบโทรคมนาคมทั้งหมด รวมถึงระบบความปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อรับกับการเชื่อมต่อที่อาจมาจากหน่วยงานระดับโลกที่เข้ามาใช้บริการ และมีการร่วมมือกับเครือเซ็นทรัล และเดอะมอลล์ เพื่อวางระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเช่นกัน
จิรยุทธ์ กาญจนมยูร Chief Information Officer The Mall Group เล่าให้ฟังว่า ด้วยลูกค้ากลับมาใช้บริการที่ห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง ทำให้การนำระบบไอทีต่าง ๆ เข้าไปช่วยประมวลผลจึงมีความจำเป็น รวมถึงระบบเหล่านั้นยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจในลูกค้าแต่ละคนได้หากปรับใช้อย่างถูกต้อง
ขณะเดียวกัน วัลยา จิราธิวัฒน์ President & CEO ของ Central Pattana เสริมว่า AIS Business ร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัล ช่วยให้ศูนย์การค้าให้ประสบการณ์ใหม่ ๆ กับลูกค้า และก้าวสู่ Future of Retail ได้จริง
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า AIS Business สามารถนำเทคโนโลยี 5G และนวัตกรรมต่าง ๆ ไปตอบโจทย์ได้หลากหลายอุตสาหกรรม ผ่านเครื่องมือจำนวนมาก และพาร์ตเนอร์ระดับโลก ทำให้องค์กรใดที่อยู่ระหว่างศึกษาการยกระดับธุรกิจด้วยเทคโนโลยี AIS Business จึงเป็นอีกตัวเลือกที่มองข้ามไม่ได้
AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
“Your Trusted Smart Digital Partner”
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงาน และต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email: business@ais.co.th
Website: https://www.ais.th/business
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post ติดอาวุธธุรกิจด้วยเทคโนโลยี! AIS Business อาสายกระดับอุตสาหกรรมการผลิต ขนส่ง และการค้า first appeared on Brand Inside.เพื่อน ๆ คนไหนที่ชอบวางโทรศัพท์ไว้ แล้วจำไม่ได้ว่าอยู่ต […] More
The post 2 แอปใน Android ใช้ค้นหาโทรศัพท์และเปิดไฟฉาย เพียงแค่ปรบมือ! appeared first on iMoD.
สื่อเผย Apple วางแผนให้ iPhone 16 ทุกรุ่นมีปุ่ม Action […] More
The post iPhone 16 ลือมาพร้อมปุ่ม Action ทุกรุ่น! appeared first on iMoD.
ไฮไลท์สัปดาห์นี้ของแอปเปิลก็คงไม่พ้นเรื่องการปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่อย่าง iOS 17.1.2 สำหรับไอโฟนออกมาแล้ว (ใครยังไม่อัปก็อย่าลืมไปอัปกัน) เพราะมีอัปเดตเพื่อแก้ไขบั๊ก และความปลอดภัยกันอยู่ นอกจากนี้ยังมีอัปเดตเรื่องความเข้าใจผิดของฟีเจอร์ NameDrop และอื่น ๆ ด้วย
iOS 17.1.2 สำหรับไอโฟนเป็นการปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่สำหรับ iPhone XS และรุ่นที่ใหม่กว่าขึ้นไป โดยการอัปเดตไมเนอร์ซอฟต์แวร์ครั้งนี้ก็เน้นเรื่องความปบอดภัย และแนะนำให้ทุกคนรีบอัปเดตกันอย่างที่แอปเปิลโน้ตไว้ครับ
นอกจากไอโฟนแล้ว ใครใช้ Mac ก็สามารถอัปเดตไมเนอร์ซอฟต์แวร์อย่าง macOS 14.1.2 กันได้ เพราะมีแก้บั๊ก และอัปเดตความปลอดภัยเช่นกัน
iOS 17.2 เวอร์ชันเบต้า 4หลังจากอัปเดต iOS 17.1.2 ไป ก็คาดว่าแอปเปิลจะมีการปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ครั้งใหญ่อย่าว iOS 17.2 ต่อไป ซึ่งทดสอบมาเป็นเวลาเดือนกว่าแล้วตอนนี้ ใครที่รออะไรใหม่ ๆ ก็น่าจะได้เจอพร้อมซอฟต์แวร์รุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเรคคอร์ดแบบ Spatial Video บนรุ่น iPhone 15 Pro, แอป Journal และอีกมากมายตามมา
การแพร่กระจายของเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับ NameDropแอปเปิลมีการแนะนำฟีเจอร์ใหม่อย่าง NameDrop ตั้งแต่ iOS 17.1 และ watchOS 10.1 แล้ว เพื่อให้ผู้ใช้ดีไซน์หน้าข้อมูลของตัวเองได้ พร้อมเชื่อมต่อกับคนอื่น ๆ เพียงแค่นำเครื่องมาแตะกันก็แลกคอนแทคได้เลย
ซึ่งก็มีการเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ ถึงการละเมิดข้อมูลส่วนตัวโดยหน่วยงานตำรวจว่าการเปิดฟีเจอร์ NameDrop เป็นคาเริ่มต้นอยู่แล้วจะอันตราย เพราะข้อมูลถูกแลกเปลี่ยนไปได้หากไอโฟนอยู่ใกล้กัน ทั้ง ๆ ที่ฟีเจอร์นี้มีความละเอียดอ่อน และซับซ้อนกว่านั้นหากจะแลกคอนแทคกัน
เพราะผู้ใช้ต้องปลดล็อกเครื่อง และกดยอมรับการแชร์ก่อน ไม่ใช่แชร์กันได้เลย และหากผลตอบรับเชิงลบมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ว่าแอปเปิลอจปิดฟีเจอร์ NameDrop ในอนาคต
Apple เตรียมยกเลิกพาร์ตเนอร์กับ Goldman Sachsแม้แอปเปิลจะพาร์ตเนอร์กับทาง Goldman Sachs มาตั้งแต่เปิดตัว Apple Card ในปี 2019 และ Apple Pay Later บริการผ่อนชำระ แต่เพราะ Goldman Sachs ต้องการปรับโครงสร้างใหม่ ทำให้แอปเปิลต้องหาพาร์ตเนอร์ทางการเงินมาเจรจาด้วยใหม่ ซึ่งตอนนี้มีทั้ง AMEX และ Synchrony Financial ที่กำลังเจรจาข้อตกลงกันอยู่
Apple Music Replay 2023 เปิดให้เล่นแล้ว
นับเป็นปีที่หลาย ๆ สตรีมมิงเพลงมี Recap Year มาให้เล่นพร้อมกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น Spotify หรือ YouTube Music และ Apple Music ก็ตาม ซึ่งจะมีทั้งสรุปเพลง อัลบั้ม ศิลปิน แนวเพลง และเพลย์ลิสต์ยอดนิยมของปีนี้ด้วยใครยังไม่ลองเล่นสามารถเข้าไปได้ที่ replay.music.apple.com ได้เลยครับ
ที่มา – MacRumors
The post อัปเดตไฮไลท์ของ Apple: ปล่อยอัปเดต iOS 17.1.2 และเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับ NameDrop appeared first on Macthai.com.
