เท่าที่ได้อ่านข่าวผ่านสื่อไอทีต่างๆ ในหลายครั้งก็จะมีเรื่องของความพยายามที่จะให้ไปใช้ระบบปฎิบัติการลินุกซ์เพื่อแทนวินโดวส์(ส่วนใหญ่เพื่อต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อซอฟท์แวร์ อ้างว่าอย่างนั้น) และจะมีหลายๆ บทความที่ได้ลงเกี่ยวกับข้อดีของลินุกซ์เพื่อสนับสนุนให้คนมาใช้ลินุกซ์ (คนเขียนเรื่องนี้ใช้ แมคโอเอส ครับผม) ซึ่งเรื่องนีก็ผ่านมาจะร่วมสิบปีแล้วเห็นจะได้ ในปัจจุบันก็ยังเห็นพนักงานบริษัท หรือนักเรียนนักศึกษา ประชาชนทั่วไปก็ยังใช้วินโดวส์กันเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยอยากทราบว่าในการสนับสนุนให้หันมาใช้ลินุกซ์ในบ้านเรา(ประเทศไทย)ที่ผ่านมานั้นเป็นความพยายามที่เป็นการทำตามกระแส หรือว่าลินุกซ์ดีกว่าวินโดส์จริงๆ
ผมมีข้อสังเกตส่วนตัวอยู่ว่า ...การที่เราจะเปลี่ยนความคุ้นเคยของคนเรานั้นไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามถ้าจะให้สำเร็จต้องทำให้คนๆ นั้นต้องรู้ว่าดีกว่าเดิม ง่ายกว่าเดิม หรือแม้แต่ดีเท่าเดิมมันด็เป็นปัญหาแล้วด้วยเหตุนี้จึงคิดว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานระหว่างลินุกซ์ไปวินโดวส์สำหรับบุคคลทั่วๆ ไป...แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการลงลินุกซ์ไปพร้อมกับคอมพิวเตอร์แต่ก็นั้นแหละเพราะคนซื้อจะบอกว่า ช่วยลงวินโดวส์ให้ใหม่ด้วยนะ ได้แต่เพิ่มค่าลงนิดหน่อย !!!!!
สำหรับผมถ้างานสำนักงาน หรืองานราชการทั่วไปลินุกซ์ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ เพราะมีโปรแกรมทดแทนเกือบหมดแล้ว
แต่ถ้างานเฉพาะทาง เช่น เขียนแบบด้วย AutoCAD หรือโรงพิมพ์ที่ต้องใช้ Photoshop ก็คงต้องพึ่งวินโดวส์อยู่
ส่วนเรื่องเล่นเกม อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตเกมเจ้าไหนจะทำสำหรับลินุกซ์หรือเปล่า
สำหรับผมทุกวันนี้ติดตั้งลินุกซ์ไว้ใช้งานในเครื่องเป็นเดสก์ท็อปก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ทำงานร่วมกับคนอื่นได้เป็นปกติดีครับ
ถ้าคิดจะใช้ มันก็ใช้ได้ครับ เชื่อเหอะ หาก m$ จับแหลก คนไม่มีปัญหาซื้อลิขสิทธิ์ คนมาใช้ linux กันตรึม
งานราชการ ยากอยู่ครับ ถ้าส่วนกลางยังส่งโปรแกรมที่ run บน MS Window มาให้ใช้ หรือ ยังต้องใช้งานโปรแกรมที่ run บน MS Window ในการสื่อสารแลกเปลี่ยนไฟล์ ปลงต่อไป... งานราชการไทย...
อันนี้ไม่จริงเสมอไปครับ มี counter example คือเนคเทคนั้นประกาศนโยบาย "อย่างจริงจัง" ให้แลกเปลี่ยนไฟล์ภายในด้วย OpenDocument ครับ ถ้ารู้จักคนเนคเทคลองสอบถามดูได้
ในความเป็นจริงคือนอกจากวงราชการที่รับผิดชอบด้านไอทีโดยตรงแล้ว ราชการหน่วยอื่นแทบไม่รู้จักเลยน่ะสิครับ -"-
___________pawinpawin
ผมจะสื่อว่า ถ้าอยากจะทำจริงๆ มันทำได้ ตัวอย่างมีอยู่แล้ว ขอแค่ว่าจะทำเท่านั้น
ครับ แต่ก็อย่าลืมว่าคนในเนคเทคส่วนใหญ่เติบโตมากับเทคโนโลยีอยู่แล้วจึงเปลี่ยนง่ายกว่านะครับ (บางหน่วยงาน แค่ส่งอีเมลยังสอนกันแทบตาย) คงต้องใช้เวลารอให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีแทรกตัวเข้าไป (และหวังว่าจะยังมีวิสัยทัศน์ที่ดี) อีกสักพักก่อนน่ะครับ
___________pawinpawin
อันนั้นก็อีกประเด็นครับ เรื่องกระบวนการการเปลี่ยนแปลง ก็สามารถอภิปรายกันได้ โดยนำหลักการที่เกี่ยวข้องเข้ามา อย่างเช่น change management หรือการศึกษาด้านวัฒนธรรมองค์กร ยกกรณีศึกษาหรือ best practice มาคุยกัน ฯลฯ
เพียงแต่ "ความยาก" ไม่ใช่ข้ออ้างว่ามันไม่ควรทำ
อันนี้เห็นด้วยครับ ส่วนกลางชอบส่งโปรแกรมที่ run on windows มาให้ ทั้ง exel ทั้ง Access จะใช้ linux ก็ติดขัดพวกนี้
เห็นด้วยครับ ขนาด Website ขอทุนการศึกษาของอะไรสักอย่างผมไม่ได้ดูเด็กๆ จะมา Print ที่ร้านบ่อยเพราะเป็นร้านเดียวในแุถวนี้ที่ลง IE7 เพราะไปใช้ Browser ตัวอื่นเปิดไม่ได้น่ะสิ แม้จะ ie6 ก็ตาม เวลา Print ออกมามันจะไม่พอดีหน้า สาธุ
Ton-Or
Ton-Or
คำตอบคือ ไม่(ตัวโตๆ) ครับ
แต่สำหรับบาง case อาจจะคุ้มถ้าต้องเสียค่า license software
เหมือนนั่งรถเมล์ กับ taxi มันก็พาจาก A ไป B ได้เหมือนกัน
แต่ความสบายมันผิดกัน แต่บางทีก็ยอมรถเมล์เพราะมันถูกกว่ากันเยอะ
เคยใช้ linux หรือเปล่าครับ แล้วเคยใช้นานแค่ไหน ?
BioLawCom.De
ต้องตั้งคำถามก่อนว่า "อะไรคือแทนได้?"
ความเข้าใจผิดของคนจำนวนมาก คือ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
+10 "ในแง่การใช้งานแล้ว ต้องปรับตัวมากพอสมควร งานจะสะอึกไปพักใหญ่ๆ"
การใช้งานบางอย่างของ linux ยังต้องพึ่ง command line ซึ่งผิดกับ window$ ที่คลิก คลิก คลิก (เป็นเหตุผลให้คนในที่ทำงานหลายๆคน ไม่อยากจะปรับตัวในการเรียนรู้คำสั่งต่างๆ)
ผมสรุปต่ออีกหน่อย
กระบวนการส่วนตัวผมเอง ตอนที่ผมย้าย
ปล. ผมไม่เคยใช้ editplus นะครับ ไม่รู้ว่ามันย้ายออกยากแค่ไหน เพราะเรียนมามีแต่ TurboPascal กับอีกทีก็ใช้ vim เลย
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ตัว TextEditor จะว่าย้ายไม่ยากนะ เหตุผลแรกที่ผมไม่ย้ายอ่ะซื้อ EditPlus มาก็หลายอยู่เสียดาย ;P แต่ปัจจัยของแต่ละคนก็ต่างกัน ยิ่งพวก shortcut-key นี่สำคัญมาก คงต้องปรับตัวอีกพักใหญ่เลย อย่างผมตัว EditPlus ผมทำ User Tools ที่ปรับแต่งมาสำหรับ debug/compile งานต่าง ๆ เยอะเหมือนกัน แต่พวก clip-text, auto-complete แล้วก็ syntax hightlight อีกหลายตัวที่ปรับแต่งเอง เลยไม่ได้ย้ายซื้อเอาดีกว่า จริง ๆ มันก็ไม่แพงนะ อีกอย่างงานไม่สะดุดด้วย ทำงานส่ง 2-3 งานก็ได้แล้วแหละ
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
การเปลี่ยนระบบจาก windows มีค่าใช้จ่ายนะครับ แล้วก็ไม่ใช่น้อยๆ
นอกจากนี้บางงานยังไม่สามารถเปลี่ยนได้อีกด้วย(แทบจะ 100%)
ถ้ามองในมุมขององค์กรบางที ไม่คุ้มอย่างร้ายแรงที่จะเปลี่ยน
กรณีของ OS เดี๋ยวนี้ทางแก้ปัญหาขององค์กรจำนวนมากคือ เช่าเครื่อง
การเช่าเครื่องทำให้ได้ OS และ software ฟรีจำนวนหนึ่ง ทำให้ประหยัดไปได้มาก
นอกจากนี้ บ.เช่าเครื่องยังมีบริการ support หลายอย่าง ทำให้เบาแผนกไอทีไปอีก(ประหยัดอีกต่อ)
เท่าที่ผมเข้านอกออกใน บ. หลายๆแห่งที่เช่าเครื่อง มองเห็นปัญหาหลายอย่างครับ
การเปลี่ยน OS เปลี่ยน software ไม่ใช่ง่ายๆ ฟรีๆ ถ้ามองในแง่ของธุรกิจ
งานชะงักแค่วันเดียว ผมว่าก็ไม่คุ้มแล้วครับ ถ้าผมเป็นเจ้าของ บ. นั้นๆ
นี่ยังไม่รวมไปถึงการอบรมพนักงาน และ เปลี่ยนรูปแบบการติดต่อกับคู่ค้าอีก
ความคิดผม บ้านเรา ไม่นิยมเครื่องแบรนด์เนม ที่มักจะมี Windows OEM ติดตั้งมา
เข้าใจว่าเครื่องคอมฯ(ประกอบ) มีค่าแค่ Hardware และยอมจ่ายแค่นั้น
นอกจากนี้บ้านเรายังไม่มี บ. ขาย Software สำหรับบุคคลทั่วไปมากนัก
คนอยากซื้อก็ซื้อลำบาก ซื้อเถื่อน หรือ โหลดบิท ง่ายกว่าซะอีกแน่ะ
สำหรับผม(ในตอนนี้)Linux ไม่เหมาะในการทำธุรกิจจริงๆครับ
เอาแค่ติดต่อกับคู่ค้าก็มึนแล้วครับ ยอมเสียแค่ไม่กี่ตังค์แล้วธุรกิจเดินดีกว่า
ไอ้ที่คิดว่าจะประหยัด กลับกลายเป็น เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
7blogger.com
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่ได้หมายความว่า จะต้องซื้อๆๆๆ เท่านั้นนะครับ
มันต้องค่อยๆปรับตัวไปครับ เดี๋ยวนี้ตาม บ. ต่างๆที่เข้มงวดเรื่อง Software ใน บ.
