Gurman รายงาน, Apple อาจเปิดขาย Vision Pro ในสหรัฐฯ ปร […] More
The post Apple อาจเปิดขาย Vision Pro ในสหรัฐฯ มี.ค. 2024 ช้ากว่าที่วางแผนไว้ appeared first on iMoD.
หลุดภาพถ่ายตัวต้นแบบแบตเตอรี่ของ iPhone 16 Pro โดยตัวแบ […] More
The post เผยภาพถ่ายต้นแบบ (Prototype) ชิ้นส่วนแบตของ iPhone 16 Pro ใช้กรอบโลหะ ความจุแบตเพิ่มขึ้น! appeared first on iMoD.
รายงานข้อมูลระบุว่า Apple กำลังเตรียมทดสอบ iOS 17.1.2 เ […] More
The post Apple ทดสอบ iOS 17.1.2 เน้นแก้ปัญหาต่าง ๆ คาดปล่อยอัปเดตสัปดาห์หน้า appeared first on iMoD.
iPhone 16 Pro รุ่นจอ 6.3″ คาดใช้ Tetraprism กล้อง […] More
The post iPhone 16 Pro ลือมี Tetraprism กล้อง Telephoto เหมือน Pro Max ซูมออปติคัลได้ 5 เท่า appeared first on iMoD.
สื่อรายงานว่า Apple หยุดลงโฆษณาที่ X ชั่วคราว เหตุเพราะ […] More
The post Apple หยุดลงโฆษณาที่ X เหตุเพราะ Elon Musk โพสต์ต้านชาวยิว appeared first on iMoD.
Mark Gurman เผยว่า Apple อาจจะกำลังซุ่มพัฒนาชิป Cellula […] More
The post Apple ซุ่มพัฒนาชิป Cellular สำหรับ MacBook, คาดเริ่มใช้ปี 2028 appeared first on iMoD.
หลังจากมีข่าวลือมามากมายเกี่ยวกับ iPhone 16 ทั้งวัสดุ ฟีเจอร์ และดีไซน์ต่าง ๆ ซึ่งครั้งนี้ก็มีภาพดีไซน์แบตเตอรีใหม่ของ iPhone 16 ออกมาให้เห็นเช่นกัน พร้อมวัสุดแบบ Glossy Meta ขนาดความจุอยู่ที่ 3,355 mAh ด้วยครับ
Phone will be a heavier, but not because of this.
It’s gonna be bigger (screen grows from 6.1 to 6.3).
— The Apple Guy Pro (@Polidalberg) November 20, 2023
ซึ่งแอคเคานท์ X อย่าง @KosutamiSan ได้เผยภาพดีไซน์ของแบตเตอรีให้ดู แม้จะเป็นเพียงแค่การดีไซน์ช่วง Early Stage เท่านั้น แต่ก็ทำให้เห็นความแตกต่างได้ว่ามันมีความมันวาวกว่าเดิม แต่ตอนนี้โปรโตไทป์ก็มีเปลี่ยนมาเป็นแบบ Frosted Metal แทนด้วย
แต่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดก็คงไม่จาก Black Foil ที่ใช้กับไอโฟนทุก ๆ รุ่น มาเป็นแบบ Meta Shell เช่นเดียวกับ Apple Watch เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนของแบตเตอรีให้ดีขึ้น โดยไม่กระทบต่อน้ำหนักของเครื่อง และไม่ต้องกังวลว่าตัวเครื่องจะหนักขึ้น
ซึ่งคาดว่าตรงกับข่าวลือว่าแอปเปิลจะเปลี่ยนระบบระบายความร้อนใหม่บน iPhone 16 ด้วย โดยรุ่นปกติจะใช้กราฟีน อย่างที่แอปเปิลเคยทำเรื่องจดสิทธิบัตรวัสดุสำหรับระบายความร้อนในอุปกรณ์ไว้ และมีแค่ iPhone 16 Pro ที่จะใช้ Metal Shell
ที่มา – MacRumors
The post โชว์ภาพดีไซน์แบตเตอรี Early Stage ของ iPhone 16 ใช้วัสดุแบบ Glossy ความจุขนาด 3,355 mAh appeared first on Macthai.com.
