แล้วทำไมประเทศไทยไม่ทำบ้างละครับ หรือว่าต้องรอให้ประเทศพัฒนาถึงจะมีบริษัทใหญ่ๆ กล้าทำ?
หรือรอให้ค่ายบริษัทมาสนใจประเทศเราจริงๆ ถึงจะลงมือทำแบบนั้น
แต่ทุกวันนี้ผมก็เห็นแค่ US ประเทศเดียว...
EDIT: ระยะที่มีในประเทศไทย ผมคงเพิ่งจะเกิด ขออภัยครับ เลยไม่รู้ว่าเคยมีมาก่อน (ยกเว้น Hutch)
สัญญา = ค่าบริการรายเดือน (ที่มักจะแพงมหาโหดครับ)
เท่าที่ทราบคือกฏหมายไทยไม่อนุญาตให้ทำแบบนั้น แต่ผมไม่แน่ใจรายเอียด ต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญมาอธิบายอีกที
ที่ยุโรปก็มีแบบขายราคาถูกติดสัญญานะครับ (อย่างน้อยก็สหราชอาณาจักร กับเยอรมนี) ราคาซื้อเครื่องแบบติดสัญญา กับซื้อเครื่องแยก แล้วจ่ายค่าใช้งานเท่าปริมาณที่ใช้ได้ในสัญญา บางทีผมเห็นแบบแรกถูกกว่าซะด้วยซ้ำนะครับ
อย่างฮัทช์ถือว่าใช่หรือเปล่าครับ ที่ค่าเครื่องถูก + ติดสัญญา
กำลังจะมาบอกว่าฮัทกับ pct พอดี= ='
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ผมจำได้ว่า ตอน Orange เข้ามาใหม่ๆ ก็เอามาใช้นะครับ (จำได้ว่ามือถือเครื่องแรกในชีวิต Alcatel 500 บาท+สัญญา)
ถ้าดูอย่างนี้ ก็เลยคิดว่า มันมีอะไรสักอย่างที่ทำให้มันไม่เวิร์ค ถ้าให้เดาส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องฐานผู้ใช้รายเดือนที่แคบมากของไทย
+1 orange เหมือนประมาณ10ปีก่อนก็เคยทำ
ในแง่ของการแข่งขันแล้ว ผมมองว่าตลาดบ้านเราก้าวหน้ากว่าตลาดสหรัฐฯ มากครับ ในแง่ของตัวเครื่อง การที่ไม่สามารถล็อกเครื่องได้ทำให้ผู้บริโภคมีสิทธิเลือกเครือข่ายอย่างเสรี อย่างสหรัฐฯ ถ้าอยากใช้ iPhone ต้องใช้ AT&T เท่านั้น ทั้งๆ ที่มีผู้ให้บริการรายอื่นๆ ให้บริการ GSM เหมือนกัน แต่บ้านเราเองสามารถซื้อเครื่องจากเจ้าไหนก็ได้ อย่างทุกวันนี้ ผมก็ยังเห็นคนซื้อเครื่องแบบติดสัญญาใช้งานแต่ขายซิมทิ้งไป เพื่อไปใช้งานค่ายอื่นๆ อยู่
ราคาเครื่อง+ค่าโทรในระยะยาวแล้วเรามักจะถูกกว่าเขานะครับ อย่าง iPhone ในสหรัฐฯ ราคาค่าโทรเริ่มต้นที่ค่าโทร 39.99$ (450 นาที) + Data 15$ (200MB) ประมาณต่อเดือน 1,650 บาท ไม่มีต่ำกว่านี้ให้เลือก
อีกประเทศที่ห้ามล็อกเครื่องเหมือนกันคือ ฝรั่งเศส (1, 2, 3)
lewcpe.com, @wasonliw
เป็นอย่างที่คุณ lew บอกไว้ครับ
ทุกวันนี้ผมต้องจ่ายค่าโทรศัพท์เดือนละ 75 USD * 24 เดือน = 1800 USD เป็นเงินไทยก็ 55,000 น่ะครับ ถ้าบวก iphone ไปอีก 6000 กว่า รวม ๆ แล้วก็ 60,000 กว่าบาท อยู่ไทยซื้อไอโฟนได้เกือบ 3 เครื่องแล้วคับ ซึ่งผมว่ามันโคตรจะแพงเลย (data plan แบบถูกสุดแล้วนะครับ data 200 mb/15 USD นี่ชาร์จเพิ่ม 15 USD ทุก ๆ 200 mb ที่เกินมา ผมเลยเลือก 2 gb ดีกว่าครับ)
