Apple Watch Series 4 วางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 21 ก.ย. 2018 ที่ผ่านมาในกลุ่มประเทศแรก ณ ตอนนี้ 4 ต.ค. ยังไม่มีกำหนดการวางจำหน่ายในประเทศไทย แต่สิ่งหน่ึงที่สังเกตได้จากเว็บไซต์ของ Apple ส่วนของ Apple Watch นั้นพบว่าทาง Apple ได้มีการโปรโมทรุ่น Hermès เอาไว้ค่อนข้างมาก
Apple Watch Hermès 4 อาจจะวางจำหน่ายในประเทศไทยปี 2018 นี้จากประวัติแล้ว Apple Watch รุ่น Hermès ยังไม่เคยมีการวางจำหน่ายในประเทศไทยมาก่อนซึ่งที่ผ่านมาบนหน้าเว็บจะบอกแค่รายละเอียดของรุ่นนี้เอาไว้เท่านั้นแต่ไม่สามารถสั่งซื้อได้ (จากประสบการณ์ผมเห็นรุ่นนี้วางจำหน่ายที่ Apple Sydney)
เมื่อลองดูในหน้าเว็บของ Apple ที่ https://www.apple.com/th/apple-watch-hermes/ ก็พบข้อความแจ้งว่า “โปรดตรวจสอบวันวางจำหน่ายอีกครั้ง” นั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณที่บอกว่ารุ่นนี้อาจจะเปิดขายในไทย
ต้องรอชมกันครับว่าถ้า Apple Watch Series 4 ได้วันกำหนดวางขายในประเทศไทยแล้วมาดูกันว่ารุ่น Hermès นั้นจะมีขายด้วยหรือเปล่า ถ้ามาขายในบ้านเราจริงสาวก Hermès คงไม่ต้องเหนื่อยไปหิ้วจากต่างประเทศอีกแล้ว
The post Apple Watch Hermès 4 อาจจะวางจำหน่ายในประเทศไทยปี 2018 นี้ appeared first on iPhoneMod.
วิกฤติค่าเงินในประเทศตุรกียังคงเป็นวิบากกรรมต่อเนื่อง ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อในประเทศตุรกีได้ทำสถิติใหม่สูงสุดที่ 25% และผลกระทบก็ตกกับประชาชนตุรกีเนื่องจากราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
เงินเฟ้อในประเทศตุรกีล่าสุดทำสถิติสูงสุดใหม่อยู่ที่ 25% สูงสุดในรอบ 15 ปี โดยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาตุรกียังมีอ้ตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 17.9% นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้อยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ประมาณ 21% โดยสาเหตุสำคัญมาจากการอ่อนค่าของค่าเงินลิราตุรกี
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางตุรกีล่าสุดอยู่ที่ 24% ซึ่งคาดว่ารัฐบาลของประธานาธิบดี Erdogan อาจแทรกแซงไม่ให้มีการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่านี้
สำหรับวิกฤตการเงินของตุรกี สามารถอ่านทำความเข้าใจได้ที่นี่
ผู้ผลิตสินค้าในตุรกีเตรียมที่จะขึ้นราคาสินค้าอีกรอบหลังจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น โดยสินค้าส่วนใหญ่ในตุรกีขึ้นมาแล้ว 10% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน ถ้านับต้นปีเป็นต้นมาสินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในประเทศตุรกีขึ้นราคามาแล้วเฉลี่ยประมาณ 46%
ข้อมูลจากหน่วยงานสถิติในตุรกียังแสดงให้เห็นว่าสินค้าอื่นๆ ยังมีราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดือนที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นราคาเสื้อผ้าที่ขึ้นมา 4% เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านราคาขึ้นมา 11.4% ยังรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ขึ้นมาอีกประมาณ 9%
ที่มา – Euronews, Bloomberg, Andalou Agency
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Flurry Analytics เผยข้อมูลว่า iPhone XS, iPhone XS Max ขายดีมากในช่วงเปิดขายแรกๆ ขายดีกว่า iPhone 8, 8 Plus, iPhone X แต่ยังน้อยกว่าตอน iPhone 7 เปิดขายใหม่ๆ
iPhone XS, iPhone XS Max ขายดีกว่ารุ่นปีที่แล้ว ในการเปิดขายช่วงแรกข้อมูลจาก Flurry Analytics เผยว่า iPhone XS, iPhone XS Max ขายได้ดีกว่า iPhone 8, 8 Plus และ iPhone X ในการเปิดขายช่วงแรก ซึ่งจริงๆ แล้วเหตุผลมาจากปีที่แล้ว iPhone X เปิดขายช้ากว่านั่นเอง
ในรายงานเผยข้อมูลเปรียบเทียบว่า Apple สามารถสร้างรายได้จากการขาย iPhone XS, iPhone XS Max เฉลี่ยรวมกันเพิ่มขึ้นประมาณ 7% จากการขาย iPhone 8, 8 Plus และ iPhone X ซึ่งทำให้ Apple มีรายได้จากการขาย iPhone รุ่นใหม่มากขึ้น
Flurry Analytics เผยว่า iPhone XS, iPhone XS Max จะยังขายดีต่อไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดท้ายปี และการมาของ iPhone XR จะทำให้ Apple มีรายได้จากการขาย iPhone เพิ่มขึ้นไปอีก
iPhone 7 ยังเป็นอันดับ 1 ของ iPhone ที่ขายดีในช่วงแรกของการเปิดขายอย่างไรก็ตาม Flurry Analytics เผยเพิ่มเติมว่ายอดขาย iPhone XS, iPhone XS Max ในช่วงแรกของการเปิดขายนั้นยังน้อยกว่า iPhone 7 ที่เปิดขายช่วงแรกโดยยังครองสัดส่วนการขายในช่วงแรกอยู่ที่ 15.40% ตามด้วย iPhone 7 Plus 12.73% และ iPhone 6s Plus 12.40%
รายงานล่าสุดเผยว่า iPhone XS Max ได้คะแนนกล้องเป็นอันดับสองรองจาก Huawei P20 Pro แต่คะแนนโดยรวมนั้น iPhone XS Max ทำออกมาได้ดี และกสทช. ได้อนุมัติ iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ให้ขายในไทยได้แล้ว
ที่มา – 9to5mac
The post iPhone XS, iPhone XS Max ขายดีกว่ารุ่นปีที่แล้วจริง แต่ยังสู้ตอน iPhone 7 เปิดขายใหม่ๆ ไม่ได้ appeared first on iPhoneMod.