มีลือมาว่าตอนนี้แอปเปิลกำลังอยู่ในช่วงเจรจาขั้นต้นกับ Paramount เกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องสตรีมมิงที่คาดว่าน่าจะพอเป็นไปได้ ว่า Apple TV+และ Paramount+ จะรวมกัน และมีราคาดีกว่าซื้อสตรีมมิง 2 เจ้าแยกกันด้วยครับ
ซึ่งแนวคิดการรวมสตรีมมิงข้ามแพลตฟอร์มกำลังกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น เพราะเหล่าสตรีมเมอร์ต้องหาวิธีดึงดูดผู้บริโภค และตลาดสตรีมมิงด้วยอะไรใหม่ ๆ อย่างที่รายงานของ Wall Street Journal บอก แต่ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่า Apple และ Paramount จะสรุปข้อตกลงออกมาเป็นยังไง
โดยในตอนนี้ Apple TV+ มีราคาอยู่ที่ประมาณ 350 บาทต่อเดือน และ Paramount+ แบบไม่มีโฆษณามีราคาอยู่ที่ประมาณ 420 บาทต่อเดือน ส่วนการรวมกันคาดจะถูกกว่าราคาที่ซื้อแยกกันอย่าง 770 บาทต่อเดือน (แต่ราคารวมยังไม่บอกว่าจะเท่าไหร่)
ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Apple ได้ร่วมมือกับ Paramount (เดิมชื่อ ViacomCBS) เพื่อเสนอแพ็คเกจแบบรวมสตรีมมิง เพราะในปี 2021 แอปเปิลเคยเสนอแพ็กเกจ Showtime และ CBS All Access พร้อมส่วนลด 50% สำหรับสมาชิก Apple TV+ ผ่านทางแอป TV ไปแล้ว แต่ข้อเสนอนี้ดันถูกลบออกในช่วงหลายเดือนหลังจากการเปิดตัว Paramount+ ครับ
โดยรวมก็ถือว่าเป็นการปรับตัวอีกแบบที่จริงจังของแอปเปิล แม้จะไม่เคยเผยตัวเลขยอดการรับชมบน Apple TV6 แต่ตอนนี้ก็มีภาพยนตร์เรื่อง ‘Killers of the Flower Moon’ และ ‘Napoleon’ ฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์อยู่ และคาดว่าภาพยนตร์คุณภาพทั้ง 2 เรื่องจะลงสตรีมมิงทาง Apple TV+ ต่อไปแน่นอน
ที่มา – 9To5Mac
The post [ลือ] Apple TV+ กำลังเจรจารวมสตรีมมิงกับ Paramount+ appeared first on Macthai.com.
จากข้อมูลข่าวกรองทางการได้แชร์มาว่าในไตรมาสที่ 3 ยอดจัดส่ง Apple Watch นั้นปังที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบแบบรายปี ซึ่ง Apple Watch SE รุ่นล่าสุดเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ยอดพุ่งขึ้นในปีนี้
และการจัดส่งสมาร์ตวอทช์ทั่วโลกก็เพิ่มขึ้น 9% ด้วย เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่ 3 ปี 2023 ตามรายงาน Global Smartwatch Model Tracker ล่าสุดของ Counterpoint Research หลังจากประสบปัญหาการชะลอตัวเมื่อต้นปีนี้
แต่ในที่สุดตลาดสมาร์ตวอทช์ก็กลับมาอีกครั้งในไตรมาสที่ 2 ปี 2023 และยังคงมีแนวโน้มโตเชิงบวกในไตรมาสที่ 3 เช่นกัน ซึ่งหลัก ๆ ก็คือโตเพราะตลาดอินเดียที่มี Fire-Boltt รวมถึงการฟื้นตัวของ Huawei ในจีนด้วย
ซึ่งถือว่า Apple Watch ของแอปเปิลที่โตขึ้น 7% ก็ยังต่ำกว่าตลาดโดยรวมเล็กน้อยครับ ส่วน Huawei ก็พึ่งฟื้นจากการคว่ำบาตรของอเมริกา ทำให้ห่างหายไปจากตลาดสมาร์ตโฟน เว้นแต่มีสมาร์ตวอทช์มาช่วยดัน เพราะเป็นอุปกรณ์ใช้คู่กันได้
โดย Huawei การจัดส่งโดยรวมเพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้ง HLOS หรือ Watch 4 และ 4 Pro ไปจนถึง Watch GT 4 ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้าน Samsung ก็มี Galaxy Watch 6 รุ่นคลาสสิคก็ดูเหมือนจะขายดี แต่รุ่นเก่า ๆ ผู้บริโภคมีความต้องการลดลงแล้ว ซึ่งปีนี้ทำให้ Samsung มียอดจัดส่งลดลง 19% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ Galaxy Watch 6 Classic เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ Galaxy Watch5 Pro ของปีที่แล้ว
ที่มา – 9To5Mac
The post ตัวเลขยอดขาย Apple Watch ไตรมาสที่ 3 ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา! appeared first on Macthai.com.
ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บอกว่า ไปรษณีย์ไทย จัดแคมเปญ Unbox Happiness เปิดโลกการส่ง ให้ใจไปถึง เข้าเว็บไซต์ http://unboxhappiness.thailandpost.co.th สามารถส่งความรู้สึกแทนใจผ่านวิดีโอพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นจากรูปภาพหน้าตรงพร้อมเสียงพูดตนเอง ประมวลผลผ่านระบบ AI ที่แปลงเป็นภาษาพูดได้ถึง 7 ภาษา ทั้งอังกฤษ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สร้างเป็นคิวอาร์โค้ดและสั่งพิมพ์ได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ โปสการ์ด กระดาษ โพลารอยด์ สติกเกอร์ ก่อนนำคิวอาร์โค้ดใส่ลงกล่องพร้อมสิ่งของและฝากส่งได้ที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศ
บริการส่งต่างประเทศมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ช่วงไตรมาส 1-3 ในช่วงปีที่ผ่านมามีรายได้สะสมกว่า 2,000 ล้านบาท โดยมีบริการยอดนิยม คือ EMS World ส่งด่วนทั่วโลก และไม่ใช่เพียงแค่สมาชิกครอบครัวที่ส่งของถึงกันข้ามประเทศเท่านั้น แต่อีกหนึ่งกลุ่มที่เติบโตอย่างรวดเร็วก็คือ กลุ่มแฟนคลับของดาราศิลปินต่างประเทศที่ต้องการส่งของแทนใจไปให้กับไอดอลที่พวกเขาชื่นชอบ
ทั้งนี้ แคมเปญ Unbox Happiness เปิดโลกการส่ง ให้ใจไปถึง เปิดให้เข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธ.ค. 2566 ทาง http://unboxhappiness.thailandpost.co.th ครอบคลุมทั้งการส่งของระหว่างบุคคลและภาคธุรกิจ อาทิ Courier Post ส่งด่วนแบบพรีเมียม EMS World ส่งด่วนทั่วโลก ePacket ส่งประหยัดไปต่างประเทศสำหรับกลุ่มขายออนไลน์ พร้อม 3 โปรโมชันสุดคุ้ม ถึง 31 ธ.ค. 2566 ที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post ไปรษณีย์ไทย ส่งของพร้อมคลิป AI ทั้งภาพและเสียงถึงผู้รับได้ จับกระแสส่งของทั่วโลกเติบโต สร้างรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท first appeared on Brand Inside.AI เป็นเรื่องที่เข้ามาใกล้ตัวของทุกคนมากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน หรือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ และได้กลายมาเป็นโจทย์ท้าทายที่องค์กรทุกภาคส่วนไม่อาจเพิกเฉยได้ SCBX หนึ่งในองค์กรภาคเอกชนที่มีความมุ่งมั่นสู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำระดับภูมิภาค โดยมี AI-first Organization เป็นเป้าหมายหลักในการขับเคลื่อนและเปลี่ยนผ่านเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว
AI ไม่ใช่แค่เรื่องของข้อมูล ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น
อารักษ์ สุธีวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2023 ในหัวข้อ SCBX AI Journey: Successes, Setbacks and Everything in Between เส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กร AI-first ว่า เมื่อ AI เข้ามา SCBX ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินได้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมายว่าบทบาทของ AI ต่อธุรกิจจะเป็นอย่างไร AI จะมีผลอย่างไรบ้าง เราจะดึงศักยภาพของ AI มาสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ หรือการเติบโตของประเทศไทยได้อย่างไร ไม่นานมานี้เราได้วางวิสัยทัศน์ว่าเราต้องเป็น AI-first Organization ที่มีความหมายว่า 75% ของธุรกิจจะต้องถูกขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของการเพิ่มรายได้ อาจจะเป็นเรื่องของการลดต้นทุน หรืออาจจะเป็นเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพของการดูแลลูกค้า โดย 75% ที่ว่านั้นจะต้องมีการแตะด้วย AI ในด้านใดด้านหนึ่ง นั่นคือความตั้งใจของเรา
แม้จะเป็นวิสัยทัศน์ที่ยานแม่ SCBX เพิ่งกำหนดแต่จริงๆ แล้วองค์กรเริ่มปูเส้นทางนี้ตั้งแต่ครั้งที่ธนาคารไทยพาณิชย์ยังเป็นบริษัทแม่เมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่ SCBX จะขึ้นเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มในปัจจุบัน โดยสิ่งที่เริ่มทำเป็นอันดับแรกในตอนนั้น คือ การตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าถ้าเป็นเรื่องของ AI สิ่งที่ต้องมีก็คือข้อมูล (data) ดังนั้น จึงได้มีการสร้างถัง data lake เพื่อเก็บข้อมูล ซึ่งการเป็นกลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ ทำให้การลงทุนครั้งนั้นเป็นการลงทุนที่ใช้เงินจำนวนมากในการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในถังๆ หนึ่ง แล้วคาดหวังว่าเมื่อจัดเก็บข้อมูลเสร็จแล้วสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นว่าเวลาผ่านไป 1 ปี 2 ปี 3 ปี สิ่งดีๆ ก็ยังไม่เกิดขึ้น มีข้อมูลอยู่แต่ข้อมูลนั้นไม่ได้ถูกนำไปใช้อย่างเต็มที่ มันก็กลายเป็นที่ที่เก็บข้อมูลอย่างเดียว นั่นคือสิ่งที่ได้เรียนรู้อันดับแรกว่ามันไม่ใช่เฉพาะเรื่องของข้อมูล มันไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นอะไรมากกว่านั้น
เปิดพิมพ์เขียวเส้นทางเปลี่ยนผ่านของ SCBX สู่องค์กร AI-firstเมื่อได้เรียนรู้แล้วว่าการจะเปลี่ยนผ่านและนำพาองค์กรให้อยู่รอดอย่างยั่งยืนในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญนั้น การมีข้อมูลขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบ ดังนั้น SCBX จึงเริ่มแนวคิดที่จะผลักดันองค์กรให้เป็น AI-first Organization ผ่าน 2 แกนสำคัญ ได้แก่