โปร 39.99 นี่โทรได้แค่ 450 นาที โทรออก รับสายก็โดนชาร์จนาที sms ราคา 0.2 USD/sms โดนชาร์จทั้งส่งออก รับเข้าเหมือนกัน (ถ้าเปิดแพลน เพิ่มอีก 10 USD)
ระบบแบบนี้ผมว่ามันห่วยมากเลยนะคับเมื่อเทียบกับของไทย :(
จริงครับ ยังไม่รวมค่า tax fee อะไรจิปาถะอีก
ผมเปลี่ยนไปใช้พวก prepaid ไม่มี tax แทน
เมืองไทยโปรโมชั่นโทรศัพท์ล้ำหน้ากว่ามากครับ
ถูกกว่าจริงเหรอครับ data เรามันเป็น EDGE บางที่ถึงขนาดเป็น GPRS
นับเป็นระยะการรอคอย upload/download ผมว่า ราคาไม่ได้ถูกเลย
เอาเฉพาะเครือข่ายที่ครบคลุมนะครับ ไม่ใช่ 3g เป็นหย่อมๆ
แต่ค่าโทรค่อนข้าง ถูก (ถ้าเลือกหาโปรมาใช้ให้ตรง)
ถ้าแปลงเป็นเงินไทยมันก็ต้องขัดแย้งกับค่าครองชีพบ้านเราแน่ๆครับ
ผมว่า มันเหมาะสำหรับเค้าแล้วละ แต่เรายังแปลกๆอยู่เพราะ
เรามัน คือ " thailand only" ความไม่สมประกอบของการเร่งความเจริญ
lewcpe.com, @wasonliw
มีมานานแล้วครับ สมัย orange เข้ามา แถมเครื่องฟรีด้วยซ้ำ ผมยังได้มาเครื่องนึงเลย
รูปแบบของตลาดไม่เหมือนกันแต่แรกแล้วครับ เพราะว่าการขายมือถือที่นั่นมันเป็นลักษณะที่ผู้ให้บริการเครือข่ายทำการตลาดเกือบทุกอย่างทั้งหมด ว่าง่าย ๆ ตลาดมือถือเขาเป็นลักษณะ ผู้ใช้ <-> เครือข่าย มากกว่า ผู้ใช้ <-> เครื่อง + เครือข่ายครับ
มือถือพัง ส่วนใหญ่เข้าซ่อมกับเครือข่ายเลย ตอนซื้อก็ซื้อจากเครือข่าย บางรุ่นมีขายเฉพาะเครือข่ายเป็น Exclusive ฯลฯ
สาเหตุหลักจริง ๆ แล้วก็เกิดจากรูปแบบการตลาดสมัยโน้นมาแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะพยายามกันมากขึ้นในการที่จะผูกมัดเข้าสัญญา เนื่องจากเป็นการรักษาลูกค้าให้อยู่กับเครือข่ายได้นานที่สุด เพราะฉะนั้นจะไม่ต้องทำการต่อสู้กันทางด้านราคาค่าโทรมากนัก แต่จะทำการต่อสู้ด้วยการขายอุปกรณ์และบริการทางด้านอื่น ๆ มากกว่า (เช่นพวก Content) ครับ นอกจากนี้ยังเป็นการกำจัดตลาดมือถือมือสองอีกด้วย เป็น Win-win เล็ก ๆ คือคนขายเครื่องก็ไม่ต้องทำการตลาดเองและขายเครื่องได้มากกว่า (โดยการกำจัดตลาดมือสองไปในตัว)
นี่คือสาเหตุที่ค่าโทรของเขาแพงกว่าเรามากส่วนหนึ่ง
เดินในประเทศที่ใช้การตลาดมือถือแบบนี้เศร้าครับ ตลาดมือสองแทบไม่มีให้เห็นเลย แถมไม่พอไม่มีพวกร้าน Retail ให้เห็นด้วย เห็นแต่ร้าน AT&T, Verizon, Sprint, T-Mobile แต่ไม่มีร้าน Sony Ericsson กับ Nokia ให้เห็นมากมาย ถ้ามีก็ไม่ค่อยขายเครื่องเปล่าอยู่ดี (เพราะทำร้านขึ้นมาเพื่อที่จะสร้าง Brand Image + Awareness มากกว่าขายเครื่อง) ในออสเตรเลียก็ไม่เห็นเหมือนกัน เห็นแต่ Telstra, Optus, 3, Vodafone, Virgin.
