Tags:

เขาถามว่า
คนฉลาด แต่ขี้เกียจ กับ คนโง่ แต่ขยัน
จะเลือกใคร

ผมก็ตอบไปว่า ผมเลือกคนฉลาด แต่ขี้เกียจ
เพราะคนโง่แล้วขยัน เขาจะขยันทำแต่เรื่องโง่ๆ

หัวหน้าเดินหนีไปเลย...
แล้วไม่คุยกับผม จนถึงตอนนี้เลยอ่ะ (ตั้งแต่เที่ยง)

ผมทำไรผิดอ่ะ?

มาอัพเดท... ตอนนี้ เป็นปกติ เหมือนเดิมแล้วครับ

ดีนะ ที่เขาไม่ถามว่า ชอบ สีเหลือง หรือ สีแดง คริกๆ

Get latest news from Blognone
By: karncore on 1 September 2008 - 18:21 #63244

สงสัยเพิ่งโดนหัวหน้ากว่าด่ามา

"ขยันแต่เรื่องโง่ ๆ จริง ๆเลย !!!"

By: Wizard.
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 1 September 2008 - 19:06 #63250
Wizard.'s picture

ผมเลือกคนฉลาดแต่ขี้เกียจมากกว่าจริงๆนะ

แต่ขอให้งานเสร็จทันตามที่ต้องเป้าไว้นะ

By: champ
FounderWriter
on 1 September 2008 - 20:10 #63256
champ's picture

เช่นกันครับ ฉลาดแต่ขี้เกียจ เพราะเขาอาจจะขี้เกียจได้ เพราะเขาทำงานได้เสร็จภายใน 3 นาที อะไรงี้

By: bow_der_kleine
WriterAndroidUbuntu
on 1 September 2008 - 21:12 #63258
bow_der_kleine's picture

มีใครบางคนเคยแบ่งคนไว้สี่ประเภทครับ

  • คนฉลาดและขยัน พวกนี้ควรเป็นเจ้าคนนายคน

  • คนฉลาดแต่ขี้เกียจ พวกนี้ควรให้เป็นนักคิด นักวางแผน

  • คนโง่และขี้เกียจ พวกนี้พอเอาไปเป็นแรงงาน

  • คนโง่แต่ขยัน พวกนี้ควรถูกกันออกจากสังคม เพราะมักสร้างความวุ่นวายให้กับสังคม

ใครบางคนที่ว่าคือฮิตเลอร์เผด็จการผู้น่ารังเกียจ หัวหน้าวายร้ายนาซีเยอมัน การแบ่งคนสี่ประเภทดังกล่าว เลยไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร

สำหรับผมแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าฉลาดหรือโง่ ขยันหรือขี้เกียจในเรื่องไหน แต่พวกทำงานนอกสั่ง ไม่ว่าฉลาดหรือโง่ ยังไงก็สร้างปัญหา

BioLawCom.De

By: mokin
Contributor
on 1 September 2008 - 21:49 #63265 Reply to:63258
mokin's picture

เคยอ่านจาก blog peetai น่าคิดดีครับ
แล้ว “ฮิตเลอร์” เป็นผู้จำแนกคนสี่ประเภทนี้จริงหรอ ใครรู้บ้าง

อย่าท้อแท้ที่จะเรียนรู้ และจงเป็นครูสอนผู้อื่นต่อ

By: Wintermute on 2 September 2008 - 11:52 #63354 Reply to:63265

คำกล่าวเหล่านี้แล้ว จริงๆมาจาก พลเอก Kurt von Schleicher ครับ
เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบกเยอรมัน

http://en.wikipedia.org/wiki/Kurt_von_Schleicher

พูดถึงการแบ่งประเภทนายทหารครับ

By: 9AuM on 1 September 2008 - 21:26 #63261

ผมอาจจะมองต่างนะ เป็นผมผมเลือก คนโง่แต่ขยัน
เหตุผลเพราะผมเชื่อว่า "คน" พัฒนาได้ด้วยความขยัน
จริงอยู่ ขยันแต่เรื่องโง่ๆ แต่ถ้าได้เจ้านายดีๆชี้แนะ
คนโง่แต่ขยัน อาจจะกลายเป็นคนฉลาดแต่ขยันได้ซักวัน

แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ ทำไมหัวหน้าคุณถึงไม่ยอมคุยกับคุณเลย
ผมแนะนำให้รีบไป clear ดีกว่า อิอิ เราเป็นผู้น้อย ^^ นะครับ

By: Table
SymbianUbuntu
on 2 September 2008 - 10:16 #63336

เห็นด้วยกับ 9AuM ว่าคนพัฒนาได้ผมเลือกโง่แต่ขยันดีกว่าครับถ้าร่วมงานกัน เจอฉลาดแต่ขี้เกียจประเภทติอย่างเดียวเลยนี่ก็ไม่ไหว

By: ABZee on 2 September 2008 - 10:20 #63339

ผมเลือกคนขยัน เพราะผมว่ามันดูยากว่าใครโง่หรือฉลาด การดูว่าคนขยันรึเปล่ามันน่าจะง่ายกว่า

PoomK

By: ipats
ContributorNOOBIn Love
on 2 September 2008 - 13:35 #63363

ผมเลือกคนที่ฟังผมรู้เรื่อง และทำตามที่ผมต้องการ

---------- iPAtS


iPAtS

By: anu
Contributor
on 2 September 2008 - 18:18 #63405

แล้วแต่สถานการณ์

ถ้าส่งไปม๊อบ จะเลือกโง่แต่ขยัน

ถ้าส่งไปเป็นนักการเมือง จะเลือกฉลาดแต่ขี้เกียจ

By: BonBon
iPhone
on 3 September 2008 - 14:15 #63546 Reply to:63405

โดนใจ

By: DrRider
WriterAndroid
on 3 September 2008 - 07:27 #63481
DrRider's picture

ต้องเลือกที่จริยธรรมด้วยหรือเปล่า :P

ได้ Wii Fit แล้ว เย้!!


We need to learn to forgive but not forget...

By: smilelovehappiness on 3 September 2008 - 15:47 #63557

เลือกคนฉลาดแต่ขี้เกียจ

เพราะเคยเจอคนโง่แต่ขยันมาแล้ว
ปกติไม่อยากด่าใครว่าโง่ แต่ที่ใช้คำว่าโง่ก็เพราะว่ามันไม่สามารถพัฒนาได้แล้วจริงๆ จับอะไรเป็นเสีย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ไม่เคยเปลี่ยน และไม่มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยน ใครไม่เคยเจอคนแบบนี้นับว่าโชคดี

เอาคนฉลาดแต่ขี้เกียจดีกว่า อย่างน้อยพอทำอะไรก็ขอให้มันได้งาน ไม่ใช่ได้ปัญหา

By: platalay
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 4 September 2008 - 08:45 #63662 Reply to:63557

จริงครับอันนี้ ผมก็เคยเจอ
ถึงจะขี้เกียจ แต่งานเสร็จ ผมก็ไม่สน ขอแค่งานเสร็จตามเป้าหมายเป็นพอ

By: au8ust
AndroidSymbianWindows
on 4 September 2008 - 11:35 #63681 Reply to:63557

เจอบ่อยเหมือนกันครับ คือ เขาขยันก็จริง แต่พัฒนาการช้า ทำให้งานมันช้าไปด้วย แต่ก็แล้วแต่กรณีครับ บางครั้งก็มีข้อดี

au8ust.org

By: gudome
ContributoriPhoneWindows
on 3 September 2008 - 23:59 #63627

หัวหน้าเค้าแอบรู้มารึเปล่าว่าคุณจะได้เลื่อนขึ้นมาทำตำแหน่งเค้า แต่อาจจะต้องผ่านบททดสอบอะไรก่อน