ก่อนหน้านี้ผู้ใช้ iPhone XS, iPhone XS Max บางรายเจอปัญหาสัญญาณ LTE ช้ากว่า iPhone รุ่นเก่า โดยมีรายงานว่า Apple ได้เข้าไปติดตามปัญหานี้แล้ว
Apple ติดตามปัญหา iPhone XS, iPhone XS Max สัญญาณ LTE ช้าของผู้ใช้บางรายแล้วDevin Meredith เผยผ่าน Twitter ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ใช้ iPhone XS Max ที่เจอปัญหาสัญญาณ LTE ช้า (Wi-Fi, Cellular ช้า) และ Apple ได้ติดต่อเขาให้ติดตั้ง Baseband เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณ
@reneritchie Apple just reached out to me to see if I could answer some questions about my Xs Max reception issues they’re doing an outreach to some affected users and are asking to install a baseband logger to track my connection to the tower
— Devin Meredith ? (@Devmer11) 3 ตุลาคม 2561
นั่นหมายความว่าต้นเหตุของปัญหานั้น อาจเป็นไปได้ที่จะเป็น Hardware ของตัวเครื่อง ซึ่งถ้าเป็นปัญหาจากตัว Hardware ก็จะส่งผลโดยตรงกับการทำงานผิดพลาดของ Software ทั้ง iOS และ Firmware ของเครือข่าย ซึ่งปกติแล้ว Apple มักปล่อย Software อัปเดตแก้ไขปัญหา
Apple ได้ปล่อยอัปเดต iOS 12.1 beta 2 ให้นักพัฒนาได้อัปเดต แต่ยังไม่ข้อมูลยืนยันว่าใน Patch ดังกล่าวมีตัวแก้ไขเรื่องสัญญาณ LTE ของ iPhone XS, iPhone XS Max หรือไม่ ซึ่ง appleinsider เผยข้อมูลที่อ้างจากแหล่งข่าวภายในว่า “ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลปัญหาดังกล่าวอยู่”
ดังนั้นถึง ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าต้นเหตุของปัญหาเรื่องสัญญาณ LTE ช้าของ iPhone XS, iPhone XS Max สำหรับผู้ใช้บางรายมาจากปัญหาอะไร ซึ่งต้องรอ Apple อัปเดตข้อมูลให้ทราบภายหลัง
ที่มา – appleinsider
The post Apple ติดตามปัญหา iPhone XS, iPhone XS Max สัญญาณ LTE ช้าของผู้ใช้บางรายแล้ว appeared first on iPhoneMod.
ผลทดสอบประสิทธิภาพกล้องของ iPhone Xs Max รุ่นใหม่ล่าสุดจาก DxOMark ที่หลาย ๆ คนรอคอย ก็มาแล้ว !! ซึ่งพบว่า iPhone Xs Max นั้นทำคะแนนรวมได้ 105 คะแนน คว้าที่ 2 สมาร์ทโฟนที่กล้องดีที่สุดตอนนี้ เป็นรอง Huawei P20 Pro ที่ได้คะแนนไป 109 คะแนน
สำหรับการทดสอบนี้ DxOMark ได้ใช้ iPhone Xs Max ในการทดสอบ ซึ่งทางผู้ทดสอบระบุว่า iPhone Xs นั้นมีกล้องสเปกเดียวกันเพราะฉะนั้น iPhone Xs จะมีคะแนนเท่ากับ iPhone Xs Max
DxOMark ให้ความเห็นว่ากล้อง iPhone Xs Max นั้นเป็นกล้องที่ดีมากในที่ที่มีแสงมาก มี Dynamic range และรายละเอียดของภาพที่ดี รวมถึงสีของภาพด้วย ซึ่งเป็นผลมาจาก Smart HDR ฟีเจอร์เด็ดของ iPhone Xs แลพ Xs Max ทำให้ได้คะแนนภาพนิ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าตอน iPhone X นั่นเอง
สำหรับคะแนนภาพนิ่งนั้น iPhone Xs Max ได้ไป 110 คะแนน ส่วนคะแนนวิดีโอได้ไป 96 คะแนน ซึ่งคะแนนน้อยกว่า Huawei P20 Pro ทั้งสองด้าน ที่ได้คะแนนภาพนิ่งและวิดีโอไป 114 และ 98 คะแนนตามลำดับ
จากคะแนนด้านล่างพบว่า สิ่งที่ iPhone Xs Max แพ้ P20 Pro แบบเห็นชัด ๆ เลยคือ ด้านการจัดการ Noise, การใช้แฟลช, การซูม และโบเก้ของภาพ ส่วนเรื่องวีดิโอก็ยังคงเป็นเรื่องการจัดการ Noise เช่นกัน
ส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับ iPhone X นั้น พบว่าสามารถถ่ายในที่ย้อนแสงได้ดีกว่าแบบเห็นได้ชัด จากตัวอย่างภาพด้านล่างจะเห็นว่า ในส่วนมืดและส่วนสว่างด้านนอกหน้าต่าง iPhone Xs Max สามารถเก็บรายละเอียดของวัตถุได้ดีกว่ามาก เหตุเพราะ Smart HDR ในขณะที่ iPhone X นั้น ด้านนอกแสงจ้าจนไม่เห็นรายละเอียดของตึกเลย
ภาพถ่ายด้วย iPhone X
ภาพถ่ายด้วย iPhone Xs Max
ที่มา – MacRumors
The post คะแนนทดสอบกล้อง iPhone Xs Max ชนะ Galaxy Note 9 แต่ยังเป็นรอง Huawei P20 Pro appeared first on Macthai.com.
