9to5Mac รายงานข้อมูลเพิ่มเติมว่า iPad Pro ใหม่จอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home นั้นอาจใช้ชิพ A12X ซึ่งเร็วและแรงกว่า A12 ของ iPhone XS, iPhone XR

iPad Pro ใหม่อาจมาพร้อมชิพ A12X

ก่อนหน้านี้เราได้รายงานคาดการณ์สเปคของ iPad Pro ใหม่โดย 9to5Mac และก็มีรายงานเพิ่มเติมว่ารุ่นใหม่นี้จะใช้ชิพ A12X เป็นชิพประมวลผลหลัก

ในรายงานเผยเพิ่มเติมว่า Processor ตัวใหม่นี้จะมาพร้อมกราฟิก (A12X GPU) ทรงพลังด้วย โดยชิพ A12X ตัวนี้จะใช้รหัส T8027 ซึ่ง A12 ใช้ T8020 และชิพ A12X จะมีประสิทธิภาพด้านการประมวลผลสูงกว่า A12 ของ iPhone XS มากๆ

การที่ iPad Pro ใช้ชิพ A12X นั้นคาดว่าส่วนหนึ่งก็เพื่อใช้จัดการฟังก์ชันใหม่ๆ อย่าง Face ID, การส่งภาพ / วิดีโอความละเอียด 4K และพื้นที่การแสดงผลบนจอที่กว้างกว่าเดิม เป็นต้น

สำหรับการคาดการณ์สเปคและสิ่งใหม่ของ iPad Pro สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่นี่

ที่มา – 9to5mac

The post iPad Pro ใหม่อาจมาพร้อมชิพ A12X เร็วกว่า A12 ของ iPhone XS มาก appeared first on iPhoneMod.

Walmart นำเอา In-Store Tech มาใช้ เปิดตัวเครื่องทำความสะอาด และขัดพื้นอัตโนมัติ ทุ่นแรงพนักงานไปได้อีก

Walmart ได้นำเอาเครื่อง Auto-C หรือ Autonomous Cleaner มาใช้ในการทำความสะอาดพื้น และขัดพื้นภายในร้านของตัวเอง ทดแทนการทำงานของพนักงานที่จะต้องขับรถขัดพื้น

ซึ่ง Walmart ได้เริ่มใช้เครื่องทำความสะอาดนี้ตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา ตอนนี้ได้มีการใช้งานใน 78 สาขา และจะขยายไปอีก 360 สาขาในอนาคต

นอกจากนี้ Walmart ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่นำมาใช้ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ล่าสุดได้เพิ่งประกาศว่าจะมีการส่งชุดหูฟังแบบ VR จำนวน 17,000 ชุด เพื่อใช้สำหรับการฝึกอบรมพนักงาน และมีหุ่นยนต์ที่ช่วยเรื่องสแกนสินค้าบนชั้นวางของได้อีก ได้ทดลองใช้ใน 50 สาขาแล้ว

ต้องจับตาดูต่อไปว่า Walmart จะมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ ออกมาพลิกวงการค้าปลีกได้อีก ซ฿งจะช่วยทำให้วงการมีสีสันมากขึ้นไปอีกได้อย่างแน่นอน

Source

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

งาน Digital Thailand Big Bang 2018 ในวันที่ 19-23 กันยายน 61 ที่ผ่านมาก็ได้มีการแสดงเทคโนโลยีชั้นนำเปิดโอกาสให้คนไทยได้เรียนรู้โนวัตกรรมดิจิทัลเชื่อมโยงกับคนทั่วโลกได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งหนึ่งนั้นก็มีสุดยอดผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่างทรูที่ร่วมแสดงนวัตกรรมในงานนี้ด้วย

ทรูยกระดับชีวิตของคนไทยให้เป็น DigiLife Society ที่งาน Digital Thailand Big Bang 2018

ทรูได้ร่วมแสดงนวัตกรรมดิจิทัลในงาน Digital Thailand Big Bang 2018 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของ Showcase Digital Innovation แรกของทรู มีเทคโนโลยีมากมายมาให้ชมภายในงาน แสดงถึงความพร้อมที่ทรูจะผลักดันให้ชีวิตของคนไทยได้สัมผัสความเป็น Digital Lifestyle อย่างแท้จริง

ตลอดเวลาที่ผ่านมากลุ่มทรูได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้บริการ (Big Data Intelligent Anaytics) เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการและสร้างสรรค์นวัตกรรมให้สอดคล้องกับความต้องการหรือไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ให้มากที่สุด และคำนึงถึงทุกมิติของการใช้ชีวิตที่จะต้องเกี่ยวข้องและอยู่บนโครงสร้างพื้นฐานในโลกแห่งโทคโนโลยี

ทั้งการพัฒนาเครือข่าย 4G+ ให้ก้าวหน้าไปได้ไกลยิ่งขึ้น, อินเตอร์เน็ตไฟเบอร์ และ NB IoT ที่ใช้งานได้จริงทั่วประเทศไทย ช่วยยกระดับการใช้ชีวิตของคนไทยให้ก้าวทันเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลในทุกด้านทุกรูปแบบ ทั้ง Live, Learn & Work และ Play

ภายในงาน Digital Thailand Big Bang 2018 ทรูก็ได้โชว์อุปกรณ์ IoT และเทคโนโลยีอีกมากมาย เช่น หุ่นยนต์ cruzr, หุ่นยนต์หมากฮอต และโครงสร้างของ Digital Park แสดงให้เห็นถึงศักยภาพความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีที่พร้อมจะพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้รองรับการทุกไลฟสไตล์ของการใช้ชีวิต

สำหรับใครที่ไม่ได้ไปงาน Digital Thailand Big Bang 2018 ก็เตรียมพบกับ Showcase แห่งใหม่ของทรู บนแหล่งรวมวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ พร้อมสัมผัสและเรียนรู้ความเป็น Digital Lifestyle ที่ True Digital Park Siam Square Soi 2 และ Soi 3 เร็ว ๆ นี้

และเตรียมพบความยิ่งใหญ่และที่สุดของความเป็น ศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิตัลระดับโลก ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ True Digital Park ปุณณวิถีในปี 2562

The post ทรูยกระดับชีวิตของคนไทยให้เป็น DigiLife Society ที่งาน Digital Thailand Big Bang 2018 appeared first on iPhoneMod.

ธนาคารกสิกรไทย เปิดตัว K PLUS โฉมใหม่ เปลี่ยนโลโก้และหน้าตาใหม่ ให้ทันสมัย และใช้งานง่ายขึ้น ตอบโจทย์คนยุคใหม่ มีตอบสนองไลฟ์สไตล์แต่ละคนมากยิ่งขึ้น นำ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ร่วมใช้งาน เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคน K PLUS โฉมใหม่ มาทดแทน...

