ตามหัวข้อเลยครับ อยากทราบว่า เราพอจะมีทางใดๆที่เราจะเอาโปรเจคนี้มาขายหรือทำอะไรใดๆได้บ้างไหมครับ..
เอ๊ะ ผมนึกว่าเป็นของคนที่ทำซะอีก
เค้าขอสิทธเอาไว้เพราะ ผลงานจะต้องถูกเผยแพร่ให้คนทั่วไปครับ อย่างน้อยๆก็ในห้องสมุดของ ม. ครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ? https://youtu.be/6Afpey7Eldo
Software เป็นของมหาวิทยาลัย แต่องค์ความรู้เป็นของคุณ
ถ้าคุณไม่ได้ของบจากมหาวิทยาลัย หรือหน่วยงานใดงานหนึ่ง หรือได้รับการว่าจ้างใดๆให้มาทำโปรเจคนี้ ถึงหน้าปกจะบอกว่าลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัย แต่คุณสามารถฟ้องร้องเอาสิทธิ์ได้ครับ
แค่เปลี่ยนชื่อ software ก็ขายได้แล้วครับ สิทธิบัติใน Source Code อยู่ในหัวคุณ
โค๊ดเหมือนกันเค้าก็ฟ้องได้ครับ
เท่าที่เคยคุยกับมหาวิทยาลัย (พระจอมเกล้าธนบุรี) ทางมหาวิทยสลัยเอาสิทธิ์แค่ในนาม เพราะตัวเนื้อหาของงาน source code จะต้องถูกเผยแพร่ให้คนทั่วไปด้วย เคยมีกรณีที่นักศึกษาฟ้องมหาวิทยาลัยเรื่องเปิดเผย source codeของงานเค้าทางเว็บไซต์มหาวิทยาลัยด้วยครับ เลยป้องกันด้วยการโอนสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัย 51:49 ครับ
ชัดเจนเลยครับ ขอบคุณครับ
ค่าเทอมก็จ่าย อาจารย์น่าจะช่วย แต่การมีความรู้สำคัญกว่าสิ่งที่มี เป็นผมเอาความรู้ที่ได้ไปทำอย่างอื่นก็ได้นะครับ ส่วนบุญคุณของอาจารย์แล้วแต่ศรัทธา
ผมเชื่อว่าทำใหม่ ตัวโปรแกรมจะดีกว่าตัวที่ทำส่ง เพราะได้ลองผิดลองถูกจนเอาตัวรอดได้แล้ว ตัวใหม่ที่ทำนี่จะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพมากกว่านะ
โปรเจคท์ป.ตรีของผมนี่ถูกเผยแพร่นอกเหนือจากม.ที่จบมาซะอีก แต่มีreferenceนะว่าเป็นของใครม.ไหน แต่อยู่ในe-libraryของม.อื่นนี่แหละ
ค่อนข้างจะอายมากว่าที่ทำได้แค่50%ของความคิดที่ตั้ังใจจริง
project จบของผม ผมไปคุยกับ อ.ขอประกาศลิขสิทธิ์เป็นของกลุ่มผมเองได้นะครับ (ม.สงขลานครินทร์ ภูเก็ต) ทุกวันนี้ก็เอาไปขายอย่างสบายใจ :)
คำตอบคือ ไม่ใช่ครับ คุณต้องไปอ่านรายละเอียดเงื่อนไขในเอกสารต่าง ๆ ให้ดี ๆ ครับ ถ้าไม่ได้มีระบุไว้เป็นอย่างอื่น สิทธิ์ก็เป็นของคุณ ถ้ามีระบุไว้ ก็เป็นไปตามนั้น เพราะถือว่าคุณยินยอมรับเงื่อนไขแล้วในตอนที่เริ่มทำโปรเจค
แต่ ทำไปเถอะครับ เหตุผลที่ทางมหาวิทยาลัยให้นักศึกษาทำโปรเจค คือเพื่อ ทดสอบความรู้ความสามารถของนักศึกษาว่าสมควรต่อการอนุญาตให้จบการศึกษาหรือไม่ ครับ ไม่ใช่เพื่อกดขี่ใช้งานแล้วขโมยผลงานของนักศึกษา เพราะฉะนั้น มหาวิทยาลัยในไทยไม่ฟ้องกันหรอกครับ มันไม่คุ้มกันเลย เพราะถ้ามหาวิทยาลัยเสียชื่อเสียงจะยิ่งเสียรายได้มากกว่า แต่ถ้า software ของคุณขายดีถึงขนาดว่าทางมหาวิทยาลัยฟ้องแล้วจะได้เงินเป็นสิบล้านร้อยล้านก็เป็นอีกเรื่อง อีกอย่างคือ ถึงจะเรียกว่า ทางมหาวิทยาลัย แต่คนตัดสินใจฟ้องก็ต้องเป็นตัวบุคคลครับ ใครจะไปอยากตัดสินใจฟ้องครับ ฟ้องไป คนสั่งฟ้องโดนสังคมด่าก่อนเลย ถ้าชนะ เงินเข้ามหาวิทยาลัยเกือบหมด คนฟ้องอาจจะได้บางส่วน แต่ไม่คุ้มมากครับ แถมถ้าแพ้ ทางมหาวิทยาลัยไม่รับเผือกร้อน โยนใส่คนฟ้องโดนลดตำแหน่งหรือไม่ก็ปลดออกจากงานแน่ครับ แล้วแบบนี้ ใครจะฟ้อง