รถยนต์ไร้คนขับเป็นเทคโนโลยีที่หลายค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลกเร่งพัฒนาอยู่ ล่าสุดค่ารถยนต์ญี่ปุ่นอย่าง Honda ก็มีข่าวใหญ่ว่าจะร่วมกับค่ายรถ General Motors (GM) พัฒนารถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองออกมาสู่โลก
ข่าวล่าสุดคือ Honda ร่วมมือกับ General Motors (GM) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบ ซึ่ง Honda มองว่าจะลงทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นระยะเวลาประมาณ 12 ปี ซึ่ง GM จะได้พัฒนานวัตกรรมนี้อย่างอิสระ
แน่นอนว่า Honda จะให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน รวมถึงวิศวกรยานยนต์กับ Cruise (บริษัทลูกของ GM) ซึ่งจะพัฒนายานพาหนะโมเดลใหม่ที่ต่างจากพื้นฐานรถยนต์ในปัจจุบัน เพื่อสร้างก้าวใหม่ของรถขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยตั้งเป้าหมายให้มนุษย์สามารถควบคุมการทำงานของรถได้ทั้งหมด
ทั้งทาง Honda และ GM นอกจากพัฒนารถไร้คนขับยังจะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างเทคโนโลยี แบตเตอร์รี่รถยนต์ไฟฟ้า และ เชื้อเพลิงไฮโดรเจน
ทั้ง GM และ Cruise กำลังพัฒนารถไร้คนขับในโมเดล GM’s Chevrolet Bolt EV electric car คาดว่าจะออกมาให้เห็นในปีหน้า
Donald Amman ประธานบริหาร GM บอกว่า เราต้องการสร้างยานพาหนะที่แตกต่างจากข้อจำกัดเดิมๆ ไม่ว่าจะดีไซน์โมเดลรถ หรือการขับเคลื่อนด้วยล้อ ขณะนี้เรายังไม่ได้กำหนดเวลาที่ชัดเจนว่าโมเดลรถไร้คนขับแบบใหม่ ทั้งที่อยู่ในรถรุ่น the Bolt EV และรถยนต์ตัวใหม่ จะออกมาให้เห็นเมื่อไร แต่แน่นอนว่าหลังจากการทดสอบความปลอดภัยก่อน
ปัจจุบัน Cruise ได้รับเงินลงทุนรวม 14,600 ล้านเหรียญสหรัฐ มาจากส่วนที่ Honda ถือหุ้นทุนอยู่ประมาณ 750 ล้านเหรียญสหรัฐ และก่อนหน้านี้ Softbank ธนาคารของญี่ปุ่นที่สนใจลงทุนในเทคโนโลยีก็เพิ่งลงทุนไป 2,250 ล้านเหรียญสหรัฐ
ปัจจุบัน GM รถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง Bolt EV ปัจุบันก็เป็นบริษัทเดียวที่มีการผลิตรถแบบนี้ในลักษณะไลน์การผลิต
สรุปเราได้ยินข่าวรถยนต์ไร้คนขับกันมาเยอะ ไม่ว่าจะข่าวดีหรือข่าวร้าย แต่เทคโนโลยีต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้มนุษย์เราได้ใช้สิ่งที่ดีกว่า ครั้งนี้เราเห็นการร่วมมือกันระหว่าง 2 ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นและอเมริกา หลังจากนี้อีกไม่กี่ปี เราอาจจะได้ยินข่าวรถไร้คนขับกลายเป็น Mass มากขึ้นก็ได้ คงต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
ที่มา CNNMoney
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Siri เป็นคุณสมบัติหลักของ iOS ที่มีการปรับปรุงมาโดยตลอด และใน iOS 12 ก็ได้มีการเพิ่มความสามารถของ Siri ที่จะช่วยตอบสนองการใช้งานของผู้ให้ดีขึ้น เรามาชมกันเลยดีกว่าว่าความสามารถใหม่ของ Siri ใน iOS 12 มีอะไรบ้าง
8 ความสามารถใหม่ของ Siri ใน iOS 12 1. เรียก Siri ได้ในโหมดประหยัดพลังงานใน iOS 12 เราสามารถเรียก หวัดดี Siri หรือ Hey Siri ได้ ถึงแม้ว่าจะเปิดโหมดพลังงานต่ำอยู่ ซึ่งถ้าเป็น iOS เดิมจะไม่สามารถเรียก Siri เวลาที่เราเปิดโหมดประหยัดพลังงานได้ (กรณีที่ไม่ได้ชาร์จแบตไปด้วย)
และการสั่งงานที่เพิ่มความสะดวกอีกหนึ่งอย่างก็คือ การสั่งให้ Siri เปิดไฟฉาย เวลาที่ไฟดับก็สามารถเรียกหาก Siri และสั่งให้ Siri เปิดไฟฉายได้เลย
หากเราต้องการค้นหารหัสผ่านอย่างรวดเร็ว ก็สามารถสั่งการ Siri ให้ค้นหารหัสผ่านได้ โดยสั่งว่า ค้นหารหัสผ่าน “ชื่อแอป” Siri ก็จะทำการค้นหารหัสผ่านที่เราเคยบันทึกไว้ในส่วนการตั้งค่ามาให้
ใน iOS 12 ได้ใช้ฟังชันก์ Find my Phone ค้นหาอุปกรณ์ Apple อื่นๆ ของเราได้ และสามารถส่งสัญญาณค้นหาอุปกรณ์ด้วยเสียงผ่าน Siri ได้เลย เพียงแค่สั่ง Siri ให้ส่งสัญญาณ เช่น ส่งสัญญาณหา Apple Watch ของฉันด้วยเสียง
คำสั่งลัด Siri (Siri Shortcuts) เป็นการเพิ่มความสามารถให้ Siri ที่ชัดเจนมาก Siri สามารถแนะนำการทำงานที่ผู้ใช้จะนำมาสร้างเป็นคำสั่งลัด เพื่อให้ Siri เข้าถึงและทำงานกับแอปอื่นๆ ได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการทำงานที่ซับซ้อนแบบเป็น Work Flow ที่เราสามารถใช้แอปคำสั่งลัด (Shortcuts) สร้างและเปิดการใช้งานร่วมกับ Siri Shortcuts
6. ให้คำแนะนำให้ Spotlightนอกจาก Siri จะแนะนำคำสั่งลัดจากกิจกรรมที่เราทำบน iPhone และ iPad ขณะเดียวกัน Siri ก็เรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของเราด้วย และแนะนำการทำงานในหน้า Spotlight โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมหรือการทำงานที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เช่น แนะนำการสั่งซื้อกาแฟที่ตรงใจเรา, แนะนำการโทรหรือส่งข้อความ
7. ตอบคำถามทั่วไปได้มากขึ้นApple ได้ปรับปรุงความรู้ของ Siri ให้กว้างขึ้น จากการตอบคำถามแบบ Routine ก็เพิ่มความสามารถให้ตอบคำถามด้านวาไรตี้ได้มากขึ้น ใน iOS 12 Siri สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับ คนมีชื่อเสียง อาหาร มอเตอร์สปอร์ต รวมถึงรูปภาพความทรงจำของผู้ใช้
Siri สามารถพูดได้หลายภาษาและหลายสำเนียง เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ใช้ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งใน iOS 12 ก็ได้มีการเพิ่มสำเนียงใหม่ทั้งเสียงผู้ชายและผู้หญิง เช่น สำเนียงไอริช สำเนียงแอฟริกาใต้
ขอบคุณ idropnews
The post 8 ความสามารถใหม่ของ Siri ใน iOS 12 appeared first on iPhoneMod.
กสทช. อนุมัติให้จำหน่าย iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ในประเทศไทยแล้ว เครือข่ายมือถือเตรียมเปิดจำหน่าย iPhone รุ่นดังกล่าว เร็วๆ นี้
กสทช. อนุมัติให้จำหน่าย iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ในประเทศไทยแล้วแน่นอนว่าก่อนที่จะเปิดขาย iPhone ในประเทศไทย ต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานและการอนุมัติจาก กสทช. (กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ล่าสุดวันนี้ (4 ต.ค. 2561) กสทช. อนุมัติให้จำหน่าย iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ในประเทศไทยแล้ว
ระบบตรวจสอบเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน จะดำเนินการโดย กสทช. ก่อนที่เครือข่ายมือถือหรือตัวแทนจำหน่ายของ Apple จะนำ iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR มาจำหน่ายในประเทศไทย โดยการอนุมัติครั้งนี้ยืนยันว่า iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR จะมีการจำหน่ายในประเทศไทยแน่นอน
สำหรับวันเปิดจำหน่าย iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ในประเทศไทยนั้นยังไม่มีกำหนดการออกมาให้เราได้ทราบกัน สำหรับคาดการณ์วันเปิดขายทีมงานคาดการณ์ไว้ดังนี้
ที่มา – apps.nbtc.go.th
The post กสทช. อนุมัติให้จำหน่าย iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ในประเทศไทยแล้ว appeared first on iPhoneMod.