รอบที่แล้วได้เขียนข้อมูลที่คุณควรรู้กับระบบซิมคู่ (Dual SIM) ของ iPhone XS, XS Max และ XR ให้อ่านกันไปแล้ว วันนี้จะขอนำภาพของระบบ Dual SIM ใน iPhone XS, XS Max และ XR มาให้ชมกันว่า ระบบ ​Dual SIM ของแบบ 2 นาโนซิม และ 1 นาโนซิม + 1 eSIM เป็นเช่นไร

หน้าตาของระบบซิมคู่ Dual SIM ของ iPhone XS, XS Max และ XR 1. ระบบ 2 นาโนซิมใน iPhone XS Max และ XR ถาดซิมของ iPhone XS Max ที่ใส่นาโนซิมได้ 2 อัน

เริ่มกันที่ฝั่งของเครื่อง iPhone XS Max และ XR (ตอนนี้ XR ยังไม่วางขายแต่คิดว่าระบบซิมคู่นั้นจะเหมือนกับ iPhone XS Max) ซึ่งเครื่องที่ซื้อจาก จีน ฮ่องกงและมาเก๊า นั้นสามารถใส่ซิม 2 ใบจากต่างเครือข่ายได้เลย เช่น ซิมแรกจาก TrueMove H และซิมที่ 2 จาก AIS เครื่องก็จะเห็นทั้ง 2 เครือข่าย รับสัญญาณแล้วสแตนบายได้พร้อมกันทั้ง 2 เบอร์ ทั้งนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ เช่น หากเบอร์แรกมีสายเข้าและรับสายอยู่ หากโทรเข้าเบอร์ที่ 2 จะขึ้นสถานะว่าสายไม่ว่าง (โดยไม่ขึ้นรอสาย) หรือทั้งนี้แม้ว่าเราสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้จาก 2 ซิม แต่ว่าเราต้องเลือกเอาว่าจะใช้อินเทอร์เน็ตจากซิมใดซิมหนึ่งเท่านั้น เป็นต้น

จากภาพด้านบนจะเห็นว่าเครื่อง iPhone XS Max นี้ที่ซื้อมาจากฮ่องกงสามารถติดตั้ง 2 นาโนซิมพร้อมกันได้ โดยซิมหลักนั้นใช้สัญญาณ dtac ส่วนซิมรองนั้นใช้สัญญาณของ LINE Mobile นั่นหมายความว่าเครื่องนอกสามารถหิ้วมาใช้งานในไทยได้เลยไม่ต้องตั้งค่าซิมอะไรที่พิเศษ ใส่ซิมเข้าไปปุ๊บรับสัญญาณได้ปั๊บ ที่เหลือก็เลือกเอาเองว่าจะให้ซิมไหนเป็นซิมหลัก​ซิมไหนเป็นซิมรอง

แต่ข้อควรระวังคือ รุ่นนี้ถ้าพังไม่สามารถเคลมในประเทศไทยได้ ด้วยความที่เครื่องที่จำหน่ายในประเทศไทยนั้นใช้คนละโมเดล

2. ระบบ 1 นาโนซิมและ 1 eSIM

iPhone XS, XS Max และ XR ทั่วโลกที่ไม่ได้จำหน่ายใน จีน ฮ่องกงและมาเก๊า จะได้รูปแบบของระบบซิมคู่แบบนี้คือ ใส่นาโนซิมได้ 1 ใบและอีกซิมนั้นต้องใช้ eSIM ในการลงทะเบียนเครือข่าย ซึ่งจะต้องเพิ่มซิมเหล่านั้นภายหลังในการตั้งค่าของ iPhone

ณ ปัจจุบัน iPhone XS, XS Max ที่หิ้วมาจากต่างประเทศสำหรับโมเดลนี้ยังไม่สามารถใช้งาน eSIM ในประเทศไทยได้

มีความคืบหน้าใน iOS 12.1 developer beta ที่พบเห็นเมนูการเพิ่ม eSIM เข้าในตัวเครื่องแล้วโดยใช้วิธีการ 2 อย่างคือ การเพิ่มด้วย QR Code และการกรอกข้อมูลด้วยตนเอง

ขั้นตอนเข้าไปที่

• Settings (การตั้งค่า)> Cellular (เซลลูลาร์)> Add Cellular Plan (เพิ่มแผนบริการเซลลูลาร์)

จากนั้นหน้าต่างถัดมาจะแจ้งให้ผู้ใช้สแกน QR Code ของซิมใหม่หรือถ้าไม่มีก็สามารถเพิ่มรายละเอียดด้วยตัวเองจากเมนูด้านล่าง

ซึ่งหากผ่านจุดนี้แล้วคาดว่า iPhone นั้นจะสามารถรับสัญญาณอีกหนึ่งเครือข่ายได้ พร้อมกับถามว่าต้องการใช้เบอร์ไหนเป็นเบอร์หลักและเบอร์ไหนเป็นเบอร์สำรอง

เอาเป็นว่าเราก็ได้เห็นหน้าตา UI คร่าวๆ ของระบบซิมคู่ iPhone XS, XS Max และ XR กันไปแล้วที่เหลือก็รอชมกันว่าจะใช้งานได้เมื่อไหร่ แต่แน่ๆ คาดว่าในไทยนั้นรอดูช่วงปลายเดือนนี้ (ตุลาคม 2561) ซึ่งคาดกว่าจะมีการวางขาย iPhone รุ่นนี้พอดีและน่าจะถึงเวลาของ iOS 12.1 เวอร์ชันเต็มที่ปล่อยออกมาเพื่อให้ iPhone รองรับฟีเจอร์เหล่านี้

วันนั้นมาถึงเดี๋ยวเรามาชมกันอีกทีครับ

ขอบคุณแฟนเพจที่ส่งข้อมูลมาให้ทีมงาน iMoD

The post หน้าตาของระบบซิมคู่ Dual SIM iPhone XS, XS Max และ XR เป็นแบบนี้นี่เอง appeared first on iPhoneMod.

หลังสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดยานยนต์เมื่อปีก่อนด้วยการเปิดตัว I.D. Buzz รถยนต์ไฟฟ้าที่มากับรูปลักษณ์รถตู้สุดคลาสสิค Volkswagen ก็เตรียมต่อยอดรุ่นย่อยที่เหมาะสมกับการใช้เพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะแล้ว

I.D. Buzz Cargo ต่อยอดได้อีกไกลตามสไตล์ Volkswagen

การทำตลาดรถยนต์ของ Volkswagen นอกจากการวางตัวเป็นผู้ผลิตรถยนต์สำหรับบุคคลทั่วไปตามความหมายของชื่อแล้ว ทางผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมันรายนี้ก็ยังเดินหน้าทำตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์เช่นเดียวกัน แต่เพื่อทำตามนโยบายรักษาสิ่งแวดล้อม และทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์รุ่นใหม่หลังจากนี้ก็ต้องไร้มลพิษ

และนั่นจึงเป้นที่มาของ I.D. Buzz Cargo รถยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบที่มากับรูปลักษณ์รถตู้สุดคลาสสิคของทางแบรนด์ และมีการปรับแต่งให้วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 550 กม. ต่อการชาร์จเต็มเพียงหนึ่งครั้ง ถือว่ามากกว่ารุ่นปกติพอสมควร และสามารถติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาเพื่อนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้เพิ่มระยะทางขึ้นอีก 15 กม. ด้วย

I.D. Buzz Cargo

ขณะเดียวกันรถยนต์รุ่นนี้ยังติดตั้งระบบ Connected-Car เต็มรูปแบบ เพื่อใช้เชื่อมต่อระบบเข้ากับผู้ให้บริการ E-Commerce หรือ Logistic ต่างๆ ทำให้ผู้บริโภค หรือองค์สามารถรับรู้ว่าพัสดุที่อยู่ภายในรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้อยู่ที่ไหน ต้องใช้ระยะเวลาอีกเท่าไรถึงจะถึงที่หมาย

อย่างไรก็ตามรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น I.D. Buzz และ I.D Buzz Cargo ยังไม่มีแผนทำตลาดเร็วๆ นี้ เพราะต้องรอความพร้อมเรื่องเทคโนโลยี รวมถึงความเข้าใจของผู้บริโภค แต่ทาง Volkswagen ยืนยันว่าการวางขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งสองรุ่นเป็นการทั่วไปน่าจะเห็นได้หลังจากปี 2563 เป็นต้นไป

สรุป

รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์นั้นค่อนข้างจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าจะขับเคลื่อนแค่กลุ่มใช้งานสำหรับบุคคลทั่วไป การเปลี่ยนผ่านก็จะไม่ครบสมบูรณ์ ดังนั้นโอกาสที่จะเห็นผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นเริ่มทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับการพาณิชย์ก็น่าจะมีมากขึ้น อย่างเช่น Tesla มีการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหัวลากมาก่อนหน้านี้

อ้างอิง // Hypebeast

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Max – The Curse of Brotherhood เกม Handcrafted งานฝีมือสุดประณีตจาก Flashbulb Games เตรียมเปิดพรีออเดอร์ (Pre-Order) ให้ชาว iOS ได้สัมผัสกับแพลตฟอร์มเกมแอคชั่นผจญภัยสุดสร้างสรรค์แล้ว พร้อมส่วนลด 20% เหลือเพียง 139 บาท !!

Max – The Curse of Brotherhood

เกมแอคชั่นผจญภัยสุดสร้างสรรค์ ที่ไม่ได้มีดีแค่เล่นอย่างเดียวเท่านั้น เพราะผู้เล่นจะได้มีส่วนร่วมในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการขีดเขียนเส้นทางด้วย “Magic Marker” อาวุธมหัศจรรย์เพียงหนึ่งเดียวที่จะช่วยเจ้า Max ผจญภัยและเผชิญหน้ากับความชั่วร้ายนี้ได้

โดยในเกม Max – The Curse of Brotherhood ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับความงดงามของภาพและสนุกสนานไปกับปริศนาที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ที่คุณสามารถสร้างมันขึ้นมาเองได้ด้วยปลายนิ้วของคุณจากระบบที่เรียกว่า “Magic Marker” (ขีดเส้นหรือวาดเส้นทางในเกมได้)

Max – The Curse of Brotherhood เป็นเกม Handcrafted งานฝีมือสุดประณีตจาก Flashbulb Games ที่เปิดตัวมาหลายแพลตฟอร์มทั้ง XBox, PS4 รวมถึงล่าสุด iOS ที่เตรียมจะเปิดให้เล่นในวันที่ 18 ตุลาคม 2561 ที่จะถึงนี้

สำหรับใครที่ชื่นชอบเกมสไตล์ผจญภัยภาพสวยๆ เนื้อเรื่องสนุกๆ แถมยังใช้ความคิดสร้างสรรค์ไปในตัวด้วย ก็ไม่ควรพลาดเกมนี้อีกหนึ่งเกมครับ โดยกดสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre-Order) ตอนนี้ จะได้รับส่วนลด 20% เหลือเพียง 139 บาท

ดาวน์โหลดเกม Max – The Curse of Brotherhood

เนื้อที่เกม: 1.4 GB รองรับ iOS 11.0 ขึ้นไป (ใช้ได้กับ iPhone และ iPad)
ดาวน์โหลดเกมได้ฟรีที่: Max – The Curse of Brotherhood on App Store

The post เปิดพรีออเดอร์ Max – The Curse of Brotherhood เกมผจญภัยที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ (พร้อมส่วนลด 20%) appeared first on iPhoneMod.

Brand Inside วิเคราะห์เรื่องวิกฤติการเงินครั้งใหม่ว่าอะไรที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤติครั้งนี้ หลังจากที่เราได้ผ่านพ้นวิกฤติการเงินของปี 2008 มาแล้ว 10 ปี ซึ่งนักลงทุนเริ่มค้นหาสาเหตุของวิกฤติครั้งใหม่ว่าจะเกิดจากอะไร

ภาพจาก Shutterstock

10 ปีหลังจากเหตุการณ์ Lehman Brothers ล้มก่อให้เกิดวิกฤติการเงินทั่วโลก ตลาดหุ้นตก รวมไปถึงเศรษฐกิจโลกที่ปัจจุบันที่กำลังกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะครบรอบ 10 ปีไปแล้ว แต่นักลงทุนก็เริ่มมีความวิตกกังวลว่าวิกฤติการเงินครั้งใหม่กำลังอาจเกิดขึ้น

โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ได้วิเคราะห์ถึงตัวเร่งที่จะทำให้เกิดวิกฤติไปแล้ว แล้วอะไรที่อาจเป็นปัจจัยที่อาจทำให้เกิดวิกฤติการเงินรอบใหม่ได้บ้าง?