Balenciaga แบรนด์หรู แบรนด์ดังที่ใครๆ ก็เชื่อมือ
ล่าสุดออกคอลเลกชั่นใหม่ Spring 24 มีกระโปรงทรงผ้าขนหนูมานำเสนอด้วย (Towel Skirt) ผลิตด้วยฝ้าย 100% สวมใส่ได้ทั้งชายและหญิง ผลิตจากประเทศอิตาลี ด้วยราคา 925 เหรียญหสรัฐ หรือประมาณ 32,488 บาท ออกแบบโดยดีไซเนอร์ Demna Gvasalia
นี่ไม่ใช่สินค้าชิ้นแรกของ Balenciaga ที่ทำให้คนต้องประหลาดใจทั้งรูปแบบและราคา ก่อนหน้านี้ก็เคยปล่อยสนีกเกอร์ที่มีรูปทรงทรุดโทรมเต็มที่ มีร่องรอยเหมือนใส่มาแล้วหลายปี ไปเดินขึ้นเขามาหลายหน ผ้าที่ห่อหุ้มรองเท้าก็ขาดหลุดรุ่ย มีรูโหว่ ด้วยราคาคู่ละ 1,850 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 64,976 บาท
ยังไม่จบ ยังมีกระเป๋าทรงถุงขยะอีก กระเป๋าทรงถุงขยะที่อยู่ในมือคนแล้วให้ความรู้สึกว่ากำลังไปทิ้งขยะหรือเพิ่งทำงานบ้านเสร็จ เตรียมไปทิ้งขยะต่อ นี่ก็มาด้วยสนนราคา 1,790 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 62,869 บาทมาแล้ว
อย่างไรก็ดี สำหรับกระโปรงทรงผ้าขนหนูไว้ห่มหลังอาบน้ำเสร็จนี้ มีคนนำไปเปรียบเทียบกับผ้าขนหนูไว้ห่มคาดเอวเหมือนกันแต่มีกระเป๋าให้ด้วย วางขายใน Amazon แต่นั่นมีราคาเพียง 21.99 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 772 บาท
ที่มา – Business Insider (1), (2), (3)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post มาอีกแล้ว! กระโปรงทรงผ้าขนหนู จากแบรนด์หรู “Balenciaga” ด้วยราคาตัวละ 3 หมื่นกว่าบาท first appeared on Brand Inside.Apple พิจารณาพัฒนาเซ็นเซอร์กล้อง iPhone เป็นของตัวเอง เ […] More
The post Apple อาจพัฒนาเซ็นเซอร์กล้อง iPhone เป็นของตัวเอง เพราะเป็นจุดขาย iPhone appeared first on iMoD.
สำหรับใครที่กำลังรอข่าวเกี่ยวกับ iPhone 16 ตอนนี้ได้มีข […] More
The post มัดรวมข่าวลือ iPhone 16! appeared first on iMoD.