อารักษ์ เล่าต่อว่า ในอดีตที่เราสร้างถังข้อมูลขึ้นมา เรานึกถึงเรื่อง Deep AI Development เป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วเรื่อง Broad AI Adoption ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการทำให้คนในองค์กร 2 หมื่น 3 หมื่นคน ใช้ข้อมูลได้อย่างคล่องตัว นั่นเป็นสิ่งที่เราตั้งใจและพยายาม ซึ่งเรื่อง Broad AI Adoption นี้มีสิ่งที่ต้องทำสองเรื่อง คือ โครงสร้างพื้นฐาน อันนี้เราต้องสนับสนุนให้พนักงานมีความรู้เกี่ยวกับเรื่อง AI ตลอดจนการใช้ AI และสามารถที่จะมีเครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยในการทำงาน อย่างกลุ่ม SCBX ใช้ Microsoft โดยมีสิ่งที่เรียกว่า copilot มาช่วยในการประชุม สรุปอีเมล วันนี้เราพยายามให้พนักงานของเราสามารถเข้าถึงเครื่องมือพวกนี้ได้
“ในขณะเดียวกันอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือ ผู้บริหารจะต้องเป็นคนเริ่มที่จะทำสิ่งเหล่านี้มากกว่าการแค่บอกว่าเราต้องเป็น AI-first Organization ผู้บริหารต้องแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ สิ่งที่จะต้องทำคือ ทำอย่างไรผู้บริหารถึงจะทำจริง สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ในการประชุมกรรมการบริหารของ SCBX เราใช้ AI อย่างน้อยสุด คือ ให้ AI ทำ translation แปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเรามีกรรมการบางท่านเป็นชาวต่างชาติ ผิดบ้างถูกบ้างแต่ทำให้คนสามารถ follow ได้ อีกสิ่งหนึ่ง คือ การที่เราเอา AI มาช่วยในการสรุปการประชุม จับประเด็น และเตรียมโครงขึ้นมา หลังจากนั้นคนก็แค่มารีวิวตรวจสอบว่าเหมาะสมหรือไม่ นี่เป็นตัวอย่างในการทำให้ผู้บริหารระดับสูงคุ้นเคยว่าศักยภาพของ AI เป็นอย่างไร ก่อนที่จะไปกำหนดนโยบายต่างๆ สิ่งนี้เป็นภาพรวมคร่าวๆ ของการผลักดันองค์กร เพื่อให้องค์กรรู้จักและคุ้นเคยกับ AI”
สำหรับเรื่อง Deep AI Development นั้น ดร.อารักษ์ ย้ำว่า SCBX มองว่าเป็นสิ่งที่จะต้องทำให้เกิดขึ้น เพราะหากพูดถึงการผลักดันองค์กร หรือการผลักดันประเทศไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาวได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ AI เป็นอาวุธ มาช่วยคิดในการทำธุรกิจ ช่วยในการคิดและพัฒนาประเทศได้ ซึ่งการจะทำสิ่งเหล่านี้ได้มันมากกว่าแค่การเอาของที่มีอยู่แล้วมาใช้ แต่เราต้องมีขีดความสามารถในการที่จะพัฒนาด้วยตนเอง SCBX จึงได้ตั้งเป็นโจทย์สำคัญที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นผ่าน 3E ได้แก่
“ถ้า Future Ready Thailand เป็นเรื่องของการที่เราเอา Generative AI มาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด การทำเรื่องเหล่านี้ต้องมาในคอนเซ็ปต์ของสิ่งที่เรียกว่า Team Thailand ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และบุคคลทั่วไป มาช่วยกันสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่จะพัฒนาและยกระดับประเทศไทยของเราให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคต ถ้าเทคโนโลยีไม่ได้เป็นสิ่งที่ประเทศให้ความสำคัญเพียงพอคอนเซ็ปต์ของ Digital Economy คอนเซ็ปต์ของการที่เราจะมี differentiation ให้เกิดขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ รอบตัว ก็จะลำบาก”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post 6 บทเรียนระหว่างเส้นทางเปลี่ยนผ่านองค์กรของ SCBX สู่การเป็น AI-first Organization สร้างแต้มต่อที่ยั่งยืนให้กับองค์กร first appeared on Brand Inside.ปัจจุบันสินค้ากลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกควบคุมราคาโดยภาครัฐ แม้วัตถุดิบต่าง ๆ จะปรับขึ้นราคาต่อเนื่องตั้งแต่การเกิดสงครามรัสเซียกับยูเครน เช่น แป้งสาลี และน้ำมันพืช ยิ่งมาเจอกับการปรับขึ้นค่าสาธารณูปโภค และค่าแรง ทำให้ผู้เล่นในตลาดนี้มีปัญหา แต่ ไวไว กลับเตรียมแก้เกมถูกคุมราคาสินค้าด้วยการขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแนวใหม่
นั่นคือที่มาของการนำ บะหมี่เปลือย หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ไม่มีเครื่องปรุง และขายเป็นแพ็กใหญ่ มาจำหน่ายคู่กับ ผงปรุงรสแพ็กใหญ่ ที่ปกติจะอยู่ในซอง หรือกระป๋องบะหมี่กี่งสำเร็จรูป ซึ่งการทำแบบนี้จะไม่ถูกควบคุมราคาจากนโยบายภาครัฐ เพราะเป็นสินค้าที่ถูกคุมราคานั้นต้องมีผงปรุง กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ในบรรจุภัณฑ์เดียวกัน
การทำตลาดแนวใหม่นี้จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับ ไวไว อย่างไรบ้าง และการแก้เกมถูกคุมราคา ไวไว จะมีกลยุทธ์อื่นมาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจหรือไม่ ยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายเส้นหมี่อบแห้ง ไวไว อธิบายไว้ดังนี้
ไวไว การถูกควบคุมราคาสินค้ายศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด เล่าให้ฟังว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองปัจจุบันถูกคุมราคาอยู่ที่ 7 บาท และเป็นการคุมแค่ฝั่งผู้ผลิตในประเทศไทย ต่างกับแบรนด์ต่างประเทศที่นำเข้ามากลับไม่ถูกควบคุม จึงสร้างความยากในการทำตลาดตอนนี้