• CIO ของ PIMCO ออกมาเตือนถึงเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ขาลง “ภายใน 5 ปี”

ภาพจาก Shutterstock ธนาคารกลางสหรัฐ

สาเหตุหลักๆ ที่นักลงทุนมีความมั่นใจอย่างมากว่าวิกฤติครั้งใหม่อาจมาจากธนาคารกลางสหรัฐ โดยเฉพาะการประกาศขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา และในปีหน้าอาจมีการขึ้นดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 1-2 ครั้ง ซึ่งเป็นแรงกดดันทำให้เกิดวิกฤติการเงินได้ เพราะว่าต้นทุนทางการเงินในการระดมทุน รวมไปถึงการทำธุรกิจทั่วโลกเพิ่มขึ้นทันที

นอกจากนี้ถ้าหากธนาคารกลางสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องอาจสร้างผลกระทบมาที่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทันที เนื่องจากธนาคารกลางเหล่านี้ต้องขึ้นดอกเบี้ยตามด้วย

ภาพจาก Shutterstock จีน

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจีนมีการเติบโตของเศรษฐกิจสูงมาก โดยเติบโตเฉลี่ยเกิน 6% ยกเว้นในช่วงหลังจากที่เกิดสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกาอาจเป็นความเสี่ยงที่ทำให้เศรษฐกิจของจีนเติบโตได้ช้าลง จนอาจทำให้รัฐบาลต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายของธนาคารกลางจีนเพิ่ม

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเรื่องของปัญหาหนี้ในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นหนี้ของรัฐวิสาหกิจภายในจีน และยังรวมไปถึงหนี้ของเอกชนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงปัญหา Shadow Banking ที่กดดันเศรษฐกิจจีนด้วย ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลจะพยายามลดความเสี่ยงในเรื่องนี้ก็ตาม

แต่วิกฤติครั้งต่อไปเป็นไปได้ว่าจีนอาจเป็นตัวละครหลักในเรื่องนี้ได้

• Nomura ออกมาเตือน “ภายใน 3 ปี” จีนและฮ่องกงอาจพบกับวิกฤติทางการเงิน
• ผอ. IMF คาดสงครามการค้าทำให้เศรษฐกิจโลกชะงัก เตรียมประชุมในอาทิตย์หน้า

ภาพจาก Shutterstock กลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Markets)

ในช่วงที่ผ่านมากลุ่มประเทศเกิดใหม่ ประสบปัญหาเศรษฐกิจอ่อนแอ โดยเริ่มต้นจากที่บราซิล ต่อมาเราก็ได้เห็นเหตุการณ์นี้กับประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น อาร์เจนตินา ตุรกี รวมไปถึงเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่าง อินโดนีเซีย ที่มีปัญหาในเรื่องค่าเงินอ่อนค่า รวมไปถึงหนี้ในสกุลเงินต่างประเทศโดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าธนาคารกลางสหรัฐกำลังจะขึ้นดอกเบี้ย ย่อมเป็นแรงกดดันกับประเทศเหล่านี้

ยังมีประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มที่อาจต้องจับตามองไม่ว่าจะเป็น โคลอมเบีย แอฟริกาใต้ อินเดีย เม็กซิโก โปแลนด์ ชิลี และรวมไปถึงเพื่อนบ้านอย่าง มาเลเซีย

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ กดดันเช่น การไหลออกของเงินทุน ที่อาจเป็นตัวเร่งทำให้เศรษฐกิจประเทศเหล่านี้ย่ำแย่จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤติการเงินอีกรอบ

• เปิดรายงาน 5 ประเทศใน Emerging Markets ส่อแวววิกฤตทั่วโลก
• มาทำความเข้าใจวิกฤติค่าเงิน Lira ของตุรกี อีกหนึ่งวิกฤติที่ควรจับตา
• อยู่ยาก! เงินเฟ้อในตุรกีทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 25% มากกว่านักวิเคราะห์คาดไว้
• กังวลวิกฤติค่าเงินรายที่ 3 ค่าเงินรูเปียอินโดนีเซียอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 20 ปี
• ค่าเงินเปโซอาร์เจนตินายังคงวิกฤติ รัฐบาลเร่งขอเงิน IMF เพื่อแก้ปัญหา

ภาพจาก Pixabay หนี้ทั่วโลก

IMF ได้ประมาณตัวเลขหนี้เมื่อปลายปี 2017 ว่าหนี้ทั่วโลกมีมูลค่า 182 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าเมื่อก่อนเกิดวิกฤติทางการเงินเมื่อ 10 ปีที่แล้วถึง 60% โดยหนี้ของประเทศที่เป็นหัวหลักของเศรษฐกิจโลก 31 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 61% ของ GDP โลก มีหนี้รวมกันประมาณ 101 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ยังมีหนี้ของบริษัทต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา สัดส่วนหนี้ (Debt Ratios) ของบริษัทเอกชนต่างๆ ได้เพิ่มสูงขึ้นกำลังจะทำสถิติใหม่ในรอบ 30 ปี และเรื่องนี้กำลังสร้างความเป็นห่วงไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน

ความกังวลในเรื่องนี้จะเห็นได้จากการประชุมล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่ประชุมที่ประเทศอินโดนีเซียในสัปดาห์นี้ ที่กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังมากขึ้นว่ารัฐบาลแต่ละประเทศจะต้องเริ่มทำความเข้าใจเรื่องหนี้และจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

ภาพจาก Pixabay ยังมีปัจจัยอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดวิกฤติครั้งต่อไปได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น

• ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอีกครั้ง
• สงครามการค้า
• Brexit

อย่างไรก็ดีปัจจัยที่กล่าวมาอาจไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของวิกฤติทางการเงินครั้งต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครทราบได้เหมือนกับวิกฤติการเงินในปี 2008 ที่ผ่านมา

ที่มา – Asahi Shimbun, Bloomberg

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

เมื่อคืนที่ผ่านมา (9 ต.ค. 61) Google ได้เปิดตัว Pixel 3, Pixel 3 XL ใหม่โดยมีการเปรียบเทียบฟีเจอร์ถ่ายภาพกับ iPhone XS ว่าถ่ายในที่แสงน้อยดีกว่า, เก็บภาพ Selfie ได้กว้างกว่า

Google เคลม Pixel 3 ถ่ายภาพในที่แสงน้อยดีกว่า, เก็บภาพ Selfie ได้กว้างกว่า iPhone XS

สำหรับ Pixel 3, Pixel 3 XL นั้นมาพร้อมการปรับปรุงสิ่งใหม่หลายจุดและหนึ่งในนั้นคือการถ่ายภาพที่มีการปรับปรุงขึ้นอย่างมาก โดย Google เผยว่าฟีเจอร์ Night Sight สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อย, กลางคืน โดยไม่ต้องพึ่งแฟลช

ในภาพเราจะเห็นว่า Google ได้เปรียบเทียบภาพถ่ายในที่แสงน้อยของ iPhone XS กับ Pixel 3 จะเห็นว่าภาพของ Pixel 3 มีความสว่างกว่ามาก

นอกจากนั้น Pixel 3, Pixel 3 XL มาพร้อมรอยบากที่หน้าจอซึ่งเป็นกล้องหน้าแบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามา โดย Google เผยว่าสามารถเก็บภาพ Selfie ด้วยกล้องหน้าได้กว้างถึง 184% ซึ่งมากกว่า iPhone XS