ก็ปรับตัวไปใช้ Software ทดแทน อย่างพวก 7-zip OpenOffice pdfCreator
ในหน่วยงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้ MS-Office แล้วแลกเปลี่ยนเอกสารในแบบ pdf แทน
(นอกเหนือจากเอกสารแบบกระดาษ) ส่วนในหน่วยงานที่ต้องใช้ ยังไงก็ต้องซื้อ
โดยเฉพาะ ถ้าคู่ค้าใช้มันแลกเปลี่ยนงาน(ไม่จำเป็นต้อง MS-Office)
ไม่มีใครกล้าเสี่ยงใช้ Software ทดแทนสักราย
ใน software มาตรฐานอย่างพวก Office เนี่ย ถ้าไม่วางแผนดีๆก็เน่าเหมือนกัน
สิ่งแรกเลย โดน user โวย ใช้ไม่ถนัด เปิดเอกสารเดิมไม่ได้ บลา บลา บลา
ใครที่เป็น IT เสนอโครงการนี้รับเละ มันต้องมีการอบรมทำความเข้าใจ
แล้วก็แปลงเอกสารเก่าให้เปิดได้ใกล้เคียง 100% อบรมพนักงานเรื่องวิธีใช้งาน
ลงทุนเรื่องเอกสารวิธีใช้งาน(ซึ่งหายาก หนังสือ MS-Office หาง่ายกว่ามาก)
ต้องค่อยๆทำไป แล้วอย่าให้นายบ่นเด็ดขาด โดนบ่นทีเดียว IT หัวหลุด 555+
เจอ IT คนใหนคิดง่ายๆ ฟรี ดี แทนกันได้ สุดท้าย เน่า โดนเปลี่ยนกลับแทบไม่ทันทุกราย
ที่จริงมีหลาย case มากๆ software ที่ บ. ลงทุนจ้างพัฒนาใช้เองอีกหล่ะ(หลักแสน หลักล้าน นะครับ)
7blogger.com
UBUNTU สามารถครับ
แต่ค่า Switching Cost ผมมองว่าสูงมาก
ถ้าใช้มันซะแต่แรก แทนไปเลยแต่ต้น จะไม่เป็นปัญหาครับ
แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้จากวินโดว์ละก็โคตรจะปัญหาเลย
UBUNTU สามารถครับ
แต่ค่า Switching Cost ผมมองว่าสูงมาก
ถ้าใช้มันซะแต่แรก แทนไปเลยแต่ต้น จะไม่เป็นปัญหาครับ
แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้จากวินโดว์ละก็โคตรจะปัญหาเลย
จากที่อ่านมาผมเห็นด้วยนะครับว่าการเปลี่ยนไป Linux เป็นไปได้สำหรับบุคคลทั่วไปกับนักเรียนนักศึกษาในระดับหนึ่งเท่านั้นครับ
สำหรับข้าราชการและพนักงานบริษัทมันเกี่ยวข้องกับโครงข่ายขนาดใหญ่
และการเชื่อมโยงระหว่างเครือข่าย ซึ่งโดยรวมแล้วมันไม่ใช่คำถามว่าเปลี่ยนแล้วจะใช้ได้ไหม
แต่มันเกี่ยวกับว่าเปลี่ยนแล้วจะยังติดต่อกับคนอื่นต่อไปแบบไม่มีปัญหาได้ไหม น่ะครับ
ส่วนตัวผมคิดว่าจนถึงปัจจุบัน มันยังจัดการกับปัญหาพื้นฐานบางเรื่อง
(ที่ user ไม่ควรต้องมานั่งกังวลเอง) อย่าง character encoding-decoding
ได้ไม่ดีพอน่ะครับ (โอเอสเมพอย่าง mac ก็ยังไม่จบกับเรื่องนี้)
นี่ยังไม่นับเรื่องประสบการณ์ผู้ใช้ที่มันตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ว่าไม่สามารถ
ลอกเลียนมาตรฐานบางอย่างจากโอเอสเก่าที่เคยใช้จนคุ้นชินมาได้ มันก็ยิ่งบีบบังคับ
ให้การปรับตัวกระทบผู้คนโดยรวมเป็นจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมอีก เพราะไม่ได้หมายถึง
แค่ตัวเราที่ปรับ แต่ต้องปรับทีเดียวทั้งหมู่ หรือไม่ก็องค์กรรอบข้างก็ควรจะเริ่มไปพร้อมๆ กันด้วย
กลับไปพูดเรื่องวาระแห่งชาติกับความสามัคคี [ของคนในชาติ]
และความเสียสละ [ของรัฐบาลในการทุ่มเทและทุ่มทุน] กันก่อนดีไหมครับ ง่า...
"แต่มันเกี่ยวกับว่าเปลี่ยนแล้วจะยังติดต่อกับคนอื่นต่อไปแบบไม่มีปัญหาได้ไหม"
+10
ทุกวันนี้ใช้ Ubuntu ใน Office ที่เป็นวงแลนของ Windows ยอมรับว่างานบางอย่างมันไปกันไม่ได้ (ไม่เนี๊ยบเหมือน OS เดียวกัน)
การใช้ Ubuntu เชื่อมกะเครือข่ายใน Office ตอนนี้เห็นข้อดีเป้ง ๆ อยู่ข้อนึง คือเค้าติดไวรัสกันให้รึ่ม แต่เครื่องกระผมมิเป็นอะไรเลย หุหุหุ
เรื่องการใช้งานในบริษัท ผมมีกรณีศึกษาของบริษัทไทยใหญ่ๆ หลายแห่งที่กำลังทำอยู่ เดี๋ยวขอเวลาแล้วจะเอามาทยอยลงเป็น Special Report ครับ
สนใจมากครับ จะตั้งตารออ่านเลยครับ
+1 ;)
ส่วนตัวผมที่ยังยึดติดอยู่กับ Windows ก็คงมี 2-3 เหตุผลหลักๆ ครับ
น้องผมใช้ Duron 1 GHz กับ Windows XP (เถื่อน - เครื่องเก่าผม) มาเกือบสิบปีแล้ว มันก็ยังทำงานได้ดีอยู่ (พิมพ์เอกสาร เปิดเว็บ เล่นปังย่าและเกมออนไลน์ตามกระแสประปราย)
Yume Nikki
ผมว่า ยังนะครับ สำหรับผมที่เคยใช้ ยังติดปัญหาตรงโน้นที ตรงนี้ที อย่างปัจจุบัน เวอร์ชั่น Ubuntu เวอร์ชั่นล่าสุด ดันหา การ์ดแลนไม่เจอซะง้าน และหาที่จะแก้ไขก็ไม่ได้ ไม่รู้จะไปแก้ตรงไหน แต่เวอร์ชั่น 8.04 หาเจอ ผมว่า มันไม่ได้เรื่องมาก ๆ แบบนี้ ยิ่งพัฒนา ยิ่งห่วยลงเรื่อย ๆ หานั่นไม่เจอ หานี่ไม่เจอ ผมว่า สำหร้ับผู้ใช้ทั่วไป คงยังไม่ถึงเวลา คงอีกยาวไกล ปกติ การพัฒนามันน่าจะดีขึ้น แต่นี่แย่ลง ผมว่า ล้าหลังวินโดว์ตามเคย
ไม่เหมาะกับบุคคลใช้ทั่วไป แต่ถ้าบุคคลที่รู้ด้านเทคนิค แก้ไขได้ ตรงนั้น ผมว่าเหมาะกับคนส่วนนั้นมากกว่า
100% ครับ ถ้าหมายความว่าใช้ทำงานเอกสาร เราเปลี่ยนจากเครื่องพิมพ์ดีดมาเป็นคอมพิวเตอร์ได้ฉันใด เปลี่ยนจากวินโดวส์ไปเป็นลินุกซ์ก็ฉันนั้น ตอนเปลี่ยนจากเรื่องพิมพ์ดีดมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่เห็นมีใครตาย ทุกวันนี้มีใครบออกมั้ยว่าอยากได้พิมพ์ดีดเหมือนเดิม อยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ ปัญหาคือใจไม่อยากเปลี่ยนหรือเปล่า พอใจไม่อยากเปลี่ยนก็บ่นว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่ถนัดบ้างล่ะ ไม่คอมแพติเบิ้ลมั่งล่ะ เครื่องพิมพ์ดีดมันคอมแพติเบิ้ลกับคอมพิวเตอร์ตรงใหน(วะ) ทำไมถึงเปลี่ยนได้
ถ้าบอกว่างานเฉพาะทาง จำเป็นต้องใช้ เรื่องนั้นถูกต้องอย่างแน่นอนครับ ถ้าเปลี่ยนแล้วทำให้เสียงานก็ไม่ควรเปลี่ยน ใช้ไปอย่างเดิม แต่อย่าลืมว่าต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับเจ้าของซอฟท์แวร์ด้วย อย่าไปขโมยเค้ามาใช้ เพราะว่าการขโมยนี่ผิดทั้งกฏหมายและศีลธรรม เอามาทำมาหากินก็ต้องมีต้นทุนครับ จะไปขโมยเอาของคนอื่นมาแล้วบอกว่าจำเป็นต้องขโมย ยังไงก็ฟังไม่ขึ้น
ผมขออนุญาตแนะนำเครื่องมือเฉพาะทางในกรณีที่ไม่ต้องการใช้ลินุกซ์ แค่ก็ไม่อยากเสีนเงินซื้อวินโดวส์นะครับ ของพวกนี้ถูกกฏหมายและราคาถูก
logic มันคนละเรื่องกันนะครับ
พิมพ์ดีด ไป คอมพิวเตอร์ มันเปลี่ยนไปสิ่งที่ใช้งานได้ดีขึ้น
windows ไป linux มันเปลี่ยนไปสิ่งที่ใช้งานได้แย่ลง
p.s. อันนี้ว่าถึงงานทั่วๆไปแนน office ทั้งหลาย
ทำไมถึงคิดว่าแย่ลงล่ะครับ ขอเหตุผลที่ว่าแย่หน่อย
*เครื่องพิมพ์ดีดไม่ติดไวรัส และสามารถใช้งานได้เมื่อไฟดับ
ตอบขำๆน่ะ อย่าซีเรียสครับ :P
+100
เห็นด้วยอย่างแรง ..