เลยแอบมาเช็คคุณว่าคุณเลือกใช้คนเป็นรึเปล่า

ว่าไปนั่น 555

By: loptar on 4 September 2008 - 09:42 #63670
loptar's picture

ผมว่าสิ่งที่จะวัดกันจริงๆ คือจริยธรรม หรือคุณธรรม มากกว่า เพราะจะเป็นตัวที่กำหนดว่า สิ่งที่เราทำเป็น positive หรือ negative ความฉลาดหรือโง่ ความขยันหรือขี้เกียจ เป็นตัวที่จะคูณหรือหาร สิ่งที่เราทำ

ลองนึกดู คนที่มีคุณธรรม ถ้าฉลาดและขยันด้วย ก็ดีสุดยอดไปเลย ในทางตรงกันข้ามถ้าไม่มีคุณธรรม แล้วฉลาดและขยัน ก็คงแย่สุดยอดไปเลยเช่นกัน

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 4 September 2008 - 12:55 #63703 Reply to:63670
lew's picture

เอาจริยธรรมหรือคุณธรรมมาวัดนี่ อาจจะต้องบอกก่อนว่าเราจะวัดจริยธรรมหรือคุณธรรมกันยังไงครับ

LewCPE


lewcpe.com, @wasonliw

By: loptar on 5 September 2008 - 12:42 #63829 Reply to:63703
loptar's picture

ยอมรับว่าวัดยากครับ ความฉลาด อาจวัดกันด้วยไอคิวก็ได้ ความขยันวัดกันที่ปริมาณงานที่ทำได้ต่อหน่วยเวลา ก็วัดได้ แต่วัดคุณธรรมหรือจริยธรรม วัดกันยังไงดี มันไม่ใช่หน่วยที่เป็นเชิงปริมาณที่มีหน่วยชัดเจน อาจต้องสังเกตุเอาเอง ผู้สังเกตุเองก็อาจผิดเพี้ยนได้อีกด้วย

ผมเพียงแต่เชื่อว่า คุณธรรมหรือจริยธรรม มันเป็นสิ่งที่ฝังเป็นนิสัยอยู่ในคน (อาจเรียกว่าสันดานได้หรือปล่าว ที่ถูกสั่งสอนปลูกฝังมา) และเป็นตัวที่จะทำให้สิ่งที่เรากระทำ ออกมาเป็นบวกหรือลบ ส่วนความฉลาดหรือโง่ ความขยันหรือขี้เกียจ เป็นคัวคูณหรือหารผลของสิ่งที่เราทำนั้น ให้มีผลมากขึ้นหรือน้อยลงเท่านั้นเองครับ

บางทีสิ่งที่วัดไม่ได้ ไม่ใช่จะไม่มีความหมายเสมอไปครับผม

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 5 September 2008 - 13:13 #63836 Reply to:63829
lew's picture

ผมอาจจะพูดสั้นไปหน่อยและใช้คำผิดไป งั้นเอาใหม่

ผมคิดว่าเรื่องของจริยธรรมและคุณธรรมนั้นไม่ใช่เพียงแค่วัดไม่ได้ครับ ผมว่ามันยากมากจนเป็นไปไม่ได้เลยในวันนี้ ที่เราจะบอกว่าใครมีหรือไม่มีคุณธรรม ไม่ต้องไปถึงว่าใครมีมากกว่าใคร

เมืองไทยเอาเข้าจริงแล้วทำตามศีลห้าได้ตลอดเวลามีกี่คนกัน? และนี่ใช้เพียงมาตรฐานเดียวคือศีล 5 ยังมีมาตรฐานอื่นๆ ตามความเชื่อและศาสนาอื่นๆ อีกมากมาย แม้แต่เฉาพะในเมืองไทยเองก็ตามที