ถือว่าเป็นจุดที่น่าสนใจมากสำหรับการแข่งขันเรื่องฟีเจอร์การถ่ายภาพบน Smartphone ระหว่าง Pixel 3 กับ iPhone XS โดยก่อนหน้านี้ iPhone XS Max ได้คะแนน  DxOMark เป็นอันดับสองเพราะมีปัญหาเรื่องการถ่ายภาพที่แสงน้อย ต้องรอดูกันต่อว่า Pixel 3 จะได้คะแนนเท่าไหร่

สเปคกล้อง Pixel 3

กล้องหน้า

• กล้องหน้าคู่ความละเอียด 8MP f/1.8 (Wide), f/2.2 (Ultrawide)
• Auto-HDR
• อัดวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080p 30fps

กล้องหลัง

• กล้องหลังตัวเดียวความละเอียด 12.2MP f/1.8 (Wide)
• OIS, EIS
• Dual-LED flash
• Auto-HDR
• อัดวิดีโอความละเอียดสูงสุด 2160p 30fps

ข้อมูลจาก – The Verge, gsmarena

The post Google เคลม Pixel 3 ถ่ายภาพในที่แสงน้อยดีกว่า, เก็บภาพ Selfie ได้กว้างกว่า iPhone XS appeared first on iPhoneMod.

อีกไม่นานประเทศไทยก็จะเริ่มขาย iPhone XS, XR และ XS Max ซึ่งบางคนก็เริ่มที่จะมองหาเคสคู่ใจเอาไว้บ้างแล้ว เพราะเมื่อถึงเวลาซื้อจะได้มีเคสพร้อมใส่เลย ไม่ปล่อยให้เครื่องเป็นรอย หรือจำยอมเลือกแค่เคสเท่าที่ในร้านมีวางจำหน่าง โดยจากสถิติแล้วคนไทยชอบเคสที่แข็งแรงเป็นหลัก แต่ทั้งนี้ก็จำเป็นต้องมีดีไซน์ที่สวยงานและไม่หนาจนเกินไป

JTLegend Guardian Z JTLegend Guardian Z

JTLegend โดยต่อไปนี้จะขอเรียกแค่ JTL เป็นแบรนด์ผู้ผลิตเคสไอโฟนเพียงอย่างเดียว (ไม่ผลิตรุ่นอื่นเลย) จึงมีความเชี่ยวชาญพิเศษ บวกกับปรัชญาของแบรนด์ที่เน้นความแข็งแรงในขณะที่ยังคงความเป็นแฟชั่น นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของสิทธิบัตร ElastShock เพื่อกันกระแทกโดยอาศัยหลักการ “กระจายน้ำหนัก” เมื่อตกกระทบมุม

ส่วนรุ่นที่เราจะมารีวิวกันในวันนี้เป็นตระกูล Guardian Z รองรับสมาร์ทโฟนรุ่น

• iPhone XS (รวมถึง iPhone X)
• iPhone XS Max
• iPhone XR

โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความทนทาน ในการป้องกันแรงกระแทกเมื่อสมาร์ทโฟนตก

กรอบด้านในออกแบบลักษณะคล้ายก้างปลา มีการป้องกันแบบไฮบริดครบวงจรด้วย ElastShock ซึ่งเมื่อผ่านการทดสอบทางการทหาร (Military Grade) ก็ผ่านมาตรฐาน MIL STD 810G 516.6 คือถ้าคุณทำสมาร์ทโฟนตกลงพื้นไม่ว่าจะมุมไหนหลายสิบครั้ง ตัวเครื่องก็จะไม่มีริ้วรอยตกแตกและยังใช้งานปกติ

ตัววัสดุทำมาจาก TPU และ TPE น้ำหนักโดยรวมอยู่ประมาณ 4X กรัม

สีส้มด้านในจะเป็นโครงสร้างแบบก้างปลาอีกชิ้นส่วนหนึ่ง ซึ่งทางผู้ผลิตอ้างว่ามันสามารถรับและส่งต่อแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี มากกว่าการใช้เพียงแค่ชิ้นส่วนเดียวของเคสรับแรงโดยตรง และตรงมุมยังมี Air Aero Seal ซึ่งสร้างช่องว่ารอยต่อตรงมุมในการรับแรงกระแทก

ด้านหลังเป็นโครงสร้างแบบตัว “Z” เพิ่มความแข็งแรงของตัวเคส อีกหนึ่งในความลับที่ทำให้ผ่านมาตรฐาน MIL STD 810G 516.6 เพราะการที่เคสจะแข็งแรงได้ จำเป็นต้องมีหลายส่วนทำงานร่วมประสานกัน

ปุ่มด้านข้างจะมีฝาครอบปกป้องซ้ำอีกที

ส่วนอีกฝั่งจะสกรีนโลโก้ (สังเกตตรงมุมที่นูนขึ้นมาเราเรียกว่า Air Aero Seal)

เปรียบเทียบขนาดระหว่าง iPhone XS และ iPhone XS Max

เปรียบเทียบตัวเคสด้านในอีกฝั่งนึงดูกันบ้าง

สีจริงของเคส (เรียงตามลำดับ) Black Ops, City Grey, Desert, OD Green และ Code Red ซึ่งจะเป็นโทนออกแนวทหารทั้งหมด เน้นความสุภาพเป็นทางการ สีไม่ฉูดฉาดจนเกินไป

ภาพจากอีกมุมหนึ่งครับบริเวณด้านหลังจะเป็นสีแบบด้านนอก

ส่วนตัวผู้เชียนชอบสี OD Green เป็นพิเศษครับ

และเนื่องจากไม่มีโลหะเป็นส่วนผสมเลยทำให้น้ำหนักเบา (แต่ความแข็งแรงยังคงเดิม) และเมื่อบิดงอเคสสามารถคืนรูปได้อย่างรวดเร็ว ออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระแทกโดยเฉพาะ

ตัวเนื้อเคสไม่ดูดฝุ่นเหมือนยางซิลิโคนทั่วไป ในขณะที่ไม่ลื่นมือเหมือนพลาสติกเงา เท่าที่ลองใช้งานผิวเป็นแบบด้านจับถนัดมือ และนอกจากนี้พวกพื้นผิวรวมถึงโครงสร้างตัว “Z” ยังทำให้สามารถหยิบจับได้อย่างสะดวก

สรุป

มาตราฐานสูงขนาดนี้ใครจะเชื่อว่าราคาเพียงแค่ 950 บาท เป็นหนึ่งในเคสที่ทำราคาออกมาได้สวยมาก มีความทนทานในมาตรฐานเกรดทหาร แถมยังมีน้ำหนักเบา ตัวเคสไม่หนา เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

หากใครสนใจ JTLegend Guardian Z สามารถไปซื้อกันได้ที่ Studio7

The post รีวิว JTLegend Guardian Z เคส iPhone 2018 เกรดกองทัพฯ ราคาหลักร้อย appeared first on iPhoneMod.

