อย่าปล่อยให้ธุรกิจตกขบวน! รวมทุกมิติเพื่อสร้างโอกาสเติบโต จากเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำไปกับ EARTH JUMP 2024 โดย KBank

Brand Inside - 3 May 2024 - 16:50

ประเด็น Sustainability กำลังเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เป็น “วาระสำคัญระดับโลก” มันคือการลงมือทำในสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมและลดการทำลายสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับโลกมากขึ้น 

เป็นประเด็นใหญ่ที่ธุรกิจทุกประเภทต้องให้ความสนใจและลงมือทำอย่างจริงจัง เพราะหลายประเทศให้ความสำคัญและออกมาตรการต่างๆ เพื่อลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งประเทศไทยเองก็กำลังเดินหน้าข้อกำหนดกฎเกณฑ์เหล่านี้เช่นกัน นั่นแปลว่า ไม่ว่าคุณจะมีธุรกิจใหญ่หรือเล็กในท้ายที่สุดก็ย่อมต้องปรับตัว

earth jump 2024

ถ้าไม่เริ่มปรับตัวตั้งแต่วันนี้ นอกจากคุณจะเป็นธุรกิจที่ตกขบวน คุณอาจพลาดโอกาสในการทำธุรกิจได้ไม่มากก็น้อย เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สังเกตได้จากสินค้าประเภทรีไซเคิลหรือสินค้ารักษ์โลกที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมากกว่าสินค้าทั่วไป เพราะมันช่วยสะท้อนจุดยืนของผู้บริโภคว่าพวกเขาก็รักษ์โลก และต้องการสนับสนุนแบรนด์ที่รักษ์โลกเช่นเดียวกัน 

นี่คือยุคแห่งการปรับตัวและก้าวกระโดดสู่การเป็นองค์กรเพื่อความยั่งยืนอย่างจริงจัง

KBank คือองค์กรอันดับต้นๆ ของไทยที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่องและยังกำหนดเป้าหมายให้เป็นองค์กร Net Zero ภายในปี 2030 ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น KBank ยังพร้อมเป็นตัวกลางสนับสนุนให้ลูกค้าเปลี่ยนผ่านธุรกิจให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กลายเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ไปด้วยกัน 

ล่าสุด KBank เตรียมจัดงาน EARTH JUMP 2024 เป็นปีที่ 2 ภายใต้แนวคิด The Edge of Action เพื่อเตรียมความพร้อมนักธุรกิจและผู้ประกอบการก้าวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ จัดเต็มความรู้จากผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 ท่านจากหลากหลายสาขาและยังมีผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทชั้นนำระดับโลกมาให้คำปรึกษาธุรกิจแบบตัวต่อตัว ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากที่จะรวบรวมองค์กรชั้นนำระดับนี้มาไว้ในงานเดียว 

ภายในงานจะแบ่งออกเป็นสามกิจกรรมสำคัญ คือ

1) การสัมมนาเชิงลึกผ่านเวที Vision to Action ที่จะเปิดวิสัยทัศน์รอบด้าน รวมถึงทิศทางและนโยบายเรื่อง Net Zero ของประเทศ และเวที Story to Action ที่คัดสรรเนื้อหาเข้มข้นเจาะลึกกลยุทธ์พิชิตความยั่งยืนเพื่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะ 

2) การให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวหรือ Business Clinic จากบริษัทชั้นนำระดับโลกที่แบ่งเป็นคลินิกให้คำปรึกษาธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ SMEs เพื่อให้สามารถปรับตัวเป็นธุรกิจคาร์บอนต่ำได้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายวงการ ทั้ง Decarbonization Advisory, EV Charger, Green Loan และ Low Carbon Packaging เป็นต้น และยังมีคลินิกสำหรับธุรกิจ Startup ที่จะได้รับคำปรึกษาด้านกฎหมายจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่าง Baker & McKenzie หรือด้านเทคโนโลยีจาก Accenture ตลอดจนเรื่องการวางแผนระดมทุนจาก Beacon Venture Capital ได้ด้วย 

3) กิจกรรม Workshop ที่เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจและคนทั่วไปได้เรียนรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมผ่านรูปแบบ Card Game 

Climate Change ทำไมคนทำธุรกิจต้องให้ความสำคัญ?

ในมิติสัมมนาเชิงลึก จะทำให้คุณเข้าใจสถานการณ์ Climate Change มากขึ้นว่า วิกฤตโลกเดือดตอนนี้ทำให้เกิดพายุที่รุนแรงและถี่ขึ้นในหลายทวีป ส่งผลต่อพืชผลและวิถีชีวิตของผู้คน อาหารเริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการ Climate Change ยังส่งผลต่อความยากจนของผู้คน ทำให้คนพลัดถิ่นมากถึง 23.1 ล้านคนในแต่ละปี 

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หลายประเทศร่วมกันแก้ปัญหา ด้วยการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโลกร้อน ประเทศไทยก็ตั้งเป้าจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ลดลงเช่นกัน โดยแบ่งระยะเป็น 3 ช่วง ดังนี้ ภายในปี 2030 จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 40% ภายใน 2050 การเป็นกลางทางคาร์บอน คือการชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยวิธีการอื่น เช่น ปลูกป่าชดเชย และภายในปี 2065 จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

ส่วนผลกระทบต่อธุรกิจนั้น การลดการปล่อยก๊าซฯ ดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจที่มีความเกี่ยวพันกับการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิล ไฟฟ้า ขนส่ง ยานยนต์ ก่อสร้าง เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ ภาคการผลิตทั้งทางตรงและทางอ้อม ตลอดจนความสัมพันธ์ของห่วงโซ่ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งในรูปแบบของผู้ผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องย่อมได้รับผลกระทบจากการเตรียมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกดังกล่าวไปด้วย 

หากธุรกิจทุกขนาดทั้งเล็กและใหญ่ไม่ปรับตัวก็อาจได้รับผลกระทบที่เกิดจากมาตรการที่ต้องทำตามนโยบายลดการปล่อยก๊าซฯ ทั้งภายในประเทศและในต่างประเทศ จะทำให้ต้องมีการเปลี่ยนพฤติกรรมของธุรกิจส่งผลให้มีต้นทุนสูงขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็หันมาให้ความสนใจและสนับสนุนธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ในปัจจุบันหลายประเทศที่พัฒนาแล้วพยายามออกนโยบายว่าจะนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่สะท้อนว่าคำนึงถึงเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง มีส่วนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หากใครไม่ทำตามเกณฑ์นี้จะต้องเสียค่าภาษีนำเข้า-ส่งออก ไปจนถึงต้องจ่ายค่าต้นทุนของสินค้าเพิ่ม บริษัทที่ต้องการทำธุรกิจด้วย ก็จะเลือกผลิตหรือนำเข้าสินค้าหรือชิ้นส่วนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปทั้ง Supply Chain ดังนั้นบริษัทที่ไม่คำนึงถึงด้านนี้ก็จะตกขบวน ไม่สามารถคว้าโอกาสในการดำเนินธุรกิจในโลกยุคปัจจุบันได้