ไม่ใช่ผมไม่เชื่อในความดีนะครับ แต่ผมมองว่าการเอา "คุณธรรมและจริยธรรม" ลอยๆ มาใช้ในการ "วัด" คนอย่างที่คุณบอก มันไม่ต่างอะไรกับการให้ผู้ประเมินให้คะแนน "ตามแต่จะนึกเอา" เท่าใหร่นัก ซึ่งถามว่าใช้ได้มั๊ย ผมตอบเลยว่าได้ครับ แต่ผมเองไม่คิดว่ามันเหมาะกับการเอามาเป็นเกณฑ์ "หลัก" มันก็ไม่แปลกอะไรถ้าจะมีช่องให้ใส่คะแนนตาม "ความรู้สึก" ของผู้ประเมินได้บ้าง

ผมยินดีกับกติกาหลายๆ อย่างที่เน้นในเรื่องของความดีในแบบที่ "จับต้องได้" เช่นว่ามีกติกาในของการปฎิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่แบ่งแยกเพศ, เชื้อชาติ, ศาสนา, และความพิการ หรือจะเป็นเรื่องของการทำผิดมาตราฐานศีลธรรมบางอย่างอย่างชัดแจ้ง

LewCPE


lewcpe.com, @wasonliw

By: loptar on 7 September 2008 - 12:58 #64024 Reply to:63836
loptar's picture

ผมก็คงทำให้เข้าใจผิดเช่นกัน ขออธิบายเพิ่มเติม "สิ่งที่จะวัดกันจริงๆ คือจริยธรรม หรือคุณธรรม มากกว่า เพราะจะเป็นตัวที่กำหนดว่า สิ่งที่เราทำเป็น positive หรือ negative" ผมหมายถึงมันเป็นตัวกำหนดและตัดสิน (direction) มากกว่าจะหมายถึงการวัดในเชิงปริมาณ (measurement) เพราะผมเองก็ยอมรับว่าจริยธรรม หรือคุณธรรม เป็นสิ่งที่วัดไม่ได้ หรือได้ยาก "บางทีสิ่งที่วัดไม่ได้ ไม่ใช่จะไม่มีความหมายเสมอไป" เหมือนกับเรื่อง สวย ไม่สวย ก็เป็นเรื่องเชิงคุณภาพ แต่ละคน แต่ละยุคสมัย ก็มองแตกต่างกันออกไป

ที่ผมพยายามจะสื่อความหมายก็คือ เรื่องของความดี (จริยธรรม หรือคุณธรรม) จะเป็นตัวกำหนดทิศทางชีวิตของคนๆนั้น ให้เป็น positive หรือ negative ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ เป็นเพียงส่วนประกอบที่จะขยายผลให้มากหรือน้อย เท่านั้นเอง ส่วนที่ว่าเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าคนๆนั้นมีจริยธรรม หรือคุณธรรม มากหรือน้อย ก็คงต้องอาศัยการสังเกตุและสรุปเอาเอง (สำหรับผู้สังเกตุแต่ละคน) ผมเองก็ยังมองไม่เห็นวิธีที่จะวัดได้เหมือนกันครับ

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 8 September 2008 - 00:01 #64066 Reply to:64024
lew's picture

ผมงงกับคำว่า direction ของคุณ loptar นะครับ

คือผมเข้าใจในบริบทของกระทู้นี้ว่าเป็นเรื่องของการโปรโมทคนขึ้นตำแหน่งที่สูงกว่า เพราะเป็นการถามโดยเจ้านาย และเนื่องจากตำแหน่งมีน้อยกว่าคน เราจำเป็นต้องเลือกใครบางคนที่น่าจะดีกว่า ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงขึ้นไป และปล่อยให้คนที่ด้อยกว่าอยู่ตำแหน่งเดิมต่อไป

การที่คุณ loptar บอกว่ามันไม่ใช้วัด อย่างนั้นแล้วหน่วยงานหนึ่ง ถ้าจะนำหลักการใช้คุณธรรม จริยธรรมมาเป็นตัวกำหนดและตัดสินใจอย่างที่คุณว่ามาแล้ว คุณ loptar พอจะยกตัวอย่างได้ไหมครับว่าเขาควรทำอย่างไรกัน?

