ตามข้อมูลการตลาดที่ถูกรวบรวมโดย Counterpoint เผยให้เห็นว่า iPhone 12 mini ของ Apple ที่เปิดตัวไปในเดือนตุลามคมปี 2020 ที่ผ่านมาหายไปจากรายชื่อสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในทั่วโลก 5 อันดับแรกของเดือนมกราคมปี 2021
ตามข้อมูลการตลาดของ Counterpoint เผยให้เห็นว่า iPhone 12 mini อยู่ในอันดับที่ 7 สำหรับสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในทั่วโลกในเดือนมกราคมปี 2021 อย่างไรก็ตาม iPhone 12 , iPhone 12 Pro Max , iPhone 12 Pro และ iPhone 11 นั้นมียอดขายสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในทั่วโลกในเดือนมกราคมปี 2021 ที่ผ่านมาเป็นอันดับ 1 , 2 , 3 และ 4 ตามลำดับ
iPhone 12 mini ขนาด 5.4 นิ้ว ได้รับรายงานอย่างกว้างขวางว่าได้รับผลกระทบจากยอดขายที่น่าผิดหวัง โดยมีรายงานก่อนหน้านี้ว่า Apple เตรียมลดการผลิต iPhone 12 mini เนื่องมาจากยอดขายที่ “ น้อยมาก ” กว่าที่คาดการณ์เอาไว้ iPhone 12 mini ขนาด 5.4 นิ้ว มาพร้อมกับคุณสมบัติเช่นเดียวกันกับ iPhone 12 ขนาด 6.1 นิ้ว ที่มีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่กว่า มีระบบกล้อง , ชิพ และการออกแบบเหมือนกันหมด อย่างไรก็ตาม iPhone 12 mini นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดที่เล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด และยังมีขนาดจอแสดงผลที่เล็กกว่า
มีรายงานว่า Apple ยังคงวางแผนที่จะทำ iPhone ขนาด 5.4 นิ้ว ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 13 ที่จะเปิดตัวในปี 2021 นี้ คาดว่าน่าจะมาพร้อมกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดียิ่งขึ้นเนื่องจากชิพ A15 ที่ใช้พลังงานได้น้อยลง
ที่มา – MacRumors
The post iPhone 12 mini หายไปจากรายชื่อสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในทั่วโลก 5 อันดับแรกของเดือนมกราคมปี 2021 appeared first on Macthai.com.
คาดว่า Apple จะทำการเปิดตัว AirPods รุ่นที่ 3 ได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 นี้ ซึ่งข่าวลือ และรายงานก่อนหน้านี้ได้ระบุเอาไว้ว่า AirPods รุ่นที่ 3 จะมาพร้อมกับการออกแบบ แบบใหม่หมด ให้เหมือนกันกับ AirPods Pro มากยิ่งขึ้น แต่จะขาดคุณสมบัติที่รุ่น “ Pro ” มีอย่างเช่นการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ ANC
ถึงแม้ว่า Apple จะยังไม่ประกาศเปิดตัว AirPods รุ่นที่ 3 ในเร็วๆนี้ แต่ผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบของ AirPods รุ่นที่ 3 นั้นได้เริ่มเข้าสู่การวางจำหน่ายในตลาดแล้ววันนี้ วิดีโอจาก TikTok ที่ถูกแชร์บน Twitter โดยคุณ DuanRai แสดงให้เห็นว่า AirPods รุ่นที่ 3 ของปลอมนั้น มีลักษณะที่เหมือนกันกับภาพของ AirPods รุ่นที่ 3 ที่ได้หลุดออกมาก่อนหน้านี้ ที่ได้อ้างว่าเป็นตัวเครื่องจริงๆที่หลุดออกมาจากโรงงาน
AirPods 3 counterfeit products. pic.twitter.com/QGGtGti3pB
— DuanRui (@duanrui1205) April 8, 2021
ผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้นมักจะถูกปลอมแปลง และถูกขายอยู่ในช่องทางออนไลน์ในตลาดของ Apple ที่ไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้น Apple จึงมีทีมที่มุ่งเน้นไปที่การปราบปรามสินค้าลอกเลียนแบบ และป้องกันไม่ให้มีการวางจำหน่ายสินค้าปลอมของ Apple ไม่เพียงแต่นำเสนอความท้าทายให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกค้าอีกด้วย และการซื้อสินค้าปลอมนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้ใช้งานนั้นพลาดเทคโนโลยีล่าสุด แต่ยังอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัย และอาจผิดกฎหมายในบางประเทศอีกด้วย
ที่มา – MacRumors
The post ว่าซั่น! พบ AirPods รุ่นที่ 3 ของปลอมเริ่มวางจำหน่ายก่อนที่ Apple จะทำการเปิดตัวเป็นอย่างเป็นทางการ appeared first on Macthai.com.