“เราขอให้ขึ้นเป็น 8 บาทก็ไม่ได้ จะทำสินค้าแบบพรีเมียมก็ยังถูกควบคุม ต่างกับแบรนด์ต่างชาติที่ทำได้เต็มที่ ซึ่งเบื้องต้นเราจะทำตลาดสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพรีเมียมมากขึ้นในราคาไม่ถึง 15 บาท และจะได้เห็นภายในปี 2024 คู่ไปกับปัญหาเรื่องต้นทุนต่าง ๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น วัตถุดิบ, ค่าแรง และค่าสาธารณูปโภค”
ไวไว แก้เกมการถูกควบคุมราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยการหันมาจำหน่ายสินค้าพรีเมียม เช่น แบบถ้วย และอื่น ๆ ที่มีรสชาติแตกต่าง รวมถึงการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสินค้าบะหมี่เปลือย หรือบะหมี่เหลืองพร้อมปรุง กับเส้นหมี่ขาวพร้อมปรุง โดยจะจำหน่ายในรูปแบบแพ็กหลายชิ้น เป็นต้น ส่วนพนักงานของ ไวไว ปัจจุบันมีทั้งหมด 4,000 คน
รุกขายบะหมี่เปลือย ควบผงปรุงรสล่าสุด ไวไว เตรียมเปิดตัว ผงปรุงรส ที่ปกติจะอยู่ในซอง หรือถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาจำหน่ายในรูปแบบแพ็กใหญ่ คล้ายกับหมี่เปลือย เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกซื้อสินค้าในปริมาณมาก และบริษัทไม่ต้องถูกควบคุมราคาจำหน่าย เพราะการควบคุมจะมีเฉพาะสินค้าบรรจุซอง
“ในปี 2024 เราจะบุกตลาดนี้มาขึ้น ผ่านการจำหน่ายควบคู่กันระหว่างหมี่เหลืองเปลือย กับหมี่ขาวเปลือย และผงปรุงรส” ยศสรัล กล่าว แต่บริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของผงปรุงรสว่าจะทำตลาดภายใต้แบรนด์ใด และจะจำหน่ายช่องทางใดบ้าง
ขณะเดียวกัน ตลาดหมี่เหลือง และหมี่ขาวเปลือย ยังสามารถใส่นวัตกรรมต่าง ๆ เข้าไปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ เช่น ใส่ไฟเบอร์ หรือเส้นหมี่ข้าวกล้อง ซึ่งวิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนเพิ่มของบริษัทได้เช่นกัน แต่ถึงอย่างไรกลุ่มเส้นหมี่เปลือยเพิ่มมูลค่ายังคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับเส้นหมี่ที่บริษัททำตลาด
ชูเบอร์ 1 ตลาดเส้นหมี่อบแห้งในไทยยศสรัล ย้ำว่า ปัจจุบันแบรนด์ ไวไว คือเบอร์ 1 ในตลาดเส้นหมี่อบแห้งของไทยเมื่ออ้างอิงการสำรวจของบริษัทวิจัยนีลเส็น แต่การสำรวจนี้รวมเอาวุ้นเส้น และเส้นบะหมี่เหลือง รวมถึงไม่ได้สำรวจในทุกช่องทาง เช่น ไม่มีข้อมูลจากร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น
“แม้ข้อมูลจะไม่ชัดเจน แต่ ไวไว คือเบอร์ 1 ของตลาดเส้นหมี่อบแห้ง ผ่านยอดขายในโมเดิร์นเทรด และความนิยมจากรุ่นสู่รุ่น รวมถึงในฝั่งผู้ประกอบการที่เลือกใช้ของ ไวไว โดยมูลค่าของตลาดเส้นหมี่มีมูลค่าราว 10 หลัก ส่วนคู่แข่งของเราก็มีทั้งแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก และรายย่อยที่จำหน่ายในรูปแบบเส้นสด”
เพื่อตอกย้ำผู้นำ ไวไว จึงเปิดตัว เส้นหมี่ไวไวไฟเบอร์สูง เน้นทำตลาดกับกลุ่มคนรักสุขภาพ โดยตั้งเป้ายอดขายจากสินค้านี้ 100 ล้านบาท ในปี 2024 และใช้งบการตลาดเพื่อสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ราว 20 ล้านบาท โดยปัจจุบันยอดขายเส้นหมี่ไวไวมาจากฝั่งผู้ประกอบการ 60% และที่เหลือมาจากผู้บริโภคทั่วไป
อ้างอิง // ไวไว
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post ไวไว แก้เกมโดนคุมราคาบะหมี่กึ่งฯ เตรียมส่งผงปรุงแพ็กใหญ่ ขายคู่บะหมี่เปลือย เจอกันปี 2024 first appeared on Brand Inside.ใครที่เคยอ่านนิยายสยองขวัญอย่าง “บ้านวิกลคนประหลา […] More
The post “บ้านวิกลคนประหลาด” จากหนังสือนิยายสุดฮิต สู่ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องใหม่! appeared first on iMoD.
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาแอปเปิล และบริษัทอื่น ๆ จำนวนหนึ่งได้ตัดสินใจหยุดโฆษณาบน X ไว้ชั่วคราว ซึ่งก็เดือดไปถึงอีลอน มัสก์จนถึงขั้นต้องหลุดบอกประโยคหยาบคายอย่าง Go f**k Yourself’ ออกมาด้วย
whoa — “go fuck yourself,” Elon Musk says to Bob Iger and others who pull advertising from X
at this point it’s almost as if he’s watching the old Iron Man movies and doing a reverse Tony Stark impression pic.twitter.com/csXxeLH2wG
— j.d. durkin (@jd_durkin) November 29, 2023
ซึ่งการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเพราะโพสต์ต่อต้านชาวยิวของอีลอน มัสก์ และมีการรายงานโฆษณาเปิดเผยว่าแอปเปิลมีทฤษฎีสมคบคิดกับฝ่ายขวาจัด และต่อต้านยิวไปด้วย
ทำให้บริษัทต่าง ๆ นอกจากแอปเปิล เช่น Disney, IBM, Comcast, Paramount และอื่น ๆ หยุดโฆษณาบน X ไปแล้วชั่วคราว
และการคว่ำบาตรโฆษณาครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่า X เพราะทำให้เสียรายได้ด้านโฆษณามหาศาลไป โดยเฉพาะแอปเปิลที่เป็นลูกค้ารายใหญ่
นอกจากนี้ยังมีมากกว่า 100 แบรนด์ที่ติดตามแอปเปิล และหยุดการโฆษณาบน X ไปด้วยเช่นกัน จนอาจเสียรายได้ไปประมาณ 2,600 ล้านบาทไทย
แต่ฝั่งซีอีโอ X อย่างลินดาก็บอกด้วยว่าแอปเปิลจะกลับมาลงโฆษณาบน X อีกครั้ง ส่วนการหยุดโฆษณาเป็นเพียงแค่ความคลาดเคลื่อน และเข้าใจผิดของสื่อ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการบอกชัดเจนว่าแอปเปิลจะหยุดการโฆษณาบน X ชั่วคราวถึงเมื่อไหร่อยู่ดีครับ
ที่มา – 9To5Mac
The post Elon Musk เดือด! พร้อมตอบโต้ Apple และคนที่หยุดโฆษณาบน X ชั่วคราวด้วยคำหยาบ appeared first on Macthai.com.