LewCPE


lewcpe.com, @wasonliw

By: loptar on 10 September 2008 - 11:49 #64400 Reply to:64066
loptar's picture

ผมอาจจะใช้ความหมายเพี้ยนไปหน่อย คือผมใช้สำนวน "วัด" ในความหมายทำนอง "งานนี้วัดกันที่ใจ" คือเป็นตัวบอกว่า งานนี้จะสำเร็จหรือไม่ ต้องตัดสินด้วยแรงใจ หากแรงใจมากพอ ก็จะนำ(direct)ไปสู่ความสำเร็จได้

ออกจะอ้อมๆไปหน่อย เลยต้องมานั่งอธิบายกันยาว :-)

สำหรับการโปรโมทคน ผมคิดว่านอกจากความฉลาดหรือขยันแล้ว เรื่องของคุณธรรมหรือจริยธรรม ก็ควรให้ความสำคัญมากๆด้วย แม้ว่าจะวัดคุณธรรมได้ยาก หรือไม่ได้เลย แต่การแสดงออกของคนในเรื่องของคุณธรรม ยังพอสังเกตุกันได้ ผู้สังเกตุอาจต้องใช้เวลาบ้าง ตัวผู้สังเกตุเองก็ต้องเป็นกลางพอด้วย ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้เรื่องการใช้คุณธรรม หรือจริยธรรม มาเป็นส่วนประกอบในการโปรโมทคน เป็นเรื่องยาก ผมเองก็ยอมรับ เพียงแต่หวังว่าเราคงไม่ทิ้งไปเสียเลย

การสังเกตุคน และบอกได้ว่ามีคุณธรรมหรือไม่ ก็คงต้องดูกันหลายจุด ทั้งการวางตัว การกระทำ การพูดจา ผลงาน แนวความคิดในเรื่องต่างๆ และอื่นๆอีกประกอบกัน การโปรโมทคนๆหนึ่งน่าจะใช้เวลาพอสมควร คงพอมีเวลาสังเกตุได้ แล้วเอามาเปรียบเทียบกับอีกคน สร้างเป็นตัวเลขเทียบกันไว้ แล้วจึงใช้ปัจจัยความฉลาด ความขยันของแต่ละคน กำหนดเป็นตัวเลขอีกชุดหนึ่ง ที่จะเอามาคูณออกมาเป็นค่าที่จะเอาไปวัดผลกันได้

นี่ก็เป็นแค่แนวคิดนะครับ ผมเองทำงานอิสระ ไม่ได้อยู่ในองกรค์อะไร แค่คิดไว้ว่า หากมีโอกาสจัดตั้งองกรค์ของตัวเองขึ้นมา ก็คงประยุกต์เอาแนวคิดนี้ไปใช้

By: bentino
ContributoriPhoneAndroidUbuntu
on 6 September 2008 - 12:31 #63984 Reply to:63703

ผมเคยได้ยินประเทศสารขัณฑ์ประเทศหนึ่งจะใช้คะแนนจริยธรรมในการสอบเข้ามหาลัยด้วย แหมคิดไปได้ (ถ้าจะให้มีหลักฐานการทำดีก็เหมือนการทำดีเอาหน้าน่ันแล้ - -")

Freedom Initiative


Bentino.me

By: f1_raceth on 4 September 2008 - 11:55 #63690

สิ่งที่ใช้วัดสำหรับผม ไม่ใช่แค่ขยัน ขี้เกียจ โง่ หรือ ฉลาด แต่ผมมองว่าเขาเหมาะกับงานแบบไหนมากกว่า เพราะคนแต่ละคนเหมาะกับงานไม่เหมือนกัน และมุมมองในงานก็ต่างกัน

ผมลองเทียบเป็นข้อความแล้วให้คุณเลือกนะว่าคุณคิดว่าคนอย่างเราเป็นแบบไหนดี ... แต่ต้องคิดถึงสิ่งสำคัญ คือ ตัวเองทำแล้วสบายใจไหม คนอื่นชอบไหมด้วย ... เพราะบางทีคนเราไม่สามารถวัดตัวเองได้ ต้องมีคนช่วยกับบอกกล่าวและแนะนำ ...