เปลี่ยนไป แล้วดีขึ้น อันนี้่น่าเปลี่ยน
เปลี่ยนไป แล้วห่วย แย่ลง ยุ่งยาก อันนี้ ใครจะไปเปลี่ยนละครับ
ไอ้ที่แย่ ๆ มีเยอะ.... (สำหรับคนเริ่มต้น คนทั่วไป คนที่ config ไม่เป็น)
ผมว่าคุณยังไม่เคยเจองานจริงๆ ถ้าคุณเคยอยู่หน้างาน จะไม่กล้าพูดแบบนี้
ผมเคยเจอ IT ที่คิดจะทำแล้วเละมาเยอะ สำเร็จก็มี แต่ที่แน่นอน ไม่มีที่ใหน 100%
7blogger.com
Office ผมเองไม่มีวินโดวส์สักตัว ปัญหาคือกล้าขโมย แต่ไม่กล้าลำบาก
ผมเห็นด้วยกับรองเท้าผ้าใบและกระติกน้ำแข็งนะครับ นอกจากจะประหยัดเงินแล้วยังได้สุขภาพและเพื่อนด้วย 555
___________pawinpawin
รัชดา สีลม และอตก. นี่แพงมากครับ แถมเสียสุขภาพได้ง่าย
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
อยากจะเปลี่ยน ต้องมีการวางแผนให้ดีครับไม่งั้นจะได้รับการโวยวายจากทั้งผู้ใช้งานทั่วไปได้
ง่าย ๆ นะครับผมเป็นลินุกซ์โปรแกรมเมอร์ ผมยังไม่อยากใช้ลินุกซ์ในแง่ของ Desktop เลยครับก็คิดดูละกัน - -' ถ้าจะต้องใช้แอปพริเคชั่นบนลินุกซ์ที่เป็น GUI ผมใช้ putty + XWin เอาจะไ้ด้ให้อารมณ์เหมือนใช้ Windows
ส่งที่ต้องพิจรณามีดังต่อไปนี้นะครับ
ผมเคยเจอ Office ที่ พนักงาน MSN กันทั้งวัน หาลูกค้า ถ้าใช้ MSN กันไม่ได้นี่ ถึงขั้นปิด บ. กันเลยทีเดียว
7blogger.com
Linux ก็มี MSN อยู่หลายตัวครับ ที่ผมใช้คือ emesene
ก็ใช้ได้นะ ฟีเจอร์สำคัญๆครบ
เป็นคำถาม classic มากครับ อ่านเจอ พบเห็นได้บ่อย ๆ
แต่คำตอบสำหรับเรื่องนี้ไม่ง่ายเหมือนการตั้งคำถามครับ มันขึ้นอยู่กับบริบทมากมาย คำตอบแบบสรุป ๆ คือ หากคิดอยากจะเปลี่ยน หรือมีความจำเป็นต้องเปลี่ยน ส่วนมากสามารถเปลี่ยนได้ครับ แต่ปัจจัยในการเปลี่ยน ไม่น่าจะเป็น ได้/ไม่ได้ แต่น่าจะเป็น cost ในการเปลี่ยนมากกว่า
สำหรับหน่วยงานราชการ หรือหน่วยศึกษา ผมคิดว่าในระยะยาวควรเปลี่ยน เพราะเหตุผลทั้งทางด้านค่าใช้จ่าย (ที่อาจแพงในช่วงแรก แต่ระยะยาวคุ้ม) ความเป็นอิสระภาพของหน่วยงาน (เป็นเหตุผลหลักที่พวกยุโรปเปลี่ยนมาใช้ OpenSource) และอื่น ๆ อีกมากมาย ในหน่วยงานเหล่านี้ ผมคิดว่า cost ในการเปลี่ยนค่อนข้างคุ้ม เพราะไม่ต้องหวังผลกำไร และไปแข่งขันกับใคร
สำหรับบริษัท หรือหน่วยงานเอกชน ผมไม่มีความคิดเห็นใด ๆ เพราะแต่ละบริษัทก็มีบริบทและสถานการณ์ที่ต่างกัน การเปลี่ยนอาจหมายถึงการเพิ่ม cost อันมหาศาล (อบรมพนักงาน, งานสะดุด etc) ในระยะยาวจะคุ้มกว่าหรือเปล่า คงไม่มีใครบอกได้
แต่หากผมเปิดบริษัทใหม่ด้วยตัวเอง ผมคิดว่าผมใช้ Linux และ OpenSource ดีกว่า ถูกกว่า และ effective กว่าแน่นอน (ในบริบทงานของผม) เพราะหากเรามีความรู้ถึงจุดหนึ่ง มันก็ไม่มีอะไรยากแล้วครับ และในหน่วยงานหนึ่ง ๆ มี Linux Expert สักคนสองคนก็เกินพอแล้ว เปัญหาระบบปฏิบัติการ มันไม่ใช่ปัญหาที่มีกันทุกวัน
สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ผมไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยน หากทำงานได้ดีกับระบบปฏิบัติการไหน ก็ใช้อันนั้น และงานแต่ละอย่างก็ต้องการความสามารถของระบบปฏิบัติการที่ต่างกัน
แต่บางครั้ง ผมเองก็ขัดใจ เวลามีคนบอกว่า Linux ใช้ยาก โดยที่คนบอกเองก็ยังไม่เคยใช้ หรือใช้งานแค่ผ่าน ๆ ปัญหาไม่น่าจะอยู่ที่ตัวระบบปฏิบัติการ แต่ปัญหาคือว่า หากคนเคยชินกับ Windows เปลี่ยนมาใช้ Linux ก็ต้องลำบากเป็นธรรมดา เพราะมันคือการเปลี่ยนพฤติกรรม
โดยส่วนตัว (ย้ำโดยส่วนตัว) ผมรู้สึกว่าใช้ Linux ง่ายกว่า Windows มาก งานหลาย ๆ อย่างคลิกน้อยกว่า หรือง่ายกว่ามาก หากใช้ command line การ maintain ง่ายกว่า ส่วนมากใช้แค่คำสั่งเดียว หรือสามคลิก ที่สำคัญ หงุดหงิดน้อยกว่า เพราะผมเป็นคนควบคุมมัน ไม่ใช่มันควบคุมผม
เราต้องไม่ลืมครับว่า คนที่พัฒนา Linux หรือโปรแกรมบน Linux เขาทำขึ้นมาเพื่อใช้เอง แน่นอนครับว่า เขาเองก็อยากให้มันใช้งานง่าย และ effective (ก็แน่ล่ะ ต้องใช้เองนิ) ส่วน pattern การใช้งานของมันจะถูกโฉลกกับใครแค่ไหน นั่นอีกเรื่องนึง ตัวอย่างที่คล้าย ๆ กันคือ emacs กับ vim ที่วิธีการใช้งานมันแปลก ๆ แต่มันไม่ยาก และหากใช้เป็นจะรู้ว่ามันสุดยอด
BioLawCom.De
+1
+1
+1
ใช้ไดัครับ ถ้า่คิดจะใช้ และปรับตัว ปัญหาก็คือ คนที่ใช้วินโดวส์จนชินแล้ว ก็เลยไม่อยากจะเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นๆ แม้แต่คนที่เค้าใชลีนุกซ์ไปบ่อยๆ เค้าก็ไม่อยากจะเปลี่ยนไปใช้วินโดวส์เหมือนกัน คนที่ใช้แม๊ค ก็ไม่อยากจะเปลี่่ยนไปใช้อย่างอื่น
มันต้องมีแรงผลักด้นครับ และอาจจะช่วยพนักงาน หรือคนใช้ด้วยการเปิดอบรมหลักสูตร เกี่ยวกับลีนุกซ์ และโอเพนซอร์สครับ อาจจะยอมจ้างคนที่เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ เข้าไปแก้ปัญหาในองค์กรครับ
การเปลี่ยนจาก Windows ไปใช้ Linux ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนพฤติกรรมเท่านั้นนะครับ