เกมปลูกผัก RPG ยอดนิยมอย่าง “Stardew Valley” ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับอุปกรณ์ iOS เตรียมเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 ตุลาคม 2018 นี้ และเปิพรีออเดอร์ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปบน App Store

สุดยอดเกมปลูกผัก RPG “Stardew Valley” เตรียมเปิดให้เล่นบนอุปกรณ์ iOS ปลายเดือนนี้

Eric Barone นักพัฒนาเกมปลูกผัก Stardew Valley ที่จะวางจำหน่ายบน App Store มีราคา 7.99 ดอลลาร์ (279 บาท) และไม่มีการซื้อภายในแอปใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นผู้เล่นก็หมดกังวลไปได้เลยว่าซื้อเกมแล้วจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก พูดง่ายๆ คือซื้อครั้งเดียวจบ เล่นได้ยาวๆ

เกม Stardew Valley บน iOS เป็นเกมแบบเต็มรูปแบบไม่มีการตัดแบ่งเวอร์ชันเหมือนกับเกมใน PC ซึ่ง Stardew Valley บน iOS จะใช้การสัมผัสหน้าจอในการเล่น และผู้ที่เคยเล่นจาก PC ก็สามารถโอนย้ายข้อมูลเดิมไปยังแพลตฟอร์ม iOS ได้ ด้วยการใช้ iTunes

คุณสมบัติในเกม Stardew Valley

• รองรับการเล่น iPhone และ iPad และ iOS 10.0 ขึ้นไป
• เกม Stardew Valley บน iOS เป็นเวอร์ชันเต็มไม่มีการแบ่งเวอร์ชัน การเล่นจะแตกต่างกับเวอร์ชัน PC เนื่องจากเกมถูกพัฒนามาให้รองรับการกับ Touch Screen บนหน้าจอ
• ราคาเกม 279 บาท/£7.99 / $7.99 / 8,99 € แล้วแต่แต่ละประเทศ ไม่มีการซื้อภายในแอป จ่ายครั้งเดียวจบ
• บน iOS จะเป็นเวอร์ชัน 1.3 ที่เล่นแบบ Singer Player มีเนื้อหา Night Market แต่ยังเล่นแบบ Multiplayer ไม่ได้
• ผู้ที่เล่นบน PC สามารถถ่ายโอนข้อมูลที่บันทึกไว้มายัง iOS ได้ผ่าน iTunes แต่ต้องมีการสำรองข้อมูลให้เรียบร้อยก่อน

เกม Stardew Valley ได้เปิดตัวบนแพลตฟอร์มอื่นๆ ตั้งแต่ปี 2016  และเป็นเกมจำลองเหตุการณ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยคุณต้องเป็นคนจัดการเวลาของตัวละครในเกมเพื่อดูแลฟาร์มของคุณปู่ใน Stardew Valley

สำหรับใครที่เคยเล่นบน PC มาแล้วหรือคนที่คลั่งไคล้เกมแนวปลูกผักก็สามารถพรีออเดอร์เกมได้ที่ Pre-Order Stardew Valley on App Store ในราคา 279 บาท และเริ่มเล่นได้ในวันที่ 24 ตุลาคม 2018 เป็นต้นไป

ขอบคุณ 9to5mac

The post เปิดพรีออเดอร์ Stardew Valley สุดยอดเกมปลูกผัก เตรียมเปิดให้เล่นบนอุปกรณ์ iOS ปลายเดือนนี้ appeared first on iPhoneMod.

การแข่งขันของธนาคารตอนนี้เกิดขึ้นในทุกมิติ ทั้งด้านการทำตลาดที่แฝงตัวเองไปในทุกที่ การบริการที่ต้องครอบคลุมทุกช่วงเวลาในแต่ละวัน และ Mobile Banking ที่กำลังเป็นช่องทางที่คนเข้าถึงแบงก์ได้มากที่สุด

เมื่อคู่แข่งบุกเข้ามาจากทุกทิศทาง ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank ในฐานะผู้นำด้านดิจิทัล จึงพัฒนา K PLUS โฉมใหม่ที่ตอบโจทย์การใข้งาน แก้ข้อจำกัดจากแอพเดิมเพื่อให้ผู้ใช้ได้ประโยชน์มากขึ้น

มีอะไรใหม่บ้างใน K PLUS

• สามารถใช้งาน K PLUS ผ่าน WiFi ได้แล้ว ถือเป็นจุดที่ผู้ใช้บ่นกันมากว่า K PLUS ใข้งานผ่านไวไฟไม่ได้ แม้ทาง KBank จะระบุว่าเป็นเรื่องความปลอดภัย แต่เวอร์ชั่นล่าสุดมีการป้องกันอย่างดี และพัฒนาให้ใช้งานผ่านไวไฟได้แล้ว โดยเข้าไปที่เมนู Setting แล้วเปิดการใช้งานผ่านไวไฟ
• กดเงินจากตู้ ATM โดยไม่ต้องใช้บัตร (Cardless ATM) หลังจากปล่อยให้บางธนาคารมีบริการนี้ไปก่อน ในที่สุด K PLUS ก็สามารถกดถอนเงินจากตู้ ATM ผ่านแอพ โดยไม่ต้องใช้บัตรได้แล้ว
• รวมธุรกรรมที่ใช้งานบ่อยไว้ในที่เดียว ช่วยให้การจัดการเรื่องการเงิน โอน จ่าย เติม ง่ายกว่าเดิม
• e-Slip เพราะรู้ว่ามีการโอนเงินซื้อสินค้ากันบ่อย เลยจัด e-Slip ที่มี QR Code สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าเป็น Slip จริงหรือปลอม
• สามารถเพิ่ม Loyalty Card ไว้ใน K PLUS ได้เลย สะดวกสบายไม่ต้องพกบัตรหลายใบ เช่น บัตร PTT Blue Card, บัตร The 1 Card
• K PLUS Market หลายคนอาจจะรู้ว่า KBank สนับสนุนผู้ประกอบการ SME โดยการเพิ่มเมนู​ Marketplace ให้ร้านค้ามาอยู่ในเมนูนี้ ใครที่สนใจกดเข้าไปเลือกดูสินค้าและซื้อได้ทันที

K PLUS Logo ใหม่ แทน Logo เดิม ออกแบบใหม่ User Friendly กว่าเดิม

• สรุปความเปลี่ยนแปลงของ K PLUS ครั้งนี้ คือ มีการเปลี่ยนแปลง Logo ใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น พร้อมกับเปลี่ยนหน้าตาและจัดวางเมนูใหม่ ให้ใช้งานง่ายขึ้น
• การรวมปุ่มธุรกรรม (Banking) ไว้ในที่เดียวกัน เป็นธุรกรรมที่มีการใช้งานบ่อย
• ฟังก์ชั่นใหม่ ได้แก่ K PLUS Today แจ้งเตือนธุรกรรมการเงินสำคัญและทำบ่อย แนะนำโปรโมชั่น ร้านค้าโปรด โปรส่วนลดต่างๆ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า