อัจจนา ล่ำซำ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตรวจสอบแบบจำลองและวิเคราะห์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ปี 2566 สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ หดตัวเล็กน้อยที่ 0.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เนื่องจากภาคธุรกิจ (โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ธุรกิจขนาดใหญ่กลุ่มส่งออกและภาครัฐ) ทยอยชำระคืนหนี้หลังจากช่วง COVID-19 มีการเสริมสภาพคล่องผ่านสินเชื่อ
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ส่วนของสินเชื่อธุรกิจยังขยายตัวได้โดยหลักในธุรกิจกลุ่มโฮลดิ้ง และก่อสร้าง ขณะที่สินเชื่อรายย่อยขยายตัวชะลอลงในเกือบทุกพอรตสินเชื่อ ได้แก่
เมื่อบวกผลจากการโอนธุรกิจสินเชื่อบัตรเครดิตและส่วนบุคคล (ที่มีการโอนจากธนาคารไปยังบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง) พบว่า สินเชื่อบัตรเครดิตในไตรมาส 3 ปี 2566 จะทรงตัวที่ 4.4% ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลยังโตชะลอตัวที่ 7.9% (จากไตรมาสก่อนหน้าเติบโตที่ 9.5%)
อย่างไรก็ตามพบว่า ภาพรวมหนี้เสีย หรือ NPL (ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ stage 3) ในระบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 494,600 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 2.70% โดยแบ่งเป็น
ทั้งนี้ ไตรมาส 3 ปี 2566 คุณภาพสินเชื่ออุปโภคบริโภคปรับตัวแย่ลงในทุกประเภท (สินเชื่อที่อยู่อาศัย, สินเชื่อรถยนต์, สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล) ขณะที่สัดสวนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (stage 2) อยู่ที่ 5.84% ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ 6.08%
ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ดังนั้น ในภาพรวมพบว่าระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสํารอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง โดยผลการดำเนินงานยังปรับตัวดีขึ้นจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แม้ต้นทุนทางการเงินปรับเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินรับฝาก และ FIDF Fee กลับสู่ระดับปกติ รวมถึงค่าใช้จ่ายดําเนินงานและค่าใชจ่ายสํารองที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ หากเทียบไตรมาสกอน กําไรสุทธิปรับลดลง จากการลดลงของรายได้เงินปันผลตามปัจจัยฤดูกาล และกําไร FVTPL ที่ลดลงจากผลขาดทุนจากการขายตราสารอนุพันธ์เป็นสําคัญ
ขณะที่หนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในไตรมาส 2 ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 90.7 ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปยังต้องติดตามความสามารถในการชําระหนี้ของ SMEs และ ครัวเรือนบางกลุ่มที่ยังมีฐานะการเงินเปราะบางจากรายได้ที่ฟื้นตัวช้า
ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post แบงก์ชาติเผยไตรมาส 3/66 ธนาคารพาณิชย์สินเชื่อหดตัว 0.9% คุณภาพหนี้สินเชื่อรายย่อยแย่ลงทุกกลุ่ม first appeared on Brand Inside.สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์หนี้สินของภาคธุรกิจทั่วโลกและของไทย (จาก Global Debt Monitor ของ Institute of International Finance) พบว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 หนี้สินของประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 307.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 335.9% ต่อ GDP นับเป็นระดับสูงที่สุดตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลในปี 2542
ทั้งนี้ การก่อหนี้ของประเทศต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นมากตั้งแต่ช่วงวิกฤต COVID-19 ในปี 2563 ซึ่งหากดูโครงสร้างหนี้สินของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย มีสัดส่วนที่ต่างกัน ได้แก่
ที่มา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รวบรวม
ทั้งนี้ ด้านหนี้สินของไทย จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า หนี้สินของภาคธุรกิจ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 79.6% ต่อ GDP เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงก่อน COVID-19 ที่อยู่ระดับ 70.3% ต่อ GDP
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาอัตราการขยายตัวของทั้งสินเชื่อและตราสารหนี้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 เทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 พบว่า ภาคเอกชนยังคงระดมทุนต่อเนื่องโดยมีการจัดหาเงินทุนด้วยตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่มีการกู้ยืมเงินผ่านสินเชื่อลดลงต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเนื่องจากการจัดหาเงินทุนในตลาดตราสารหนี้มีต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่ด้วยภาวะการผิดนัดชำระของผู้ออกตราสารหนี้ในหลายบริษัท ทั้งจากปัญหาด้านธรรมาภิบาลหรือปัญหาด้านสภาพคล่องของบริษัทผู้ออกตราสารหนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ดังนั้น ภาคธุรกิจที่จัดหาเงินทุนจากตลาดตราสารหนี้จึงมีแนวโน้มที่จะเผชิญ ความเสี่ยงในการจัดหาเงินทุนในระยะต่อไป
ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 3 ปี 2566 เมื่อพิจารณาสินเชื่อตามขนาดของธุรกิจพบว่า สินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ในระบบธนาคารพาณิชย์ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ที่ระดับ 2.7%YoY ขณะที่สินเชื่อธุรกิจ SMEs อยู่ที่ติดลบ 5.2%YoY ซึ่ง ลดลงต่อเนื่องนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 เพราะเผชิญทั้งข้อจำกัดในการระดมทุนทั้งผ่านสินเชื่อ และตราสารหนี้ รวมถึงหนี้ NPL หรือหนี้เสียของกลุ่ม SMEs ยังทรงตัวในระดับสูง และยังมีความเสี่ยงจากปัญหาในกชำระหนี้โดยเฉพาะธุรกิจที่ยังได้รับแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้นและยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่
หมายเหตุ
ณ ไตรมาส 2 ปี 2566 สินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ พบว่า สัดส่วน NPL ของธุรกิจขนาดใหญ่อยู่ที่ 1.6% ขณะที่ธุรกิจ SMEs อยู่ที่ 7.3%
ที่มา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post สภาพัฒน์ อัพเดทสถานการณ์หนี้ทั่วโลก ชี้หนี้ธุรกิจยังสูง-ภาคธุรกิจไทยพุ่ง 79.6% ต่อ GDP first appeared on Brand Inside.สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผย สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 2566 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เติบโต 1.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งถือว่าเติบโตช้าลงจากไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ที่อยู่ระดับ 1.8%YoY สาเหตุเนื่องจากการส่งออกสินค้าที่ลดลง ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐยังลดลงเพราะ การใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ลดลง
ทั้งนี้ ด้านบริการรับ มูลค่าที่แท้จริงเพิ่มขึ้น 23.1% ตามนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และการอุปโภคบริโภคของครัวเรือนขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนที่เร่งขึ้น
ขณะที่ ด้านการผลิต ไตรมาส 3 ปี 2566 พบว่า ภาคเกษตรขยายตัว 0.9%YoY และภาคนอกเกษตร ขยายตัว 1.5%YoY ทั้งภาคเกษตรและ ภาคนอกเกษตรเติบโตในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ส่วนภาคอุตสาหกรรมลดลง 2.8%YoY เนื่องจากการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมลดลงตามความต้องการของตลาดต่างประเทศ
ด้านการใช้จ่าย ไตรมาส 3 ปี 2566 พบว่า
ขณะที่การลงทุนรวม เพิ่มขึ้นที่ 1.5%YoY เร่งตัวขึ้นจากไตรมาส 2 ปีนี้ เนื่องจากการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มสูงขึ้น (3.1%YoY) ทั้งด้านก่อสร้าง, เครื่องจักรเครื่องมือ แต่การลงทุนภาครัฐยังลดลงที่ 2.6%YoY (แบ่งเป็นการลงทุนรัฐบาลลดลง 3.4% การลงทุนของรัฐวิสาหกิจลดลง 1.4%)
ขณะที่ด้านการส่งออก ไตรมาส ปี 2566 พบว่าทั้งการนำเข้าและส่งออกยังปรับตัวลดลง
ที่มา สภาพัฒน์
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทย 9 เดือนแรกปี 2566 ขยายตัว 1.9%YoY โดยมีตัวเลขที่น่าสนใจ ได้แก่
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ในภาพรวมคาดว่าจะขยายตัว 2.5%YoY ถือว่ายังต่อเนื่องจากปี 2565 ที่ผ่านมา โดยประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 1.4% และดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 1.0% ของ GDP ทั้งนี้มองว่าเศรษฐกิจโลกปี 2566 นี้จะชะลอลงจากปี 2565 เช่นกัน
ขณะที่ แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2567 คาดการร์ว่า GDP จะมีขยายตัวในกรอบ 2.7 – 3.7% (ค่ากลางอยู่ที่ 3.2%) โดยมีปัจจัยหนุน 3 ข้อ ได้แก่
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2567 การอุปโภคบริโภคจะขยายตัว 3.2% และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 2.8% ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้ำในรูปดอลลาร์สหรัฐจะขยายตัว 3.8% สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ในช่วง 1.7 – 2.7% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1.5% ของ GDPที่มา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post สภาพัฒน์ เผย GDP Q3/66 อยู่ที่ 1.5% เหตุส่งออกลด จากโลกชะลอตัว – การใช้จ่ายรัฐยังลดลง first appeared on Brand Inside.ใครที่อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นฟรี วันนี้ทีมงานมีเว็บ IRODOR […] More
The post IRODORI เว็บเรียนภาษาญี่ปุ่นฟรี แถมโหลดไฟล์เอกสาร, เสียงได้ด้วย appeared first on iMoD.