รายงานฉบับล่าสุดของ DigiTimes เผยให้เห็นว่า Apple จะเพิ่มยอดการจัดส่ง iPhone รุ่นที่รองรับ 5G แบบ mmWave ในปี 2021 สูงขึ้น เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น และการสนับสนุนเทคโนโลยี 5G แบบ mmWave ในทั่วโลกนั้นดีขึ้น
ในปัจจุบัน Apple จะวางขาย iPhone 12 , iPhone 12 mini , iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max รุ่นที่รองรับ 5G แบบ mmWave ในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และมีแนวโน้มสูงที่ Apple จะงดนำเสนอ iPhone รุ่นที่รองรับ 5G แบบ mmWave ให้กับประเทศอื่นๆ จนกว่าเทคโนโลยีนี้จะพร้อมใช้งานในวงกว้างมากยิ่งขึ้น คาดว่าความพร้อมในการใช้งาน 5G แบบ mmWave ในวงกว้างนั้นจะเกิดขึ้นได้ภายในปี 2021 นี้ และด้วยเหตุนี้ Apple จึงตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดการจัดส่ง iPhone รุ่นที่รองรับ 5G แบบ mmWave ในปี 2021
คาดว่า Apple จะเพิ่มเป้าหมายในการจัดส่งสมาร์ทโฟน 5G แบบ mmWave ในปี 2021 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในระหว่างการฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ และความต้องการโมดูล AiP ที่รองรับ 5G แบบ mmWave ในปี 2021 นี้ จะทำให้ iPhone นั้นเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก
ในปี 2020 ที่ผ่านมา Apple ปรับลดประมาณการการจัดส่ง iPhone รุ่นที่รองรับ 5G แบบ mmWave เนื่องจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สอดคล้องกันในสหรัฐอเมริกา และยุโรปได้รับผลกระทบขั้นรุนแรงมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
iPhone 12 , iPhone 12 mini , iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max นั้นเป็น iPhone รุ่นแรกของ Apple ที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อเทคโนโลยี 5G การเชื่อมต่อเทคโนโลยี 5G นั้นจะประกอบไปด้วย 2 ประเภทหลักๆได้แก่ 5G แบบ mmWave ซึ่งถือเป็นมาตรฐานต่อไปที่นำมาใช้อย่างกว้างขวาง ซึ่งให้ความเร็วที่รวดเร็วเป็นพิเศษ และการเชื่อมต่อ 5G แบบ Sub-6GHz ซึ่งในปัจจุบันนั้นถือว่าเป็นตัวเลือกหลักในตอนนี้ ที่ถูกใช้งานไปทั่วโลก เครือข่าย 5G แบบ mmWave จะทำงานผ่านคลื่นวิทยุความถี่สูงที่มีตั้งแต่ 24Ghz ไปจนถึง 40Ghz
เนื่องจากความถี่ที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้เทคโนโลยี 5G แบบ mmWave นั้นยังมีข้อจํากัดอยู่ และต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยกว่า และมีราคาที่แพงกว่าเมื่อเทียบกันกับ 5G แบบ Sub-6GHz ในตอนนี้เมือง และประเทศต่างๆในทั่วโลกยังคงอยู่ในขั้นตอนแรกของการนำเทคโนโลยี 5G แบบ mmWave มาใช้งาน แม้แต่ในพื้นที่ที่มีเทคโนโลยี 5G แบบ mmWave ความเร็วให้การใช้งานก็จะแตกต่างกันไป ซึ่งจะขึ้นอยู่กับตัวอุปกรณ์ของผู้ใช้ และการอยู่ใกล้เสาสัญญาณ 5G แบบ mmWave
ที่มา – MacRumors
The post [ลือ] Apple วางแผนที่จะเพิ่มยอดการจัดส่ง iPhone รุ่นที่รองรับ 5G แบบ mmWave ในปี 2021 ให้สูงขึ้น appeared first on Macthai.com.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ การครองชีพของไทยเผชิญความไม่แน่นอนสูงหลังเกิด COVID-19 ระบาดระลอกใหม่ ภารกิจเร่งด่วนของภาครัฐคือการสร้างความเชื่อมั่น
เดือนมีนาคม 2564 ภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนอยู่ที่ 40.4 และ 41.5 จาก 39.5 และ 41.3 เดือนกุมภาพันธ์ 64 ตามลำดับ หลังสถานการณ์ COVID-19 มีแนวโน้มดีขึ้น มีการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการระบาด ยกเลิกพื้นที่สีแดงทั้งหมด ร้านอาหาร สถานบันเทิงต่างๆ กลับมาเปิดได้แต่จำกัดเวลาปิด ทำให้มุมมองต่อรายได้และการมีงานทำในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากมีการอนุมัติแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แบ่งระดับการเปิดประเทศเป็น 4 ระยะ
เริ่มจากการปรับลดจำนวนวันกักตัว รวมถึงมีภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่องให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัวในเงื่อนไขที่ว่าต้องมีการฉีดวัคซีนแล้วและจะขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ จนครอบคลุมทั่วประเทศช่วงต้นปี 2565 ซึ่งเป็นสัญญาณดีต่อธุรกิจภาคการท่องเที่ยวมีการจ้างงานอยู่ราว 3 ล้านคน สัญญาณธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ส่งผลดีต่อตลาดแรงงาน
อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจและครองชีพของครัวเรือนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในระยะเวลาอันสั้นจากผลกระทบการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ช่วงต้นเดือนเมษายน 64 ที่ผ่านมา สถานการณ์ระบาดรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพครัวเรือนที่ปรับตัวดีขึ้นในเมือนมีนาคม 64 กลับมาเผชิญความไม่แน่นอนสูงขึ้นอีกครั้ง ธุรกิจภาคการท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบจากแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
(Photo by Lauren DeCicca/Getty Images)สถานการณ์ระบาดระลอกใหม่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของภาวะการครองชีพของครัวเรือน จะส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และทำให้การสำรวจภาวะการครองชีพของครัวเรือนเดือนมีนาคม 64 ที่ครัวเรือนมองแนวโน้มภาวะการครองชีพในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวดีขึ้น จะไม่สะท้อนภาพการครองชีพของครัวเรือนที่รวมผลกระทบของการระบาดในเดือนเมษายนเข้าไว้ด้วย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ภาครัฐควรเร่งออกมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจ ทั้งในเรื่องของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและการเร่งดำเนินการจัดหาและกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมจำนวนประชากร
หากสถานการณ์ระบาดมีแนวโน้มยืดยาวอาจทำให้ผลกระทบไม่เกิดแก่เพียงกิจกรรมทางเศรษฐกิจแต่จะต่อเนื่องไปถึงแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวของไทยให้ล่าช้า ส่งผลต่อการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะช่วงท่องเที่ยวปลายปีนี้ที่หวังว่าจะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยได้และทำให้เศรษฐกิจขยายต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ 2.6%
ที่มา – ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post ศูนย์วิจัยกสิกร: หลังโควิดระบาดใหม่ ภารกิจด่วนของรัฐคือสร้างความเชื่อมั่น first appeared on Brand Inside.Samsung แก้ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยการนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง การดำเนินงานนี้เป็นการนำสมาร์ทโฟนเรือธงเก่านำมาประยุกต์ใช้กับโปรแกรม Galaxy Upcycling
The post เรื่องราวดีๆ สมาร์ทโฟนเรือธง Samsung เก่าถูกนำมาใช้ใหม่ด้านการแพทย์ appeared first on mxphone.