สรุปยอดการใช้งาน K PLUS และกลยุทธ์ 3 ด้าน

พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า K PLUS ใช้งานมาแล้ว 5 ปี ณ​ เดือน ก.ย. มียอดผู้ใช้ 9.4 ล้านราย จากลูกค้า KBank ทั้งหมด 15 ล้านราย โดยมีการวางกลยุทธ์ 3 ด้าน ได้แก่ 1. เพิ่มสัดส่วนการใช้งานฟังก์ชั่นไลฟ์สไตล์ของ K PLUS อีก 5-10% ภายใน 1 ปี ปัจจุบันคนนิยมใช้ โอน-เติม-จ่าย มากที่สุด K PLUS จะผลักดันให้มีการใช้งานอื่นๆ เพิ่มขึ้น

2. เป็นช่องทางให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน เช่น ถอนเงินไม่ใช้บัตร ซื้อกองทุน บริการสินเชื่อส่วนบุคคล และ 3. เพิ่มฐานลูกค้ารวมของธนาคารให้ได้ 20 ล้านบัญชีใน 3 ปี จากปัจจุบันมีลูกค้า 15 ล้านบัญชี ตลอด 10 ปีที่ผ่านมามีลูกค้า KBank เพิ่ม เฉลี่ยปีละกว่า 1 ล้านบัญชี เป้าคือเพิ่มให้ได้ปีละกว่า 2 ล้านบัญชี

พร้อมกับเตรียมความพร้อมรองรับการใช้งาน โดยเฉพาะช่วงสิ้นเดือนเพื่อป้องกันระบบแบงก์ล่ม เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น

ถอนเงินไม่ใช้บัตร ATM

การโอนเงิน และตั้งโอนล่วงหน้า

e-Slip

K PLUS Market

ตั้งค่า การใช้งานผ่าน WiFi

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

แอปจัดการอีเมลยอดนิยม Spark ได้ปล่อยอัปเดตใหม่ เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกับ Siri Shortcut ใน iOS 12 แล้ว จัดการอีเมลของคุณได้ง่ายขึ้น

แอป Spark ปล่อยอัปเดตให้รองรับ Siri Shortcut แล้ว

การอัปเดตให้รองรับการทำงานร่วมกับ Siri Shortcut ใน iOS 12 ครั้งนี้ สามารถทำงานได้ 3 คุณลักษณะดังนี้

• การเปิดโฟลเดอร์ – สามารถใช้คำสั่งให้เปิดอีเมลที่ปักหมุดใน Spark หรือพูดชื่อโฟล์เดอร์
• การค้นหาอีเมล – สามารถใช้คำสั่งให้ค้นหาอีเมลกับชื่อผู้ส่งได้
• การสร้างอีเมลใหม่ – สามารถสั่งให้สร้างอีเมลใหม่ใน Spark ได้ทันที

แอป Spark เป็นแอป 3rd Party ที่เอาไว้ช่วยในการจัดการอีเมลที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยฟีเจอร์หลากหลายที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ เช่น ตั้งเวลาส่งอีเมล, Smart Inbox, ระบบแจ้งเตือนเฉพาะอีเมลสำคัญ เป็นต้น

ดังนั้นการอัปเดตให้ Spark สามารถทำงานร่วมกับ Siri Shortcut ด้วยการสั่งคำสั่งเสียงก็จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการอีเมลได้สะดวกมากขึ้น แต่ในเวอร์ชันนี้จะรองรับเฉพาะ Siri Shortcut ที่มาพร้อมกับ iOS 12 เท่านั้น ซึ่งยังไม่รองรับกับแอป Shortcut (อาจจะอัปเดตภายหลัง)

สำหรับผู้ใช้แอป Spark อยู่ ก็สามารถอัปเดตแอปให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดและตั้งค่า Siri Shortcut ดู ส่วนใครที่อยากลองใช้ก็สามารถดาวน์โหลดฟรีได้ที่ Spark on App Store

ขอบคุณ 9to5mac

The post แอป Spark สำหรับจัดการอีเมล ปล่อยอัปเดตให้รองรับ Siri Shortcut แล้ว appeared first on iPhoneMod.

หลุดจนโค้ดวินาทีสุดท้าย ล่าสุด Guilherme Rambo ได้ออกมารายงานข่าวลือเกี่ยวกับ iPad Pro รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้

โดยรายละเอียดของข่าวลือนี้ระบุว่า iPad Pro รุ่นใหม่ จะเปลี่ยนไปใช้พอร์ต USB-C แทน Lightning แบบเดิมเต็มตัวแล้ว นอกจากนี้ดีไซน์จะเหมือนกับ iPhone XS ที่จะไม่มีปุ่มโฮม หน้าจอกว้างชิดขอบทั้ง 4 ด้าน และมุมหน้าจอจะโค้งมน ด้านบนมาพร้อมกล้อง TrueDepth เพื่อรองรับการสแกนใบหน้าผ่าน Face ID, รองรับการเชื่อมต่อเข้ากับทีวี HDR

และที่สำคัญที่สุดแอปเปิลอาจเปิดตัว Apple Pencil รุ่นใหม่ ที่จะฉลาดขึ้นกว่าเดิม คือสามารถเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth และ Wi-Fi ได้เหมือนกับ AirPods ไม่ต้องเปิดฝาเสียบที่พอร์ต Lightning เหมือนรุ่นก่อน ๆ อย่างไรก็ตามข่าวลือไม่ได้เผยถึงวิธีการชาร์จ Apple Pencil รุ่นใหม่ว่าจะใช้วิธีใด

สำหรับวันเปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ เป็นไปได้สูงที่แอปเปิลจะจัดงานในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งมีข่าวลือมาว่าน่าจะอยู่ในช่วงวันที่ 23-31 ตุลาคมนี้

ที่มา – MacRumors

 

The post [หลุด] iPad Pro มาพร้อมพอร์ต USB-C, Face ID และ Apple Pencil 2 เชื่อมต่อง่ายเหมือน AirPods appeared first on Macthai.com.