ใครที่ติตดามและรอคอย iPad รุ่นใหม่อยู่ วันนี้มีข้อมูลจา […] More
The post เผยข้อมูล iPad หน้าจอ OLED ในอนาคตจาก ET News appeared first on iMoD.
ย้อนดูผลสำรวจจาก BMHH (โรงพยาบาลเอกชนด้านจิตเวช Bangkok Mental Health Hospital: BMHH) หลัง BMHH ให้บริการมาแล้วกว่า 3 เดือน ผลลัพธ์ดังนี้
คนที่เข้ารักษากว่า 70%
-เป็นโรคซึมเศร้า
-เป็นโรควิตกกังวล
-เป็นโรคเครียด
โดยช่วงอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 25-40 ปี สอดรับกับเทรนด์ด้านสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ โดย พญ.ปวีณา ศรีมโนทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวช (BMHH) ระบุว่า ตัวเลขผู้ป่วยจิตเวชที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล BMHH ซึ่งเปิดเมื่อสิงหาคม-พฤศจิกายน ระยะเวลากว่า 3 เดือน มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจำนวนกว่า 1,000 ราย
พบว่า อันดับ 1 โรคทางจิตเวชที่เข้ารับการรักษา คือโรคซึมเศร้า อันดับ 2 คือโรควิตกกังวล อันดับ 3 คือผู้ที่มีความเครียดสูงและต้องการคำปรึกษาจากจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว ปัญหาคู่ครอง ปัญหาเรื่องการทำงาน
ส่วนอันดับ 4 และ 5 คือโรคแพนิคและโรคไบโพลาร์
นอกจากนี้ อายุเฉลี่ยที่รับการรักษาอยู่ที่ 25-40 ปี ซึ่งเป็นช่วงชีวิตที่มีความเสี่ยงต่อการมีปัญหาสุขภาพจิตมากที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงอายุที่เริ่มวางแผนชีวิตจริงจัง มีความคาดหวังในการแต่งงาน มีลูก มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตค่อนข้างมาก รวมทั้งสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันที่มีความเครียด ความกดดัน มีการแข่งขัน และมีความคาดหวังสูง
ปัจจุบัน จะพบลักษณะของผู้รับบริการที่มีปัญหาสุขภาพจิตหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ไม่เฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคทางจิตเวช เช่น โรคจิตเภท มีอาการหูแว่ว เห็นภาพหลอน, โรคทางอารมณ์ เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล แพนิค, ภาวะการปรับตัวผิดปกติ หรือกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพ
ยังพบว่าผู้ที่มารับบริการในปัจจุบันเพิ่มเติม คือ กลุ่มที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรค แต่ต้องการคำปรึกษาจากจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา ได้แก่ ผู้ที่มีความเครียด มีความไม่สบายใจ แก้ปัญหาด้วยตนเองไม่ได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่คนส่วนใหญ่เห็นว่าการพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเป็นเรื่องปกติ