YouTube เปิดกว้าง ครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 500 ค […] More
The post ผู้ติดตาม 500 คน ก็สร้างรายได้จาก YouTube ได้แล้ว! ดูรายละเอียดที่นี่ appeared first on iMoD.
เมื่อนึกถึงสมาร์ทวอร์ช หลายคนที่เป็นสายออกกำลังกาย สายกิจกรรมแอดเวนเจอร์คงจะต้องนึกถึงผู้เล่นสำคัญในตลาดอย่าง Garmin ที่มีจุดแข็งอยู่ที่อายุแบตเตอรี่ที่อยู่ได้หลายวันหรือเป็นหลักหลายสัปดาห์ด้วยซ้ำ
Garmin Health เป็นธุรกิจโซลูชั่นทางด้านสุขภาพของ Garmin ที่มีจุดเริ่มต้นขึ้นมาในปี 2014 ซึ่งนับว่าเพิ่งเข้าสู่การเป็นผู้เล่นในตลาดได้ไม่นานนักเมื่อเทียบกับผู้เล่นรายอื่น
Brand Inside ได้พูดคุยกับยอร์น วัสกี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจ B2B ของ Garmin Health ที่เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้น กลยุทธ์ และความท้าทายของธุรกิจด้านสุขภาพนี้ว่า Garmin ทำอย่างไรบ้างเมื่อเข้าสู่ตลาดสุขภาพทีหลังคนอื่น
จุดเริ่มต้น Garmin Healthยอร์น วัสกี เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นว่า ทุกบริษัทย่อมมีจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ สำหรับ Garmin ได้เริ่มต้นที่การพัฒนาสมาร์ทวอร์ชเพื่อการวิ่งและฟิตเนส
“ที่จริงแล้วเราอยากตอบสนองความต้องการของทุกคน เลยเป็นเหตุผลที่เราพัฒนานาฬิกาขึ้นมาหลายรุ่น อย่างเช่น นาฬิกาสำหรับผู้หญิง นาฬิกาสำหรับคนทั่วไป สำหรับทุกคน หรือนาฬิกาสำหรับคนที่ตื่นเต้นกับสินค้าหรู”
อีกอย่างหนึ่งก็คือ ในตอนแรกเริ่มต้นของ Garmin Health ในปี 2014 ทุกอย่างเป็นเรื่องของการนับจำนวนก้าวและการดูแลสุขภาพภายในองค์กร (Corporate Wellness) ทำให้เกิดความตระหนักเรื่องการเดินของผู้คนว่าควรจะเดินให้ได้ 10,000 ก้าว แต่ในปัจจุบัน เป็นมากกว่าการนับจำนวนก้าวแต่รวมไปถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพทั้งหมด ทั้งความเครียด การนอน สารอาหาร กิจวัตรประจำวันทั่วไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ Garmin ต้องการดูแล เช่น ถ้าผู้ใช้รู้สึกว่าตัวเองนอนหลับได้ไม่ดีจะได้เริ่มจัดการกับปัญหาเรื่องการนอนได้
ในตลาดที่มีผู้เล่นหลายราย Garmin มีกลยุทธ์สร้างความโดดเด่นยังไงบ้างยอร์น วัสกี มองตลาดโซลูชั่นด้านสุขภาพไว้ว่า “ผมคิดว่าเรามีคู่แข่งหลายรายและนั่นเป็นเรื่องที่ดี เพราะคู่แข่งของเราสามารถสื่อสารกับตลาดและพัฒนาตลาดได้ซึ่งเป็นเรื่องที่เราชื่อชม”
Garmin มีกลยุทธ์แตกต่างผู้เล่นสมาร์ทวอร์ชเจ้าอื่นตรงที่มองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้ ขณะที่คู่แข่งรายอื่นมุ่งมั่นที่จะขายสมาร์ทวอร์ชเพียงรุ่นเดียว ยอร์น วัสกี ยกตัวอย่างสมาร์ทวอร์ชของตัวเองว่าเขารู้สึกชอบนาฬิกาของเขา แต่คนอื่นก็อาจจะมองว่ามันใหญ่เกินไป อย่างภรรยาของเขาก็มีนาฬิกา 2-3 เรือนที่เหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน
นอกจากนี้ กลยุทธ์สำคัญของ Garmin Health ยังอยู่ที่อายุแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนาน ไม่จำเป็นต้องชาร์จทุกคืน ทำให้สามารถสวมใส่และเก็บข้อมูลสุขภาพได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจุดขายอีกเรื่องหนึ่งที่ Garmin แตกต่างจากผู้เล่นรายอื่น
“ดังนั้นกลยุทธ์ของเราก็อยู่ที่ฟีเจอร์หลักและการสร้างนาฬิกาที่ปรับให้เข้ากับทุกคนเข้าสู่ตลาด และให้ตอบสนองความต้องการผู้ใช้ด้วยสิ่งที่ใช่สำหรับพวกเขา”
Garmin ให้ความสำคัญกับเรื่องข้อมูล แล้วข้อมูลช่วยยกระดับธุรกิจยังไงยอร์น วัสกี มองว่า ข้อมูลคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง เป็นสิ่งที่ทำให้สามารถพัฒนาฟีเจอร์หลายอย่าง เช่น BBI ที่เป็นมาตรวัดระยะเวลาระหว่างการเต้นของหัวใจแต่ละครั้งที่เป็นพื้นฐานของหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับความเครียด Garmin เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ลงทุนอย่างมากในทางวิศวกรรมการวิเคราะห์ข้อมูลและการตรวจจับข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังมีพาร์ทเนอร์ที่แชร์ข้อมูลกันเพื่อนำไปสร้างโซลูชั่นด้านสุขภาพต่อ
“เพราะฉะนั้นความหลากหลายในการใช้ข้อมูลทำให้เกิดการวิเคราะห์ข้อมูล 2 ทาง คือพาร์ทเนอร์ที่ได้รับข้อมูลดิบและนำข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อเอง และเราก็มีพาร์ทเนอร์ที่นำการวิเคราะห์ข้อมูลของเราไปใช้ผ่านนาฬิกาที่มีอายุแบตยาวที่มีฟีเจอร์วิเคราะห์ข้อมูลจากข้อมูลดิบแล้ว”
แผนในอนาคตของ Garmin มีอะไรบ้างยอร์น วัสกี เล่าให้ฟังว่า ตำแหน่งในตลาดของ Garmin ในแต่ละประเทศแตกต่างกันไป แต่เป้าหมายหลักไม่ว่าที่ไหนอยู่ที่การรักษาอันดับให้อยู่ในอันดับ 1-3 เพราะจะได้เป็นผู้พัฒนาตลาดไปได้ในหลายตลาดทั้งอุปกรณ์เพื่อกิจกรรมแอดเวนเจอร์ การออกกำลังกาย ไปจนถึงอุปกรณ์เพื่อกิจกรรมทางทะเล
