หลายครั้งที่ธุรกิจต้องทำสิ่งที่ไม่เชี่ยวชาญโดยตรงก็มักใช้บริการบริษัทคอนซัลท์ให้เข้ามาจัดการงานบางส่วน โดยบริษัทคอนซัลท์ส่วนใหญ่มักมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านแตกต่างกันไป เช่น เทคโนโลยี, เดต้า, การสร้างแบรนด์และการตลาด, การทำดิจิตัลแคมเปญ
I&I Group หรือเรียกย่อๆ ว่า iiG เป็นบริษัทคอนซัลท์ที่แตกต่างจากบริษัทคอนซัลท์อื่น ด้วยการผสมผสานเอาประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีที่มีมายาวนานเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ออกมาเป็นการนำเสนอบริการและโซลูชันแบบ End-to-End สำหรับองค์กรที่ต้องการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานทั้งภายนอกและภายในหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจด้วยเทคโนโลยี ไปจนถึงการทำตลาดกับผู้บริโภคในวงกว้างผ่านช่องทางการตลาดดิจิตัล
คุณวิภาวสุ เตียพานิช ผู้อํานวยการฝ่ายกลยุทธ์ เล่าว่าปัจจุบัน iiG เป็นทางเลือกใหม่ในกลุ่มบริษัทคอลซัลท์ที่ไม่ได้ชำนาญเพียงแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่เป็นคอนซัลท์ลูกผสมที่ดึงเอาความเก่งของบริษัทคอนซัลท์ด้านเทคโนโลยี และเอเจนซี่ด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมารวมเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยความเข้าใจในความต้องการขององค์กรแบบ End-to-End บริษัทจึงมีโซลูชันที่หลากหลายในการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า ตั้งแต่การวางกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการความสัมพันธ์และการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า (End User) ขององค์กร การช่วยให้องค์กรเข้าใจกลุ่มลูกค้า (End User) ผ่านการทำ Human-Centered Exploration อันนำไปสู่กลยุทธ์การทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้องค์กรสามารถเข้าถึงและแก้ Pain Points ให้กับกลุ่มลูกค้า (End User) ได้อย่างตรงจุด ตลอดไปจนถึงโซลูชันด้านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและเดต้า ที่ช่วย Transform องค์กร ให้สอดรับการเปลี่ยนแปลงในเชิงกลยุทธ์และแพลตฟอร์มที่ใช้อีกด้วย
คุณวิภาวสุ เตียพานิช, ผู้อํานวยการฝ่ายกลยุทธ์ (Chief Strategy Officer)
คุณวิภาวสุเล่าว่า ความเชี่ยวชาญของบริษัทแต่เดิมคือด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นแกนหลักของบริษัทมาเกือบ 30 ปี แต่ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ความต้องการของลูกค้ามีขอบเขตกว้างมากขึ้น ในขณะเดียวกัน การที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้นั้น แค่ความเก่งของแพลตฟอร์มและความเชี่ยวชาญในแพลตฟอร์มเทคโนโลยีนั้นๆ อาจจะไม่เพียงพอ หากแต่ต้องผนวกรวมเอาความเข้าใจในองค์กร ความเข้าใจในความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตลอดจนความเข้าใจในการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าเข้าไปด้วย
บริษัทจึงได้ขยายขอบเขตของโซลูชั่นและการให้บริการเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการขององค์กรมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน บริการของ iiG แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่