ถ้าฉลาด ... แล้วคิดว่าเก่งที่สุดแล้ว อันนี้ไม่ต้องบอก
ถ้าฉลาด ... แล้วคิดว่าตัวเองโง่แล้วต้องพัฒนา อันนี้สุดยอด
ถ้าโง่ ... แล้วคิดว่าต้องพัฒนา สุดท้ายก็ทำงานได้ดี
ถ้าโง่ ... แล้วคิดว่าฉลาดอันนี้ ก็คิดเอาเอง

ถ้าขยัน ... แล้วคิดว่าตนขยันพอแล้ว
ถ้าขยํน ... แล้วคิดว่าต้องขยันขึ้นไปอีก
ถ้าขี้เกียจ ... แล้วคิดว่าต้องขยันขึ้นอีก
ถ้าขี้เกียจ ... แล้วคิดว่าเราขยันแล้ว

By: lancaster
Contributor
on 4 September 2008 - 12:19 #63700

ผมว่ามันต้องมีน้ำหนักประกอบการตัดสินใจว่า ขี้เกียจแค่ไหน หรือ โง่แค่ไหน

By: Slimy
AndroidUbuntu
on 5 September 2008 - 12:59 #63834

จขกท เคลียร์กับเจ้านายหรือยังครับ อยากรู้

By: dafty
AndroidWindowsIn Love
on 5 September 2008 - 17:18 #63858

สวย แ ละ โง่ ดีที่สุดครับ

By: crucifier
iPhoneAndroidUbuntu
on 5 September 2008 - 23:19 #63901 Reply to:63858

คิด...ดี...เนาะ :D

By: thedesp
WriterAndroidWindows
on 6 September 2008 - 01:30 #63920
thedesp's picture

ขอนอกประเด็น ผมว่าคนจะโง่หรือฉลาด
ขึ้นอยู่กับ attitude มากกว่า IQ นะ

By: p-joy on 6 September 2008 - 01:50 #63923

เจ้าของกระทู้โดนด่าครับ
เจ้านายจะบอกว่า "ถ้าตูเลือกได้ ตูจะเลือกคนขยันมาทำงาน" แต่ไม่บอกตรง ๆ
บอกอ้อมว่ามีคนอยู่สองประเภท ถ้าให้เลือกจะเลือกแบบไหน เขาต้องการคำตอบ
ว่า "โง่แต่ขยัน" ในที่น่าเข้าใจว่าเจ้านายนิยามคนโง่ว่าเป็น "พวกที่ทำงานที่ได้รับ
มอบหมายได้ตามเวลา แต่ไม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรร งานออกมาเดิม ๆ นะครับ"

By: shikima
Windows PhoneAndroidUbuntu
on 6 September 2008 - 02:45 #63938 Reply to:63923

ผมเป็นพวก ขี้เกียจครับ (แต่ไม่ได้บอกว่าฉลาดนะ) โปรแกรม กว่าจะออกมาแต่ละที ใกล้ๆ dead line ทั้งนั้น

ไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่รวดเร็ว ฉับไว แต่กลับไปแก้ไม่รู้กี่ร้อยหน (มากไปป่าว)

เอาเป็นว่า ผมทำงานช้า เน้นเอาชัวร์ครับ (แต่ก็มีหลุดบ้างนะ)

ปล. ผมไม่เสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปแล้วครับ เพราะคนส่วนใหญ่ "ขี้เกียจ" ที่จะเรียนรู้ของใหม่ ผมไม่อยากเป็นชนกลุ่มน้อย ก็เลยเออออไปกับเขา (แต่งานนอก ผมใส่เต็มที่ครับ)

CMDEVHUB

เขียนเอามันส์ ลองเข้าไปดูความมันส์ได้ครับ

By: p-joy on 6 September 2008 - 03:37 #63950 Reply to:63938

เจ้านายก็งี้ครับ คิดราคาของเวลาเป็นอันดับแรก แต่คนทำงานอาจจะไม่คิดอย่างนั้น

By: benzodiazepine on 6 September 2008 - 10:34 #63976

ไม่ต้องฉลาด แต่ขอใฝ่เรียนรู้

ไม่ต้องขยันแต่ขอรับผิดชอบ

เจริญแล้วเป็นพอ........

By: noyzilla
Android
on 6 September 2008 - 11:00 #63979

ความขี้เกียจ คือบ่อเกิดของพัฒนาการครับ
ยามใดที่คนเราต้องการความสะดวกสบาย คนเราจะเริ่มสร้างหรือหาอะไรมาทำงานแทน ลองคิดดูซิถ้าคนเราไม่ขี้เกียจ จะมีอะไรบ้างที่ไม่กำเนิดขึ้นมาในโลก

อย่างน้อยผู้ชายโสดในเว็บนี้หลายคน คงลำบากเพราะไม่มีเครื่องซักผ้าละ ขนาดมีเครื่องซักผ้ายังขี้เกียจจะตากผ้าเองเลย หลายคนหาทางออกไปด้วยการเลิกโสด 0_o

Noyzi!!a's Blog

By: shikima
Windows PhoneAndroidUbuntu
on 6 September 2008 - 13:12 #63980 Reply to:63979

ผมยอมซักเอง ตากเอง ไม่ก็ไปจ้างซักดีกว่าครับ

เพราะเครื่องซักผ้าที่จะซื้อ ราคาเริ่มต้น อาจจะไม่สูง แต่ค่า maintain สูงมาก ถึงมากที่สุด แถมต้องจ่ายทุกเดือนด้วย อีกอย่าง ถ้าหากไปเจอรุ่นใหม่กว่า ก็เปลี่ยนไม่ได้อีก ที่สำคัญอาจได้ของมือสอง มือสาม หรือมือสี่... บางทีก็เป็นมือที่ n เลย แต่ต้องจ่ายในราคาเต็ม!!!

ซักเองเหอะครับ...

\(=o=)/

CMDEVHUB

เขียนเอามันส์ ลองเข้าไปดูความมันส์ได้ครับ

By: p-joy on 7 September 2008 - 05:36 #64017 Reply to:63980

ลองใช้เครื่องซักผ้าที่ว่าซักครั้ง แล้วจะติดใจครับ

By: Jessy
Red HatUbuntuWindows
on 6 September 2008 - 14:38 #63990

ค่า Maintain เครื่องซักผ้า นี่จ่ายเป็นหลักร้อย หลักพัน แทบทุกเดือนป่าวคับ แถมต้องพาไป maintain แถวๆ สีลม หรือไม่ก็พารากอน อะไรแบบนี้ ถ้าเครื่องซักผ้าต้องการ maintain ระดับนั้นผมก็ไม่เอาเหมือนกันนะคับ

ขอเครื่องซักผ้าแบบพออยู่พอกิน แถมทำกับข้าวได้ด้วย ประหยัดกว่าเห็นๆ คับ

By: audy
AndroidUbuntu
on 6 September 2008 - 16:20 #63994 Reply to:63990
audy's picture

แน่ใจว่ารุ่นนั้นใช้ซักผ้า?

By: Ton-Or
ContributorAndroidCyberbeingRed Hat
on 6 September 2008 - 19:44 #63999 Reply to:63994
Ton-Or's picture

ผมว่ารุ่นนี้ใช้เราซักน่ะครับ - -''

Ton-Or


Ton-Or

By: kowito2
Android
on 8 September 2008 - 13:29 #64097 Reply to:63999

รุ่นนั้นแรกๆก็ซักดีครับ หลังๆใช้เราซัก

By: SmokyBeacon on 10 September 2008 - 12:09 #64402 Reply to:63999

จริง -*-

ออกทะเลไปไหนแล้ว

รวมฟรีแวร์: dFreeware
อันนี้กำลังหาแนวร่วมอยู่: ThaiiPhoneDev

By: z2
Windows PhoneAndroidUbuntuWindows
on 6 September 2008 - 19:51 #64000

- -'' ออกทะเล ไปซักผ้ากันแล้ว

By: macxide
iPhoneAndroid
on 7 September 2008 - 15:10 #64026 Reply to:64000

สงสัยต่อไปคงเอา ยานอวกาศ หรือไม่ก็ ตู้เย็น ออกไปเที่ยวจักรวาล กันได้เลย....

พีดีเอ ซ่า ดอทคอม ทำสิ่งที่คุณถืออยู่ให้มีค่ามากยิ่งขึ้น

By: Jessy
Red HatUbuntuWindows
on 8 September 2008 - 08:29 #64052

คนฉลาดกับคนโง่ ผมว่าต่างกันนิดหน่อยนะครับ

ถ้าคนฉลาดเขาจะมองว่าตัวเองโง่ และพยายามค้นหาสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ มาเติมตัวเองตลอด เพราะความรู้ในโลกนี้มีมากจนเรียนรู้ไม่ไหว เมื่อเขาเปรียบเทียบกับความรู้ในโลกนี้ เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองฉลาดเลย

ส่วนคนโง่จะมองว่าตัวเองฉลาด และไม่อยากเรียนรู้อะไร เพราะคิดว่าเพียงพอแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าเมื่อยืนอยู่กับที่ เราก็ล้าสมัย รอกลายเป็นของตกรุ่น

By: latesleeper
Android
on 7 September 2008 - 21:57 #64056

อืม จริงๆ อยู่ที่ว่า "เอาคนนั้นไปทำอะไร" มากกว่านะครับใส่คนให้ถูกงานน่าจะจบ งั้นต้องดูก่อนว่าเจ้านายจะใช้เค้าทำงานอะไร

By: shikima
Windows PhoneAndroidUbuntu
on 8 September 2008 - 00:35 #64072 Reply to:64056

วางผู้ชายไว้บนงานด้านขวา ใช่ไหมครับ? (Put the right man on the right job)

ปล. มุขน่ะครับ อย่าคิดมาก

CMDEVHUB

เขียนเอามันส์ ลองเข้าไปดูความมันส์ได้ครับ

By: sirn
WriteriPhone
on 8 September 2008 - 00:37 #64073 Reply to:64072

เจ๋งมาก คิดได้ไง

By: Jessy
Red HatUbuntuWindows
on 7 September 2008 - 23:50 #64063

ใช้คนให้เป็น ถูกแล้วครับ ถ้าป้อนงานที่ไม่ถนัดให้เขา งานก็ออกมาไม่ดี ดังนั้นควรป้อนงานที่ถนัดให้เขา และเราสามารถที่จะช่วยพัฒนาเขาในด้านอื่นๆ ทุกอย่างต้องใช้เวลาครับ

ถ้าผมเป็นหัวหน้า จะพยายามเลี่ยงที่จะพูดกับพนักงานให้มากที่สุด เนื่องจาก เมื่อเราเริ่มพูดถึงปัญหา ปัญหาก็เกิดแล้วละครับ ร้อยละ 70 จะมีทัศนคติในแง่ลบ ดังนั้น เลี่ยงการพูดคุยส่วนตัวถึงปัญหากับพนักงานจะเป็นการดีที่สุด นอกเสียจากว่ามันบ่อยครั้งมากเกินไป

By: D.o.W on 10 September 2008 - 19:48 #64434

จากซีดีการแสดงของบี้เดอะสตาร์
พี่ม้าคอมเม้นว่า คนที่หน้าตาดีเสียงไม่ดี พอขัดเกลาได้ (แม่ยกรับได้) แต่คนที่เสียงดีแต่หน้าตาไม่ดี มันแก้ให้หน้าตาดีไม่ได้นะ
ลองดูเดอะสตาร์สิ กี่รุ่นแล้วที่ที่หนึ่งเสียงดีโหวตมากกับดังน้อยกว่าพวกหน้าตาดีแต่ได้ที่สอง