OPPO บุกตลาด smart wearable อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว OPPO Band โดดเด่นในเรื่องการดูแลสุขภาพพร้อมระยะเวลาของแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 12 วัน ในราคาเพียง 1,199 บาท
The post เปิดตัว OPPO Band สมาร์ทแบนด์เพื่อสุขภาพในราคา 1,199 บาท appeared first on mxphone.
เจ้าชายฟิลิป พระสวามีของควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษสิ้นพระชนม์แล้ว ด้วยพระชนมายุ 99 พรรษา
แถลงการณ์จากสำนักพระราชวังบักกิงแฮม ระบุว่า “นับเป็นความเศร้าโศกอย่างยิ่งที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษทรงประกาศถึงการสิ้นพระชนม์ของ เจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีอันเป็นที่รัก”
“เจ้าชายฟิลิปสิ้นพระชนม์อย่างสงบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ณ พระราชวังวินด์เซอร์”
ก่อนหน้านี้ พระอาการของเจ้าชายฟิลิปไม่สู้ดีนัก ในช่วงหลังเข้าโรงพยาบาลอยู่เป็นระยะ รวมถึงมีอาการที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ รวมถึงพระองค์ทรงเข้ารับการผ่าตัดหัวใจและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
เจ้าชายฟิลิปทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธ (พระยศในขณะนั้น) ในปี 1947 โดยหลังจากนั้นเพียง 5 ปี เจ้าหญิงเอลิซาเบธจึงได้ขึ้นครองราชย์ในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม เจ้าชายฟิลิปนับเป็นพระราชสวามีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ
ที่มา – BBC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post เจ้าชายฟิลิป พระสวามีควีนเอลิซาเบธที่ 2 สิ้นพระชนม์แล้วในวัย 99 พรรษา first appeared on Brand Inside.AIS Academy เร่งเครื่องพัฒนาศักยภาพบุคลากรในองค์กร จับมือพันธมิตรในวงการ EdTech พัฒนา LearnDi by AIS Academy เพื่อรองรับโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล กลุ่มบริษัท AIS และ กลุ่มอินทัช, กรรมการ บริษัท เลิร์นดิ จำกัด บอกว่า AIS Academy พร้อมพันธมิตร เห็นความสำคัญในการพัฒนาบุคลากร สร้างองค์ความรู้ผ่านการนำส่งความรู้รูปแบบใหม่ ซึ่ง AIS Academy จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรกว่า 13,000 คน ให้มีความพร้อมและยอมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เส้นทางของ AIS Academy ได้ขยายผลสู่สังคมไทยภายใต้โครงการ “AIS Academy for Thais ภารกิจคิดเผื่อ เพื่อคนไทย”
อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงคอนเทนต์ดีๆ มีอย่างจำกัด AIS และ บริษัท เลิร์นดิ จำกัด จึงจับมือกับพันธมิตรในวงการ EdTech ให้คนไทยได้มีทางเลือกใช้เครื่องมือในการพัฒนาตนเอง โดยมี Invent, SEAC, Humanica , Conicle , NEO Academy by CMMU, Beyond Training, Doctor A to Z ส่งต่อองค์ความรู้ไปยังคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านโครงข่ายเทคโนโลยี เติมเต็มเนื้อหา รวมถึงหลักสูตรต่างๆ ให้ตอบโจทย์ทักษะความต้องการใหม่ๆ ที่ครบถ้วน
LearnDi by AIS Academy เกิดจากการพัฒนาภายในองค์กรในการทำ Transformation ทำให้รู้ว่าพนักงานต้องการอะไร ผู้ประกอบการและองค์กรต้องการอะไร ทำให้การใช้งานตอบโจทย์ความหลากหลาย โดยการทำงานร่วมกับพันธมิตรในวงการยึดหลักการเติบโตร่วมกันใช้จุดแข่งของแต่ละพันธมิตรทำให้ LearnDi เป็นเสมือนกับ Hub ด้านองค์ความรู้และทักษะใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน Soft skill และ Hard skill ที่จะช่วยให้การพัฒนาบุคลากร และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อการกำหนดเส้นทางความสำเร็จของตนเองผ่านการทำ Self-Development ขององค์กร เปิดโอกาสให้พนักงานได้เข้าถึงองค์ความรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม มีความสอดคล้องเหมาะสมกับพนักงานในทุกระดับ บนราคาที่จับต้องได้
นอกเหนือจากการมีพันธมิตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศที่มาร่วมกันเสริมศักยภาพแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของ LearnDi คือการทำงานร่วมกับคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาแบบวัดศักยภาพส่วนบุคคลสำหรับคนไทย (Self-Competency Assessment) รวมถึงแบบทดสอบวัดศักยภาพส่วนบุคคลด้านดิจิทัล (Self-Digital Competency Assessment) เพื่อทำให้ผู้เรียนเข้าใจศักยภาพตัวเองก่อนการนำเสนอหลักสูตรที่เหมาะสม สุดท้ายเมื่อเรียนจบก็จะได้รับ E-Certificate ที่เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการเรียนรู้รูปแบบใหม่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post LearnDi ฮับด้านเรียนรู้จาก AIS Academy เพื่อพัฒนาบุคลากรในองค์กร first appeared on Brand Inside.เปิดตัวไปแล้วกับ ASUS ROG Phone 5 Series ประกอบด้วย ROG Phone 5, ROG Phone 5 Pro และ ROG Phone 5 Ultimate สำหรับประเทศไทยเรายังไม่รู้ว่าจะจำหน่ายเมื่อไหร่แต่ในอินเดียมีราคาและกำหนดการออกมาแล้ว แม้ว่า ASUS จะประกาศวันและราคาวางจำหน่าย ROG Phone 5 ทั้งสามรุ่นในอินเดียแล้ว แต่ในช่วงแรกจะมีจำหน่ายเฉพาะรุ่นเริ่มต้นก่อนในวันที่ 15 เมษายนเวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องวถิ่น ผ่านช่องทาง Flipkart เนื่องจากมีการเจรจาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนปี 2018 ราคา ROG Phone 5 Series ในประเทศอินเดีย ASUS ROG Phone 5 8GB + 128GB – ₹ 49,999 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 21,000...