หลังจากใช้งาน Ubuntu มาพอสมควร
ความรู้สึกก็คือว่า Linux นั้นยังไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไป
ถ้าคุณเคยดูแลคอมพิวเตอร์ให้คนทั่วไป ที่ไม่รู้ว่าจะเพิ่ม printer ได้ยังไง
อัพเดท anti virus ได้ยังไง
ทำไมเปิดเอกสารจากเครื่องอื่นไม่ได้ (doc, docx)
ทำไมเอาเอกสารมาเปิดแล้วตัวหนังสือเป็นเหลี่ยม
ฯลฯ
คุณจะรู้ว่าผู้ใช้เหล่านั้นจะใช้งาน Linux ไม่ได้ เพราะ มันมีปัญหา
Linux ไม่ใช่ Windows อันนั้นผมยอมรับ
แต่สิ่งที่ผู้ใช้ต้องการก็คือ แล้วจะทำยังไงมันถึงจะใช้ได้ล่ะ
ผมเองเจอปัญหาหลายอย่างที่ไม่สามารถแก้ได้
และชุมชนคนใช้ Ubuntu ในไทย ก็ไม่สามารถช่วยผมแก้ปัญหาได้
การจะให้คนทั่วไปสามารถใช้ Linux แทน Windows ได้
ก็ต้องมีคนที่คอยช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้ครับ
ไม่งั้นไม่มีทาง
เจอปัญหาว่า ติดตั้ง font ไม่ได้, flash ไม่ได้, ล้างหัวพิมพ์ไม่ได้ ฯลฯ
แค่นี้ก็จอดสนิทแล้วครับ
HudchewMan Live Style - วันสบายๆ ของนายจอมจาม
~ HudchewMan's Station & @HudchewMan~
+1000000000
มัมมีปัญหา
ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ทำงานก็อกแก๊กๆ เล็กๆน้อยๆ วันหนึ่งผมต้องร่วมงานกับเค้า PC ที่ผมใช้ลง Ubuntu ไว้ เค้าถามว่า "แแล้วเปิดเน็ตยังไงวะ" ผมก็ชี้ไอคอน Firefox เค้าก็เปิดใช้งาน และทำงานได้อย่างราบรื่น หลักจากนั้นสองอาทิตย์ หลังจากผมส่งงานแล้ว ผมก็ถามว่า "ใช้เครื่องกูเป็นไงมั่งวะ ใช้ยากป่ะ" คำตอบที่ได้กลับมาคือ "ก็ปกตินี่ ถามทำไมเหรอ" กับอีกคนหนึ่ง ที่ใช้คอมพิวเตอร์มาหลายปี แค่เดินผ่านก็บอกว่าใช้ยาก ทำไอ้โน่นไม่เป็น ไอ้นี่ไม่เป็น ปีปัญหาอย่างโน้นอย่างนี้
บริบทของแต่ละบริษัทไม่เหมือนกันครับ
ถ้าต้องใช้แต่โปรแกรมที่มี multi-platform ผมก็จะไม่เถียงนะครับถ้ามี photoshop, illustrator, indesign บน linux เมื่อไรละก็ ผมจะย้ายไปด้วยครับเพราะตัวอื่นหาที่พอแทนกันได้คงมี แต่สามตัวนี้ไม่มีจริงๆ ครับ
ถึงกับยอมเสียเงินมากมายซื้อ Software พวกนั้นได้ ก็คงมีกำลังซื้อมากพอสมควรเลยทีเดียว ถ้างั้นผมว่าลงทุนซื้อ Windows อีกซักชุดคงไม่เป็นไรมั้งครับ
+1 ถ้ามีเงินซื้อก็ใช้ไปเถอะครับ ไม่มีใครว่า ผมก็ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดี เพียงแต่บอกว่าอย่าขโมย
ถ้ามันลดต้นทุนในเรื่องของ OS ได้
ก็ดีไม่ใช่เหรอครับ ...
เรื่อง printer หรือฮาร์ทแวร์บางตัว ผมยอมรับครับว่ามันเป็นปัญหาจริง เพราะบริษัทผู้ผลิตไม่ได้สนใจ ให้ความสำคัญกับ Linux ดังนั้น ผมจะเลือกซื้อฮาร์ทแวร์ของบางบริษัทเท่านั้น อย่าง printer หากใช้ Samsung, HP, Brother ไม่มีปัญหาแน่นอน ยิ่งเป็น USB-Printer ใช้กับ Ubuntu เสียบปุ้บใช้ได้ปั้บ ไม่ต้องลง Driver สะดวกกว่า Windows อีก หรือ Network-Printer เองก็ง่ายกว่า เพราะ Linux มี CUPS
ส่วนปัญหาอย่างอื่นที่คุณเขียนมา ผมไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาอะไร
ผมชอบยก คุณ เช ฯ แห่ง BioLawCom เป็นตัวอย่าง คุณ เช ฯ เป็นนักกฏหมาย ที่แทบไม่มีความรู้เรื่อง IT เลย ตอนนี้ใช้ Linux ได้อย่างคล่องแคล่ว และมีความสุขดี และจะหงุดหงิดมากมาย เวลาใช้ Windows ตอนแรกอาจงงเล็กน้อย ว่าอะไรอยู่ตรงไหน แต่ตอนนี้ทำเองได้ทุกอย่าง ทั้งติดตั้ง Linux ติดตั้ง Software ติดตั้ง Printer อย่างที่ผมบอกครับ มันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนพฤติกรรม
BioLawCom.De
คุณ เชฯ น่ะ มันอยู่ข้างห้องโบว์ ตอนเริ่มต้นตะโกนเรียก เดี๋ยวเีดียวก็มาแก้ไขให้ได้ จะเรียกมานั่งสอนนั่งทำให้ดูนานเท่าไหร่ก็ไม่เป็นปัญหา คนอื่นมันไม่ใช่
ถ้ามี windows ถูกกฎหมายใช้อยู่ เปลี่ยนไปใช้ Linux ให้เมื่อยทำไม ไม่เห็นความจำเป็นเลย
จะให้ทุกคนหันมาใช้ ลีนุกซ์กันหมดไม่ได้หรอกครับ ตราบใดที่ microsoft ยังอยู่
ทุกวันนี้ใช่ว่าไมโครซอฟท์จะอยู่กับที่
ลองเปรียบดูอีกซักอย่างครับ
ตอนนี้มี chrome ของกูเกิล ออกมาให้ใช้แข่งกับ firefox
ถามว่า chrome ดีกว่า firefox ไหม?
บางคนก็บอกว่าดีกว่าเพราะเร็วกว่าหรืออะไรก็แล้วแต่
และถามว่า คนใช้ firefox จะเปลี่ยนไปใช้ chrome ไหมถ้า Chrome ดีกว่าจริงๆ
คำตอบก็ต้องมี ทั้งเปลี่ยนและไม่เปลี่ยน เหตุผลก็คงไม่ต่างกันกับเปลี่ยน windows กับ linux
ในแง่ของนักพัฒนาอาจจะเป็นเพราะว่า ในวินโดวส์มีภาษาคอมพิวเตอร์ให้เลือกมากกว่าหรือเปล่า หรือไม่ก็คนถนัดพัฒนา .Net กันจะเปลี่ยนไปใช้ในลีนุกซ์ก็อาจจะไม่ง่าย
หรืออะไรก็แล้วแต่ผมคิดออกมาได้อย่างนี้
มันก็แล้วแต่เหตุผลของใครของมัน
ก็เอาเป็นว่าไม่ได้หรอกครับที่จะให้คนใช้ลีนุกซ์กันหมด
คนใช้ .Net เขียนลง Mono ได้ครับ
/me เชียร์ๆ Mono
Mono ไม่รองรับ feature ใหม่ๆ ของ .NET ครับ
เอาแค่ Mono 2.0 == .Net 2.0 ก็แทบเกินพอแล้วครับ
ฟีเจอร์ใหม่กว่านั้นผมยังไม่เห็นความจำเป็นว่าบริษัทซอฟท์แวร์ในไทยต้องใช้นะ?? รึเปล่า??