การช่วยองค์กรธุรกิจวางกลยุทธ์ที่ครอบคลุมตั้งแต่ การวางแนวทางในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจ (Digital Transformation & Roadmap) กลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์และการทำตลาดดิจิตัล (Brand Activation & Digtal Marketing) กลยุทธ์ในการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าและการนำข้อมูลไปใช้ (Data Strategy & Activation) ไปจนถึงการช่วยองค์กรวิเคราะห์และค้นหาความต้องการของลูกค้า (Customer Insights) อันจะนำไปสู่ไอเดียหรือคุณค่าใหม่ ๆ เพื่อให้องค์กรเก่งขึ้นและพร้อมมากขึ้นในยุคดิจิทัล
การสนับสนุนธุุรกิจให้มีความพร้อมในด้านแพลตฟอร์มเทคโนโลยี โดยเป็นที่ปรึกษาในการออกแบบและติดตั้งโซลูชันที่ช่วยในการบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning) ของ Oracle® โซลูชั่นที่ช่วยในการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management) และทำการตลาดอย่าง Salesforce® ตลอดไปจนถึงโซลูชันที่ช่วยในการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้า การทำ Data Warehouse การทำ Sales & Marketing Automation เป็นต้น
ปัจจัยสำคัญในการสร้างแบรนด์หรือการช่วยให้ธุรกิจเติบโตอยู่ที่การบริหารประสบการณ์และความสัมพันธ์กับลูกค้า (End Users / Customers) โซลูชันนี้จะเป็นการต่อยอดเอากลยุทธ์และเทคโนโลยี เข้ามาช่วยบริหารและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ผ่านแนวคิดในการออกแบบและบริหารจัดการประสบการณ์ (Experience Management) ทั้งหมด ตั้งแต่การออกแบบประสบการณ์แบรนด์ (Brand Experience) ที่ถูกต้องในแต่ละช่องทาง (Brand Touchpoints) ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การออกแบบประสบการณ์ของพนักงาน (Employee Experience) ที่ทำให้พนักงานกลายเป็น Brand Ambassador ที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า (Customer Experience)
เมื่อพูดถึงประสบการณ์ของลูกค้า สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการทำคอนเทนท์ที่สื่อสารกับลูกค้า ให้แตกต่างกันไปตามลูกค้าแต่ละคน (Personalized) โซลูชันนี้จะเข้ามาช่วยจัดการในการออกแบบคอนเทนท์ (Creative Content Design) รวมถึงการพัฒนาช่องทางการสื่อสารของแบรนด์ (Brand Touchpoint Development) ซึ่งเป็นจุดที่ลูกค้าเกิดปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์อันจะทำให้เกิดความรักและภักดีต่อแบรนด์
คุณณัฐเชษฐ์ เทพูปถัมภ์ ผู้อํานวยการฝ่ายโซลูชันของ iiG เล่าว่าโจทย์ขององค์กรที่เข้ามาหาบริษัท iiG ส่วนใหญ่ คือการปรับปรุงระบบบริการลูกค้า (Customer Service) เพื่อทำให้ยอดขายดีขึ้น ลูกค้าอยู่กับธุรกิจนานขึ้น ต้องการเข้าใจลูกค้า (End Customer) เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เพิ่ม Lead เพิ่ม Conversion ให้มากขึ้น
คุณณัฐเชษฐ์ เทพูปถัมภ์, ผู้อํานวยการฝ่ายโซลูชัน (Solution Director)