The post ขายก่อนไทย ROG Phone 5 Series ในอินเดียคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่เท่าไหร่? appeared first on mxphone.
สถานการณ์ตอนนี้โควิดระบาดหนักอีกครั้ง และอนาคตยังมีความไม่แน่นอนสูง TQM ร่วมกับพันธมิตรบริษัทประกันภัย รวบรวมประกันภัยโควิด-19 ในหลากหลายรูปแบบมาให้เลือกตามกำลังทรัพย์และความต้องการของผู้บริโภค จ่ายเริ่มต้นแค่หลักร้อย แต่คุ้มครองสูงสุดหลักล้านบาท
อย่ารอช้า ทำไว้อุ่นใจกว่าสำหรับใครที่ยังลังเลใจอยู่ ขอแนะนำว่าเพื่อความมั่นใจและอุ่นใจที่มากขึ้น สามารถทำประกันโควิดผ่าน TQM ซึ่งรวบรวมมาให้จากพันธมิตรบริษัทประกันภัยหลายราย มีทั้งแบบ เจอจ่ายจบ ครอบคลุม คุ้มค่า ชดเชยค่ารักษาพยาบาล ราคาเริ่มต้นที่ 99 บาทขึ้นไป สามารถเลือกได้ตามความสามารถในการจ่าย
ไม่ต้องไปไล่ดูหรือเปรียบเทียบจากหลายที่ เพราะ TQM รวบรวมมาให้ไว้ในที่เดียว และสามารถสั่งซื้อ และชำระเงินผ่านทางออนไลน์ได้ทันที อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภค และวิธีการชำระเงินก็มีหลากหลาย ทั้งผ่านบัตรเครดิต, สแกนผ่านคิวอาร์โค้ด, จ่ายผ่านจุดรับชำระต่างๆ หรือถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โทรถามได้ที่ 1737 ตลอด 24 ชั่วโมง
ประกันแต่ละประเภทต่างกันอย่างไรประกันโควิดมีหลากหลายแบบตามความต้องการ เช่น
การไม่ติดเชื้อโควิดเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แต่ทุกคนมีโอกาสติดได้ ดังนั้นสามารถเลือกทำประกันได้ โดยมีค่าเบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 99 บาท แต่ให้ระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปีเท่ากัน โดยเงื่อนไขอื่นๆ ขึ้นกับแผนประกันที่เลือก และมีระยะเวลารอคอย 14 วัน นับจากวันที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้เป็นครั้งแรก ดังนั้น รีบทำแต่เนิ่นๆ จะดีที่สุด
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tqm.co.th/ หรือโทร 1737 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post อย่ารอช้า อุ่นใจกว่าเมื่อ TQM คัดประกันโควิดทุกรูปแบบ เลือกได้ในที่เดียว first appeared on Brand Inside.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป หรือ ZEN เปิดตัวแบรนด์ “โต้รุ่ง” รวมเมนูซิกเนเจอร์จากร้านอาหารดังพื้นบ้านต่างจังหวัด ชูคอนเซ็ปต์ ร้านที่มีแต่ครัว (Ghost Kitchen) ให้บริการแบบเดลิเวอรี่และซื้อกลับ ตั้งแต่ 08.00 – 23.00 น. นำร่องเปิดบริการสาขาแรกปากซอยอ่อนนุช 17 พร้อมเสิร์ฟความอร่อย 6 เมนูเด็ด คาดกระตุ้นยอดขายเติบโต 15-20%
บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ ZEN บอกว่า บริษัทได้แตกโมเดลใหม่ แบรนด์ “โต้รุ่ง” รวบรวมเมนูซิกเนอเจอร์ร้านอาหารดังพื้นบ้านจังหวัดต่างๆ มาให้บริการในรูปแบบเดลิเวอรี่และซื้อกลับ (Take Home) รับกระแสการสั่งซื้ออาหารไปกินที่บ้าน และเป็นการรองรับแนวโน้ม Street Food ที่เติบโตขึ้น โดยคาดว่ามีมูลค่าตลาดรวม 340,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 270,000 ล้านบาท
คอนเซ็ปต์ คือ เป็น Ghost Kitchen คือ เป็นร้านอาหารที่มีเฉพาะครัว ไม่มีหน้าร้าน ช่วงแรกมี 6 เมนู ได้แก่ เมนูข้าวผัดโบราณ, ปากหม้อนครพนม, ยำปลาร้าหอมสารคาม, ไก่ทอดหาดใหญ่, ต้มเลือดหมูปทุมธานี และโจ๊กปทุมธานี ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 30 บาท
ทุกเมนูเลือกมาจากร้านอาหารริมทางหรือ Street Food ชื่อดัง ที่มีมาตรฐานการปรุงอาหารสะอาดและปลอดภัยภายใต้ราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ พร้อมกับใช้เชฟที่ผ่านการอบรมสูตรอาหารลับเฉพาะกับแต่ละร้านอาหาร เพื่อสามารถส่งต่อตำนานความอร่อยเปรียบเสมือนไปนั่งรับประทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดัง และเพิ่มทางเลือกแก่ผู้บริโภคสามารถสั่งเมนูอาหารหลากสไตล์ได้ในครั้งเดียว
โต้รุ่ง สาขาแรกอยู่ที่ซอยอ่อนนุช 17 และวางแผนเปิดให้บริการสาขาที่ 2 ที่ซอยสุขุมวิท 20 ในรูปแบบเดลิเวอรี่ ตั้งแต่ 08.00 – 23.00 น. โดยประเดิมต้อนรับเทศกาลสงกรานต์และรองรับความต้องการสั่งอาหารกลับไปรับประทานในช่วงวันหยุดยาวและตอบโจทย์ผู้ที่ไม่ต้องการเดินทาง สามารถสั่งผ่าน LINE MAN, Grab, Foonpanda, Gojek และ Robinhood ได้ หรือโทร 02 331 1722 คาดกระตุ้นยอดขายเติบโต 15-20%
เร็วๆ นี้เตรียมทดลองเปิดเมนู “โต้รุ่ง” ในรูปแบบนั่งรับประทานภายในร้านเขียง สาขาอาคารเกษรทาวเวอร์ เพื่อขยายสู่โมเดลการนั่งรับประทานที่ร้านในอนาคต