earth jump 2024

Carbon Tax รู้จักภาษีคาร์บอน ต้นทุนแบบใหม่ทางธุรกิจ 

นอกจากนี้ประเด็นเสวนามีประเด็นร้อนที่คนสนใจ เช่น เรื่อง Carbon Tax หรือภาษีคาร์บอน ปัจจุบันหลายประเทศก็เริ่มเก็บภาษีคาร์บอนแล้ว ตามหลักการที่ว่าไม่อยากให้ใช้อะไรให้เก็บภาษีจากสิ่งนั้น เมื่อต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมคน เพื่อจูงใจคน เพื่อสนับสนุนให้ใช้พลังงานทดแทน ให้ธุรกิจต่างๆ หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม ช่วยกันลดภาวะโลกร้อน ภาษีคาร์บอนจึงกลายเป็นตัวเลือกแรกๆ ในการดำเนินนโยบายเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมคน จูงใจคนที่ก่อมลพิษให้เปลี่ยนกระบวนการในการทำธุรกิจเพื่อคำนึงถึงภาวะโลกร้อนมากขึ้น 

ทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องมีต้นทุนในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้นเพื่อจ่ายค่าภาษีสำหรับกิจกรรมทางธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่กระทบต่อธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น แต่จะมีกระบวนการตรวจสอบย้อนหลังที่ทำให้รู้ว่าธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำมีกิจกรรมใดที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เท่าไร ทำให้ธุรกิจต่างๆ ที่เป็นห่วงโซ่ธุรกิจเกี่ยวข้องกัน จำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดต้นทุนในส่วนนี้

ตลาดไฟฟ้าเสรี เทรนด์ใหม่ที่อาจทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลง ต้นทุนทำธุรกิจก็น่าจะลดลง?

ในงานเสวนายังมีประเด็นที่กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ผู้คนสนใจกันมาก คือเรื่องตลาดไฟฟ้าเสรี รายงานจาก TDRI ระบุว่า การจะทำให้ไทยบรรลุเป้าหมายเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 ได้ ภาคการไฟฟ้าถือว่ามีบทบาทสำคัญมากที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายได้ หากทำตลาดไฟฟ้าเสรีได้ การเข้าถึงไฟฟ้าและราคาจะลดลง แม้จะต้องใช้เวลาในการพัฒนา แต่ก็จะทำให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้าสมดุลมากขึ้นทั้งในแง่ของดีมานด์และซัพพลาย อาจทำให้ต้นทุนการใช้ไฟฟ้าลดลง ต้นทุนการทำธุรกิจก็จะลดลงด้วย นโยบายในการใช้ไฟฟ้าจะเกิดความสมดุล มีความเป็นธรรมและมีราคาถูกมากขึ้น 

สินเชื่อสีเขียว (Green Finance) ตัวช่วยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจให้ไปได้ไกล

สินเชื่อสีเขียวหรือ Green Finance หรือการเงินสีเขียวก็เริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในยุคที่โลกต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะการเงินสีเขียวที่ว่านี้ จะเป็นแรงผลักดันที่ช่วยส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิด Green Economy ได้ 

สินเชื่อสีเขียวนี้ จะเป็นแหล่งทุนใหม่ให้แก่ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งธนาคารกสิกรไทยก็เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบเข้ารับคำปรึกษาเพื่อเข้าใจถึงหลักเกณฑ์ในการอนุมัติสินเชื่อสีเขียว เข้าใจขั้นตอนและวิธีการขอรับเงินทุนเพื่อเปลี่ยนผ่านเป็นธุรกิจคารบอนต่ำ ซึ่งก็มีหลายประเภทด้วยกัน เช่น สินเชื่อโซลาร์รูฟท็อป ที่ทำให้บริษัทสามารถติดตั้งแผงโซลาร์ได้ในราคาที่คุ้มค่า หรือจะเป็นสินเชื่อรับประกันการประหยัดพลังงานเพื่อลดต้นทุนธุรกิจ ไปจนถึงสินเชื่อสำหรับรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น เป็นต้น

นี่คือตัวอย่างความสำเร็จจากผู้ประกอบการไทยหลากหลายวงการที่ทำธุรกิจคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ที่จะมาร่วมเผยกลยุทธ์พิชิตความยั่งยืนภายในงาน EARTH JUMP 2024 ได้แก่ โบ.ลาน, Qualy, PASAYA และตลาดสี่มุมเมือง

earth jump 2024

ร้านอาหาร “โบ.ลาน” (Bo.lan) 

เป็นร้านอาหารไทยรางวัลมิชลินสตาร์ ที่เน้นทำอาหารจากวัตถุดิบอินทรีย์จากเกษตรกรในท้องถิ่น และยังเป็นร้านอาหารที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เพราะสิ่งแวดล้อมที่ดีทำให้ธุรกิจอาหารเติบโต ดังนั้นเมื่อมีวัตถุดิบที่เหลือจากอาหารหรือเศษอาหารก็นำไปเลี้ยงสัตว์ต่อ หรือลงทุนนำเข้าคอมโพสเตอร์เพื่อมาทำเป็นปุ๋ย ทำให้ขยะออกจากร้านให้น้อยที่สุด ไม่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติก มีการใช้พลังงานทางเลือกจากโซลาร์เซลล์ ซึ่งสามารถสร้างโอกาสธุรกิจไปพร้อมกับการลดต้นทุน

แบรนด์ Qualy

บริษัทที่ผลิตชิ้นงานจากพลาสติกที่ให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ออกแบบภายใต้แนวคิดความยั่งยืน เพื่อลดขยะพลาสติก ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เช่น การใช้แหอวนปลดระวางเพื่อผลิตสินค้าแต่งบ้าน, การนำขวด PET รีไซเคิลจากขยะครัวเรือนและขยะอุตสาหกรรมมาผลิตวัสดุ, ลดการใช้น้ำมันดิบและแก๊สในการผลิต ช่วยลดต้นทุนในการผลิตสิ่งใหม่ ใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า และยังได้ใจผู้บริโภคยุคใหม่ด้วย

PASAYA

แบรนด์สิ่งทอเพื่อสิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิต PASAYA เป็นผู้ประกอบการที่ได้ Green Industry Label และผลิตภัณฑ์ฉลากเขียว (เครื่องหมายรับรองสำหรับวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม) และได้สร้างโรงงานสีเขียว สร้างพื้นที่ที่เอื้อต่อการทำงาน งดใช้สารเคมีอันตรายและมีบ่อบำบัดน้ำเสียครบวงจร ใช้พลังงานแสงอาทิตย์แทนการใช้ไฟฟ้า เปลี่ยนจากการใช้ถ่านหินมาใช้แก๊ส LPG สินค้าได้รับการรับรองฉลากเขียว และ Thailand Trust Mark ไร้สารพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ใช้แรงงานผิดกฎหมาย เป็นสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานทั้งในไทยและในระดับต่างประเทศ

ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดค้าส่งเพื่อความยั่งยืน 

ตลาดสี่มุมเมืองมีอายุยาวนานกว่า 40 ปีแล้ว ในปัจจุบันตลาดสี่มุมเมืองเพิ่งจะขยายการลงทุนกว่า 4,500 ล้านบาท มีเนื้อที่กว่า 320 ไร่ รองรับปริมาณสินค้าในตลาดกว่า 8,000 ตันต่อวัน มีเกษตรกรและผู้ขายกว่า 3,500 รายต่อวัน

ในด้านความยั่งยืน มีขยะมากกว่า 200 ตันต่อวันจึงทำโครงการรีไซเคิลขยะ มีทั้งนำผักไปให้อาหารโค และนำพลาสติกไปขายต่อให้บริษัทอื่นๆ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายจากการฝังกลบมากถึง 13 ล้านบาทต่อปี มีการสร้างบ่อบำบัดเพื่อบำบัดน้ำในตลาดและในหมู่บ้าน มีแผงโซล่าเซลล์เพื่อสร้างไฟฟ้า ส่งผลให้ช่วยลดค่าไฟได้ประมาณ 6 ล้านบาทต่อปี

earth jump 2024

อย่าพลาดโอกาสสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของคุณยืนหยัดแข่งขันได้ในโลกธุรกิจยุคนี้ อัปเดตเทรนด์พร้อมเปิดรับองค์ความรู้ใหม่ เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นธุรกิจคาร์บอนต่ำ พร้อมรับคำปรึกษาธุรกิจแบบตัวต่อตัวจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จะทำให้คุณปรับกลยุทธ์ธุรกิจ ตลอดจนสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ตัวเองฝ่าวิกฤต Climate Change ไปด้วยกัน 

งาน EARTH JUMP 2024 จะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00-17.00 น. ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ 

earth jump 2024

พิเศษสำหรับแฟนเพจหรือผู้ติดตาม BI ที่ไม่อยากพลาดโอกาสพาธุรกิจสู่ความยั่งยืน สามารถคลิกสมัครเข้าร่วมงานได้ที่นี่ https://www.kasikornbank.com/k_4adN5Sw และกรอก code เพื่อรับส่วนลด 25% (จากราคาเต็ม 1,400 บาท) เพียงพิมพ์รหัส EJKBK25 ด่วน จำนวนจำกัด!!! รายได้จากการจำหน่ายบัตรทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายมอบให้มูลนิธิการกุศล

งาน EARTH JUMP 2024 ที่จัดโดย KBank เหมาะกับผู้ประกอบการธุรกิจทั้งขนาดเล็กและใหญ่ที่ต้องการก้าวไปข้างหน้า ไม่พลาดโอกาสเติบโตในเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ งานเดียวที่รวมทุกมิติจะทำให้คุณได้ที่จะปรับตัวเพื่อก้าวสู่โลกยุคปัจจุบันพร้อมรับความท้าทายของโลกในอนาคต

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post อย่าปล่อยให้ธุรกิจตกขบวน! รวมทุกมิติเพื่อสร้างโอกาสเติบโต จากเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำไปกับ EARTH JUMP 2024 โดย KBank first appeared on Brand Inside.

ยอดขาย iPhone ตกในเกือบทุกประเทศ สวนทางตลาดสมาร์ทโฟนที่ขยายตัว ในจีนยังต้องแข่งกับ Huawei

Brand Inside - 3 May 2024 - 16:32

ขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนกำลังขยายตัว ยอดขาย iPhone ดันตกลงเกือบทุกตลาดทั่วโลกท่ามกลางตลาดที่แข่งขันกันเข้มข้นในตลาดใหญ่อย่างจีน

Apple เผยรายงานว่า ความต้องการซื้อ iPhone ลดลงกว่า 10% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ทำให้ยอดขายตกลงเกือบทุกภูมิภาคทั่วโลกยกเว้นยุโรป ขณะที่ผลประกอบการทั้งบริษัทลดลง 4% มาอยู่ที่ 9.08 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3.34 ล้านล้านบาท ถือว่าลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 1 ปี

Apple บอกว่าตัวเลขรายได้ที่ลดลงมาจากการชะงักลงของซัพพลายเชนในช่วงโควิด-19 ทำให้ยอดขายพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าปกติในช่วงไตรมาสแรกของปีก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ คาดว่าตัวเลขยอดขายจะกลับมาเติบโตในอนาคตจากการปล่อยสินค้าใหม่และการลงทุนกับ AI

สำหรับตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดสำคัญของ Apple ยอดขาย iPhone ตกลง 8% จากการแข่งขันในตลาดที่เข้มข้นขึ้นจากแบรนด์จีนเองอย่าง Huawei ทำให้ Tim Cook พยายามสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนว่า ยอดขายยังคงเติบโตอยู่ในจีน ‘แผ่นดินใหญ่’ และเขาเองยังมีมุมมองเชิงบวกกับการทำธุรกิจในจีนในระยะยาว

ตัวเลขยอดขายของ Apple ที่ลดลงในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมาสวนทางกับภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนที่ขยายตัวขึ้น โดยยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกเพิ่มขึ้น 10% ในไตรมาสแรกของปีนี้จากข้อมูลของบริษัทวิจัย Canalys 

Apple ยังต้องเผชิญกับกฎหมายต่อต้านการผูกขาดในสหรัฐอเมริกาและในยุโรปเรื่องค่าธรรมเนียมของ App Store นอกจากนี้ ยังมีกรณีการฟ้องร้องต่อ Google ที่อาจส่งผลกระทบให้ Apple สูญเสียเงินที่ได้จาก Google แลกกับการให้ Google เป็น Search Engine ค่าเริ่มต้นในเบราว์เซอร์ Safari โดยตามคำฟ้องระบุว่า เป็นเงินราว 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 7.4 แสนล้านบาทในปี 2022 ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทด้วย

Luca Maestri ซีเอฟโอของ Apple คาดว่า ยอดขายของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวที่ไม่มากนักในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ส่วนการเติบโตของฝั่งธุรกิจบริการคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก

ที่มา – BBC

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ยอดขาย iPhone ตกในเกือบทุกประเทศ สวนทางตลาดสมาร์ทโฟนที่ขยายตัว ในจีนยังต้องแข่งกับ Huawei first appeared on Brand Inside.

แอป Claude AI ใช้งานบน iOS ได้แล้ว และรองรับภาษาไทย!

iPhonemod - 3 May 2024 - 16:05

เปิดตัว Claude AI ใช้งานได้บน iOS แล้ว สามารถโหลดมาใช้ง […]

The post แอป Claude AI ใช้งานบน iOS ได้แล้ว และรองรับภาษาไทย! appeared first on iMoD.

อินโดนีเซียผุดไอเดียแก้กฎหมายให้ถือสองสัญชาติได้เพื่อรักษาคนเก่งไว้ หลังเนื้อหอมในหมู่นักลงทุน

Brand Inside - 3 May 2024 - 14:56

ในยุคที่ทั่วโลกกำลังแย่งกันดึงดูด Talent หรือคนเก่งทักษะสูง ล่าสุดความเคลื่อนไหวของประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียมีแผนจะแก้กฎหมายรักษาคนเก่ง

รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังพิจารณาให้ชาวต่างชาติสามารถถือสองสัญชาติได้ หลัง Microsoft และ Apple เตรียมเข้ามาลงทุน ทำให้ต้องการดึงแรงงานมีความสามารถเข้าประเทศ

Luhut Panjaitan รัฐมนตรีประสานงานกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซียพูดถึงแผนนี้ว่า รัฐบาลวางแผนให้สองสัญชาติกับผู้ที่เคยเป็นพลเมืองอินโดนีเซียที่อาศัยอยู่ต่างประเทศโดยไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม แต่เปิดเผยในการประชุมที่มี Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft เข้าร่วมด้วยว่า อินโดนีเซียกำลังมองหาคนรุ่นใหม่ที่พร้อมทำงานเป็นนักพัฒนาเกือบ 3,000 ตำแหน่งในศูนย์ AI ในบาหลีภายในปี 2029

ปัจจุบัน กฎหมายของอินโดนีเซียระบุว่า ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปไม่สามารถถือสองสัญชาติได้ ทำให้เด็กถือพาสปอร์ต 2 สัญชาติจะต้องเลือกถือสัญชาติใดสัญชาติหนึ่งเมื่ออายุครบ 18 ปี ชาวอินโดนีเซียที่มีความสามารถจึงนิยมเดินทางไปต่างประเทศเพื่อหาโอกาสในการทำงานที่ดีขึ้น 

ในแต่ละปี มีชาวอินโดนีเซียที่มีอายุระหว่าง 25-35 ปีตัดสินใจเลือกถือสัญชาติสิงคโปร์สูงสุดถึงหลักพันคน ทำให้ในช่วงระหว่างปี 2019-2022 มีชาวอินโดนีเซียที่กลายเป็นพลเมืองสิงคโปร์เกือบ 4,000 คน

สำนักงานสถิติแห่งชาติของอินโดนีเซียยังให้ข้อมูลว่า อัตราการว่างงานของชาวอินโดนีเซียอยู่ที่ 5.3% ขณะที่อัตราการว่างงานของผู้ที่อายุ 15-24 ปีมากกว่านั้นอีก อยู่ที่ 19.4%

ก่อนหน้านี้ Microsoft เพิ่งจะประกาศแผนลงทุนระยะเวลา 4 ปีในอินโดนีเซียรวมมูลค่ากว่า 63,000 ล้านบาทสำหรับบริการคลาวด์และ AI ส่วน Apple เองก็กำลังมองความเป็นไปได้ที่จะขยายฐานการผลิตเข้าสู่อินโดนีเซียเพิ่มอีก

ประเด็นของการถือสองสัญชาติเคยเป็นที่ถกเถียงกันในอินโดนีเซียมาแล้วเมื่อปี 2016 เกิดจากที่ประธานาธิบดี Joko Widodo ปลด Arcandra Tahar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและการทำเหมืองแร่ออกหลังจากอยู่ในตำแหน่งไม่ถึงหนึ่งเดือนจากรายงานว่า Arcandra Tahar เป็นผู้ถือพาสปอร์ต 2 ประเทศทั้งสหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซีย

ที่มา – Bloomberg, Reuters

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post อินโดนีเซียผุดไอเดียแก้กฎหมายให้ถือสองสัญชาติได้เพื่อรักษาคนเก่งไว้ หลังเนื้อหอมในหมู่นักลงทุน first appeared on Brand Inside.

โชว์เคส: การแข่งขัน Garena RoV Showmatch

iPhonemod - 3 May 2024 - 14:44

เปิดประสบการณ์ความตื่นเต้น พร้อมสัมผัสขุมพลังของ iPhone […]

The post โชว์เคส: การแข่งขัน Garena RoV Showmatch appeared first on iMoD.

ส่องแผน ศรีนานาพร ที่ขี่คลื่นกระแสรักสุขภาพ เพิ่มความแข็งแกร่งธุรกิจมากกว่าขนม และเยลลี่

Brand Inside - 3 May 2024 - 12:38

หนึ่งในยักษ์ใหญ่ธุรกิจเยลลี่ และขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยต้องมีชื่อ บมจ. ศรีนานพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP ติดอยู่แน่นอน เพราะด้วยการก่อตั้งมานานมากกว่า 30 ปี มีขนมที่เป็นที่รู้จักอย่างเยลลี่เจเล่ และปลาหมึกเบนโตะ แถมยังพลิกจากธุรกิจครอบครัวสู่องค์กรมหาชนที่ใช้ผู้บริหารมืออาชีพในการขับเคลื่อนธุรกิจ

หลังจากนี้ SNNP เตรียมก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยการขี่คลื่นกระแสรักสุขภาพผ่านการบุกตลาดอาหารเสริมมูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาท โดยมีแบรนด์เยลลี่เจเล่เป็นหัวหอก ซึ่งแม้ตลาดนี้จะมีเจ้าถิ่นอยู่แล้ว แต่ด้วยประสบการณ์ และนวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์ของ SNNP น่าจะช่วยให้สู้ในตลาดนี้ได้อย่างสูสี

เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงการบุกน่านน้ำใหม่ของ SNNP รวมถึงกลยุทธ์ในการทำธุรกิจในปี 2024 ของ SNNP ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ วิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ ของ SNNP ดังนี้

SNNPเจเล่ ฟิตต์ จากนี้ไปต้องอร่อย และมีประโยชน์

รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บมจ. ศรีนานพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP เล่าให้ฟังว่า หลังจากเข้ามาร่วมงานกับบริษัทเมื่อ 5 ปี ก่อน ทางครอบครัวของผู้ก่อตั้งบริษัทค่อนข้างให้เกียรติ และให้อิสระในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่นอกจากการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มสินค้าเจเล่ กับเบนโตะ

“หลังจากนี้เราจะบุกตลาดสุขภาพมากขึ้น ผ่านการอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการผลิตขนมที่มีรสชาติอร่อย ผสานกับการทำการสำรวจ และเครือข่ายช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่ง เพื่อทำตลาดสินค้ากลุ่มสุขภาพ หรือ เจเล่ฟิตต์ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกกลุ่มอายุที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีขึ้น”

การเจาะตลาดอาหารเสริม SNNP อ้างอิงจากตัวเลขมูลค่าตลาดนี้กว่า 80,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะประชากรในกลุ่มผู้สูงอายุต่างต้องดูแลตัวเองมากกว่าเดิม เช่นเดียวกับกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ SNNP พลาดไม่ได้

SNNP

ร่างกายไม่เหมือนกัน จึงต้องทำหลายสูตร

ทั้งนี้ SNNP ทำตลาด เจเล่ฟิตต์ เยลลี่เพื่อสุขภาพ ด้วยการแบ่งออกมาเป็น 3 สูตรประกอบด้วย ฟิตต์ 20 สำหรับวัย 20-29 ปี, ฟิตต์ 30 สำหรับวัย 30-39 ปี และ ฟิตต์ 40 สำหรับวัย 40-49 ปี ผ่านการใส่สารอาหารที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย พร้อมคุมราคาขาย 15 บาท/ซอง ต่ำกว่าในตลาดที่บางรายจำหน่าย 50-60 บาท/ซอง

“เราค่อนข้างตั้งความหวังไว้เยอะ และอยากเป็นผู้สร้างความแตกต่างให้กับตลาด ซึ่งหลังจากทำตลาดมาระยะหนึ่งพบว่า สินค้าค่อนข้างเป็นที่ต้องการ และได้รับการสั่งซื้อซ้ำจากคู่ค้าค่อนข้างสูง นอกจากนี้เรายังวางตำแหน่งสินค้าอยู่ในกลุ่มพรีเมียมแมสที่กลุ่มผู้ซื้อกล้าที่จะทดลอง มีกำลังซื้อ และยินดีซื้อซ้ำหากสินค้านั้นดี”

ทั้งนี้ เจเล่ฟิตต์ จะจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นในช่วง 6 เดือนแรกตั้งแต่เปิดตัวเมื่อช่วงเดือน ก.พ. 2024 ก่อนจะขยายไปในช่องทางจำหน่ายอื่น ๆ ถือเป็นการต่อยอดจากการบุกตลาดน้ำวิตามินที่เป็นสินค้ากึ่งสุขภาพเช่นกัน แต่ด้วยการแข่งที่สูง และกระแสที่เริ่มตกลง จึงยุติการทำตลาดสินค้าดังกล่าวออกไปก่อน

SNNP

สินค้าเราออกรสชาติใหม่ทุก 1 ปี

นอกจากการทำตลาดสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ วิโรจน์ ยังเล่าต่อว่า SNNP มีการเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่ของแบรนด์ต่าง ๆ อย่างน้อย 1 รสชาติ/ปี และหากรสชาตินั้นทำตลาดได้ดี ก็จะนำรสชาติที่ทำตลาดได้ไม่ดีเท่าที่ควรออกไป ถือเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้า ไม่เกิดความรู้สึกจำเจของผู้ซื้อ

“ปกติแล้วสินค้าของ SNNP แทบจะกินตลาดกันเอง ผ่านการมีหลายขนาดบรรจุภัณฑ์ และกลุ่มรสชาติที่ใกล้เคียงกัน แต่หากมันกินกันเองแล้วทำให้ยอดขายเติบโตผมก็โอเค เพราะเท่ากับว่าเรามีการพัฒนานวัตกรรมให้กับสินค้าตลอดเวลา และผู้บริโภคก็ยังยินดีที่จะซื้อสินค้ารสชาติใหม่ ๆ ของเราตลอด”

แม้แนวทางดังกล่าวจะค่อนข้างสวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่จนผู้บริโภคไม่จับจ่ายเหมือนในอดีต แต่ SNNP มีหลากหลายกลยุทธ์ที่รับมือกับพฤติกรรมดังกล่าวได้ ไม่ว่าจะเป็น การคงราคาเริ่มต้นของสินค้าไว้ที่ 5 บาท รวมถึงการช่วยคู่ค้าผ่านการทำชุดสินค้าที่สามารถจำหน่ายได้มีกำไรมากกว่าเดิม

SNNP

เจาะตัวเลขในทุกมิติของ SNNP

สิ้นปี 2023 SNNP ทำรายได้จากการขายสูงเป็นสถิติใหม่ที่ 6,016 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปี 2022 รวมถึงกำไรสุทธิสูงเป็นสถิติใหม่ที่ 636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% โดยรายได้จากการขายมาจากกลุ่มขนมขบเคี้ยว 3,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% กับกลุ่มเครื่องดื่ม 2,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%

เป็นการจำหน่ายในประเทศ 4,392 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และต่างประเทศ 1,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% โดยสินค้า เจเล่ บิวตี้ ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ที่สัดส่วน 78% เติบโต 21% เหนือตลาดเยลลี่ที่เติบโต 20% กับ เบนโตะ ที่เป็นเบอร์ 1 ของตลาดปลาหมึกอบด้วยส่วนแบ่ง 72.4% เติบโต 5%

ปัจจุบันนอกจากมีโรงงานที่ประเทศไทย SNNP ยังมีโรงงานที่ประเทศเวียดนามที่ได้รับการสนับสนุนการลงทุนในแง่มุมต่าง ๆ โดยในตลาดต่างประเทศ ที่เกาหลีใต้มียอดขายเติบโต 55% จากปีก่อน เช่นเดียวกับจีนที่เติบโต 171% จากปีก่อน และยังมีฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่กำลังมีโอกาสเติบโตเพิ่มเติม

SNNP

เดินแผนรักษ์โลกรับกระแส ESG

วิโรจน์ เสริมว่า แม้บริษัทจะยังใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก และซองฟอยล์ในสินค้าต่าง ๆ ของบริษัท แต่เริ่มมีการเดินหน้าแผนรักษ์โลกด้วยการทำบรรจุภัณฑ์ให้พอดีกับสินค้ามากขึ้นผ่านการลดขนาดของซองฟอยล์ต่าง ๆ แต่ด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นราคาค่อนข้างสูง จึงต้องนำมาประเมินในเรื่องต้นทุนเช่นกัน

“นอกจากการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เรายังมีแผนการนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ และเพิ่มการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีการลงทุนในเรื่อง ESG ทุกแง่มุม เพื่อทำให้การดำเนินธุรกิจสามารถเติบโตควบคู่ไปกับการมีธรรมาภิบาลได้จริง”

ปัจจุบัน SNNP ใช้งบประมาณเกี่ยวกับการตลาด 3% ของยอดขาย และมีการลงทุนกับเรื่อง ESG อย่างต่อเนื่อง โดยภายใน 5 ปี บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายไปที่ 12,000 ล้านบาท และต้องมีสัดส่วนจากประเทศไทย 40% ที่เหลือมาจากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความยั่งยืนให้กับธุรกิจมากขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ส่องแผน ศรีนานาพร ที่ขี่คลื่นกระแสรักสุขภาพ เพิ่มความแข็งแกร่งธุรกิจมากกว่าขนม และเยลลี่ first appeared on Brand Inside.

Valorant Update 8.08 มีอะไรน่าสนใจบ้าง ดูสรุปที่นี่

iPhonemod - 3 May 2024 - 11:59

อัปเดตข่าวสารของ เกม Valorant ได้เวลาบอกลา Episode 8 Ac […]

The post Valorant Update 8.08 มีอะไรน่าสนใจบ้าง ดูสรุปที่นี่ appeared first on iMoD.

Microsoft, Amazon, Google ประกาศตั้ง Data Center ในไทย แล้วไงต่อ | Cloudnone EP 16

CloudNone Test - 3 May 2024 - 11:23
เก็บตก Satya Nadella มาเยือนประเทศไทย และประกาศตั้ง Data Center ในไทย ทำให้ผู้ให้บริการคลาวด์ 3 รายใหญ่ของโลกคือ AWS, Microsoft Azure และ Google Cloud ต่างประกาศตั้ง Data Center ในไทยกันครบหมดแล้ว แต่บางเจ้าประกาศมานานข้ามปี ยังไม่มีเจ้าไหนเปิดบริการจริงๆ สักที รายการ Cloudnone จึงชวนมาคุยเรื่องธุรกิจ Data Center ว่าต้องมีส่วนประกอบใดบ้าง ทำไมผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ถึงใช้เวลานานในการเปิด Data Center แต่ละแห่ง แล้ว Data Center เหล่านี้มันต่างจากที่มีอยู่ในปัจจุบันของผู้ให้บริการในประเทศไทย รวมถึงผู้ให้บริการคลาวด์สัญชาติจีนที่มี Data Center ในไทยครบหมดแล้วอย่างไร รายการตอนนี้มีคำตอบ --------------------------------- รายการตอนเก่าที่เกี่ยวข้อง: CDN คืออะไร ทำไมจำเป็นต้องใช้? https://www.youtube.com/watch?v=_5bZPiWqYZU ================= Timestamp 0:00 Intro 2:24 ข้างใน Data Center มีอะไร ทำไมต้องลงทุนเยอะ ใช้เวลานาน? 8:15 บริษัทที่ทำ Data Center ในไทย 12:26 ทำไมคลาวด์ส่วนใหญ่ต้องไปสิงคโปร์? 19:28 Cloud ทุกวันนี้ที่เราใช้ ตั้งอยู่ไหนกันแน่?

iPhone 15 และ 15 Plus ได้รับความนิยมน้อยลงในปีนี้?!

MacThai - 3 May 2024 - 10:00

ในปีนี้นับว่าเป็นปีที่ iPhone 15 Pro นั้นทำยอดขายได้ดีมาก ๆ โดยเฉพาะในอเมริกาก็กลายเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นที่มีการซื้อมากที่สุดในไตรมาสแรกของอเมริกาด้วย แต่กลับกัน iPhone 15 และ iPhone 15 Plus กลับมียอดขายลดลงจากผู้ซื้อในปีนี้ครับ

ตามรายงานล่าสุดของ Consumer Intelligence Research Partners (CIRP) บอกเอาไว้ว่ายอดขายของ ‌iPhone 15 Pro‌ และ iPhone 15 Pro Max คิดเป็น 22% และ 23% ของไอโฟนทั้งหมดที่ขายในไตรมาสแรกของปี 2024  โดยมีส่วนแบ่งรวมกัน 45%

ส่วน iPhone 15 Plus มีส่วนแบ่ง 9% ของไอโฟนทั้งหมดที่ขายได้ ในขณะที่ ‌iPhone 15‌ และ iPhone 14 เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับสาม โดยแต่ละเครื่องมีส่วนแบ่ง 14%

แต่ถ้าเทียบแล้วส่วนแบ่ง ‌iPhone 15 Pro‌ และ iPhone 15 Pro Max แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับ ‌iPhone 14‌ Pro และ iPhone 14 Pro Max ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วเลยครับ

ซึ่งแอปเปิลยังพบอีกด้วยว่ายอดขายรุ่นมาตรฐานอย่าง iPhone 15 ก็ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วเช่นกัน โดยคิดเป็น 68% ของยอดขายไอโฟนทั้งหมด

กลับกัน iPhone 14 ในไตรมาสแรกของปี 2023 มีส่วนแบ่งสูงกว่าไอโฟนทั้งหมดที่ขายได้ 7%  หรือรวมกัน 75% เปอร์เซ็นต์ หรือจะเรียกว่า ‌iPhone 14‌ และ ‌iPhone 14‌ Plus ได้รับความนิยมมากกว่า ‌iPhone 15‌ และ ‌iPhone 15‌ Plus เมื่อเทียบกับไตรมาสที่เท่ากันของปีที่แล้วก็ว่าได้ครับ

CIRP iphone 14 15 ไตรมาสเปรียบเทียบ

โดยคาดว่านี่อาจจะเป็นแนวโน้มที่ต่อเนื่องมาจากช่วงสองสามไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่ง iPhone 15 ปัจจุบันไม่ได้เป็นตัวเลือกของสมาร์ตโฟนแถวหน้าแล้ว เพราะ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max มีอะไรที่ดีกว่า

รวมถึงส่วนแบ่งการใช้งานไอโฟนรุ่นใหม่ของแอปเปิลก็ลดลงจาก 40% เหลือ 33% ในปีที่ผ่านมาด้วย ซึ่งบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงได้ดีว่าส่วนแบ่งตลาดสมาร์ตโฟนนั้นสูงขึ้นแล้ว

ที่มา – https://www.macrumors.com/2024/05/02/cirp-iphone-15-vs-14-sales-q1/

The post iPhone 15 และ 15 Plus ได้รับความนิยมน้อยลงในปีนี้?! appeared first on Macthai.com.

ไทย สมายล์ บัส เปิดให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ขึ้นรถเมล์ฟรี ตลอดปี 2567

Brand Inside - 2 May 2024 - 18:35

 ไทย สมายล์ บัส ช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน เปิดให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ขึ้นรถเมล์ฟรี ตลอดปี 2567

กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด หรือ TSB บอกว่า บริษัทได้เล็งเห็นถึงปัญหาค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนที่สูงขึ้นจากปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน อีกทั้งในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงเปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ ประจำปี 2567 ส่งผลให้ผู้ปกครองหลายคนต้องเผชิญภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบ และช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องประชาชน จึงได้พิจารณานโยบายยกเว้นค่าโดยสาร สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางด้วยรถเมล์พลังงานไฟฟ้าของไทย สมายล์ บัส โดยให้สิทธิเฉพาะเด็กแรกเกิด จนถึงเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี จากปัจจุบันที่มีอัตราการจัดเก็บค่าโดยสารอยู่ที่ 10-15-20-25 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ 2 พฤษภาคม 2567 ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567

ผู้โดยสารที่ต้องการจะใช้สิทธิดังกล่าว ต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือ บัตรประจำตัวนักเรียนที่สามารถระบุตัวตนและอายุของผู้ถือบัตรนั้นๆ ส่วนเด็กแรกเกิดหรือเด็กเล็ก บัสโฮสเตสจะพิจารณายกเว้นค่าโดยสารให้โดยอัตโนมัติ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ไทย สมายล์ บัส เปิดให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ขึ้นรถเมล์ฟรี ตลอดปี 2567 first appeared on Brand Inside.

YouTrip เผย คนไทยไปต่างประเทศ ‘กินถูกช็อปแพง’ นิยมญี่ปุ่นอันดับ 1 จีนมาแรงหลังฟรีวีซ่า

Brand Inside - 2 May 2024 - 16:43

YouTrip เปิดข้อมูลเชิงลึกการเดินต่างไปต่างประเทศของนักท่องเที่ยวไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านมา พบว่าคนไทยเน้นช็อปปิ้ง  สนใจในสถานที่เที่ยวใหม่ ๆ 

การท่องเที่ยวของคนไทยผ่านสายตา YouTrip

จุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทยเผยว่า ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา การใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ข้อมูลพบว่า คนไทยยังมีพฤติกรรมกินถูกช็อปแพงจากความต้องการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 ไปพร้อมกับความต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย 

กิจกรรมที่คนไทยทำในต่างประเทศ อันดับแรก 54% ไปท่องเที่ยวเพื่อช็อปปิ้ง บ่งบอกว่าคนไทยมีความสุขกับการจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้ ยังพบว่า ไม่ว่าจะเดินทางไปประเทศไหน คนไทยนิยมใช้บริการ 7-11, POP MART รวมทั้งซื้อสินค้าหรูโดยเฉพาะแบรนด์ Goyard ที่เห็นการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น 

ขณะที่ 14% เดินทางไปเพื่อชิมอาหาร แต่มักเลือกร้าน Fast Food เพราะความสะดวกและคุ้นเคยกันอยู่แล้ว หลายคนเข้าร้านขายของชำและซุปเปอร์มาเก็ต สะท้อนว่าคนไทยชื่นชอบที่จะทำอาหารกินเอง

สำหรับจุดหมายปลายทางในต่างประเทศที่นักท่องเที่ยวไทยนิยม อันดับแรกยังเป็นญี่ปุ่น โดย 31% ของลูกค้า YouTrip ที่เดินทางต่างประเทศเลือกไปญี่ปุ่น โดยมีปัจจัยสนับสนุนอยู่ที่ทิวทัศน์ อาหาร วัฒนธรรม การช็อปปิ้ง ประกอบกับเงินเยนที่อ่อนค่าลงและราคาสินค้าที่ไม่ได้มีการปรับเท่าไรนัก ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปญี่ปุ่น 58% ใช้เงินไปกับการช็อปปิ้ง ถือว่าสูงเป็นอันดับ 1 รวมทั้งยังใช้เงินไปกับสินค้าหรูเพิ่มขึ้น 2 เท่าเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ยอดการใช้จ่ายพุ่งสูง

นอกจากนี้ YouTrip พบว่า ผู้ใช้ได้แลกเงินบาทเป็นเงินเยนผ่านแอปพลิเคชัน YouTrip เพิ่มขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว 

จีนเป็นประเทศที่กำลังได้รับความนิยมมาแรงที่สุดหลังจากการเริ่มนโยบายฟรีวีซ่า  ทำให้ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มีปริมาณการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้น 466% และกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับที่ 2 โดยเมืองที่ผู้ใช้ YouTrip ชื่นชอบ คือ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น และเฉิงตู

ในจีนจะใช้จ่ายเงินผ่าน Vision Pay และ Alipay เป็นหลักซึ่งคนไทยยังไม่สามารถใช้ได้ ในข้อนี้ YouTrip มองว่า อาจมีผลต่อการท่องเที่ยวในจีนบ้าง แต่ไม่ได้ทำให้คนไทยไม่อยากเดินทางไปจีนเพราะ YouTrip เองก็ผูกกับบริการ WeChat Pay และ Alipay

ในระยะสั้นและระยะกลาง YouTrip มองว่า ญี่ปุ่นจะยังได้รับความนิยมสูงสุด โดยเฉพาะการช็อปปิ้งเพราะมีสินค้าที่ไม่เหมือนประเทศอื่น และสถานที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะ Theme Park ที่ให้บริการและสร้างประสบการณ์ต่างจากประเทศอื่น

YouTrip เป็นดิจิทัลวอลเล็ตหลายสกุลเงินที่เปิดตัวเมื่อปี 2562 มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 1.5 ล้านครั้ง เติบโตเร็วที่สุดในตลาดของดิจิทัลวอลเล็ตโดยเติบโต 3 เท่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหลังจากโควิด-19 สำหรับการเพิ่มอัตราแลกเปลี่ยน มองว่าจะเพิ่มอีก 10 หน่วยแต่ยังต้องใช้เวลาวิเคราะห์ทิศทางการท่องเที่ยวก่อน

คนไทยเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้น

ภิรมย์ทิศ ทองแถม ณ อยุธยา หัวหน้ากลุ่มงานการตลาดผลิตภัณฑ์ บมจ. การบินไทย เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ช่วงหลังโควิด-19 ยอดการเดินทางค่อนข้างสูงและฟื้นฟูขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวไทย เทรนด์ที่สังเกตเห็น คือ การจองบัตรโดยสารแบบท่องเที่ยวอิสระ (FIT) มากขึ้นจากเดิมที่มักเดินทางไปกับบริษัททัวร์ เพราะเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น

ข้อมูลจากการบินไทยพบว่า ญี่ปุ่นยังได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่าน โดยมีปัจจัยเสริมจากสภาพอากาศที่อุณหภูมิต่ำกว่าไทย มีทิวทัศน์ธรรมชาติ และเงินเยนที่อ่อนค่าลง เส้นทางการบินหลักในญี่ปุ่นจากนักท่องเที่ยวไทยมีอยู่ทุกเมือง โดยโตเกียวมาเป็นอันดับ 1 และเติบโตสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในปีนี้ ส่วนซัปโปโลเติบโตอย่างรวดเร็วจากที่คนไทยมักจะเดินทางไปในฤดูหนาว

ข้อมูลจากการบินไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับ YouTrip ว่า การเดินทางไปจีนเติบโตเร็วที่สุด ช่วงกรานต์ที่ผ่านมา เติบโตขึ้นราว 5 เท่าเทียบกับเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว 

การบินไทยตั้งเป้าว่า สัดส่วนเที่ยวบินจะฟื้นตัวกลับมาเทียบเท่ากับปี 2019 แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่ได้ให้บริการเที่ยวบินครบ 100% 

นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับประกันภัย

วาสิต ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ. เมืองไทยประกันภัย ให้มุมมองว่า หลังจากโควิด-19 นักท่องเที่ยวไม่เฉพาะคนไทยให้ความสำคัญกับประกันภัยทำให้อัตราการซื้อเพิ่มขึ้นมาก สิ่งที่เห็นเพิ่ม คือ การซื้อประกันภัยเพิ่มที่ครอบคลุมเรื่องปัญหาการเดินทาง เช่น การยกเลิกเที่ยวบิน กระเป๋าเสียหาย 

ทางด้านจุดหมายที่คนไทยนิยมในต่างประเทศ 1 ใน 3 ของผู้ซื้อประกันภัยเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ถือว่าสูงเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นเกาหลีใต้ และจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากปีที่แล้วที่อยู่ในอันดับ 7 เพราะความสะดวกจากการฟรีวีซ่า

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คนทุกรุ่นสามารถไปเที่ยวร่วมกันได้ เพราะอากาศดี มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒธรรม การเดินทางด้วยตัวเองสามารถทำได้ง่าย ญี่ปุ่นจะมีค่าเฉลี่ยอายุคนที่เดินทางไปน้อยกว่าจีน ส่วนคนที่เดินทางไปจีนจะมีความสนใจที่เฉพาะเจาะจงกว่า

สำหรับมูลค่าเบี้ยประกันการเดินทางของเมืองไทยประกันภัย ในปีที่แล้วกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 ส่วนในปีนี้ คาดว่าอาจจะเติบโต 5% ในช่วง 2-3 เดือนแรกจากการขยายความคุ้มครอง

Klook ส่งครีเอเตอร์ทำคอนเทนต์โปรโมทที่เที่ยว

มิเชล โฮ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Klook ประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์ เผยว่า ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มียอดการจองบน Klook เพิ่มขึ้น คนไทยนิยมไปเที่ยวประเทศในเอเชียที่มีอากาศหนาว เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง ที่เห็นการเติบโตขึ้นเป็นตัวเลข 2-3 หลัก

Klook พบว่า เทรนด์การท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนไปจากอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย ก่อนหน้านี้ นักท่องเที่ยวจะมีที่เที่ยวในใจอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันเป็นการเที่ยวตามโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ TikTok มักจะไปในสถานที่ที่ถ่ายรูปสวย ทำให้ Klook มีโอกาสเพิ่มบริการในที่เที่ยวอื่น ๆ 

จุดหมายปลายทางยอดนิยมยังเป็นญี่ปุ่นและยังนิยมกลับมาท่องเที่ยวซ้ำด้วยโดยนิยมท่องเที่ยวอิสระและไปในสถานที่ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ทำให้ Klook ส่งครีเอเตอร์สายท่องเที่ยวเพิ่มไปทำคอนเทนต์ในญี่ปุ่นพร้อมกับเสนอบริการสำหรับการท่องเที่ยวส่วนตัวมากขึ้น เช่น การเช่ารถ  

นอกจากนี้ นโยบายฟรีวีซ่าทำให้นักท่องเที่ยวไปจีนเพิ่มขึ้น 4 เท่าในด้านของกิจกรรม ทำให้คนสนใจในจีนมากขึ้น แต่ยังมีอุปสรรคที่การเข้าถึงข้อมูลการท่องเที่ยวในจีนได้อย่างจำกัดในหมู่นักท่องเที่ยวไทย ไม่เหมือนญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ทำให้ Klook พยายามจะเพิ่มสื่อและข้อมูลในการไปเที่ยวจีนให้มากขึ้น

ส่วนเทรนด์การท่องเที่ยวในอนาคต Klook คาดว่า ผู้ใช้แอปพลิเคชันจะมีอายุเฉลี่ยน้อยลง เป็นกลุ่ม Gen Y และ Gen Z 

ที่มา – YouTrip

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post YouTrip เผย คนไทยไปต่างประเทศ ‘กินถูกช็อปแพง’ นิยมญี่ปุ่นอันดับ 1 จีนมาแรงหลังฟรีวีซ่า first appeared on Brand Inside.

Apple อาจเปิดตัว Safari 18 พร้อมฟีเจอร์ AI มากมาย ในงาน WWDC 2024

iPhonemod - 2 May 2024 - 15:21

อัปเดตข่าวลือล่าสุดเกี่ยวกับการทดสอบ Safari 18 ซึ่งเป็น […]

The post Apple อาจเปิดตัว Safari 18 พร้อมฟีเจอร์ AI มากมาย ในงาน WWDC 2024 appeared first on iMoD.

ผู้ใช้เจอปัญหานาฬิกาไม่ส่งเสียงปลุก! ตอนนี้ Apple กำลังแก้ไข

MacThai - 2 May 2024 - 14:00

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานบนโลกโซเชียลมาว่าผู้ใช้ไอโฟนบางคนเจอปัญหาเกี่ยวกับนาฬิกาไม่มีเสียงปลุก ซึ่งแอปเปิลเองก็ได้รับรู้ถึงปัญหานี้พร้อมกำลังแก้ไขแล้ว

โดยทางแอปเปิลได้ยืนยันปัญหากับJoanna Stern ของ Wall Street Journal เองเลยว่าบริษัทรับรู้ถึงปัญหาของผู้ใช้ว่านาฬิกาของไอโฟนไม่ปลุก หรือบางเครื่องไม่ได้มีเสียงปลุกตามที่ตั้งค่าไว้

อย่างฟีเจอร์ Attention Aware บนไอโฟนที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่กำลังใช้งานอุปกรณ์ของตัวเองอยู่ ก็จะมีการลดระดับเสียงการแจ้งเตือน หรือการปลุกลงไป

แต่การตรวจจับของฟีเจอร์ Attention Aware มีบางอย่างผิดปกติไป เพราะตรวจจับไม่ถูกต้องเลยทำให้ลดระดับเสียงไปทำให้นาฬิกาไม่มีเสียงปลุก แม้ว่าผู้ใช้จะนอนหลับอยู่ก็ตาม แต่แอปเปิลก็ไม่ได้ยืนยันว่าปัญหาเกิดจากฟีเจอร์นี้จริงหรือไม่

ใครที่อยากปิดการใช้งานฟีเจอร์ Attention Aware ก็สามารถไปที่ตั้งค่า แตะที่ Face ID & Passcode จากนั้นเลือกไปปิดฟีเจอร์นี้ได้เลยครับ

ที่มา – https://9to5mac.com/2024/04/30/apple-working-on-fix-for-bug-causing-iphone-alarms-to-not-play-sounds/

The post ผู้ใช้เจอปัญหานาฬิกาไม่ส่งเสียงปลุก! ตอนนี้ Apple กำลังแก้ไข appeared first on Macthai.com.

Google Search ได้เริ่มทดสอบฟีเจอร์ Custom Filters” ผ่านการค้นหา!

iPhonemod - 2 May 2024 - 13:30

ล่าสุด Google Search ได้เริ่มปล่อยการทดสอบฟีเจอร์ Custo […]

The post Google Search ได้เริ่มทดสอบฟีเจอร์ Custom Filters” ผ่านการค้นหา! appeared first on iMoD.

Pages