Apple ลดราคาหูฟัง BeatsX จาก 5,900 บาทเหลือ 4,300 บาทที่ Apple Store Online ประเทศไทย และเลิกขายหลายสีเหลือ Black, Satin Silver เท่านั้น
Apple ลดราคาหูฟัง BeatsX เหลือ 4,300 บาทApple ปรับลดราคาหูฟัง BeatsX ที่ Apple Stoe Online ประเทศไทย จากเดิม 5,900 บาทเหลือ 4,900 บาท และได้เลิกขายหลายสีเหลือเพียง Black, Satin Silver ให้เลือกสองสีเท่านั้น
สำหรับหูฟัง BeatsX นั้นเป็นหูฟัง Bluetooth ใช้ชิพ W1 ใช้งานต่อเนื่องได้ 8 ชั่วโมง มีฟีเจอร์ Fast Fuel ทำให้ชาร์จเพียง 5 นาที ก็สามารถฟังเพลงได้นานถึง 2 ชั่วโมง
หากสั่งซื้อตอนนี้ Apple จะเตรียมสินค้าและจัดส่งภายใน 1 วัน นั้นหมายความว่าสินค้ายังพอขายอยู่ แต่การที่ Apple ปรับลดราคาและเลิกขายหลายสีนั้นอาจเป็นการเคลียร์สินค้าเพื่อเตรียมผลักดันรุ่นใหม่ก็ได้
ใครสนใจสามารถสั่งซื้อหูฟัง BeatsX ได้เลยที่ Apple Store Online ประเทศไทย
ที่มา – 9to5mac
The post Apple ลดราคาหูฟัง BeatsX เหลือ 4,300 บาท เลิกขายหลายสีเหลือ Black, Satin Silver appeared first on iPhoneMod.
Philips Hue หลอดไฟอัจฉริยะที่รองรับคำสั่งผ่าน Siri และ Google Assistant ที่ทาง iPhoneMod ได้เคยรีวิวไปเมื่อครึ่งปีก่อน และสำหรับการเปิดตัว iOS 12 มีหนึ่งในคุณสมบัติใหม่คือการสร้าง Shortcut ของ Siri เพื่อให้คำแนะนำตามการใช้งานของผู้ใช้ โดยสามารถรองรับแอปพลิเคชันหลากหลายอย่าง Pandora, Evernote และแม้แต่ Google News
Siri Shortcut เป็นการสร้างคำสั่งง่าย ๆ สั้น ๆ ผ่านทาง Siri ในการทำกิจกรรม และในวันนี้ Philips Hue ก็ได้อัปเดตเวอร์ชันล่าสุดเพื่อสนับสนุน โดยสามารถใช้สร้างคำสั่งที่ซับซ้อนได้มากขึ้นในเวอร์ชัน 3.6.0 ยกตัวอย่างเช่นการเพิ่มคำว่า “ถึงเวลากินข้าว” จะเป็นการเปลี่ยนสีไฟในห้องพร้อมทั้งเปิดเพลง และส่งข้อความหาสมาชิกในบ้าน เป็นต้น
ที่มา – engadget.com
The post Philips Hue เพิ่มการรองรับ Siri Shortcut ของ iOS 12 appeared first on iPhoneMod.
DxOMark ได้เผยคะแนนภาพถ่ายและวิดีโอของ iPhone XS Max ครองอันดับสองตามหลัง Huawei P20 Pro โดย iPhone XS Max ยังมีปัญหาเรื่องถ่ายภาพที่แสงน้อย
iPhone XS Max ได้คะแนนกล้อง DxOMark อันดับสองตามหลัง Huawei P20 ProiPhone XS Max รุ่นใหม่ของ Apple นั้นได้คะแนน DxOMark โดยรวมไป 105 คะแนน โดยแบ่งเป็นคะแนนภาพถ่าย 110 คะแนนและวิดีโอ 96 คะแนน
DxOMark เผยผลการทดสอบว่า iPhone XS Max ถ่ายภาพและวิดีโอออกมาได้ดีในสถานที่ที่มีแสงสว่างมากๆ โดยสามารถเก็บแสงได้ดี เก็บรายละเอียดของภาพได้ดี แต่ก็ยังเจอจุดไฟบ้างในบางสถานการณ์
ในส่วนของฟีเจอร์ Smart HDR นั้น DxOMark เผยว่าทำออกมาได้ดีมาก ช่วยทำให้ภาพมีรายละเอียดที่ดีขึ้นและมีความเป็น Dynamic มากขึ้น
การถ่ายวิดีโอที่ได้ 96 คะแนนนั้น DxOMark เผยว่า iPhone XS Max สามารถถ่ายวิดีโอในสถานที่ที่มีแสงสว่างมากๆ ได้ดีมากเช่นกัน
DxOMark สรุปเบื้องต้นว่า iPhone XS Max เป็น Smartphone อีกตัวที่ถ่ายภาพถ่ายวิดีโอได้ดีมากๆ และมีการปรับปรุงจาก iPhone X รุ่นปีที่แล้วเป็นอย่างมาก ซึ่งผลลัพธ์โดยรวมออกมาทำได้ดี
iPhone XS Max ยังมีปัญหาเรื่องถ่ายภาพในที่แสงน้อยอย่างไรก็ตาม DxOMark เผยว่า iPhone XS Max ยังมีปัญหาเรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับความเป็น Smartphone ระดับ High End และเรื่องการ Zoom ภาพยังตามหลัง Huawei P20 Pro อยู่จึงทำให้ iPhone XS Max ได้คะแนนเป็นอันดับสองไป
ดูผลการทดสอบโดย DxOMark เพิ่มเติมที่นี่
ข้อมูลจาก – macrumors
The post iPhone XS Max ได้คะแนนกล้อง DxOMark อันดับสองตามหลัง Huawei P20 Pro appeared first on iPhoneMod.