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post ZEN เปิด Ghost Kitchen แบรนด์ “โต้รุ่ง” รวมเมนูเด็ดพื้นบ้านหลายจังหวัดในที่เดียว first appeared on Brand Inside.ผลสำรวจความคิดเห็นมุนษย์เงินเดือนในประเทศสหรัฐอเมริกา กว่าครึ่งยอมลาออกหางานใหม่ หากหลังยุคโควิด-19 ระบาด บริษัทไม่ให้ทำงานแบบไฮบริด
Brand Inside เคยเขียนบทความเกี่ยวกับการทำงานแบบ “ไฮบริด” หากจะให้เล่าสั้นๆ ก็คือ การทำงานแบบผสมระหว่างการเข้าสำนักงาน กับการทำงานที่ไหนก็ได้ โดยเฉพาะการทำงานที่บ้าน (Work Form Home) ที่จะกลายเป็นมาตรฐานการทำงานแบบใหม่ หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพราะคนทั่วโลกได้พิสูจน์แล้วว่าการทำงานไม่จำเป็นต้องยึดโยงอยู่กับสถานที่เพียงแห่งเดียว
บริษัทใหญ่หลายแห่งในโลกได้ประกาศที่จะเอาแนวคิดการทำงานแบบไฮบริดไปใช้จริงแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะ Google และ BP ที่ประกาศว่าในอนาคตจะให้พนักงานเข้าสำนักงานเพียง 3 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น
ส่วนใครที่อยากอ่านรายละเอียดของการทำงานแบบไฮบริดแบบเต็มๆ สามารถอ่านได้ที่บทความด้านล่างนี้
ไม่ใช่แค่ในมุมของบริษัทเท่านั้นที่ต้องการจะเปลี่ยนรูปแบบการทำงานในอนาคต โดยจะนำวิธีการทำงานที่เรียกว่า “ไฮบริด” เข้ามาใช้ แต่มนุษย์เงินเดือนในยุคนี้ก็ต้องการความยืดหยุ่นในชีวิต จากการทำงานแบบไฮบริดเช่นเดียวกัน
ทำงานแบบไฮบริด คือสิ่งที่คนในยุคนี้ต้องการผลสำรวจจาก Envoy ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นมนุษย์เงินเดือนชาวสหรัฐอเมริกา จำนวน 1,000 คน เกี่ยวกับการทำงานในยุคหลังโควิด-19 ระบาด โดยพบว่า กว่า 66% กังวลที่จะกลับเข้าไปทำงานในสำนักงานตามเดิม และหากเป็นพนักงานผิวดำ จะมีความกังผลเพิ่มมากขึ้นเป็น 86%
นอกจากนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องการกลับเข้าไปทำงานในสำนักงานแบบ 100% โดยไม่มีความยืดหยุ่นใดๆ ให้คนทำงาน ผู้ตอบแบบสอบถาม 2 ใน 5 ยอมรับว่า เลือกที่จะรับเงินเดือนต่ำกว่าเดิม แต่ได้ทำงานที่มีความยืดหยุ่น
ในทางกลับกัน พนักงาน 1 ใน 2 (ครึ่งหนึ่ง) อยากทำงานแบบไฮบริด คือเลือกได้ว่า จะเข้าไปทำงานในสำนักงาน หรือจะทำงานจากที่ไหนก็ได้ตามความสะดวกของตัวเอง
ถ้าไม่ยืดหยุ่นให้ ก็พร้อมหางานใหม่ ทำไมต้องทน
แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดจากการสำรวจนี้ คือ พนักงานที่ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่ง ยอมรับว่า หากบริษัทที่เขาทำงานอยู่ไม่อนุญาตให้ทำงานแบบไฮบริด แต่ต้องเข้าสำนักงาน 100% แบบเดิม พวกเขาอาจเลือกที่จะไม่ทน และหางานใหม่ที่ยอมรับการทำงานแบบไฮบริดแทน
ส่วนประเด็นที่จะทำให้พนักงานตัดสินใจเข้าไปในสำนักงาน มีเหตุหลักๆ 2 ส่วนด้วยกัน คือ จะเข้าไปทำงานที่สำนักงานเพราะมีปัจจัยที่ทำให้งานเสร็จ และคนอื่นๆ ที่เข้าไปทำงานที่สำนักงานในวันนั้นๆ
ผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นแนวคิดการทำงานของคนในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการทำงานของคนทั่วโลกว่า บริษัทจำเป็นต้องสนใจเสียงของคนทำงาน และปรับรูปแบบการทำงานให้เหมาะกับคนในยุคนี้มากขึ้น เพราะไม่เช่นนั้น คนทำงานก็พร้อมหางานใหม่ ที่ให้อิสระ และความยืดหยุ่นมากกว่า โดยไม่จำเป็นต้องทนอยู่กับบริษัทเดิมเสมอไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post ผลสำรวจเผย มนุษย์เงินเดือนสหรัฐฯ ครึ่งหนึ่งยอมลาออก หากบริษัทไม่ให้ทำงานแบบ “ไฮบริด” first appeared on Brand Inside.Forbes เผยรายชื่อมหาเศรษฐีประจำปี พบว่า ในปักกิ่ง จีน มีคนรวยอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นใหม่ 33 คน เป็นที่อยู่อาศัยของมหาเศรษฐีรวมทั้งหมด 100 คน แซงหน้ามหาเศรษฐีที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์กอยู่ที่ 99 คน การจัดการควบคุมโควิดระบาดของจีนได้อย่างรวดเร็ว และบริษัทเทคจีนที่มีความโดดเด่นมากขึ้นยิ่งช่วยให้คนรวย รวยขึ้นไปอีก
สำหรับจีนมี 4 เมืองหลักๆ ที่มหาเศรษฐีอาศัยอยู่ มีทั้งปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และเมืองล่าสุดคือเมืองหังโจวที่มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่ถึง 96 คน ซึ่งเซินเจิ้นกลายเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเลื่อนจากเมืองอันดับ 7 กลายเป็นอันดับที่ 5 ส่วนเมืองหังโจวอยู่อันดับ 10 และเซี่ยงไฮ้อยู่อันดับที่ 6
ถ้าสำรวจตามเมืองต่างๆ ที่มหาเศรษฐีเลือกอาศัยอยู่ ก็พบว่า นิวยอร์กมีคนรวยเพิ่มขึ้น 7 คน ลอนดอนก็เพิ่มขึ้น 7 คน แม้ว่าความนิยมต่อเมืองลอนดอนจะลดต่ำลงจากอันดับ 5 สู่อันดับที่ 7 นอกจากนี้ก็มีหลายเมืองที่มีความนิยมเลือกอาศัยอยู่ลดลง เช่นมอสโกตกจากอันดับ 3 เป็นอันดับ 4 ฮ่องกงลดจากอันดับ 2 เป็นอันดับ 3 มุมไบและซานฟรานซิสโกมีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่ 48 คนเท่าเดิมและเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมอันดับ 8 เท่าเดิมเช่นกัน