ขอตอบเรื่องภาษาคอมพิวเตอร์ก่อนครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Timeline_of_programming_languages
ส่วนใหญ่รันได้บน Linux และมีเพียงเล็กน้อยที่รันได้บน Windows มีหลักฐานตรงใหนที่บอกว่าภาษาโปรแกรมบนวินโดวส์มากกว่าครับ
คำว่าได้หรือไม่ได้ของแต่ละคนมันต่างกัน บางคนแค่คิดว่าหรือเคยอ่านมาก็ด่วนฟันธงว่า "ไม่ได้" เลย ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร มันเป็นสิทธิ์ที่คุณจะเลือกใช้หรือเลือกเชื่อแบบไหน เพียงแต่ผมคิดว่า ถ้าไม่เคยใช้จริงๆ หรือไม่ได้ติดตามวิวัฒณาการมาจนถึง Linux ยุคปัจจุบัน ผมมองว่าคงยากที่จะเข้าใจว่าเรากำลังพูดถึงอะไรกันอยู่
อย่างไรก็ตาม แม้โดยส่วนตัวผมเชื่ออย่างจริงจังว่า Linux ทุกวันนี้ มีความสามารถเพียงพอต่อการตอบรับความต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่างๆ ครอบคลุมเกิน 90% ขึ้นไป แต่ผมก็จะไม่ฟันธงหรือยืนยันอย่างนั้น(เพราะรู้ว่าถึงอย่างนั้น คนที่ไม่เชื่อ ก็ยังจะไม่เชื่ออยู่ดี) เพราะทั้งหมดมันเป็นเรื่องประสบการณ์ใช้งานของแต่ละคน ยืนยันกันตามมุมมองและทัศนะส่วนตัว แต่เอาเป็นว่าขอเล่าจากลักษณะการใช้งานจริงของตัวเองดีกว่า ว่า คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวของผมที่ยังมี Windows ติดตั้งอยู่คือ NB ตัวนึง เพราะ License มันมาพร้อมเครื่อง ส่วน NB และ Desktop ที่ใช้เป็นหลักไม่เคยมี Windows ติดตั้งในนั้นเลย ก็สามารถทำงานได้ Productive ดี โดยไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นหรือจำใจต้องใช้ Linux แทน Windows หรืออะไร รวมถึงไม่ได้เชิงปรัชญาจ๋าที่จะต้องใช้เพราะศรัทธาในหลักการ หรือต้องใช้เพราะมันฟรี แต่ใช้เพราะชอบใน Performance, Technology และ Usability ของมัน บางครั้งที่ต้องกลับไปใช้ Windows ใน NB อีกเครื่อง ยังมีความคิดที่ปนไปด้วยเซนส์ของการตำหนิ ว่าจุดไหนบ้างที่ Windows ยังทำได้ไม่ดีอยู่ตลอดการใช้งาน แต่นั่นก็อาจจะเพราะส่วนตัวเป็นคนไม่เล่นเกมเลยไม่ได้สัมผัสกับเงื่อนไขที่ยังเป็นจุดอ่อนของ Linux เท่าไหร่ด้วยก็ได้
หากจะคุยกันในประเด็นของ OS อันที่จริงแล้ว Linux ณ วันนี้ ผมมองว่าเป็นอะไรที่ล้ำหน้าไปมากแล้ว โดย Linux + Desktop Environment ตัวหลักๆ อย่าง KDE/Gnome + Compiz Fusion ในความคิดเห็นส่วนตัวผมมองว่าไปไกลเกินกว่า Windows แล้ว สาเหตุที่รวมเอา Compiz Fusion เข้ามาด้วย ไม่ใช่เพราะชอบความวื๊บว๊าบของมันแต่การออกแบบและการสื่อสารกับผู้ใช้รวมถึง Usability ของมันทำให้การใช้งานและจัดการทำได้อย่างล้ำหน้า สะดวก และเป็นธรรมชาติได้มากกว่า Windows ด้วยซ้ำ
ผมค่อนข้างแปลกใจที่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีหัวข้อการสนทนาประมาณ Linux vs Windows เรายังจะได้เห็นความเห็นประเภท "Gimp ยังสู้ Photoshop ไม่ได้" "ไม่มีอะไรจะมาแทน Photoshop/Flash ได้" หรืออะไรก็ตามที่อ้างอิงซึ่งชี้ไปยัง Application ราวกับว่าผู้พูดไม่มีความเข้าใจว่า OS/Application มันไม่ได้หมายความถึงสิ่งเดียวกัน ดังนั้นหากประเด็นสนทนากำหนดอยู่ในเรื่อง OS แล้วล่ะก็ ไม่ว่าคุณจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม แต่ในเชิงเทคโนโลยีแล้ว Windows นั้นรั้งท้ายในกลุ่มผู้เล่นหลัก (Windows/Mac/Linux) เลยทีเดียว เอาแค่เรื่องหลักการจัดการหน่วยความจำและแคชที่เพิ่งจะได้รับการพัฒนาเข้ามาเป็น SuperFetch ใน Vista นั่นก็ตามหลัง Linux อยู่นานมาก อีกทั้งประสิทธิภาพยังคงเป็นประเด็นปัญหาให้ Geeks ได้ถกเถียงกันต่อไป แต่ถ้าใครจะอยากจะลากประเด็นเรื่อง Application เข้ามาใช้วิจารณ์ด้วย คุณก็ต้องเข้าใจด้วยว่าประเด็นนี้มันเกิน scope ของ MS และ Windows ไปแล้ว เช่นหากจะบอกว่า Photoshop มันดีกว่า Gimp มากแค่ไหน ความดีความชอบนั้นควรจะตกเป็นของ Adobe และมันไม่ใช่ความผิดของ Linux ที่ Adobe ไม่ยอมนำนวัตกรรมนั้นมาสู่ Linux ดังนั้นความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่จะบอกว่า Windows ดีกว่าหรือเหนือกว่า Linux คงเป็นในความหมายของความว่า Platform ที่ Windows ดูมีความพร้อมกว่า ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็น Performance ของ Third Party ไม่ใช่ Microsoft
ผมไม่มั่นใจว่าได้ตอบในสิ่งที่ผู้ถามอยากรู้มั้ย ดังนั้นถ้าจะสรุปผมคงได้แต่เพียงบอกว่าผมไม่มั่นใจว่า Linux เหมาะกับคุณหรือปล่าว และคิดว่าไม่น่าจะมีใครตอบคุณได้เหมือนกัน คุณจะไม่มีทางได้คำตอบจนกว่าจะได้ลอง อย่าเชื่อผมรวมถึงใครที่บอกว่ามันดีและพร้อมใช้งานแล้ว และอย่าปิดกั้นเพียงเพราะมีคนบอกคุณว่ามันไม่ดีและใช้งานจริงไม่ได้ ทุกคนก็ตอบไปตามทัศนะและประสบการณ์ใช้งานส่วนตัว คุณเองก็น่าจะไปลองให้เกิดทัศนะและประสบการณ์ที่ว่านั้น แล้วลองเอามาเล่าสู่กันฟัง อย่างงี้ดีมั้ยครับ? :)
ผมเข้าใจว่า ที่ต้องมีการพูดถึง Third Party Application เพราะว่า เกือบร้อยทั้งร้อย ทุกคนทำงาน(และหากิน)กับ Application นะครับ ไม่ใช่กับตัว OS เพราะฉะนั้น คนที่ทำงานอย่างเช่นกับ Graphic design และโรงพิมพ์ที่อ้างอิงค่าสีกับ Photoshop ยังไงการพูดคุยประเด็น Linux ก็ต้องถูก scope มาที่ Third Party Application อยู่ดี (นั่นคือ Adobe)
เพราะฉะนั้นมันจึงควรอยู่ที่ว่า Linux มี Application ที่รองรับการทำงานของแต่ละคนได้รึยัง ไม่ใช่ว่า OS linux มันรองรับการทำงานของทุกคนได้รึยังต่างหากล่ะครับ
"Windows นั้นรั้งท้ายในกลุ่มผู้เล่นหลัก (Windows/Mac/Linux)" อันนี้ก็เห็นด้วย แต่จากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว Windows ก็เหมือนรถเครื่องยนต์รุ่นเก่า แต่ใช้น้ำมัน(ที่หาซื้อได้ง่าย) คนก็ย่อมใช้เยอะกว่า สะดวก ใช้หากินได้ง่าย ถ้าเทียบกับ Linxu/MAC ที่เครื่องยนต์รุ่นใหม่ แต่ใช้พลังงานไฮโดรเจน ไม่ก่อมลพิษ ถามว่าดีมั้ย มันดีมากครับ แต่จะหาปั้มแล้วพาคุณไปท่องเที่ยวหรือไปทำงานและหากินได้รึเปล่า (ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มดีมากขึ้นแล้ว เครื่องต่อไปของผมคงจะเป็น MAC)
อันนี้เปรียบเทียบให้ดูเฉยๆนะครับ
edit: แว๊ก กดโพสไป 2 รอบ - -"
+1 ครับ คิดเหมือนกันแต่ทำไมอธิบายไม่ได้อย่านี้นะ - -"
เรื่องตัวโอเอสนั้น ถ้า Linux นับรวม Compiz ไปด้วยดูเหมือนจะเอาเปรียบ MS นิดนึง เพราะมันก็เป็น Third Party Software ตัววินโดวส์เองก็มีอะไรแบบนี้ เพียงแต่มันไม่เกิด ไม่ดังเปรี้ยงปร้างเหมือนหมอดูชื่อดัง
ใครจดๆ จ้องอยู่ ให้ลองเอา VirtualBox มาลง แล้วลงในเครื่อง Virtual Machine ดูก่อนครับ จะได้รู้ว่าโอเคไหม
เรื่องการใช้งาน Ubuntu ถ้า community ในไทยให้คำตอบไม่ได้ทำไมไม่ลองไป community ของต่างประเทศดูหละครับมีทั้งที่เป็นของ Ubuntu เองโดยตรงและอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ Linux ผมเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับเรา ก็คงจะเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ ทั้วไปได้เหมือนกันครับ
คิดว่าทุกวันนี้ที่คนคิดว่า Vista ห่วยกว่า XP ก็เพราะว่าไม่เคยชินนี่แหละครับ อีกหน่อยพอ Windows 7 ออกมาก็อาจจะบ่นแบบนี้เหมือนเดิม
MS ปล่อยให้ XP อยู่ในตลาดนานไปหน่อย
BioLawCom.De
77777 อยู่นี่เอง
___________pawinpawin
ที่ไม่ได้ใช้ Community ต่างประเทศ เชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาด้านภาษาครับ ^^
___________pawinpawin
มันก็จำเป็นครับ อยากเก่งก็ต้องเรียนรู้
ปัญหาคือ ไม่ได้อยากเก่ง อยากสบายกับให้งานเดินไปได้ เลยไม่อยากเรียนรู้มาก
We need to learn to forgive but not forget...
We need to learn to forgive but not forget...