เมื่อ Vision 2020 ของไทยเบฟได้เดินทางมาเกินครึ่งทางแล้ว ในปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงอะไร แล้วปีต่อไปจะมีทิศทางอย่างไร เราได้สรุปมาให้ได้รู้กันแล้ว
ในปี 2017 ที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งปีที่ “ไทยเบฟเวอเรจ” อาณาจักรของ “เสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี” ได้มีการเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่เป็นการขยายธุรกิจด้วยการควบรวมกิจการ จึงได้เห็นดีลการเข้าซื้อกิจการของไทยเบฟอยู่บ่อยครั้ง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ตอนนี้ได้เดินทางมาเกินครึ่งทางของ “วิสัยทัศน์ 2020” ซึ่งเป็นแผนดำเนินการระยะ 6 ปี ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 เป็นการพัฒนาธุรกิจด้วยกลยุทธ์หลัก 5 ด้าน ได้แก่ Growth คือการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ Diversity ความหลากหลายของสินค้าและตลาด Brand การมีตราสินค้าที่โดนใจ Reach การกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง Professionalism ความเป็นมืออาชีพด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร
ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาไทยเบฟมีรายได้รวม 173,910 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้เป็น สุรา 47.4% เบียร์ 40.1% เครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ 7.2% และอาหาร 5.4%
ความท้าทายบทใหม่ของไทยเบฟในตอนนี้คือการก้าวขึ้นสู่แบรนด์ระดับอาเซียนอย่างเต็มตัว หลังได้เข้าซื้อกิจการธุรกิจในหลายประเทศเพื่อมาเติมพอร์ต และเสริมอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น
ทั้งนี้ได้สรุป 5 ภาพรวมของไทยเบฟในปีที่ผ่านมา และทิศทางต่อไปในอนาคต โดยแยกตามกลุ่มธุรกิจหลักของบริษัท
ตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึง 2020 ไทยเบฟได้โฟกัสที่ตลาดอาเซียนเป็นสำคัญ เพราะเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง ในการคาดการณ์ว่าในปี 2030 กลุ่มอาเซียนจะเป็นกลุ่มเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก มีจำนวนประชากรรวม 620 ล้านคน มีสัดส่วนของคนรุ่นใหม่ที่อายุต่ำกว่า 40 ปี ถึง 70% และเป็นกลุ่มประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก
โดยเฉพาะประเทศในโซน CLMV อย่างเมียนมา กัมพูชา เวียดนาม และลาว มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง และมีฐานประชากรวัยรุ่นที่สูงด้วย รวมถึงเป็นกลุ่มประเทศที่ประเทศใหญ่ๆ อย่างจีน ญี่ปุ่นให้ความสนใจในลงทุน
ในปี 2017 ที่ผ่านมา ไทยเบฟได้รวมธุรกิจเบียร์อันดับหนึ่งของประเทศเวียดนาม และสุราอันดับหนึ่งของประเทศเมียนมา เข้ามาอยู่ในกลุ่มบริษัท ซึ่งทั้ง 2 ประเทศเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน
ทำให้ตอนนี้ไทยเบฟเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มอันดับ 5 ของเอเชีย รองจากญี่ปุ่น และจีน ขึ้นแท่นเป็นบริษัทระดับอาเซียนอย่างเต็มตัวแล้ว เพราะมีธุรกิจใหญ่ในเวียดนาม และเมียนมา
ในปีที่แล้วธุรกิจสุรามีการเคลื่อนไหวที่หวือหวามาก ได้ทำการอัพเกรดภาพลักษณ์เหล้าขาว “รวงข้าวซิลเวอร์” ให้เทียบเท่าโชจูในเกาหลี หลังจากที่มีการรีแบรนด์ได้มียอดขายล้านลิตรเข้าไปแล้ว และมีการบุตลาดประเทศเกาหลีใต้ที่เป็นตลาดใหญ่ของตลาดเหล้าขาว มีการใช้ Influencer อย่าง “ยัง ซู-บิน” ในการทำตลาดในประเทศเกาหลี
อีกหนึ่งดีลใหญ่ก็คือทางไทยเบฟได้มีการเข้าลงทุนในสัดส่วน 75% ในกลุ่ม Grand Royal Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสุรา Grand Royal Whisky ถือว่าเป็นแบรนด์สุราอันดับหนึ่งของประเทศเมียนมา และล่าสุดยังได้เข้าร่วมลงทุน 51% ในกลุ่ม Asiaeuro International Beverage ซึ่งเป็นบริษัทจัดจําหน่ายสินค้าเครื่องดื่มต่างๆ โดยเฉพาะสุราพรีเมียมจากประเทศสก็อตแลนด์ และฝรั่งเศส
และในประทเศไทยยังได้พัฒนาสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดสุราพร้อมดื่มสําหรับผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ที่ต้องการสุราพร้อมดื่มมากขึ้น ได้ออกสินค้า เช่น สตาร์ คูลเลอร์ และคูลอฟ แมกซ์ เซเว่น
ธุรกิจเบียร์ก็มีความตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะในปีที่ผ่านมาไทยเบฟก็ได้ควักกระเป๋าซื้อกิจการธุรกิจของ “ซาเบโก้” ยักษ์ใหญ่ในตลาดเบียร์ในเวียดนาม เจ้าของแบรนด์ “ไซง่อนเบียร์” ด้วยมูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งศักยภาพของซาเบโก้นั้นมีโรงผลิตเบียร์ 26 แห่ง บริษัทเทรดดิ้ง 10 แห่ง และมีพนักงานรวมกว่าหมื่นคน
ซึ่งตลาดเบียร์ในประเทศเวียดนามใหญ่กว่าประเทศไทยมาก มีมูลค่าถึง 3,000 ล้านลิตร และมีจำนวนประชากร 92 ล้านคน ส่วนประเทศไทยมีมูลค่า 2,000 ล้านลิตร
การควบรวมกิจการกับซาเบโก้นั้น ทำให้ไทยเบฟเป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ ซึ่งมีผลในเรื่องของการสร้างอำนาจการต่อรองในการซื้อวัตถุดิบต่างๆ ได้ สามารถผนึกกำลังของบริษัทในเครือได้ด้วย ทำให้แบรนด์ช้างเข้าไปมีบทบาททำตลาดในเวียดนามมากขึ้น และทางไทยเบฟเองก็มีแผนที่จะเอาไซง่อนเบียร์เข้ามาทำตลาดในไทยเช่นกัน
สิ่งที่ไทยเบฟคาดหวังก็คือ ต้องการเป็นผู้นำตลาดเบียร์ในอาเซียน ทำให้ตอนนี้ทั้งกลุ่มไทยเบฟมีส่วนแบ่งตลาดของตลาดเบียร์ในภูมิภาคอาเซียนอยู่ 24% ในอาเซียน ในจำนวนนี้เป็นสัดส่วนของแบรนด์ไทยเบฟเอง 8%
ตอนนี้กำลังจะมีโรงงานเบียร์เปิดเพิ่มที่ประเทศเมียนมาด้วยงบลงทุน 56 ล้านเหรียญ มีกำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 50 ล้านลิตร กำลังสร้างฐานการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เหตุผลที่ไทยเบฟบุกประเทศเมียนมาอย่างหนักเพราะมีโอกาสทางธุรกิจสูง มีตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ตลาดเบียร์มีมูลค่า 400 ล้านลิตร และคนเมียนมายังมีอัตราการดื่มเบียร์ที่ต่ำอยู่เฉลี่ย 7.5 ลิตร/คน/ปี เมื่อเทียบกับประเทศไทยที่มีจำนวนเฉลี่ย 26 ลิตร/คน/ปี และเวียดนาม 44 ลิตร/คน/ปี ถือว่ายังมีโอกาสในการเติบโตอีกเยอะ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยเบฟได้โฟกัสที่เทรนด์สุขภาพมาตลอด โดยทำการออกสินค้าใหม่ๆ ที่เน้นนวัตกรรม และดีต่อสุขภาพมากขึ้น ควบคุมเรื่องน้ำตาล และแตกเซ็กเมนต์ใหม่ๆ