“เรารู้ว่าในบางตลาด เราเข้ามาเป็นผู้เข้าแข่งขันได้ไม่นาน แต่สิ่งที่เราจะทำได้ก็คือการพัฒนาจุดแข็งและรับฟังว่าอะไรเป็นประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ อะไรที่สร้างการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ การสร้างสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้”
ความท้าทายของ Garmin อยู่ตรงไหนความท้าทายของ Garmin อยู่ตรงที่ว่าจะทำอย่างไรให้เป็นที่ยอมรับเมื่อมีสินค้าจากผู้แข่งขันรายอื่นอยู่ในตลาด รวมทั้งมีคนคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ยอร์น วัสกี ยกอย่างบริการการแพทย์ทางไกลหรือ Telemedicine ที่มีผู้ให้บริการหลายแห่งอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ Garmin ทำเพิ่ม คือการสร้างความร่วมมือกับแพทย์ที่ต้องการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจว่ามีบริการอะไรที่พร้อมให้ใช้งานแล้วบ้าง แล้วทาง Garmin จะสามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้อีกในธุรกิจนี้
มีข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวข้อมูลไหมและจัดการยังไง“แน่นอนว่าเรามีความกังวลและควรจะกังวลด้วยเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ ทุกคนก็ควรมีความกังวลเช่นเดียวกัน”
Garmin เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่ระมัดระวังเรื่องกฎหมาย GDPR ในยุโรปซึ่งเป็นกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเช่นเดียวกับบริษัทรายใหญ่หลายแห่งและลงทุนอย่างมากในเรื่องนี้
ยอร์น วัสดี มองว่า แม้กฎหมาย GDPR จะเป็นภาระของบริษัทแต่ก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ด้วยเหมือนกัน เพราะความเป็นส่วนตัวของข้อมูลนำมาซึ่งความไว้วางใจของผู้ใช้ สำหรับ Garmin ไม่ได้มองว่าข้อมูลเป็นของบริษัทแต่มองว่าข้อมูลเป็นของผู้ใช้และบริษัทเพียงแค่ช่วยเก็บข้อมูลแทนผู้ใช้
ส่วนเรื่องการส่งต่อข้อมูลให้พาร์ทเนอร์ ยอร์น วัสกี กล่าวว่า “เราไม่เคยนำข้อมูลของผู้ใช้ให้กับพาร์ทเนอร์ แต่พาร์ทเนอร์ที่จะนำข้อมูลไปใช้ต้องขอความยิมยอมจากผู้ใช้เอง และถ้าผู้ใช้เห็นว่าการแชร์ข้อมูลจะเป็นประโยชน์ก็เป็นการตัดสินใจของผู้ใช้”
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post คุยกับผู้บริหาร Garmin Health จุดเริ่มต้นและความท้าทายของผู้เล่นที่เข้ามาทีหลัง กับจุดขายสำคัญที่แบตอึด first appeared on Brand Inside.เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ชี้แจงเรื่องหมูเถื่อนว่าเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนเรื่องโยกย้าย ยืนยันไม่ก้าวก่าย
ย้ำเน้นตลอดเวลาว่าไม่ใช่แค่เอาหมูเถื่อนเข้ามาแล้วผิดกฎหมาย ทำให้ผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อยไม่สามารถประกอบกิจการได้ วันนี้ ถ้าเกิดจะกลับมาใหม่ก็ต้องใช้เงินทุนที่จะเริ่มต้นใหม่อีกทีหนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเหมือนกัน ไม่ต้องห่วง เราพยายามติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ต้องสาวให้ถึงรายใหญ่ให้ได้
สำหรับประเด็นเด้งฟ้าผ่า อธิบดี DSI เป็นไปได้หรือไม่ว่าสืบสาวจนเจอตอใหญ่
เศรษฐาชี้แจงว่า ขอตอบเรื่องเจอตอใหญ่ ว่าข้าราชการนี่ไม่มีใครกลัว ทุกคนพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างสุดความสามารถ การโยกย้ายก็เอาเนื้อคนให้ถูกเนื้องานมากกว่าตามที่แถลงไปแล้ว ส่วนเรื่องเจอตอแล้วย้ายไม่ให้ทำต่อ อย่าไปคิดอย่างนั้น ไม่มีแน่นอน ไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้แน่นอน
สำหรับการโยกย้ายตำแหน่งนั้น ยืนยันว่าในด้านการเมืองถ้าหมายถึงนายกรัฐมนตรีไปก้าวก่ายหรือเปล่า ยืนยันว่าไม่ใช่ ไม่มีเรื่องนี้แน่นอน แต่ถ้าบอกว่าการเมืองแล้วรัฐมนตรียุติธรรมไปย้าย ใช่ รัฐมนตรียุติธรรมเป็นคนย้าย ก็ตามที่ท่านได้บอกไว้ว่าย้ายไปทำเรื่องของนโยบาย เป็นรองปลัด และก็หาคนที่เหมาะสมมาทำต่อ แต่ว่าการมาทำต่อ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน กลับไปก็ต้องเรียกคุยเหมือนกันว่ามันถึงไหนแล้ว
ส่วนเรื่องคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น ยืนยันว่าก้าวก่ายไม่ได้เป็นเรื่องของรัฐมนตรียุติธรรม และขออย่าพูดเรื่องคน พูดเรื่องความดีกว่า ความคือเรื่องของงาน เป็นผลสำเร็จที่ต้องจัดการ ไม่ใช่เรื่องหมูเถื่อนอย่างเดียว เดี๋ยวนี้เนื้อเถื่อนก็มาแล้ว แพะเถื่อนก็มาแล้ว ยังมีเรื่อง MORE เรื่อง STARK เยอะแยะไปหมดที่ต้องสะสาง ไม่งั้นความมั่นใจของผู้ประกอบการและนักลงทุนที่เข้ามาในตลาดหลักทรัพย์เองก็จะมีปัญหา
ที่มา – ทำเนียบรัฐบาล
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post เศรษฐาชี้แจงเรื่องหมูเถื่อนเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนเรื่องโยกย้ายข้าราชการ ยืนยันไม่ก้าวก่าย first appeared on Brand Inside.พามาลองเครื่องมือ AI ที่น่าสนใจอีกหนึ่งตัว ชื่อว่า roam […] More
The post Roam Around สุดเจ๋ง AI ช่วยแพลนทริปท่องเที่ยว ใช้ง่าย และแพลนดีซะด้วย! appeared first on iMoD.