พญ. ปวีณา ระบุว่า อาการป่วยของผู้ป่วยด้านจิตเวชเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคซึมเศร้า พบว่าเกิดจากสารเคมีในสมองที่มีความไม่สมดุล ทำให้ผู้ป่วยมีอารมณ์เศร้าผิดปกติ การรักษาด้วยยาเพื่อช่วยปรับสารเคมีในสมองจึงเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบันมียาชนิดใหม่ๆ มากขึ้น ร่วมกับการรักษาด้วยการทำจิตบำบัด หรือพฤติกรรมบำบัด ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยด้วย
แนวทางของ BMHH นั้นมีการวางแผนเฉพาะบุคคลร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ ได้แก่ จิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก พยาบาลเฉพาะทางและเภสัชกร โดยผู้รับบริการจะได้รับการประเมินและทำแบบทดสอบเบื้องต้นจากพยาบาล จากนั้นจิตแพทย์จะวินิจฉัยจากการสอบถามข้อมูลต่างๆ จากผู้ป่วยหรือญาติ ร่วมกับแบบประเมิน แบบทดสอบต่างๆ และวางแผนรักษา ขณะที่นักจิตวิทยาคลินิกจะช่วยในการทำจิตบำบัดหรือพฤติกรรมบำบัด และทีมเภสัชกรจะดูแลเรื่องการรับประทานยา ผลข้างเคียงการใช้ยา กรณีมีโรคประจำตัว เภสัชกรจะคัดกรองยาที่ห้ามรับประทานร่วมกัน เป็นต้น
โรคทางจิตเวชนั้นเป็นโรคที่รักษาได้ เป็นโรคของความรู้สึก พฤติกรรม ความคิด แตกต่างจากโรคทางกายทั่วไป ต้องสังเกตให้ลึกซึ้ง มองหาต้นเหตุของการป่วยว่ามีปัจจัยอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่น สิ่งแวดล้อมที่ผู้ป่วยใช้ชีวิตอยู่เป็นอย่างไร มีพฤติกรรมบางอย่างที่ผู้ป่วยทำเป็นประจำ และส่งผลดีต่อตัวเองหรือไม่ การวินิจฉัยและการรักษาต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง นอกจากทานยาแล้วอาจต้องปรับความคิด ปรับพฤติกรรมบางอย่าง ไม่ใช่แค่พบจิตแพทย์ทานยาแล้วจบ ต้องดูแลชีวิตต่อว่าเขาจะอยู่ต่ออย่างไร ใช้ชีวิตในสังคมได้หรือไม่ ญาติพี่น้องมีความเข้าใจ ช่วยเหลือผู้ป่วยได้แค่ไหน
ต้องหมั่นสำรวจและทำความเข้าใจอารมณ์ตัวเอง รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง ยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเอง บริหารจัดการอารมณ์ ความเครียด หากต้องการความช่วยเหลือ ควรรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ หรือ นักจิตวิทยา เพื่อขอคำแนะนำ ไม่ให้เกิดความเครียดสะสมจนกระทบต่อร่างกายและจิตใจ
ที่มา – BMHH
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post ผลสำรวจพบ คนไทยป่วยด้านจิตเวชเป็นโรคซึมเศร้า อันดับ 1 ตามด้วยวิตกกังวลและเครียด first appeared on Brand Inside.แอปเปิลวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีจอแสดงผล OLED ใหม่มาใช้กับอุปกรณ์ใหม่ที่จะเปิดตัวให้ครบทั้ง 9 ภายในปี 2027 ตามรายงานใหม่จาก ET News สื่อเทคโนโลยีของไต้หวันครับ
ซึ่งนอกจาก iPad Pro รุ่นใหม่ในปีหน้าที่จะได้ใช้จอ OLED ใหม่ของแอปเปิลแล้ว แอปเปิลก็จะนำมาใช้กับ iPad mini และ iPad Air ปี 2026 ด้วย แม้ว่าจอ iPad Air จะมีขนาด 10.9 นิ้ว แต่หน้าจอของ iPad mini จะขยายจาก ขนาด 8.3 นิ้วไปเป็น 8.7 นิ้วในปี 2027 ด้วย