นี่ล่ะครับคือปัญหา
แรก ๆ ที่ผมจับ Linux ถอดใจไปหลายรอบก็เพราะ Community นี่แหละครับ อ่านภาษาอังกฤษ ถ้าฮึดก็รู้เรื่อง ถ้างอแงก็ไม่เอา พอมาเจอ Community แบบไทย ๆ ก็นะ ... (ปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปแล้วครับ สบายใจที่จะอ่านเยอะเลย)
ปัจจุบันอาศัยลูกบ้าขนานใหญ่ กลายเป็นผู้นำเทรนด์ที่ทำงานไปเรียบร้อย ล่าสุดไวรัสระบาดกันทั้งวงแลน แต่เครื่องผมรอด เริ่มสนใจ Linux กันยกใหญ่เลยทีนี้ อิอิอิ
ปัญหาคือ เค้าไม่อยากเก่งอ้ะครับ ไม่อยากมีความรู้อะไรทั้งนั้น
แค่อยากให้งานที่ต้องทำ เสร็จ เร็วที่สุด ยุ่งยากน้อยที่สุด
จะได้เอาเวลาไปดูหนัง ฟังเพลง เที่ยว กินเหล้า เล่นกับหมาแมว กับลูก พาแฟนไปกินข้าว หรือไปจึบสาวต่อ
มีะไรหลายอย่างในชีวิตที่ต้องทำ มากกว่านั่งอยู่หน้าจอมาแก้ไขปัญหาอะไรต่อมิอะไร
ผู้ใช้งานเค้าไม่สนหรอกว่า อะไรมันจะอยู่ในเครื่อง ใช้โปรแกรมอะไรทำงาน มี OS อะไร
ขอให้ง่าย เร็ว ได้งาน ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้ ก็พอแล้ว
อย่าให้ผมได้เป็นรมว.กระทราวงศึกษาฯ เชียวนะ จับสอน Ubuntu ทั่วประเทศเลย
ควบกระทรวงอื่นด้วย ใครใช้ OSS ในที่ทำงาน ลดภาษี 30%
นายจ้างก็คิดทำนองเดียวกันนั่นแหละครับ "ถ้าจ้างมาทำงานแล้วไม่อยากทำอะไร อยากให้จ้างมานั่งเฉยรับเงินเดือน ทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์ล่ะ"
คนใช้คอมมากมายที่มีงานล้นมือโดยไม่เกี่ยวกับงานทางเทคนิคครับ
วันๆต้องคีย์ข้อมูลเข้า Excel ทำไมเค้าต้องไปนั่งศึกษาวิธีใช้ Linux กับ OO ไม่ทราบ
มันคนละเรื่องกันเลย การเรียนรู้อะไรใหม่ๆ กับงานที่ต้องทำเนี่ย
Excel นี่ก็ต้องเรียนไม่ใช่เหรอครับ ใช้วินโดวส์นี่ก็ต้องเรียนไม่ใช่เหรอ เด็กแถวบ้านผมเกิดมาก็เรียนรู้กันทุกคน เท่าที่เห็นไม่เคยเจอใครใช้ Excel เป็นตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่เลยครับ
ผมพูดคำว่า "เรียนรู้อะไรใหม่ๆ" หัดเข้าใจคนอื่นทั่วไปบ้างครับคุณผู้มาจากยูโทเปีย
ถ้าให้พูดก็คือ คนที่มีสิ่งที่รู้อยู่แล้ว และมันใช้งานได้ รู้จัก เชื่อถือได้ ทำไมต้องเสียเวลาไปลองอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จักและไม่แน่ว่าจะใช้งานได้อย่างที่ต้องการทั้งหมด แถมคนอื่นๆก็ไม่เห็นมีใครใช้กัน
ดีไม่ดีจะโดนนายด่าด้วยว่า บริษัทผมใช้โปรแกรมมาตรฐาน ทำไมคุณต้องเอาเวลาไปศึกษาโปรแกรมที่ไม่มีมาตรฐาน(ในประเทศไทย และในสายตาเขา)
ในสายตาบริษัทที่ผมได้ยินมา แทนที่จะเอาเวลาไปทำแบบนี้ ไปต่อโท หรือไปศึกษาโปรแกรมเอ็กเซลให้ทะลุจนสอบเซอร์ติไฟด์ให้ได้จะดีกว่า
คนส่วนมากก็ไม่ได้ใช้วิโดวส์หรือ Excel มาตั้งแต่ออกจากท้องแม่นี่ครับ หรือว่าผมเข้าใจผิด เป็นผมที่ผิดปกติคนเดียว เกิดมาต้องเรียนรู้การใช้ Windows คุณจะบอกว่าการใช้ วินโดวส์นั้นไม่ต้องเรียนรู้ แต่การใช้งานลินุกซ์ต้องเรียนรู้ ฟังดูมันขัดๆนะครับ เมื่อปีก่อน พนักงานทุกคนของผมใช้ Linux กับ OSX ไม่ได้ใช้เวลาในการเรียนรู้เท่าไร ไม่มีใครเขียนโปรแกรมเป็น ไม่มีใครลงวินโดวส์เป็น ไม่มีใครลงโปรแกรมเป็น แต่ทุกคนสามารถปรับตัวเข้ากับระบบได้อย่างรวดเร็ว มีปัญหาก็ตรงที่พวกที่คิดว่าตัวเองคืดมาตรฐาน ฉลาดกว่าเพื่อน ถ้าตัวเองทำไม่ได้ คนอื่นก็คงทำไม่ได้ และไปป่าวประกาศว่ายากอย่างโน้น มีปัญหาอย่างนี้ ฟังเค้ามาอีกทีแล้วจินตนาการต่อไปเอง ไม่ได้สนใจที่จะศึกษาปัญหาอย่างจริงๆจังๆ
ส่วนเรื่องมาตรฐานนั้น ถ้าเป็นในมุมของเจ้านายอาจจะใช่ ขึ้นอยู่ที่มุมของคนมอง ส่วนในทางเทคนิคแล้ว ผมคิดว่ามาตรฐานของ OO.o นั้นเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก แยกให้ออกระหว่าง มาตรฐาน กับ ความนิยม ครับมันคนละเรื่องกัน
แต่ไม่มีเจ้านายที่ใหนไม่ชอบลูกน้องที่รักการเรียนรู้หรอกครับ เพียงแต่ต้องนำมาใช้อย่างเหมาะสม และให้เกิดผลดีมากกว่าผลเสีย
ผม ย้ำ แล้ว นะ ว่า "เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ"
มัน ก็ ต้อง หมาย ความ ว่า "มีสิ่งเดิมๆรู้อยู่แล้ว"
เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกยูโทเปียถึงไม่เข้าใจคนธรรมดา เพราะอ่านภาษาคนธรรมดาไม่ออกนี่เอง
ถึงผมจะเขียนกำกวมแต่ก็อธิบายขยายความไปแล้วนะครับ ว่ามันไม่เกี่ยวกับการเรียนรู้ แต่มันเกี่ยวกับการเรียนรู้อะไรใหม่ๆที่ไม่เหมือนของเดิมที่เคยใช้
ของเดิมนี่มันไม่เคยใหม่มาก่อนเหรอครับ ที่ผมถามทวนหลายรอบเพราะไม่เข้าใจคำว่า "อะไรใหม่ๆ" นี่แหละ หลังจากผมว่ายชนะเสปิร์มอื่นๆแล้ว อะไรในโลกก็ล้วนใหม่สำหรับผม ต้องหัดพูด หัดเดิน หัดอ่าน หัดใช้คอมพิวเตอร์ หัดใช้วินโดวส์ หัดใช้ลินุกซ์ หรือผมเป็นคนเดียวที่เกิดมาต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ ใครๆก็รู้กันอยู่แล้ว ไม่ต้องเรียนอะไรเลย
ผมไม่ได้ต่อต้านการใช้วินโดวส์ หรือโปรแกรมใหนๆ แต่ที่ผมตระหนักอยู่เสมอคือ ความขี้เกียจเป็นสิ่งเลวร้าย หากบอกว่าขี้เกียจเรียนรู้จึงเป็นโจรขโมยของ ก็สมควรถูกประนาม
"เรียนรู้อะไรใหม่ๆ" มันก็แปลว่าเดิมเราเคยเรียนรู้อะไรบางอย่างจน "รู้" ไปแล้ว คุณเคยเรียนรู้ภาษาไทยมา ถึงเวลาต้องเรียนภาษาอังกฤษมันก็เป็น "ของใหม่" หรือเปล่าครับ เคยเรียนเคยใช้ภาษาอังกฤษมา ถึงเวลาต้องไปเรียนภาษาจีน ภาษาฝรั่งเศส ก็เป็น "ของใหม่" หรือเปล่าครับ
ถ้าบอกว่าทุกอย่างมันก็เคยเป็นของใหม่ แปลว่าถ้ามันเรียนรู้ได้ง่ายเท่าการเรียนรู้อันเดิมของเรา เราก็ควรจะทำเหรอครับ
Rational people think at the margin.