อย่างไรก็ตามการดูแลลูกค้าด้วยระบบ CRM ในแบบเดิม ๆ ไม่เพียงพออีกต่อไป คุณณัฐเชษฐ์บอกว่าองค์กรที่อยากประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาโจทย์ข้างต้น จำเป็นต้องรู้วิธีในการเก็บและแยกแยะข้อมูลของลูกค้าให้ได้ ซึ่งข้อมูลลูกค้าเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยให้องค์กรมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ดังนั้นโซลูชันของ iiG จะขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) ของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อนำมาใช้สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า (End User) ตลอดเส้นทางของลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบ (End-to-End Customer Journey) เพื่อช่วยให้เขารักในแบรนด์และเป็น Advocate ให้กับแบรนด์
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เริ่มแรกองค์กรต้องแยกแยะได้ว่าลูกค้าที่เข้ามาในโครงการ คนไหนสนใจซื้อเพื่ออยู่อาศัย คนไหนเป็นนักลงทุนที่ซื้อเพื่อการลงทุน ที่มีโอกาสซื้อซ้ำมากขึ้น โดยดูจากข้อมูลของลูกค้าที่เก็บเข้ามา และคิดต่อว่าจะทำอย่างไรถึงจะเข้าใจลักษณะการลงทุนของนักลงทุนแต่ละคนให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสื่อสารหรือสร้างประสบการณ์แบบ Personalized ให้ลูกค้านักลงทุนเหล่านี้ให้ดีที่สุด หรือหากลูกค้าตัดสินใจไม่ซื้อ จะทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้สึกดีกับแบรนด์จนตัดสินใจซื้อ หรือหากซื้อไปแล้ว จากข้อมูลที่มีอยู่ จะทำอย่างไรให้ลูกค้าตัดสินใจกลับมาซื้อซ้ำในครั้งต่อไป นี่คือสิ่งที่ข้อมูลช่วยตอบคำถามเหล่านี้ได้
ดังนั้นโซลูชันสำคัญของ iiG คือ การทำ Data-Driven Customer Experience & Data-Driven CRM ที่เป็นการผสมผสานบริการของ iiG ทั้งในด้านกลยุทธ์ เทคโนโลยี และการบริหารจัดการประสบการณ์เข้ามาไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถออกแบบเส้นทางของผู้บริโภค (Customer Journey) ที่ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์และการดูแลที่ดีที่สุดจากแบรนด์ ซึ่งช่วยสร้าง Business Value ที่แท้จริงให้กับธุรกิจ
แม้ iiG จะมีเครื่องมือและโซลูชันสำหรับตอบโจทย์องค์กรแต่ละรายแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ iiG ให้ความสำคัญ คือเรื่องของคนหรือพนักงานขององค์กร ไปจนถึงโครงสร้างภายในที่จำเป็นต้องเปลี่ยน เมื่อกระบวนการทำงานเปลี่ยน
ตามปกติองค์กรส่วนใหญ่มักแยกฝ่ายตามตำแหน่งหน้าที่ เช่น ฝ่ายขาย การตลาด ฝ่ายบริการลูกค้า โดยแยกขาดจากกัน ต่างฝ่ายต่างทำงาน ซึ่งมักมีปัญหาการประสานงานหรือส่งต่องาน เพราะต่างคนต่างแยกกันทำ ปัญหาของโครงสร้างแบบนี้ ในท้ายที่สุดก็จะส่งผลกระทบกับประสบการณ์ของลูกค้า
อีกหน้าที่ที่ iiG จะเข้าไปช่วยให้คำแนะนำคือ การพัฒนาบุคลากรขององค์กรและการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในขององค์กร ให้สอดคล้องกับเครื่องมือที่เปลี่ยนไป เพื่อในท้ายที่สุด องค์กรสามารถตอบโจทย์เรื่องการสร้างความสัมพันธ์และประสบการณ์อันดีที่สุดให้กับลูกค้า (End User) ผ่านเส้นทางของผู้บริโภคที่ได้ออกแบบไว้เป็นอย่างดีได้
วิธีการคือ iiG จะเน้นการทำงานแบบ Agile เพื่อช่วยให้เกิดผลสำเร็จของโครงการที่รวดเร็ว พร้อมส่งพนักงานของตัวเองเข้าไปทำงานร่วมกันกับองค์กรของลูกค้า ในลักษณะ Knowledge Sharing โดยตัวอย่างที่คุณณัฐเชษฐ์ยกขึ้นมาว่า สิ่งที่เรามักจะแนะนำลูกค้าอยู่บ่อย ๆ คือการตั้งคนขึ้นมาดูแลกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์และเส้นทางของลูกค้าทั้งหมด (End-to-End Customer Journey) เพื่อให้มั่นใจว่าประสบการณ์ของลูกค้าจะได้รับความสำคัญสูงสุด