ของไทยเรานี่มือถือ Free-market มากกว่ามากครับ แต่ส่วนตัวก็อยากให้มีทางเลือกแบบนี้เหมือนกัน (สำหรับคนไม่เปลี่ยนมือถือบ่อยและอยู่กับเครือข่ายที่ตัวเองชอบอยู่แล้ว เพราะค่าใช้จ่ายมีสิทธิถูกกว่า) แต่ละค่ายสู้กันด้วยราคาที่ถูกกว่าเรื่อย ๆ มาตลอดหลายปี จนใช้คำว่า "โปรโมชั่น" แทนคำว่า "แพลน" หรือ "แพกเกจ" แล้ว
@TonsTweetings
่ค่าของชีพบ้านเราผมว่ามันไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยี(สินค้าและบริการ) เลยแม้แต่น้อยนิด..
คนรายได้ต่ำแทบไม่มีสิทธิ์ได้เข้าถึงเทคโนโลยี
คนเมกันไม่มีชนชั้น เพราะคนทำงาน(ที่บ้านเราว่าต่ำๆ) เขาก็มีเงินเพียงพอใช้ ซื้อไอโฟนได้ จ่ายรายเดือนได้
เพราะค่าของชีพขั้นต่ำมันสอดคล้องกับราคาสินค้าที่มีคุณภาพ
สมมติ(ทำงาน แรงงานขั้นต่ำ ชั่วโมงละ 8$ ในขณะที่ อาหารมื้อละดีๆหน่อย 10$)
แล้วลองคิดถึงราคาไอโฟน(ไม่ไกลเกินเอื้อมเลย) - ราคาโทรศัพท์ถูกยิ่งดี เพราะมีเงินจ่ายรายเดือนสบายๆ
ทำให้ผู้บริการน่าจะต้องพยายามแย่งลูกค้ากัน
แต่ถ้ามองกลับกัน ราคาอาหารบ้านเราก็ถูกมากๆ เทียบกับประเทศเหล่านั้น
ประเทศเหล่านั้น อาหาร เทคโลยี รายได้สอดคล้องกัน - คนจนไม่จนมาก
แต่บ้านเรา อาหารถูก เทคโนโลยีแพง รายได้ต่ำ(แต่มีอาหารให้กินพอเอาตัวรอด) - คนรวยกินสบาย
ผมไม่ได้มีอคตินะครับ แต่พูดจากที่ผมเห็น
ประเทศเราก็คงจะยังทำแบบนั้นไม่ได้เนื่องจากปัจจัยและโครงสร้างอื่นๆอีกมากมาย
ผมว่าส่วนนี้เป็นสาเหตุสำคัญทำให้การจัดราคาโทรศัพท์เป๋นเช่นนั้น อะคับ
ราคาของอุปกรณ์นำเข้าพวกนี้เราไปกำหนดไม่ได้ครับ คงบอกไม่ได้ว่าให้แอปเปิลมาขาย iPhone เครื่องละสามพันเพราะรายได้ต่อหัวเรามีแค่ 1 ใน 6 ของสหรัฐฯ
นี่เป็นสาเหตุให้เราต้องอยู่กับเทคโนโลยีที่ราคาถูก, ประสิทธิภาพต่อราคาสูง, เพื่อให้การกระจายดีขึ้น อย่างเรื่องการข้าม 3G ไป 4G อะไรนั่นผมก็เห็นว่าเป็นการพูดที่ไม่ดูรายได้ของประชาชน
แต่สุดท้ายแล้ว เราเองต้องพัฒนาเศรษฐกิจของเราให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มีอำนาจในการซื้อหรือผลิตให้สูงขึ้น พัฒนารายได้ต่อหัวให้ดีขึ้น แล้วพาตัวเองออกไปจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
lewcpe.com, @wasonliw
ประเทศเราชอบใช้นโนบายคงราคาสินค้าอุปโภคบริโภค + ไม่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
(จ่ายเงินชดเชยแทนโรงงาน) .. ประชานิยม (ผมว่าคนชั้นกลางก็นิยมกันจริงๆ)
แล้วผมก็ไม่รู้ว่า ขายข้าวสารซื้อเครื่องบินรบ มันจะไปไกลได้แค่ไหน
รัฐบาลขายข้าวสารซื้อเครื่องบินรบ คนทั่วไปก็ขายข้าวแกงซื้อไอโฟน..