ปล. ผมก็เป็นผู้ใช้ลินุกซ์อยู่ เพราะสนใจ เห็นประโยชน์ และมีต้นทุนในการเรียนรู้ไม่สูงมาก (มีเวลาว่างเพียงพอ ไม่มีปัญหากับภาษาต่างประเทศ ฯลฯ) แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะมีเงื่อนไขต้นทุนเดียวกันหมด
เรียนรู้ windows กับ ลีนุกซ์ มันไม่เหมือนกันนะครับ เรียนรู้วินโดว์แป๊บเดียวก็เป็นแระ มีปัญหา เราก็สามารถจัดการเองได้ง่าย แต่ลีนุกซ์นี่สิ เรียนรู้ก็ยากโข มีปัญหา ก็จัดการเองยาก เพราะเป็น Text Mode ในการจัดการ
ตอบอย่างนี้คนอื่นก็รู้หมดสิครับ ว่าคุณไม่เคยใช้ Linux
BioLawCom.De
+1
BioLawCom.De
เอ่อ... ผมเคยไปแข่ง Microsoft Office Olympic ระดับประเทศ ได้คะแนนเต็มโดยไม่ได้อ่านหนังสือหรือเตรียมตัวอะไรไปเลยนะ //ได้ใบเซอร์มาใบนึง
โดยที่ไม่เคยเรียนการใช้งาน Excel จากที่ไหนไปด้วย อาศัยอ่านโจทย์คำสั่งแ้ล้วทำให้มันได้ก็เ่ท่านั้นเอง //รอบนั้นมีคนได้คะแนนเต็มสองคนเอง - -"
ปล.แต่ตอนนี้ก็หันมาใช้ Star Office Calc กับ iWork Numbers ไปด้วยนะ //จับฉ่ายไปหน่อยมั้ยเนี่ย :P
+1 โดยเฉพาะถ้าไม่ใช่งานสายเทคนิค นายจ้างก็ต้องอยากให้งานออกมาดีที่สุดอยู่แล้ว ถ้าลูกจ้างมัวแต่เอาเวลามาศึกษา OO.o (เพราะเป็นของใหม่) คงโดนไล่ออกแหงๆ
ตอนสมัครงาน (อย่างน้อยก็ตำแหน่งของผม) ระบุ Basic Requirement ว่า ต้องใช้ MS-Word, Excel, Powerpoint ได้
ใช้ Internet Explorer ได้
แม้จะไม่ได้ใช้เป็นมาตั้งแต่เกิด แต่ก็เป็นความรู้เดิม และหัดใช้มาตั้งแต่สมัยก่อน ตอนเรียน หรือทำงานใหม่ๆ ไม่ได้เพิ่งมาหัดใช้ตอนนี้ บริษัทไม่ต้องจัดอมรมกันอีก
ดังนั้นถ้าจะมาใช้ของใหม่อย่าง Vista, Office 2007, IE7, OO.o หรือ Firefox มันก็ต้องปรับตัว เรียนรู้กันใหม่บ้าง
แต่ทำไมจะต้องทำอย่างนั้น ในเมื่อของเดิม ก็ใช้ทำงานได้ดีอยู่แล้ว ราบลื่นดี ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ถึงมันจะห่วย และไม่มาตรฐาน
ผมหมายถึง XP, Office 2003, IE6 (ย้ำอีกทีว่า 2003 และ 6)
ซึ่งบริษัทก็คงใช้กันต่อไปชั่วฟ้าดินสลาย จนกว่าไมโครซอฟท์จะเลิก Support โน่นแหละ (หรืออาจจะใช้ต่อไปแม้จะเลิกซัพพอร์ทก็ได้)
ถ้าจะย้ายไป ก็ต้องมาอบรมกันทั้งบริษัทหลายร้อยคน งานสะดุด เสียค่าใช้จ่าย และไม่รู้ว่าจะเจอปัญหาอะไรอีกข้างหน้า ในขณะที่คนส่วนใหญ่ในบริษัทเซ็ตค่าอะไรไม่เป็นสักอย่าง แค่เผลอเปิด Control Panel หรือ Preference มา ก็รีบปิดกันแทบไม่ทันแล้ว
เรื่องที่ต้องเอาใจใส่เรียนรู้ และพัฒนา ของคนที่ไม่ได้ทำงานโดยตรงทางคอมพิวเตอร์ มีเรื่องเร่งด่วน คอขาดบาดตาย และจำเป็นกว่านี้อีกเยอะครับ อย่างเทคนิคการขาย การบริหารงานบุคคล การจัดการงบประมาณ กลยุทธการตลาด การเอาชีวิตรอดจากการเลื่อยขาเก้าอี้ ฯลฯ
การเรียนรู้เรื่องงานพวกนี้ จะเป็นที่รัก และชื่นชอบแก่เจ้านาย มากกว่าไปเรียนรู้เรื่องอื่นที่ นอกสายงานอย่าง Linux, OO.o แน่ๆ
ทำไมต้องเอาเวลาพบลูกค้า หรือเวลาพักผ่อน เวลาเที่ยวกับลูกกับเมีย ไปนั่งหน้าจอ เพื่อเรียนรู้อะไรที่ไม่ได้ช่วยให้ได้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป็นที่รักแก่เจ้านาย และลูกน้อง ทำให้ขายสินค้าได้มากกว่าเดิม หรือทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้นเลย
ก็ในเมื่อโปรแกรมห่วยๆ ที่ใช้อยู่ตอนนี้ มันก็ใช้ได้ดีไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
+10
ก็ยังย้ำอีกว่ายังไงก็ไม่สามารถใช้แทนกันได้อย่างสนิทใจ เนื่องมาจากว่า ความสะดวก ความถนัด ความเป็นมิตร ......
เมื่อหลายปีก่อนผมก็คนนึงที่ได้มีความคิดว่าต้องตามกระแสว่าต้องใช้ลีนุกซ์ ก็หามาใช้ เป็นนักศึกษาครับไม่มีคอมเป็นของตัวเอง กว่าจะได้ใช้ก็ไม่ง่ายพอใช้ไปใช้มาก็ไม่มีเวลาศึกษา เพราะต้องเอาเวลาไปทำอย่างอื่น กว่าจะเปิดงานเก่าที่เคยทำไว้ในวินโดวส์ต้องใช้เวลาพอสมควร บางงานก็เปิดไม่ได้ ผมก็เลยยังใช้วินโดวส์ต่อ
จากนั้นก็ติดตามลีนุกซ์มาตลอด แต่การตัดสินใจในการเปลี่ยนไปใช้ลีนุกซ์ยิ่งยากขึ้น เนื่องจากว่ามีลีนุกซ์ไม่รู้กี่ลีนุกซ์ไม่รู้จะเลือกใช้ตัวไหนดี ตัวนั้นก็ดีอย่างโน้นตัวนี้ก็ดีอย่างนี้ ของต่างประเทศเค้ามีดีๆ มีอะไรใหม่ๆ แต่ว่าใช้งานภาษาไทยไม่ได้ ไอ้ที่ใช้ภาษาไทยบ้านเรามันก็ทำงานได้ไม่สะดวก พิมพ์งานออกทางเครื่องพิมพ์ไม่ได้บ้าง แล้วลีนุกซ์แต่ละที่ก็ไม่เหมือนกันใช้ที่นึงเป็นแบบนึงไปใช้อีกที่ก็เป็นอีกแบบนึง ก็เลยทำให้คิดว่าเป็นแบบวินโดวส์ก็ดีเหมือนกันใช้งานที่ไหนก็ได้ไม่มีปัญหา ใช้ลีนุกซ์เกิดปัญหาต้องไปขอให้คนอื่นเค้ามาดูให้ คนอื่นเค้าก็ต้องมีสิ่งที่เค้าจะต้องทำกว่าจะมีเวลามาดูให้ก็สายเกินไป ผมก็ต้องกลับไปใช้วินโดวส์เหมือนเดิม
นี่เป็นการอธิบายให้ฟังว่าเหตุผลที่ผมไม่ยอมใช้ลีนุกซ์มันเป็นมาอย่างนี้
*** ไม่ได้เป็นการประณามลีนุกซ์ ******
เหตุผลนี้ไปอธิบายให้ผู้ถนัดลีนุกซ์ฟังไม่ได้ครับ คุณจะได้คำตอบที่รุนแรงว่า
"ไร้ปัญญา สมองฝ่อเพราะโดนล้างสมอง"
แล้วเค้าก็จะแนะนำว่ามันไม่ได้ยาก เพียงจะต้องศึกษา จะต้องเรียนรู้ เค้าเองก็ต้องศึกษามาเหมือนกัน (อาจจะศึกษามานานแล้วจนมีความชำนาญ) มันก็หมายถึงว่าเค้าเองก็ไม่มีเวลามาสอนเราทำหรอก เพราะเค้าก็ต้องใช้เวลาไปศึกษาอะไรที่มันมีมาใหม่ๆในลีนุกซ์ หรือกำลังแก้ปัญหาที่มีอยู่
เราเองก็ต้องหาคู่มือมาอ่านเอง คู่มือที่มีอยู่ก็ภาษาไทยก็หาไม่ได้ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ใหญ่เพราะที่เค้าอธิบายก็เป็นลีนุกซ์คนละตัวกับที่เราใช้อยู่ ทำให้เอามาเปรียบเทียบกับวินโดวส์เห็นความแตกต่างว่าคู่มือภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ใช้ได้เหมือนกัน ซึ่งถ้าจะศึกษาลีนุกซ์กันจริงๆจังก็ต้องใช้เวลา คนเราต้องกินต้องนอนต้องเดินทางแล้วจะเอาเวลาไหนไปศึกษา ไปที่ทำงานก็ต้องทำงานมีรออยู่อีกเพียบ
ทุกวันนี้ผมก็ยอมเป็น คนไร้ปัญญา สมองฝ่อ ดีกว่า
ถึงคนที่ Open source แต่ไม่ Open mild
หลังจากนี้คงโดนยำเละ แต่ไม่เป็นไรช่างหัวเรา
พยายามเลือกคำตอบ ที่ไม่น่าจะ Zealot นะครับ และไม่แปะ "ลิงค์นั้น"
สำหรับใช้ Linux แล้ว เป็นโลกที่เปิดกว้างครับ มันถึงมี Distro ได้เป็นพันๆ และแต่ละตัว ก็ไม่ใช่จะเหมือนกันซะทีเดียว เพราะตัวเลือกมากมาย เช่น
Cron
Init
Graphic mode
Log server
และน่าจะมีตัวอื่นๆ อีกที่ไม่ได้กล่าวถึงนะครับ ดังนั้นการที่จะมีหลายตัวไม่ใช่เรื่องน่าแปลกครับ เพราะความต้องการไม่ตรงกัน (และเป็นข้อดีของ Gentoo ที่ไม่เลือกอะไรให้เลยครับ ยกเว้นที่มีคำตอบเดียวที่ work ที่สุด)
ปล. ขอครั้งหนึ่ง ว่าปัญหาที่ท่านกล่าวมาทั้งหมด ผมเชื่อว่าถูกแก้ไปแล้วใน Ubuntu นะครับ
ลองคิดเล่นๆ ดูครับว่าใครจะสอนเราไปได้ตลอด?