ในเครือไทยเบฟยังมีบริษัทใหญ่อย่าง F&N ที่มีสำนักงานใหญ่ 6 แห่งในอาเซียน ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม เมียนมา และอินโดนีเซีย ในปีที่ผ่านมายังได้ไปลงทุนในบริษัทนมยักษ์ใหญ่ในเวียดนามในสัดส่วน 20% จะมีส่วนในการรับรู้รายได้เพิ่มเติมด้วย
สำหรับธุรกิจนอนแอลกอฮอล์จะเน้นใน 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1. ออกสินค้าใหม่ๆ และเน้นพัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน 2. ขยายช่องทางการดำเนินธุรกิจ และผลักดันสินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศ
ในปีที่ผ่านมาธุรกิจอาหารของไทยเบฟก็จัดจ้านอยู่ไม่น้อย เพราะได้ปิดดีลใหญ่อย่างการซื้อแฟรนไชส์ KFC มาได้กว่า 252 สาขา ในนามบริษัท The QSR of Asia เป็นการเติมพอร์ตร้านอาหารให้หลากหลายมากขึ้น
ไทยเบฟมีธุรกิจร้านอาหารครั้งแรกเมื่อปี 2008 ได้ทำการเทคโอเวอร์ “โออิชิ” ที่ในตอนนั้นมีสาขาราวๆ 90 กว่าสาขา จนเมื่อปี 2015 เริ่มรุกธุรกิจร้านอาหารที่ไม่ใช่อาหารญี่ปุ่น ตั้งบริษัท Food of Asia เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น รวมทั้งการร่วมลงทุน 76% ในกลุ่มร้านอาหารไทย Spice of Asia
ตลอด 10 ปีในธุรกิจอาหารมีการเติบโตเป็น 3 เท่า ตอนนี้มีสาขารวมทั้งหมด 562 สาขา ครอบคลุม 27 แบรนด์ และครบทุกเซ็กเมนต์ตั้งแต่สตรีทฟู้ด QSR ไปจนถึงระดับ Fine Dining
กลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตยังคงเน้นการขยายสาขาให้มากขึ้น แต่จะทดลองโมเดลใหม่ๆที่มีขนาดเล็กลง เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าไม่มากขึ้น ต้องปรับตัวตามพฤติกรรมลูกค้าให้ทัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
แอปเปิลประกาศเปิดตัว Emoji ชุดใหม่ 70 แบบ ซึ่งเตรียมจะให้อัพเดทได้บน iOS 12.1 มาพร้อมกับ Emoji น่ารักๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น อั่งเปา, ขนมไหว้พระจันทร์,โดนัท และอีกเพียบ !!
ซึ่ง Emoji ทั้งหมดนั้นมีที่น่าสนใจหลายแบบ เช่น ฟัน, กระดูก, มะม่วง, จิ๊กซอว์, จิงโจ้ ฯลฯ
โดยคาดว่า iOS 12.1 จะเปิดให้อัพเดทเร็วๆ นี้
The post Apple เปิดตัว Emoji ชุดใหม่ 70 แบบบน iOS 12.1 : อั่งเปา, ขนมไหว้พระจันทร์,โดนัท, มะม่วง และอีกเพียบ appeared first on Macthai.com.
แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไป เคเอฟซีประเทศไทย บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เคเอฟซีสร้างสรรค์และพัฒนาเมนูต่างๆ ด้วยการนำเสนอรสชาติที่อร่อยและรูปแบบเมนูที่ทันสมัย พร้อมความแปลกใหม่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มลองเมนูอาหารที่หลากหลาย และสนุก ไม่จำเจกับการรับประทานอาหารของเคเอฟซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมนูไก่ทอดเคเอฟซีที่พัฒนาให้มีความหลากหลายทั้งด้านรสชาติ ชุดเมนู รูปแบบและราคาที่ถูกปากถูกใจ จนเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในเวลาอันรวดเร็ว และแน่นอนที่สุด รสชาติหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในเมนูอาหารไทยคือ รสเผ็ด ซึ่งเป็นรสชาติที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยและเป็นที่ชื่นชอบของคนไทยโดยมาก ดังนั้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เราจึงนำรสเผ็ดเข้ามาเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของการสร้างสรรค์เมนู หมุนเวียนเปลี่ยนใหม่ตลอดเวลา ซึ่งหลากหลายเมนูที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับเกินความคาดหมาย ถือเป็นความสำเร็จที่เราภาคภูมิใจ
นอกจากนั้น ด้วยพฤติกรรมและความสนใจของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่มองหาประสบการณ์การทานอาหารใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านรูปลักษณ์ รสชาติ วิธีการรับประทาน ซึ่งต้องให้ความตื่นเต้น น่าสนใจ และสามารถถ่ายรูปเพื่อแชร์บนโซเซี่ยลมีเดียของลูกค้าได้ เคเอฟซี เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าในจุดนี้เป็นอย่างดี ล่าสุด จึงได้ฉีกกฎความจำเจของเมนูไอศครีม เปิดตัวนวตกรรมเมนูไอศกรีม “แซ่บออนไอซ์” ชูจุดเด่นของไอศกรีมวนิลาเนื้อเข้มข้น เคลือบด้วยช็อกโกแลตเบลเยี่ยมคุณภาพดี เพิ่มรสเผ็ดจากเมนูยอดนิยมอย่างวิงซ์แซ่บ และเติมความกลมกล่อมด้วยรสเค็มมันจากเกร็ดมันฝรั่ง และจะจำหน่ายในระยะเวลาจำกัด ระหว่างวันที่ 4-24 ตุลาคมนี้ เพียง 20 วันเท่านั้นในราคาเพียง 39 บาท
“ด้วยรสชาติที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนใครกับความลงตัวของความหวานและเผ็ดแซ่บของเมนู แซ่บออนไอซ์ นี้เอง เคเอฟซีมั่นใจว่าเมนูนี้จะเพิ่มสีสัน เพิ่มความอร่อยและเพิ่มความสนุกในการรับประทานเมนูของเคเอฟซีนอกเหนือไปจากเมนูยอดฮิตอื่น ๆ และเชื่อว่า นวัตกรรมเมนูนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นครั้งอื่นๆ ที่ผ่านมา ไอศกรีม “แซ่บออนไอซ์” ถือเป็นเมนูแหวกแนวสุดพิเศษที่เคเอฟซีภูมิใจนำเสนอและอยากให้แฟนๆ เคเอฟซีได้ลอง” นางแววคนีย์ กล่าวทิ้งท้าย
ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2561 ประเทศไทยมีร้านเคเอฟซีจำนวน 650 สาขา ดำเนินงานโดย เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) 248 ร้าน และ เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นต์ (อาร์ดี) 146 ร้าน และโดย คิวเอสอาร์ออฟเอเชีย (คิวเอสเอ) จำนวน 256 ร้าน สร้างตำแหน่งงานได้มากกว่า 15,000 งานทั่วประเทศ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