ผมก็ยังจินตนาการไม่ค่อยออกว่า เราจะดันขึ้นไปจากจุดนี้ได้ยังไง
(เพิ่มกำลังซื้อและกระจายรายได้ด้วยนโยบายเช่นนี้)
และตราบใดที่นโยบายประชาติยมก็ค่อนข้างจะใช้ได้ผลดี กับคนส่วนใหญ่ในประเทศ
ไม่รู้ว่ามาจากปัญหาครอบครัว การศึกษา.. ฯลฯ (ซึ่งดูท่าจะแย่ลงทุกวัน)
ก็หวังว่าสักวัน เราจะมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง เทคโนโลยีดีๆ ถูกๆ จะได้บังเกิด
จะได้หลุดพ้นจากตรงนี้เร็วๆ ครับ
ปล. (อยากให้มี บ้านหม้อ Inc. ^_^)
เทคโนโลยีราคาถูกอยากที่คุณ lew พูดถึง
เหมาะกับคนไทยเราตอนนี้ + เป็นของไทยเต็มๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม:
* รายได้ของผู้ให้บริการต่อเบอร์ (ARPU) บ้านเรา เมื่อคิดตามค่าเงินถูกมากๆ เพราะส่วนใหญ่ใช้ Voice ราคา package ถูกกว่า
* บ้านเราตลาด pre-paid บูมมาก นับว่าเกินครึ่ง, แต่ที่อเมริกา post-paid มากกว่ามาก ตลาย pre-paid ยังเพิ่งเริ่มและยังมีผู้ใช้งานไม่มาก
ส่วนใหญ่ pre-paid ยังจะแพงกว่าแบบ post-paid เยอะมากครับ เยอะซะจนว่ายอมใช้ post-paid ดีกว่า ได้ทั้งเครื่องได้ทั้งโทรถูกกว่า
@TonsTweetings
ชอบแบบบ้านเรามากกว่า ตามใจผู้บริโภคดี
เมื่อก่อน ของไทยเราก็ผูกติดกับผู้ให้บริการเหมือนกันครับ
เช่นไปซื้อมือถือ ก็ต้องไปซื้อที่ศูนย์บริการ และมือถือสมัยนั้นล็อค IMIE ทำให้ไปใช้ข้ามค่ายไม่ได้
รู้สึกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเมื่อ Tac รีแบรนดิ้งเป็น Dtac
ที่จู่โจมตลาดโดยขายเครื่องโดยปลดล็อค IMIE เป็นเจ้าแรก และคิดค่าโทรเป็นวินาทีด้วย
เราเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว แล้วก็พบว่ามันไม่เวิร์ค
แต่บางคนอยากกลับไปจุดนั้นอีก เพราะอยากได้เครื่องในราคาถูกๆ
แบบบ้านเราก็ดีออก ซื้อเครื่องเปล่าแพงหน่อย แต่ถ้าเบื่อก็ขายต่อ
ปีนึงเปลี่ยนมันสามสี่เครื่อง
ถ้าเจอสัญญา(ทาส) ต้องทนใช้เครื่องเดียวสองปี หลายคนคงอกแตกตายแน่ ^-^
Happiness only real when shared.
คุณ thana19 ทำให้ตลาดการบริโภคเปลี่ยน มีอิสระเสรีในการเลือกซื้อ(เสพ)และถูกลง ทำให้ค่ายอื่นต้องขยับตาม
ถ้าคิดราคาเครื่องจริงๆ ผมว่าบ้านเราก็ถูกกว่าหลายๆ ประเทศมาก
ปล สมัยนี้ยังมีคนเชื่อแนวๆ มือถือหนีภาษีเครื่องนึงถูกไป 50%-70% อยู่เหมือนเมื่อสิบปีก่อนไหมนะ
กลไกตลาด
ผม sign Sony Xperia X10 ติด 2ปี จ่ายเดือนละ $29(AU) คิดเป็นเงินไทยตกเดือนละ 900 บาท
โทรได้ 6,000 บาท มันก็โอครับ
ผมว่า ติดสัญญาก็โอนะ เพราะมันจะสอนให้เรารู้จักพอเพียง แล้วก็ เพียงพอ ตอนที่เราอยากยกเลิกสัญญาครับ เพราะเราต้องรอให้ครบสองปีครับ
ผมเคยเห็นบางประเทศเค้าแย่งลูกค้าติดสัญญาก็มีนะครับ ทั้งลด แลก แจก แถม บางครั้งออกเงินให้ลูกค้าไปปิดสัญญาเลยครับ(เงินที่ให้ไปปิดสัญญา=เงินส่วนลดไว้สำหรับซื้อโทรศัพท์ที่ผูกกับสัญญาครับ)
เรื่องนี้เหมือนดาบสองคมครับ Fair deal ด้วย ควรศึกษาสัญญาก่อนเซ็นครับ
บ้านเราไม่ได้บังคับห้ามติดสัญญานะครับ อย่าง iPhone เองก็มีให้เลือกแบบติดสัญญาพอสมควร ราคาก็ลดกันไป
ที่ห้ามคือ ห้ามล็อกเครื่องเข้ากับผู้ให้บริการ ต่อให้ติดสัญญา ผมสามารถนำซิมการ์ดที่ติดสัญญานั้นไปใช้กับเครื่องไหนๆ ก็ได้ และเครื่องเองก็สามารถนำไปใช้กับผู้ให้บริการรายใดก็ได้
ด้วยสภาวะตลาดแบบนี้ ผู้บริโภคบ้านเราเองไม่ชินกับการซื้อ package ใหญ่ๆ (แม้จะดูคุ้ม) ทำให้การสนับสนุนราคาเครื่องไม่รุนแรงเท่าต่างประเทศครับ
ผมมองไม่ออกว่าการติดสัญญาแพงๆ มันพอเพียง หรือเพียงพอ ตรงไหนนะครับ package ที่ให้มามักบีบให้คนเลือกเกินการใช้งานจริงอยู่แล้ว (เพราะค่าใช้งานเกินกำหนด package จะแพงบ้าเลือดมาก)
lewcpe.com, @wasonliw
ผมว่า มันไม่มีอะไรฟรีหรอก ก็แค่หมกไว้ในส่วนค่าใช้จ่ายรายเดือนเท่านั้น เสมือนเหมือนกันผ่อนจ่ายรายเดือนนั่นแหล่ะ ซึ่งปัจจุบันในไทย ก็บริษัทรับผ่อนชำระก็มีออกอยู่หลายรายนี่
ในมุมกลับ มันก็เหมือนถูกบีบให้เลือก อย่าง iPhone ตอนเปิดตัว exclusive กับ AT&T เรียกว่าลูกค้ารายอื่นๆ ได้แต่มองกลืนน้ำลาย สัญญาณไม่ดี จะไปก็ไม่ได้ แต่อยากใช้ iPhone ก็รอไปส
ถ้าจะให้แฟร์ก็แยกกันสิ เครื่องก็เครื่อง โครงข่ายก็โครงข่าย ซัดกันตรงๆ ชัดเจนง่ายกว่า
+1
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
มันไปรวมกับรายเดือนเลยถูก
ไม่เฉพาะที่อเมริกาครับ ใกล้ตัวอย่าง สิงค์โปร์ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ครับ ผมว่าตลาดโทรศัพท์ไทยมันหลุดพ้นเรื่อง ล็อคเครื่อง/สัญญาทาส แล้วนะครับ
ในทางตรงข้าม ถ้าผมต้องการแค่ใช้บริการ แต่มือถือที่ผมมีอยู่มันพอกับการใช้งาน โทรออก/รับสาย/สายไม่หลุด/เครื่องไม่เก่า แพ็คเก็จที่มีมาให้ เพิ่มเงินอีกไม่ถึงสิบห้าเปอร์เซนต์ของเครื่องรุ่นๆใหม่ๆ ก็ได้เครื่องใหม่ที่สุดที่ขายกันมาแล้ว หรือจะไม่จ่ายเงินเพิ่มจากราคาแพ็คเกจเลย ได้เครื่องรุ่นกลางๆ (แค่ไหนขึ้นกับแพจเก็จที่คุณสมัคร เช่น LG Optimus 7 หรือ Vivaz) มาฟรีๆ แบบนี้มันจะให้ความรู้สึกว่า ไม่ใช้สิทธิ์ เปลี่ยนเครื่องมือถือ ก็บ้าแล้วสิ แบบนี้มันไม่กระตุ้นให้เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือทุกๆสองปีหรอกหรือครับ?
ในแง่หนึ่งเค้าไม่ได้มือถือมาฟรีๆ ราคามันต้องฝังลงในแพคเก็จอยู่แล้ว ดังนั้น แม้ผมไม่อยากจะเปลี่ยนมือถือ ผมก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่มันแฝงมาด้วยหรือ จะไม่เอาเครื่องมือถือ แต่ให้เค้าลดราคา เค้าก็ไม่ยอมหรอกครับ