วันนี้ทีมงานมีแอปดี ๆ มาแนะนำ ใครที่เป็นสายเดินป่า วิ่ง […] More
The post แนะนำแอป AllTrails แอปสำหรับคนชอบเดินป่า ปั่นจักรยาน วิ่งเทรล appeared first on iMoD.
เพื่อน ๆ คนไหนที่ชอบใช้ Youtube Music แล้วอยากดู Youtub […] More
The post YouTube Music Recap ปี 2023!! appeared first on iMoD.
แม้จะเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่า iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max จะเปิดตัว แต่ข่าวลือหลาย ๆ อย่างก็มากเกินจนจะตามเก็บไหว วันนี้ MacThai เลยสรุปมาจาก 9To5Mac มาให้อ่านกันครับ
ขนาดจอของ iPhone 16 Proจากแหล่งข่าวต่าง ๆ รวมถึงนักวิเคราะห์สายจออย่าง Ross Young ก็มีบอกมาว่าจอของ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max จะมีขนาดใหญ่ขึ้น
อย่าง iPhone 16 Pro คาดจะมีขนาด 6.3 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่า iPhone 15 Pro ที่มีขนาด 6.1 นิ้ว ส่วน iPhone 16 Pro Max จะมีขนาด 6.9 นิ้ว จากเดิมที่ iPhone 15 Pro Max ขนาด 6.7 นิ้ว ทำให้กลายเป็นรุ่นที่จอใหญ่ที่สุดในรุ่น!
โดยเทียบขนาดที่เปลี่ยนแปลงได้กับ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ได้ตามนี้ครับ
iPhone 16 Pro vs iPhone 15 Pro
iPhone 16 Pro
ความหนา: 8.25 มม.
ความสูง: 149.6 มม.
ความกว้าง: 71.45 มม.
ขนาดจอ: 6.3 นิ้ว
น้ำหนัก: 194 กรัม
iPhone 15 Pro
ความหนา: 8.25 มม.
ความสูง: 146.6 มม.
ความกว้าง: 70.60 มม.
ขนาดจอ: 6.1 นิ้ว
น้ำหนัก: 187 กรัม
iPhone 16 Pro Max vs iPhone 15 Pro Max
iPhone 16 Pro Max
ความหนา: 8.25 มม.
ความสูง: 163.0 มม.
ความกว้าง: 77.58 มม.
ขนาดจอ: 6.9 นิ้ว
น้ำหนัก: 225 กรัม
iPhone 15 Pro Max
ความหนา: 8.25 มม.
ความสูง: 159.9 มม.
ความกว้าง: 76.70 มม.
ขนาดจอ: 6.7 นิ้ว
น้ำหนัก: 221 กรัม
ซึ่งเมื่อเทียบกับ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ก็จะเห็นได้ชัดว่า iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max นั้น มีจอที่ใหญ่กว่า และเครื่องจะสูงมากกว่า
แบตเตอรีของ iPhone 16 Proการเปลี่ยนมาใช้ Metal Shell ที่มีดีไซน์รูปตัว L จากโลหะทำให้แบตเตอรีของแอปเปิลกระจายความร้อนได้ดีขึ้น พร้อมระบบระบายความร้อนแบบกราฟีน
จะทำให้ใช้งานได้เป็นเวลานานขึ้น หลังมีผู้ใช้เจอปัญหาเครื่องร้อนจาก iPhone 15 Pro ซึ่งนับว่าเป็นการแก้ไขปัญหาในรุ่นต่อไป แถมยังปลดล็อกการชาร์จแบบมีสาย 40 W (เพิ่มจาก 27 W) และการชาร์จ MagSafe 20 W (เพิ่มจาก 15 W) ด้วย แต่ข่าวลือนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันครับ
การอัปเกรดกล้องของ iPhone 16 ProiPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max จะใช้เซ็นเซอร์กล้อง Sony ใหม่ เพื่อเอื้อต่อการถ่ายในที่ที่แสงน้อยมากขึ้น นอกจากนี้จะมีการปรับปรุงเลนส์ Ultra-wide ด้วย
โดย iPhone 16 Pro จะใช้กล้องมุมกว้าง 48 MP ใหม่ เป็นการปรับปรุงจากเลนส์ Ultra-wide 12 MP ของ iPhone 15 Pro ด้วย
Wi-Fi และ 5G ที่เร็วขึ้นจากการรายงานของทั้งฝั่ง Ming-Chi Kuo and Jeff Pu, มีบอกมาว่า iPhone 16 Pro จะรองรับ Wi-Fi 7 ที่อัปเกรดมาจาก Wi-Fi 6E ของ iPhone 15 Pro ด้วย ซึ่ง Wi-Fi 7 มีความเร็ว และลดความหน่วงได้ดี เหมาะใช้กับ Apple Vision Pro
ข่าวลือด้านอื่น ๆนอกจากนี้ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max มีราคาเท่ากันกับรุ่นก่อน แต่เริ่มต้นความจุที่ 256GB แต่ก็ถือว่ายังแพงกว่าราคาต้นทุนที่แอปเปิลผลิต
แต่ข่าวลือเหล่านี้จะจริงกี่เปอร์เซ็นต์คงต้องรอดูกันอีกทีช่วงใกล้เดือนกันยายนปีหน้าครับ หากไม่ติดปัญหาการผลิตล่าช้า หรือซัพพลายเออร์อื่น ๆ
ที่มา – 9To5Mac
The post รวมข่าวลือของ iPhone 16 Pro ที่เหล่าสาวก Apple ห้ามพลาด! appeared first on Macthai.com.
มาตามนัด Apple ปล่อย iOS 17.1.2 ให้ผู้ใช้ทั่วไปอัปเดตแล […] More
The post Apple ปล่อย iOS 17.1.2 ให้ผู้ใช้ทั่วไปอัปเดตแล้ว appeared first on iMoD.