สินเชื่อกับดอกเบี้ยกู้เป็นของคู่กัน ซึ่งหลายคนมีเรื่องฉุกเฉิน ต้องไปพึ่งเงินนอกระบบ ภาครัฐเลยออกมาตรการมาให้ประชาชนมีแหล่งเงินกู้ที่ถูกกฎหมาย อย่าง Pico Finance และ Nano Finance ดอกเบี้ยให้คิดได้ไม่เกิน 36% ล่าสุด ธปท. เตรียมคุมธุรกิจสินเชื่อจำนำรถ หรือ ธุรกิจที่เอารถเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ
ดารณี แซ่จู ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บอกว่า สำหรับสินเชื่อที่ใช้รถเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ ที่ผ่านมาเราเจอดอกเบี้ยสูงมาก อย่างรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซด์) คิดอยู่ประมาณ 20-65% ส่วนรถยนต์ดอกเบี้ยอยู่ที่ 20-50%
ก่อนหน้านี้ธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน หรือ สินเชื่อจำนำรถ ยังไม่มีเกณฑ์กำกับดูแลที่ชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคที่ใช้บริการสินเชื่อเหล่านี้ถูกเอาเปรียบ เช่น สัญญาเงินกู้ไม่เป็นธรรม มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ไม่มีช่องทางรับเรื่องร้องเรียน คิดดอกเบี้ยสูงกว่ากำหนด ฯลฯ
ดังนั้นแบงก์ชาติจะออกเรื่อง Market Conduct หรือมาตรฐานในการให้บริการธุรกิจนี้ เช่น
แบงก์ชาติจะออกเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อจำนำทะเบียน โดยมีผลบังคับใช้ในเดือน พ.ย. 2561 นี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่หว่างการรับฟังความคิดเห็น ที่นี่ ได้ถึงวันที่ 12 ต.ค. 2561
หลังจากนี้ผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนที่ดำเนินการอยู่ ต้องมาขอใบอนุญาต ซึ่งธปท.จะเป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติ และจะส่งต่อไปที่กระทรวงการคลังในการออกใบอนุญาต โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการกลุ่มนี้อยู่ที่ 1,000 รายทั่วประเทศ มีผู้ประกอบการรายใหญ่ 100 ราย ซึ่งมี 30 รายที่สามารถดำเนินธุรกิจจำนำทะเบียนได้เพราะมีใบอนุญาตทำสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่แล้ว ส่วนประมาณ 17 ราย มีใบอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจจำนำทะเบียนอยู่แล้ว เช่น เงินติดล้อ เมืองไทยลีสซิ่ง ศรีสวัสดิ์ ฯลฯ
โดยเกณฑ์ใหม่ที่คาดว่าจะเริ่มใช้ในเดือน พ.ย. นี้จะแบ่ง 1. ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ (ให้บริการได้ทั่วประเทศ) ขยายขอบเขตมาจาก Pico Finance มีเงื่อนไขเช่น ให้กู้วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท/ราย ห้ามคิดดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียม ค่าปรับ และค่าใช้จ่ายต่างๆ เกิน 36% ห้ามคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ย ฯลฯ
และ 2. ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก (ให้บริการได้เฉพาะจังหวัด) ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยค่าธรรมเนียม รวมค่าธรรมเนียม ค่าปรับ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่เกิน 28% เมื่อลูกค้าต้องการปิดบัญชีหนี้ทั้งหมด ห้ามคิดค่าธรรมเนียมในการ Prepayment fee หรือค่าธรรมเนียมการชำระล่วงหน้า ฯลฯ
ปัจจุบันสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ มีคนใช้อยู่เยอะ เห็นได้จากยอดสินเชื่อรวม (สินเชื่อคงค้าง) ในไทยอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท มีฐานผู้ใช้บริการประมาณ 3 ล้านราย
สรุปที่ผ่านมาธุรกิจลีสซิ่ง (สินเชื่อเช่าซื้อรถ) สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ถือว่าอยู่นอกสายตาของหน่วยงานผู้กำกับมานาน แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีพัฒนาการที่ดีว่า ผู้บริโภคจะไม่ถูกเอาเปรียบเหมือนก่อนหน้านี้ ทว่าหลังจากนี้จะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรคงต้องรอดู
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
ใครมี iPhone กล้องคู่อยู่ในมือ ต้องขอแนะนำแอป Slør นี่เลยครับ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอด้วยโหมด Portrait ได้ดียิ่งขึ้น แถมใช้งานง่ายมาก เพียงแค่ลากปรับเท่านั้น
Slørเทคนิคการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอหรือภาพ Bokeh ก็คือ การถ่ายภาพให้ส่วนหนึ่งของรูปนั้นหลุดโฟกัสหรือเบลอไปนั่นเอง ซึ่งใน iPhone ที่มีกล้องคู่นั้นก็สามารถใช้โหมด Portrait ในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างสวยงามโดยไม่ต้องง้อกล้อง DSLR และแอป Slør ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยหลักการทำงานของแอป Slør ก็คือ เมื่อคุณถ่ายภาพด้วยโหมด Portrait จากกล้องคู่ รูปภาพที่ได้จะประกอบไปด้วยข้อมูลของความลึกระหว่างสิ่งที่โฟกัสและพื้นหลังที่เบลอ ดังนั้น แอป Slør จึงนำข้อมูลในส่วนนี้มาปรับเป็นฟีเจอร์ให้ผู้ใช้งานได้ปรับแต่งด้วยตนเองได้
โดยถ้าคุณอยากให้ฉากหลังเบลอมากกว่าเดิม คุณก็เพียงลากแถบเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความเบลอ หรือถ้าคุณอยากปรับเปลี่ยนจุดโฟกัสก็เพียงแตะไปยังจุดที่อยากโฟสกัสใหม่ ง่ายๆ เพียงเท่านี้เอง
นอกจากนี้คุณยังสามารถสร้างโฟกัสใบหน้าด้วยโหมด “Radial” ที่จะปรับจุดโฟกัสเป็นแบบวงกลมให้เข้ากับใบหน้าของคุณและเบลอส่วนที่เหลือได้ หรือจะสร้างเอฟเฟ็กต์แบบ “Macro” ที่จะทำให้จุดเด่นของรูปดูเป็นของชิ้นเล็กๆ ที่เราต้องซูมเข้าไปถ่าย หรือแบบ “Tilt” ที่คุณสามารถปรับระนาบของการโฟกัสด้วยการเอียงเช่นเดียวกับเลนส์เอียงบนกล้อง DSLR ได้อีกด้วย
เนื้อที่: 24.4 MB รองรับ iOS 12.0 ขึ้นไป (ใช้ได้กับ iPhone และ iPad)
สามารถดาวน์โหลดแอปในราคา 139 บาท ได้ที่: Slør on App Store
The post Slør แอปที่ช่วยให้คุณถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Bokeh) ได้ดีขึ้น appeared first on iPhoneMod.