โดยแอปเปิลแพลนจะจอ OLED แบบโพลีคริสตัลไลน์ออกไซด์ (LTPO) อุณหภูมิต่ำสำหรับ iPad Pro และแบบโพลีคริสตัลไลน์ซิลิคอนอุณหภูมิต่ำ (LTPS) กับ iPad mini และ iPad Air ซึ่งหมายความว่า ProMotion ที่มีอัตราการรีเฟรชสูง 120Hz ยังคงเป็นเอกสิทธิ์ของอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ต่อไป
และในปี 2027 แอปเปิลก็จะอัปเกรดจอ OLED สำหรับ iPad Pro ให้มีประสิทธิภาพแสงที่ดีขึ้นผ่าน Color Filter on Encapsulation (CoE) แต่ลดการใช้พลังงานลงประมาณ 20% เพราะการใช้ CoE ช่วยให้แอปเปิลสามารถใช้เทคโนโลยีกล้องใต้จอบนไอแพดเป็นครั้งแรกได้ด้วย
ส่วนในปี 2025 แอปเปิลก็ตั้งใจจะนำจอ OLED ไปใช้กับ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว ตามด้วยรุ่น 14 นิ้วในปี 2026 ส่วน MacBook Air รุ่น 13 และ 15 นิ้ว จะเปลี่ยนจากจอ LCD มาเป็น OLED ในปี 2026 เช่นกัน ซึ่งจอ OLED จะช่วยให้ความสว่างจอเพิ่มขึ้น อัตราคอนทราสต์ที่สูงขึ้น ความแม่นยำของสีเพิ่มขึ้น แต่ประหยัดพลังงาน และบางเบากว่าเมื่อเทียบกับจอ LCD
โดยแอปเปิลได้ใช้จอ OLED ไปกับโมเดลของ iPhone และ Apple Watch ไปแล้ว ยกเว้น iPhone SE ซึ่งจอ OLED จะมีความบาง และน้ำหนักกว่าซึ่งเป็นประโยชน์กับสาวกไอแพดแน่นอนครับ
ที่มา – MacRumors
The post [ลือ] Apple แพลนจะนำจอ OLED มาใช้กับ 9 อุปกรณ์ใหม่ทั้งหมดภายในปี 2027 appeared first on Macthai.com.
ถือเป็นข่าวดีสำหรับเหล่าสาวกที่รอคอยให้แอปเปิลรองรับ RCS หรือ Rich Communication Services ที่จะทำให้การส่งไฟล์ แชตกลุ่มเอยใดระหว่าง iOS ไป Android ได้ แม้กูเกิ้ลจะพยายามดันให้แอปเปิลเปิดใจ และใช้ระบบนี้มานานตั้งแต่ปี 2015 แล้วก็ตาม
ซึ่ง RCS นับเป็นการส่งข้อความแบบใหม่ที่สะดวกกว่า SMS เพราะมีฟีเจอร์แชต วิดีโอคอล และแชร์ไฟล์ต่าง ๆ เหมือนกัน ต่างกันที่ RCS สามารถใช้ข้ามระบบปฏิบัติการได้ นี่จึงนับว่าหวานหมูกับผู้ใช้ที่ใช้ทั้ง iOS และ Android เลยก็ว่าได้ครับ
แม้การตัดสินใจนี้ของแอปเปิลจะเกิดขึ้นท่ามกลางงแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลและคู่แข่งอย่างกูเกิ้ล หรือซัมซุงก็ตาม แต่ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าระบบ RCS นั้นพัฒนาอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นแพลตฟอร์มทำงานข้ามแพลตฟอร์มที่เติบโตมากกว่าที่เคยเป็นมา
โดย RCS ของแอปเปิลจะทำงานเสริมให้กับแอป iMessage ด้วย ซึ่งทำให้ iOS ส่งไปหา Android และ Android ส่งไปหา iOS ได้นั่นเอง รวมถึงทำให้ผู้ใช้สามารถแชร์ตำแหน่งของตัวเอง และทำงานผ่าน Mobile Data หรือ Wi-Fi ก็ได้
ซึ่งแอปเปิลจะเริ่มระบบใหม่นี้ในปี 2024 และทางตัวแทนของฝั่งกูเกิ้ลเองก็ออกมาแสดงความยินดีที่จะได้มีส่วนร่วมกับผู้ใช้ทั้งสองฝั่งด้วยกันแล้ว
ที่มา – 9To5Mac
The post Apple ประกาศจะรองรับ RCS บน iPhone ปีหน้า! appeared first on Macthai.com.
พาชมการทดสอบความแข็งแกร่งของฟิล์มกระจก Gizmo สำหรับ iPh […] More
The post รีวิวฟิล์มกระจก Gizmo สำหรับ iPhone กรีด ทุบ เจาะ! จะแกร่งแค่ไหน? appeared first on iMoD.