ไม่แน่ใจว่าคุณไปโดนประณามจากที่ไหนมาขนาดนั้นนะครับ ที่นี่รึเปล่าครับจะได้ตามไปลบคอมเมนต์ให้ ผมอาจจะหลงหูหลงตาไป
แต่ผมเห็นว่าในนี้ก็พูดกันเสมอๆ ว่าถ้าลินุกซ์มันลำบากสำหรับคุณ ซึ่งไม่แปลกเลย เพราะกับผมเองมันก็ไม่ได้ง่าย และคุณเห็นว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นไปมีค่ามากกว่า นั่นแปลได้ว่าคุณควรจะใช้ซอฟต์แวร์ปิดต่อไปครับ
ใช้ที่เหมาะกับตัวเราดีที่สุดครับ
ในฐานะผู้ใช้ลินุกซ์เต็มเวลา วันหนึ่งที่ผมมีรายได้มากกว่านี้ผมก็ตั้งใจว่าผมจะซื้อ วินโดว์+Visio มาใช้งานถ้ามันยังไม่มีโปรแกรมตัวอื่นบนลินุกซ์
ปล. ผมอิจฉาเด็กมหิดลมากครับ ที่ ม. ซื้อ site-license ของ Visio ให้
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ไม่ใช่ที่นี่หรอกครับ ที่เว็บของ opentle ครับทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้ไปบอกว่าผมไม่ใช่ลีนุกซ์เพราะว่าเหตุผลใดที่ไหนอีกเลยนอกจากที่นี่ เพราะผมว่าที่นี่คงเป็นที่ยอมรับฟังความคิดของผม
ส่วนใหญ่มักจะใช้คำพูดปกติไม่รุนแรง แต่จะเจอคำตอบประมาณว่าให้ไปหาเอาเอง โดยเฉพาะบ่อยครั้งที่คำถามนั้นไม่ได้ง่ายขนาดที่ user มือใหม่ทั่วๆไปจะเข้าใจได้ง่ายๆ
ป.ล. ผมเจอบ่อยนะ แต่ไม่เคยจำลิงก์ไว้ คราวหน้าถ้าไม่ลืมจะเอามาบอกกันครับ
ผมเคยใช้วินโด้วส์อยู่ช่วงหนึ่ง แล้วเปลี่ยนมาเป็นอูบุนตู วันหนึ่งผมใช้คอมพิวเต้อร์ที่คณะพิมพ์งาน ด้วยไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ 2007 ผมเจอริบบ้อนเป็นครั้งแรกแล้วงงกับมันมาก จะหาเมนูอะไรก็ใช้เวลามาก มันก็เรื่องของการเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งนั้น
ที่พูดมาก็ถูกต้องที่สุดครับว่ามันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยชิน มันยาก ซึ่ง
แสดงว่าบางบริษัทน่าจะยังใช้ Windows 98 กับ Office 97 อยู่เพราะเสียเวลาเปลี่ยน ค่าใช้จ่ายก็เยอะ
เปลี่ยนไปเวอร์ชั่นใหม่ กับเปลี่ยนไปโปรแกรมใหม่ มันคนละเรื่องกันครับ
ผมแทบไม่รู้สึกเลยว่าต้องเรียนรู้อะไรเพิ่ม ตอนใช้ 98 ไป Me และ XP
แต่ผมรู้สึกเหมือนต้องเรียนรู้อะไรใหม่หมด เมื่อผมไปใช้ UBUNTU
ซึ่งปัจจุบันผมก็พอใช้ UBUNTU เป็นแล้ว แต่ก็ต้องกลับมาทำงานบนวินโดวส์
แล้วความเคยชินจากที่ใช้ UBUNTU อยู่เดือนเศษ ทำให้ผมต้องเสียเวลาปรับตัวกลับมาวินโดว์ รวมกันหลายชั่วโมง
และที่คุณพูด ไม่ผิดหรอกครับ
บางบริษัทยังใช้ Win98 และ IE 5.5
คิดว่าเวลาทำงานเราใช้ Application มากกว่าเข้าถึง OS ในเชิงลึกครับ เช่น งานเอกสารเราก็ใช้ Office suit ต่างๆ เช่น MS Office หรือ OpenOffice
ถ้าจะพูดถึงความเคยชินและการปรับตัวผมคิดว่า MS Office 2007 หน้าตาและเมนูต่างๆ ต่างกันกับ MS Office 2003 มากกว่า OpenOffice 3.0 บนวินโดวส์มากกว่าเสียอีกครับ
ผมว่าไม่แปลกเลยนะ หลายบริษัทมีนโยบาย n-1 อัพเกรดเป็น XP ตอน Vista ออก นอกจากความแพงแล้วยังมีเรื่องของความเสถียรด้วยน่ะครับ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
มันเป็นการพัฒนาที่เหนือกว่าไปอีกขั้นนึง 555
มัวแต่อภิปรายประเด็นย่อย ลืมประเด็นหลัก กลับมาตอบให้
ถ้าถามว่าใช้แทนได้ไหม..
ในทางเทคนิคผมว่าเกินกว่า 95% ของงานที่ทำกันทั่วๆ ไป opensource ทำ "ได้" เทียบเท่าสบายมากครับ หรือทำได้ดีกว่า หรือแย่กว่าในบางส่วนเล็กๆ น้อยๆ
มีงานบางอย่างเท่านั้น ที่ผูกติดกับวินโดว์ส หรือ แมค อยากแยกได้ยาก ที่บ้านผม เครื่องที่ทำงานประจำ ก็ใช้ Ubuntu ก็เชื่อม Workflow กับงานที่บริษัทของผมได้ไม่มีปัญหา งานจัดการรูปถ่ายจากกล้อง Olympus ของผม ก็ทำได้ดี ที่ขาดไปก็แค่การแปลงไฟล์ RAW จากกล้อง Sigma SD14 เท่านั้น ที่ dcraw ไม่รองรับ
แต่ในทางปฏิบัติ ก็อย่างที่ผมยกตัวอย่างแหละครับ มันมีปัญหาอื่น ที่ไม่ใช่ปัญหาทางเทคนิคมาเป็นสิ่งกีดขวาง
อย่างความเคยชิน การอบรม การค้นคว้าเรียนรู้ และปัญหาพวกนี้มันก็แก้ได้ยาก ใช้ต้นทุน และเวลาสูง จนไม่คุ้มค่า ไปจนถึงขั้นแก้ไม่ได้เลยในระดับองค์กรใหญ่
ผมมองว่าความคุ้มค่าไม่คุ้มค่ามันเป็นเรืองที่เปลี่ยนแปลงไปตามแต่หน่วยงานนะครับ หลักๆ เลยเท่าที่เห็นผมมีประมาณนี้ครับ
ของพวกนี้มันเป็นทางเลือกครับ ไม่มีทางไหนดีกว่ากัน แค่เลือกที่ดีที่สุด ดูข้อมูลอย่างรอบคอบก็น่าจะโอเคแล้ว
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
อันนี้เป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่บางคนบ้าขนาดอยากให้บังคับใช้ Free software ขำไหม
คำตอบอันนั้นกลางๆ ทั่วไปนะครับ แต่ถ้าหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะผมจะตอบอีกแบบ
ไม่ใช้ว่าเป็นรัฐแล้วต้องใช้โอเพนซอร์สนะครับ แต่เป็นร้ฐแล้วต้องสนับสนุนการแข่งขัน
รัฐไม่สามารถเลือกซอฟต์แวร์ที่ทำงานได้สะดวกที่สุดได้ แต่ต้องเลือกซอฟต์แวร์โดยคำนึงถึงการแข่งขันของภาคเอกชน และเพื่อความมั่นคงอีก
รัฐไม่ได้โดนบังคับให้ใช้ซอฟต์แวร์เสรี แต่รัฐต้องโดนบังคับให้ทุกทางเลือกเป็นทางเลือกที่เท่าเทียมครับ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
:
น่าคิด ??
@watcharate.w
Openoffice ไม่ตรวจคำผิดภาษาไทยให้ (dict แย่มากๆ) แค่ข้อเดียวก็ทำให้คนเลิกใช้ Openoffice แล้วครับ
อย่าลืมว่าผู้ใช้งานคอมฯส่วนใหญ่จริงๆแล้ว เป็น"ผู้ใช้"แท้ๆครับ อันไหนไม่รู้คือไม่รู้จริงๆ สิ่งที่ไม่เข้าใจคือไม่เข้าใจจริงๆ
สิ่งที่หลายๆท่านบอกว่าต้อง "เรียนรู้ๆ มันไม่ได้ยาก ผมเองก็เรียนรู้มาตลอด ฯลฯ" มันใช้ไม่ได้กับทุกคนครับ(ขอย้ำเน้นๆ) โดยเฉพาะกับคนส่วนใหญ่เหล่านั้น เพราะสิ่งที่เค้าต้อง focus หลักๆในการใช้ชีวิตนั้นมันก็ไม่เหมือนคุณๆหรือผมที่นั่งอยู่ตรงนี้
ส่วนคำตอบสำหรับหัวข้อนี้ ผมขอตอบว่าไม่สนิทใจแน่นอนครับ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สถานการณ์ที่จะใช้, หน้าที่การงาน, การติดต่อสื่อสารกับองค์กรคู่ค้าที่ไม่ได้ใช้ os เหมือนเรา ฯลฯ ... รวมถึงตัวคนใช้เองด้วยครับ
ข้อแสดงความคิดเห็นบ้างครับ
ผมเคยลอง Ubuntu มาตั้งแต่ 7.04 ตอนนี้ 8.10
เคยแนะนำให้คนอื่นๆใช้แนะนำไปประมาณ 9-12 คน
ตอนนี้กลับไปถามเค้าบอกไม่ได้ใช้แล้ว สาเหตุหล่ะ ?
แฟนผม : "นี่เค้าจะดู VCD ทำไมเปิดแผ่นไม่ได้อ่ะ" (default program คือ TOTEM มีปัญหาเปิด VCD ไม่ได้) ปัญหาแค่นี้เพียงพอที่จะทำให้แฟนผมไม่ใช้ Linux อีกต่อไป ด้วยคำพูดทิ้งท้ายว่า "ใช้ Windows ก็ดีอยู่แล้ว"
เพื่อน A : "เฮ้ย งานที่รับมาจากคนอื่น ทำไมเปิดแล้ว Font ไม่ตรงวะ"
-- "ก็ลงเพิ่มดิ"
เพื่อน A : "ลงยังไงวะ"
-- "ก็ก๊อปลงไปไว้ที่ /usr/..... sudo เปิด Filemanager ก่อนถึงจะกอ๊ปลงไปได้นะ"
เพื่อน A : "แล้วกูต้องรู้เรื่องพวกนี้ด้วยหรอ กูว่ากูใช้ Windows เหมือนเดิมดีกว่า"
อันนี้เป็นตัวอย่างนะครับ ซึ่งมันสท้อนอะไรหลายๆ อย่าง ที่ว่า ต่างคนก็ต่างปัญหา
แล้วขึ้นชื่อว่า "ปัญหา ก็ไม่มีใครอยากเจอ พอเจอก็ถอย สรุปตอนนี้ผมก็กลับมาใช้ Windows เหมือนกัน
ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง เอาเป็นว่าผมคิดว่า ยังไงซะ Linux ก็ยังยากที่จะมาแทนที่ Windows ได้อยู่ดี
ปล ผมมีเพื่อนที่เป็นคน ต่างชาติ อยู่พอสมควรพอถามว่า ที่ประเทศ you เค้าใช้ linux กันเยอะมั๊ยคำตอบที่ได้ ก็คือ "No no no"