Apple ประกาศเตรียมเผย ผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ปี 2018 วันที่ 1 พ.ย. 2018 นี้ คาดการณ์ว่ามีรายได้ประมาณ 60 – 62 พันล้านดอลลาร์
Apple เตรียมประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2018 วันที่ 1 พ.ย. 2018Apple ประกาศผ่านเว็บไซต์ investor.apple.com เตรียมประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2018 โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 1 พ.ย. 2018 ซึ่งมีการคาดการณ์ผลประกอบการไว้ดังนี้
สำหรับผล ประกอบการไตรมาส 3 ปี 2018 ของ Apple นั้นมีรายได้อยู่ที่ 53.3 พันล้านดอลลาร์ ขาย iPhone ได้ 41.3 ล้านเครื่อง ส่วนไตรมาสที่ 4 จะเป็นอย่างไรนั้น รอติดตามกันได้เลย
ที่มา – appleinsider
The post Apple เตรียมประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2018 วันที่ 1 พ.ย. 2018 นี้ appeared first on iPhoneMod.
Brand Inside สรุปประเด็นเรื่องดาราดังของจีนฟ่าน ปิงปิง ได้เลี่ยงภาษี หลังจากที่ทางการจีนได้ปรับเป็นเม็ดเงินกว่า 4,200 ล้านบาท รวมไปถึงผลกระทบที่ลุกลามไปถึงวงการบันเทิง หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มเอาจริงกับการเลี่ยงภาษีของคนดัง
ทางการจีนได้สั่งปรับดาราชื่อดังของจีน ฟ่าน ปิงปิง ในข้อหาเลี่ยงภาษีด้วยจำนวน 892 ล้านหยวน หรือประมาณ 4,200 ล้านบาท หลังจากทางการจีนได้ควบคุมตัวเธอเป็นเวลา 3 เดือน โดย South China Morning Post ได้รายงานว่าเธอได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาจากที่พักแห่งหนึ่งในเมือง Jiangsu
สำหรับค่าปรับแยกเป็น 479 ล้านหยวนสำหรับข้อหาที่เธอเลี่ยงภาษี อีก 288 ล้านหยวนเป็นภาษีที่เธอยังไม่ได้จ่าย ส่วนที่เหลืออีก 125 ล้านหยวนเป็นค่าปรับของบริษัทเธอที่เลี่ยงภาษี
ในช่วงที่ผ่านมาทางการจีนหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น สรรพากรจีน หน่วยงานดูแลอัตราแลกเปลี่ยน สำนักงานปราบปรามการฟอกเงิน รวมไปถึงหน่วยงานกำกับดูแลสื่อและกีฬา ได้ร่วมมือกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยคาดว่าคนดังกว่า 200 คน กำลังโดนทางการจีนหมายหัวว่ามีโอกาสที่จะเลี่ยงภาษี รวมไปถึงโยกย้ายเงินออกนอกประเทศด้วย
ฟ่านเลี่ยงภาษียังไงCui Yongyuan พิธีกรชื่อดังในประเทศจีน ได้กล่าวถึงเรื่องการเลี่ยงภาษีของดารานักแสดงของจีนในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขาได้นำสัญญาของ ฟ่าน ปิงปิง ซึ่งสัญญาแบบหยินหยาง ระหว่างฟ่านและสถานีโทรทัศน์ ซึ่งสัญญาฉบับแรกมีมูลค่าประมาณ 60 ล้านหยวน ส่วนสัญญาฉบับที่ 2 เป็นสัญญาที่ไว้ส่งให้กับสรรพากร ซึ่งสัญญาฉบับ 2 นี้จะลงรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริง 10 ล้านหยวน
สาเหตุสำคัญที่ดารา นักแสดง หรือแม้แต่นักกีฬาต้องหาวิธีเลี่ยงภาษี เนื่องจากภาษีที่เหล่าคนดังต้องจ่ายนั้นสูงถึง 45% ทำให้ต้องหาวิธีที่จะเลี่ยงการจ่ายภาษีให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ทางการจีนยังได้เตรียมที่จะทลายการเลี่ยงภาษีของวงการบันเทิงจีน โดยเฉพาะการตั้งบริษัทขนาดเล็ก หรือแม้แต่สตูดิโอถ่ายทำในเมืองรองๆ ของประเทศจีน เช่นเมือง Wuxi และเมือง Korgas เนื่องจากทั้ง 2 เมืองนี้มีการเก็บภาษีที่ต่ำกว่าเมืองอื่นๆ
การที่เมืองเหล่านี้มีการเก็บภาษีที่ต่ำเนื่องจากเป็นเมืองที่การเติบโตด้านเศรษฐกิจช้ากว่าเมืองอื่นๆ จึงต้องทำให้รัฐบาลท้องถิ่นสร้างแรงจูงใจที่จะทำให้บริษัทต่างๆ มาลงทุนในเมืองเหล่านี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเมืองเหล่านี้กลายเป็นสวรรค์ของผู้ที่ต้องการเลี่ยงภาษีในจีน โดยเฉพาะวงการบันเทิง ซึ่งเมืองดังกล่าวกลายเป็นสตูดิโอถ่ายทำละคร รวมไปถึงภาพยนตร์
หุ้นสตูดิโอผลิตหนังหลายรายในประเทศจีนในช่วงที่ฟ่าน ปิงปิง ได้หายตัวไปนั้น เฉลี่ยแล้วหุ้นได้ตกเกิน 15% เนื่องจากมีความกังวลของนักลงทุนในเรื่องสตูดิโอเหล่านี้อาจเป็นหนึ่งในตัวการที่เลี่ยงภาษีด้วย นอกจากนี้ผลกระทบยังลามไปถึงการถ่ายทำภาพยนตร์ที่กำลังเกิดขึ้นเนื่องจากดารา รวมไปถึงคนทำงานบันเทิงเหล่านี้ต่างเรียกร้องค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นอีก
นอกจากทางการจีนเริ่มตรวจสอบสตูดิโอเหล่านี้ว่าเลี่ยงภาษีหรือไม่ ผลกระทบที่ตามมาคือมีการจำกัดค่าใช้จ่ายในการถ่ายทำละครมากขึ้น เฉลี่ยค่าใช้จ่ายแล้วไม่เกินตอนละ 50 ล้านหยวน นอกจากนี้ดารายังได้รับผลกระทบคือมีการจำกัดค่าตัวไม่เกิน 1 ล้านหยวนด้วย โดยสตูดิโอใหญ่ๆ รวมไปถึงบริษัทอย่าง iQiyi หรือแม้แต่ Youku ของ Alibaba รวมไปถึง Tencent ต่างก็เริ่มจำกัดงบด้วย
ผลกระทบนี้ยังลามไปถึงสตูดิโอหนังในฮ่องกงที่เริ่มจะมีการควบคุมงบประมาณเหมือนจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลเหมือนในจีนแผ่นดินใหญ่ก็ตาม
ที่มา – Bloomberg, BBC, The Strait Times, South China Morning Post [1], [2]
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา