Tags:
Topics: 

จากรายงานของ SuperData ในปี 2016 อุตสาหกรรม esport มีมูลค่าประมาณ 892.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ​และคาดว่าจะพุ่งทะยานเกิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2017

แง่มุมที่ทั้งเกมเมอร์และคนดูอาจไม่ได้คิดถึงมากนัก คือการตัดสินใจของทีมระดับอาชีพว่าจะเลือกลงทุนกับเกมไหน หรือ เลือกสร้างทีมผู้เล่นของเกมไหนบ้าง ซึ่งเว็บไซต์ Esports Heaven สัมภาษณ์ผู้บริหารของทีม esport ชื่อดัง 3 ทีม ถึงแง่มุมของการบริหารจัดการทีมของตัวเอง มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

Jason Lake CEO ของทีม compLexity gaming

compLexity Gaming (coL) เป็นทีม esport เก่าแก่จากสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปี 2003 ปัจจุบันมีทีมแข่ง 5 เกมคือ Overwatch, Dota 2, CS:GO, Hearthstone, StarCraft II

Jason Lake ให้สัมภาษณ์ว่าเขาเริ่มต้นสร้างทีมด้วยความชอบก่อนที่จะคิดถึงเรื่องของธุรกิจ จุดเริ่มต้นของ compLexity เกิดจากความรักในเกม Counter-Strike และเขามองเห็นอนาคตของมัน

ช่วงเวลานั้นเป็นยุคก่อน Livestreaming อย่าง Twitch หรือ JustinTV เสียอีก เขาจึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่เข้าสู่วงการด้วยความชอบ และสามารถผสมผสานความชอบเข้ากับเรื่องธุรกิจได้สำเร็จ

สำหรับความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านจากยุคของ esports แบบเดิมสู่ยุคปัจจุบัน ในมุมมองของ Lake คือเรื่องการเงิน เพราะการสร้างทีมระดับท็อปต้องมีเงินเดือนที่น่าสนใจให้กับผู้เล่น โค้ช ผู้จัดการทีม และบ้านพักของทีม ค่าใช้จ่ายเหล่านี้สามารถพุ่งสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนคำถามว่าเมื่อไรจะถึงเวลาต้องถอนตัวออกจากวงการ esports เขาให้ทรรศนะว่าการตัดสินใจขึ้นอยู่กับส่วนผสมระหว่างเรื่องการเงินและความสนใจในตัวเกม เมื่อไรที่ค่าใช้จ่ายของวงการมากกว่ารายได้ ยอดผู้ชมเริ่มลดลง เกมผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและสุ่มเสี่ยงว่ากำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานของวงการ esports ตัวเลขทางธุรกิจจะเป็นตัวตัดสินว่าการถอยเป็นทางออกที่ดีที่สุด

alt="upic.me"

Paulo ‘Catz’ Vizcarra หนึ่งในผู้ก่อตั้ง OSC-Root

Root เป็นที่รู้จักในฐานะเป็นหนึ่งในทีม StarCraft 2 (SC2) ที่แกร่งที่สุด นอกเหนือจากทีมยุโรปและเกาหลี นอกจากนี้ยังมีผลงานที่ดีใน Heartstone, Super Smash bros, Dota 2, Smite และกำลังเริ่มต้นเข้าสู่งวงการของ Overwatch

ปรัชญาการทำทีมของ Catz เกิดจาก passion และความชอบที่แท้จริง การตัดสินใจว่าจะเข้าไปสู่วงการเกมไหน ขึ้นอยู่กับส่วนผสมระหว่างความชอบและธุรกิจ

เขาจะเลือกสร้างทีมในเกมที่เขาเล่นและชอบเท่านั้น เมื่อโอกาสเหล่านั้นเข้ามา การพิจารณาจะต้องคิดถึงค่าเสียโอกาส เช่น ตอนนี้เขามีผู้เล่นระดับสูงของ Heartstone หลายคน เมื่อผู้เล่นเหล่านั้นเริ่มโด่งดัง พวกเขาจะได้รับข้อเสนอจากทีมอื่นๆ เขาจะต้องตัดสินใจเลือกเก็บผู้เล่นเหล่านี้ไว้ หรือเลือกเก็บผู้เล่นของเกมอื่นที่สามารถสร้างรายได้ให้กับองค์กรได้มากกว่า

อย่างไรก็ตาม Catz จะเลือก StarCraft 2 เป็นอันดับหนึ่งเสนอ เขากล่าวว่า แม้ว่าทีมจะหาโอกาสใหม่ๆ กับเกมอื่นอยู่ตลอดเวลา แต่นั่นเป็นความสำคัญอันดับสองเสมอ เขาสร้างทีม StarCraft เพราะเขารักในเกมนี้ และมองเห็นคุณค่าที่อยากจะส่งต่อ เกมนี้สอนอะไรกับเขามากมายจนเขาอยากจะส่งต่อมันออกไปผ่านเกมนี้

alt="upic.me"

Marty ‘LazerChicken’ Strenczewilk เจ้าของทีม Splyce

Splyce เป็นหนึ่งในทีม esposrts ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้ว่าจะเพิ่งเข้าสู่วงการนี้ในปี 2015 ขณะนี้ Splyce มีทีมในเกม League of Legends, Call of Duty, CS:GO, Gears of War, Hearthstone, WoW arena, Smash Bros, Overwatch, StarCraft 2

ปัจจัยการเลือกลงทุนในแต่ละเกม Strenczewilk กล่าวว่าดูจากตัวเลข ข้อมูล และตัวแปรต่างๆ เช่น ยอดของผู้ชม การเจริญเติบโต โคตรสร้างของระบบการแข่งขัน ช่องทางทำเงิน โอกาสที่แบรนด์จะถูกมองเห็น ความสัมพันธ์กับผู้พัฒนาเกม ตำแหน่งภูมิภาค และทีมหรือผู้เล่นคนไหนที่ยังว่างอยู่ แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มี และปัจจัยจากเกมอื่นๆ ที่เราได้สร้างทีมเอาไว้แล้ว

ถึงแม้จะมีตัวแปรมากมายและยุ่งยากขนาดนี้ แต่ Splyce ยังเป็นหนึ่งในทีม esports ที่มีทีมอยู่ในหลากหลายเกมมากที่สุดทีมหนึ่ง

ในแง่การสร้างความประทับใจให้กับชุมชนแต่ละเกม Strenczewilk กล่าวว่ากุญแจสำคัญคือต้องมั่นใจว่าพวกเขามีความรู้และเข้าใจถึงพื้นที่ของแต่ละเกมอย่างแท้จริง นอกจากนี้ การหารายได้จากเกมนั้นๆ และ การสร้างโครงสร้างเพื่อสนับสนุนตัวเกมนั้นๆ อย่างเหมาะสม ทั้งสองสิ่งนี้คือความท้าทายที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน

alt="upic.me"

สรุป

ทั้ง 3 ทีมต่างมีแนวทางที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน สุดท้ายแล้วการบริการทีม esports อาจไม่ได้มีสูตรตายตัว แต่ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า จะมีทีมหน้าใหม่เข้ามาร่วมวง esports มากน้อยแค่ไหนในปี 2017 นี้

ที่มา: Esports Heaven, theScore esports

Get latest news from Blognone