เท่าที่ผมทราบมา ส่วนใหญ่แล้วเวลาอดีตนักศึกษาเอาโปรเจคจบไปต่อยอดจนประสบความสำเร็จ ทางมหาวิทยาลัยมักจะ ติดต่อไปขอให้ลงชื่อมหาวิทยาลัยลงไปในผลงานว่าเป็นผู้มีส่วนช่วยร่วมพัฒนา หรือเอาชื่ออดีตนักศึกษาไปโปรโมทมหาวิทยาลัยมากกว่าครับ
กรณีผลงานนักศึกษา ลิขสิทธิ์ ตกเป็นของ มหาวิทยาลัยครับ
ผมเข้าใจว่า (อันนี้ไม่ชัวร์มาก แต่ได้ยินอจ.บางท่านเล่ามา) คือมันมีที่มาจากระเบียบของ สกอ. เลยครับ ใช้บังคับกับทุกมหาวิทยาลัย (ของรัฐ)
ที่มาของระเบียบ ตามที่ท่านบนๆว่าไว้เลย และมีเหตุผลที่ผมทราบมาเพิ่มเติม คือ ผลงานนศ. ออกมาได้นั้น ต้องผ่านทั้งความเห็น ต้องรวมข้อเสนอแนะของอจ.ที่ปรึกษา และกรรมการสอบ ไว้ด้วยทั้งหมด ดังนั้น จะไม่สามารถเคลมว่าเป็นความเห็นของนศ.ฝ่ายเดียวได้แน่นอน ทางสกอ.เลยมีระเบียบนี้ออกมา
สำหรับกรณีบางม.ที่เปลี่ยนแปลงกฏนี้ยกสิทธิ์ให้เป็นของนศ.นั้น *ถ้ามีจริง ก็แปลว่าเค้ามีแนวคิดก้าวหน้ามากๆ ซึ่งผมไม่มั่นใจว่า สกอ.เค้ารับทราบหรือไม่ และอนุญาตให้ปฏิบัติได้หรือไม่?
สมมติว่า หากเกิดกรณีที่ ผลงานนศ. มีมูลค่าสูงๆ มีคนซื้อสิทธิ์กันแพงๆ ถ้าสกอ. หรือ มหาวิทยาลัยเพิกเฉย ไม่เรียกร้องสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ก็จะผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อีก
เอ๊ะ ผมนึกว่าเป็นของคนที่ทำซะอีก
เค้าขอสิทธเอาไว้เพราะ ผลงานจะต้องถูกเผยแพร่ให้คนทั่วไปครับ อย่างน้อยๆก็ในห้องสมุดของ ม. ครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
Software เป็นของมหาวิทยาลัย แต่องค์ความรู้เป็นของคุณ
ถ้าคุณไม่ได้ของบจากมหาวิทยาลัย หรือหน่วยงานใดงานหนึ่ง หรือได้รับการว่าจ้างใดๆให้มาทำโปรเจคนี้ ถึงหน้าปกจะบอกว่าลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัย แต่คุณสามารถฟ้องร้องเอาสิทธิ์ได้ครับ
แค่เปลี่ยนชื่อ software ก็ขายได้แล้วครับ สิทธิบัติใน Source Code อยู่ในหัวคุณ
โค๊ดเหมือนกันเค้าก็ฟ้องได้ครับ
เท่าที่เคยคุยกับมหาวิทยาลัย (พระจอมเกล้าธนบุรี) ทางมหาวิทยสลัยเอาสิทธิ์แค่ในนาม เพราะตัวเนื้อหาของงาน source code จะต้องถูกเผยแพร่ให้คนทั่วไปด้วย เคยมีกรณีที่นักศึกษาฟ้องมหาวิทยาลัยเรื่องเปิดเผย source codeของงานเค้าทางเว็บไซต์มหาวิทยาลัยด้วยครับ เลยป้องกันด้วยการโอนสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัย 51:49 ครับ
ชัดเจนเลยครับ ขอบคุณครับ
ค่าเทอมก็จ่าย อาจารย์น่าจะช่วย
แต่การมีความรู้สำคัญกว่าสิ่งที่มี
เป็นผมเอาความรู้ที่ได้ไปทำอย่างอื่นก็ได้นะครับ
ส่วนบุญคุณของอาจารย์แล้วแต่ศรัทธา
ผมเชื่อว่าทำใหม่ ตัวโปรแกรมจะดีกว่าตัวที่ทำส่ง