รายชื่อ 10 เมืองที่มหาเศรษฐีอาศัยอยู่มากที่สุดในโลกอันดับที่ 1: ปักกิ่งมีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่มากที่สุดในโลกรวม 100 คน
จำนวนคนรวยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 33 คน มูลค่าสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 4.843 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ปักกิ่งได้รับความนิยมที่มหาเศรษฐีเข้าไปอยู่อาศัยขึ้นจากอันดับ 4 เป็นอันดับ 1 ทันที ถือเป็นการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังโควิดระบาด นอกจากนี้ยังมี Wang Ning ขึ้นเป็นเศรษฐีรายใหม่ล่าสุดวัย 34 ปี ส่วนคนรวยที่สุดที่อาศัยอยู่ในปักกิ่ง จีน คือ Zhang Yiming ผู้ก่อตั้งโซเชียลมีเดียวแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งมูลค่าสินทรัพย์รวม 3.56 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
อันดับที่ 2 นิวยอร์ก มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่ 99 คน
จำนวนคนรวยอาศัยที่นิวยอร์กเพิ่มขึ้น 7 คน มีมูลค่าสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 5.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐมากกว่ามหาเศรษฐีในปักกิ่งราว 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คนที่ร่ำรวยที่สุดในนิวยอร์กคือ Michael Bloomberg มีสินทรัพย์รวม 5.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมหาเศรษฐีรายใหม่คือ Boris Jordan เป็นผู้ก่อตั้ง Curaleaf ที่จัดจำหน่ายกัญชาและ Alexis Le-Quoc กับ Oliver Pomel ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Datadog ทำด้าน cloud monitor
Hong Kong Photo by Simon Zhu on Unsplashอันดับที่ 3 ฮ่องกง มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่ 80 คน
มีคนรวยอาศัยในฮ่องกงเพิ่มขึ้น 9 คน มูลค่าสินทรัพย์รวม 4.484 แสนล้านเหรียญสหรัฐ คนที่รวยที่สุดที่อาศัยอยู่ในฮ่องกงคือ Li Ka-shing เป็นนักธุรกิจ นักลงทุนระดับตำนานและยังเป็นนักบุญด้วย มูลค่าสินทรัพย์รวม 3.37 หมื่นล้านหรียญสหรัฐ ส่วนคนที่รวยรายต่อมากก็คืออดีตมหาเศรษฐี Jimmy Lai แห่งวงการสื่อที่ถูกจับกุมไปตั้งแต่สิงหาคม 2020 ฐานละเมิดกฎหมายความมั่นคงฮ่องกงฉบับใหม่ เขาเป็นหนึ่งในผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงและยังร่วมชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยหลายต่อหลายครั้ง
อันดับที่ 4 มอสโก มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่ 79 คน
มีคนรวยอาศัยในมอสโก รัสเซีย เพิ่มขึ้น 9 คน มูลค่าสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 4.206 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดทั้งหมด 10 คนรวยิ่งขึ้นและรวยเพิ่มขึ้น 7.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คนที่รวยที่สุดคือ Alexey Mordashov และครอบครัว มีมูลค่าสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 29.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
อันดับที่ 5 เซินเจิ้น มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่ 68 คน
มีคนรวยที่อาศัยอยู่ในเซินเจิ้น จีนเพิ่มขึ้น 24 คน มูลค่าสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 4.153 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เซินเจิ้นถือเป็นเมืองที่มีคนรวยอาศัยอยู่มากอันดับ 2 รองจากปักกิ่ง เซินเจิ้นยังมีชื่อเล่นที่เรียกกันว่าซิลิคอนวัลเลย์จีนด้วย คนที่รวยที่สุดในเซินเจิ้นคือ Ma Huateng เจ้าของ Tencent มีสินทรัพย์รวม 6.58 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
อันดับที่ 6 เซี่ยงไฮ้ มีมหาเศรษฐีอยู่อาศัยรวม 64 คน
มีคนรวยอาศัยในเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 18 คน มูลค่าสินทรัพย์รวม 2.596 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เซี่ยงไฮ้ยังคงเป็นเมืองที่คนรวยนิยมมาอาศัยอันดับ 6 คงเดิม ธุรกิจอีคอมเมิร์ซช่วยส่งเสริมคนรวยที่สุดในเซี่ยงไฮ้อย่างมาก มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเซี่ยงไฮ้คือ Colin Huang ผู้ก่อตั้ง Pinduoduo รวยเพิ่มขึ้น 3 เท่าอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจาก Huang แล้ว โควิดก็ทำให้คนร่ำรวยขึ้น ทั้ง Li Ge ประธานบริษัทยา Wuxi Biologics รวยเพิ่มขึ้น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ Zhong Huijuan ผู้ก่อตั้งและ CEO บริษัทผลิตยา Hansoh Pharmaceutical รวยขึ้น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
อันดับที่ 7 ลอนดอน มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่รวม 63 คน
คนรวยอยู่ในลอนดอนเพิ่มขึ้น 7 คนขึ้นไป มูลค่าสินทรัพย์รวม 3.161 แสนล้านเหรียญสหรัฐ คนที่รวยที่สุดที่อาศัยอยู่ในลอนดอนคือ Len Blavatnik มูลค่าสินทรัพย์รวม 3.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Access Industries ส่วนคนที่รวยเพิ่มขึ้นใหม่คือ Jose Neves ชาวโปรตุเกสที่เป็นก่อตั้งค้าปลีกแฟชั่นออนไลน์แบรนด์ Fartetch หุ้นมูลค่าเพิ่มขึ้น 500% ในปีที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยคนรวยที่อาศัยอยู่ในลอนดอน รวยเพิ่มขึ้น 37% รวยกวาปีที่ผ่านมา
อันดับที่ 8 มุมไบ มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่รวม 48 คน
มีคนรวยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10 คน มูลค่าสินทรัพย์รวม 2.65 แสนล้านเหรียญสหรัฐ คนที่รวยที่สุดคือ Mukesh Ambani ชาวอินเดียเป็นคนที่รวยอันดับ 10 ของโลก เป็นประธานบริษัท Reliance Industries เขามีสินทรัพย์รวม 8.45 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นคนรวยที่สุดในเอเชีย
Mumbai Photo by Sonika Agarwal on Unsplashอันดับที่ 8 ซานฟรานซิสโก มีมหาเศรษฐีอาศัยรวม 48 คน
มีคนรวยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 11 คน (มีมหาเศรษฐีอาศัยจำนวนเท่ากับมุมไบแต่มูลค่าสินทรัพย์รวมน้อยกว่า) มูลค่าสินทรัพย์รวม 1.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จำนวนคนรวยที่เพิ่มขึ้นนี้มีทั้งผู้บุกเบิกฟู้ดเดลิเวอรี่ Apoorva Mehta ผู้ก่อตั้งและ CEO Instacart และ Tony Xu CEO DoorDash ส่วนคนที่รวยที่สุดในซานฟรานซิสโกคือ Dustin Moskovitz อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook, Asana และ Good Venture
อันดับที่ 10 หังโจว มีมหาเศรษฐีอาศัยรวม 47 คน
มีคนรวยเพิ่มขึ้น 21 คน มูลค่าสินทรัพย์รวม 2.682 แสนล้านเหรียญสหรัฐ มีคนรวยเพิ่มขึ้นมากจนโค่นตำแหน่งสิงคโปร์ที่เคยอยู่อันดับ 10 มาก่อน Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba อยู่ที่เมืองหังโจวนี้ รวยเพิ่มขึ้น 9 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น 4.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนั้นก็คือ Zhang Shanshan ที่รวยที่สุดในหังโจวมูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่ 6.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และยังเป็นคนที่รวยอันดับที่ 13 ของโลก
ในจีน ฮ่องกง มาเก๊า มีคนรวยเพิ่มขึ้นมากกว่าประเทศอื่นในโลก มีคนรวยเพิ่มขึ้นใหม่ 210 คน โดยครึ่งหนึ่งของคนรวยในจีนรวยจากการผลิตและเทคโนโลยี สำหรับในจีนมีคนรวยราว 698 คน ใกล้จะถึงระดับเดียวกับสหรัฐอเมริกาที่มีคนรวยจำนวนมากกว่าอยู่ที่ 724 คน
London Photo by Viktor Forgacs on Unsplashปีที่ผ่านมา มีคนรวยใหม่เพิ่มขึ้น 493 คนทั่วโลก ในทุกๆ 17 ชั่วโมงจะมีมหาเศรษฐีใหม่เพิ่มขึ้น 1 คน อินเดียมีคนรวยมากอันดับ 3 ของโลก มีทั้งหมด 130 คน ถ้ารวมทั้งเอเชียแปซิฟิกจะมีมหาเศรษฐีรวม 1,149 คน มูลค่าสินทรัพย์รวม 4.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่มหาเศรษฐีในสหรัฐอเมริกามีมูลค่าทรัพย์สินรวม 4.4 ล้านเหรียญสหรัฐ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post มหาเศรษฐีอาศัยในปักกิ่ง-จีน มากที่สุดในโลก แซงหน้านิวยอร์ก-อเมริกาแล้ว first appeared on Brand Inside.มีความเป็นไปได้ว่า Samsung Galaxy Tab A7 Lite ใกล้ที่จะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ เมื่อล่าสุดเว็บไซต์ทางการในหลาย ๆ ประเทศได้ขึ้นหน้าสนับสนุนผลิตภัณฑ์รุ่นนี้แล้ว
The post Samsung จ่อเปิดตัว Galaxy Tab A7 Lite หลังมีชื่อบนเว็บทางการในหลายประเทศ appeared first on mxphone.
สำหรับใครตั้งค่าเปิดใช้งานโหมดมืด (Dark Mode) ที่มีพื้น […] More
The post วิธีเปลี่ยนพื้นหลังโน้ต (Note) ให้เป็นสีขาว ขณะใช้โหมดมืด (Dark Mode) appeared first on iPhoneMod.
DigiTimes รายงานข้อมูลว่า iPhone 13 Pro, 13 Pro Max จะใ […] More
The post DigiTimes เผย iPhone 13 Pro จอ 120Hz ใช้พลังงานน้อยลง 15-20% appeared first on iPhoneMod.
Arcfox ประกาศเตรียมเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) สุดหรูที่มาพร้อมเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ผลิตโดย HUAWEI
The post Arcfox เตรียมเปิดตัวรถยนต์ EV สุดหรูที่ใช้ Harmony OS และรองรับ 5G appeared first on mxphone.
ช่วงนี้ค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าลงอยู่ในระดับ 31-32 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับต้นปีที่อยู่ระดับ 29 บาท ทำให้หลายฝ่ายเริ่มสนใจกันว่า ค่าเงินบาทจะอ่อนตัวลงอีกหรือไม่ ประกอบกับหุ้นไทยเองก็มีความผันผวนพอสมควร Brand Inside จึงต่อสายถึง บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง ประเมินสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นครั้งนี้
สหรัฐแกร่ง ดอลลาร์แข็ง ทำเงินบาทอ่อนชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง บอกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้อง เมื่อเทียบค่าเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ ก็ต้องดูเศรษฐกิจสหรัฐด้วย ซึ่งปัจจุบัน สหรัฐมีการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่า พ.ค.นี้ คนสหรัฐอย่างน้อย 90% จะได้รับวัคซีนแล้ว ทำให้การใช้ชีวิต การทำงาน การเดินทาง จะใกล้คงภาวะปกติ ทำให้ความเชื่อมั่นและตัวเลขทางเศรษฐกิจกลับมาอย่างแข็งแกร่ง
ยิ่ง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีมาตรการอัดฉีดเงินเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัว ทำให้ Morgan Stanley คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจโตได้ถึง 8% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ระดับ 6.2% สวนทางกับประเทศไทย ธปท. ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจเหลือ 3% นิดๆ ยิ่งมีการระบาดโควิดระลอกใหม่ ทำให้การใช้ชีวิตถูกจำกัดอีกครั้ง กำลังซื้อของคนไทยยังอ่อนแอ และถ้ายังเปิดประเทศไทยไม่ได้ การท่องเที่ยวและส่งออกก็มีอุปสรรค วัคซีนมาช้าและน้อยด้วย
ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจที่เงินบาทจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นบริษัทส่งออกจะได้รับผลที่ดี ราคาสินค้าถูกลง แต่ข้อจำกัดจากโควิดทำให้ทำการค้าได้ไม่สะดวก ก็ยังเป็นอุปสรรคอยู่ แต่ข้อเสียคือ สินค้านำเข้าราคาจะสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมัน อาจทำให้ค่าไฟฟ้าปรับสูงขึ้น และเงินเฟ้อก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ภาพจาก Shutterstock คาดเงินบาทอยู่ระดับ 32 บาท ครึ่งปีหลังแนวโน้มดีขึ้นในด้านของเม็ดเงินลงทุน คาดว่าจะยังไม่เข้ามาในทันที ยิ่งใกล้ช่วงสงกรานต์เป็นวันหยุดยาวที่มีโอกาสผันผวนอยู่ เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะรอดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆ เพราะค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าได้อีก จนกว่าจะมีการฉีดวัคซีนและเปิดประเทศ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นที่อาจปรับตัวลดลงในระยะสั้นนี้เช่นกัน
มุมมองต่อค่าเงินบาท คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32 บาท จากนั้น ธปท. น่าจะต้องมีมาตรการเข้ามาสร้างเสถียรภาพมากขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบกับเศรษฐกิจและผู้ประการธุรกิจจนเกินไป และคาดว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าพีคสุดในช่วงปลายไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 ซึ่งจะตรงกับแผนของรัฐบาลในการเริ่มเปิดประเทศ ส่งออกดีขึ้น ท่องเที่ยวเริ่มกลับมา และเป็นช่วงที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐเป็นช่วงพีคเช่นเดียวกัน
สำหรับนักลงทุนไทย ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับฐาน โดยหุ้นที่น่าสนใจยังเป็นกลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยเชื่อมโยงกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและภาคการผลิต ส่วนภาคบริการและบริโภค คงต้องรอครึ่งปีหลังแต่สามารถสะสมหุ้นไปได้เรื่อยๆ ในช่วงที่หุ้นอ่อนตัว หุ้นที่แนะนำ เช่น AOT, BTS, BEM, Central, CPN, CPALL, CRC, M, ZEN, AFTERU เป็นต้นฃ
ภาพจาก Shutterstock หัวใจสำคัญคือ วัคซีน ต้องเป็นไปตามแผนชัยพร กล่าวว่า หัวใจสำคัญคือ 2 เดือนจากนี้ วัคซีนต้องเข้ามาตามแผนและต้องมีการเริ่มเปิดประเทศ หากไม่เป็นไปตามกำหนดการที่วางไว้ ทุกอย่างก็จะดีเลย์ออกไป ตลาดครึ่งปีหลังจะไม่ฟื้นตัว เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์จากการเดินทางระหว่างประเทศ ทั้งการท่องเที่ยวและส่งออก
สุดท้าย เชื่อว่า ในระยะสั้นถึงกลางปี ค่าเงินบาทและหุ้นมีความผันผวนตามสถานการณ์โควิดและการเมือง แต่สุดท้ายยังเป็นไปในทิศทางบวกหากวัคซีนมาถึงและมีการเริ่มเปิดประเทศ ดังนั้นการบริหารจัดการของรัฐบาลคือสิ่งสำคัญ ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย
“สหรัฐและจีน ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้ว คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตสูงมาก ไทยเป็น Supply Chain ต้องได้ประโยชน์นี้ด้วยเช่นกัน อยู่ที่ว่าจะได้ช้าได้เร็ว ได้มากหรือได้น้อยแค่นั้น”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post หลักทรัพย์บัวหลวง แนะระยะสั้น ค่าเงินบาท-หุ้นผันผวน รับกระแสโควิด-การเมือง เชื่อระยะยาวยังดี first appeared on Brand Inside.HUAWEI เปิดตัวสายผลิตภัณฑ์โซลูชันอินเทอร์เน็ตอัจฉริยะ ช่วยเสริมโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีของมหาวิทยาลัยไทยและภาคองค์กรธุรกิจให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์
The post HUAWEI เปิดตัวโซลูชันอินเทอร์เน็ต (IP) อัจฉริยะ สำหรับตลาดเอเชียแปซิฟิก appeared first on mxphone.
คาดเดากันว่า HUAWEI จะส่งเรือธงใหม่ P50 series เปิดตัวในเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมกับระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 2.0 ซึ่งปัจจุบันก็มีภาพหลุดของ P50 กับ P50 Pro ออกมาให้ชมกันบ้างแล้ว โดยมีจุดสังเกตที่ชัดเจนตรงกล้องหลังที่มีเลนส์ขนาดใหญ่ 2 ตัว
The post จริงหรือหลอก? หลุดเครื่องต้นแบบ HUAWEI P50 โชว์กล้องหลังอีกดีไซน์ appeared first on mxphone.