เพราะได้ลองผิดลองถูกจนเอาตัวรอดได้แล้ว ตัวใหม่ที่ทำนี่จะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพมากกว่านะ
โปรเจคท์ป.ตรีของผมนี่ถูกเผยแพร่นอกเหนือจากม.ที่จบมาซะอีก แต่มีreferenceนะว่าเป็นของใครม.ไหน
แต่อยู่ในe-libraryของม.อื่นนี่แหละ
ค่อนข้างจะอายมากว่าที่ทำได้แค่50%ของความคิดที่ตั้ังใจจริง
project จบของผม ผมไปคุยกับ อ.ขอประกาศลิขสิทธิ์เป็นของกลุ่มผมเองได้นะครับ (ม.สงขลานครินทร์ ภูเก็ต) ทุกวันนี้ก็เอาไปขายอย่างสบายใจ :)
คำตอบคือ ไม่ใช่ครับ
คุณต้องไปอ่านรายละเอียดเงื่อนไขในเอกสารต่าง ๆ ให้ดี ๆ ครับ
ถ้าไม่ได้มีระบุไว้เป็นอย่างอื่น สิทธิ์ก็เป็นของคุณ
ถ้ามีระบุไว้ ก็เป็นไปตามนั้น เพราะถือว่าคุณยินยอมรับเงื่อนไขแล้วในตอนที่เริ่มทำโปรเจค
แต่ ทำไปเถอะครับ
เหตุผลที่ทางมหาวิทยาลัยให้นักศึกษาทำโปรเจค คือเพื่อ ทดสอบความรู้ความสามารถของนักศึกษาว่าสมควรต่อการอนุญาตให้จบการศึกษาหรือไม่ ครับ ไม่ใช่เพื่อกดขี่ใช้งานแล้วขโมยผลงานของนักศึกษา
เพราะฉะนั้น มหาวิทยาลัยในไทยไม่ฟ้องกันหรอกครับ มันไม่คุ้มกันเลย เพราะถ้ามหาวิทยาลัยเสียชื่อเสียงจะยิ่งเสียรายได้มากกว่า แต่ถ้า software ของคุณขายดีถึงขนาดว่าทางมหาวิทยาลัยฟ้องแล้วจะได้เงินเป็นสิบล้านร้อยล้านก็เป็นอีกเรื่อง
อีกอย่างคือ ถึงจะเรียกว่า ทางมหาวิทยาลัย แต่คนตัดสินใจฟ้องก็ต้องเป็นตัวบุคคลครับ
ใครจะไปอยากตัดสินใจฟ้องครับ ฟ้องไป คนสั่งฟ้องโดนสังคมด่าก่อนเลย
ถ้าชนะ เงินเข้ามหาวิทยาลัยเกือบหมด คนฟ้องอาจจะได้บางส่วน แต่ไม่คุ้มมากครับ
แถมถ้าแพ้ ทางมหาวิทยาลัยไม่รับเผือกร้อน โยนใส่คนฟ้องโดนลดตำแหน่งหรือไม่ก็ปลดออกจากงานแน่ครับ
แล้วแบบนี้ ใครจะฟ้อง
เท่าที่ผมทราบมา ส่วนใหญ่แล้วเวลาอดีตนักศึกษาเอาโปรเจคจบไปต่อยอดจนประสบความสำเร็จ ทางมหาวิทยาลัยมักจะ ติดต่อไปขอให้ลงชื่อมหาวิทยาลัยลงไปในผลงานว่าเป็นผู้มีส่วนช่วยร่วมพัฒนา หรือเอาชื่ออดีตนักศึกษาไปโปรโมทมหาวิทยาลัยมากกว่าครับ
กรณีผลงานนักศึกษา ลิขสิทธิ์ ตกเป็นของ มหาวิทยาลัยครับ
ผมเข้าใจว่า (อันนี้ไม่ชัวร์มาก แต่ได้ยินอจ.บางท่านเล่ามา) คือมันมีที่มาจากระเบียบของ สกอ. เลยครับ ใช้บังคับกับทุกมหาวิทยาลัย (ของรัฐ)
ที่มาของระเบียบ ตามที่ท่านบนๆว่าไว้เลย
และมีเหตุผลที่ผมทราบมาเพิ่มเติม คือ ผลงานนศ. ออกมาได้นั้น ต้องผ่านทั้งความเห็น ต้องรวมข้อเสนอแนะของอจ.ที่ปรึกษา และกรรมการสอบ ไว้ด้วยทั้งหมด ดังนั้น จะไม่สามารถเคลมว่าเป็นความเห็นของนศ.ฝ่ายเดียวได้แน่นอน
ทางสกอ.เลยมีระเบียบนี้ออกมา
สำหรับกรณีบางม.ที่เปลี่ยนแปลงกฏนี้ยกสิทธิ์ให้เป็นของนศ.นั้น *ถ้ามีจริง ก็แปลว่าเค้ามีแนวคิดก้าวหน้ามากๆ
ซึ่งผมไม่มั่นใจว่า สกอ.เค้ารับทราบหรือไม่ และอนุญาตให้ปฏิบัติได้หรือไม่?
สมมติว่า หากเกิดกรณีที่ ผลงานนศ. มีมูลค่าสูงๆ มีคนซื้อสิทธิ์กันแพงๆ ถ้าสกอ. หรือ มหาวิทยาลัยเพิกเฉย ไม่เรียกร้องสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ก็จะผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อีก