YouTuber ได้เผยวิดีโอที่ได้จากการใช้ iPhone XS Max กับกล้อง Canon C200 ถ่ายวิดีโอในกลางแจ้ง วิดีโอที่ได้จะแตกต่างกันขนาดไหน ไปชมกันเลย

เปรียบเทียบวิดีโอที่ถ่ายด้วย iPhone XS Max กับกล้องถ่ายภาพยนต์ Canon C200

แน่นอนว่ากล้องของ iPhone XS Max เก็บความละเอียด, เก็บแสงและความเคลื่อนไหวได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายภาพยนต์ Canon C200 แต่ Photos In Color เผยว่ากล้องและระบบการบันทึกวิดีโอของ iPhone XS Max ทำออกมาได้ดีมากๆ ซึ่งผู้รีวิวให้ความเห็นว่าเลือกยากมากว่ากล้องตัวไหนดีกว่ากัน

สเปคกล้องและการบันทึกวิดีโอของ iPhone XS Max

• บันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 30 fps หรือ 60 fps
• บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps
• บันทึกวิดีโอระดับ HD 720p ที่ 30 fps
• ช่วงไดนามิกกว้างขึ้นสำหรับวิดีโอที่มีอัตราความเร็วของเฟรมสูงสุด 30 fps
• ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอลสำหรับวิดีโอ
• ซูมออปติคอล 2 เท่า และซูมดิจิตอลได้สูงสุด 6 เท่า
• แฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวง
• รองรับวิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps หรือ 240 fps
• วิดีโอไทม์แลปส์ พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว
• ระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ (1080p และ 720p)
• วิดีโอออโต้โฟกัสแบบต่อเนื่อง
• ถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 8MP ขณะบันทึกวิดีโอระดับ 4K
• ซูมขณะเล่น
• แนบข้อมูลพิกัดตำแหน่งในวิดีโอ
• รูปแบบไฟล์วิดีโอที่บันทึก: HEVC และ H.264
• บันทึกเสียงสเตอริโอ

ที่มา – iclarified

The post เปรียบเทียบวิดีโอที่ถ่ายด้วย iPhone XS Max กับกล้องถ่ายภาพยนต์ Canon C200 appeared first on iPhoneMod.

Apple ได้ปล่อยอัปเดต watchOS 5.1 beta 3 ให้นักพัฒนาได้อัปเดตแล้ว เบื้องต้นเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพทั่วไป นักพัฒนาสามารถอัปเดตได้เลย

Apple ปล่อยอัปเดต watchOS 5.1 beta 3 ให้นักพัฒนาได้อัปเดต

watchOS 5.1 Developer beta 3 มาพร้อมกับเลข Build Number 16R5577c นักพัฒนาสามารถอัปเดตผ่าน OTA บน iPhone ที่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi และในการติดตั้ง watchOS ทุกครั้ง แบตเตอรี่ของ Apple Watch ต้องมากกว่า 50% และต้องชาร์จอยู่บนแท่นชาร์จเสมอ

สิ่งใหม่ใน watchOS 5.1 Developer beta 3

โดยทั่วไปแล้วใน watchOS 5 Developer beta จะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพ, แก้ไขข้อผิดพลาดที่พบจากเวอร์ชันก่อนหน้า, แก้ปัญหาด้านความปลอดภัย และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ การอัปเดตครั้งนี้พบว่า

• ยังไม่มีแอป ECG บน Apple Watch ในเวอร์ชันนี้
• แก้ไขปัญหาการตัดข้อความบน Apple Watch Series 4

หากทีมงานได้ทดสอบแล้วพบสิ่งใหม่ก็จะรายงานให้ทราบอีกครั้ง

ผู้ใช้ Apple Watch สามารถติดตามข่าวสารอัปเดตเกี่ยวกับ watchOS และ Apple Watch ทั้งหมดได้ที่ watchOS หรือ Apple Watch

The post Apple ปล่อยอัปเดต watchOS 5.1 beta 3 ให้นักพัฒนาทดสอบแล้ว appeared first on iPhoneMod.

รการเปิดตัวของ Apple Watch Series 4 ในงานเปิดตัว Apple Special Event 2018 ดอกเตอร์ Ivor Benjamin ได้กล่าวว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากศักยภาพในการช่วยชีวิตคนจากอุปกรณ์ และได้พูดถึงรายละเอียดต่างๆ ที่ Apple Watch Series 4 สามารถช่วยชีวิตคนได้ และวันนี้อีกหนึ่งเสียงจากนักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ก็จะมาให้ความเห็นว่า Apple Watch Series 4ช่วยชีวิตคนได้อย่างไร

นักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์เห็นด้วยว่า Apple Watch Series 4 สามารถช่วยชีวิตคนได้

คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ Apple Watch Series 4 ในเรื่องของ ECG เป็นหลัก แต่นักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ชื่อว่า Rich Mogull ได้ให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ตรวจจับการล้มเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัญหานี้มักจะเกิดกับผู้สูงอายุและอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

เคสอุบัติเหตุจากการลื่นล้มขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน จากประสบการณ์การทำงานช่วยเหลือฉุกเฉินที่ผ่านมา โดยเฉพาะอุบัติเหตุการลื่นล้มของผู้สูงอายุที่มีผลกระทบถึงขั้นเสียชีวิต การบาดเจ็บที่ศีรษะหรือศีรษะถูกกระแทกเป็นเรื่องที่พบบ่อยและถือว่าร้ายแรงมาก รองลงมาก็จะเป็นเรื่องของกระดูกสะโพกแตกที่ส่งผลให้การฟื้นตัวช้า

ส่วนในเรื่องของการตรวจจับภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) และสามารถแจ้งเตือนให้กับผู้ใช้ได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ โดย Apple Watch จะคอยตรวจจับชีพจรที่ผิดปกติบนข้อมือ เมื่อพบความผิดปกติที่อยู่ในภาวะเสี่ยงของ AFib ก็จะมีการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบ นำไปสู่การวินิฉัยหาโรคหลอดเลือดในสมอง

สำหรับ ECG อาจจะไม่สามารถตรวจจับอาการหัวใจวายได้ แต่การตรวจ ECG ก็มีประโยชน์สำหรับแพทย์ที่ติดตามผู้ป่วยโรคหัวใจที่สามารถแชร์ผลให้แพทย์ได้ทราบ ในเวลาที่ไม่ได้เข้าไปตรวจหรือพบแพทย์ ก็สามารถช่วยให้ข้อมูลได้ระดับหนึ่ง

ฟังชันก์ ECG นี้อาจจะยังไม่ได้เปิดใช้งานให้กับประเทศอื่นๆ แต่คาดว่า Apple คงจะมีมาตรการจัดการให้มีการรับรองและใช้งานได้ในประเทศอื่นเร็วกว่าที่คาดไว้

ขอบคุณ 9to5mac

The post นักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์เห็นด้วยว่า Apple Watch Series 4 สามารถช่วยชีวิตคนได้ appeared first on iPhoneMod.

หากพูดถึงเรื่องการออมเงิน ไม่ว่าจะเป็นการออมเพื่อการศึกษา เพื่อครอบครัว หรือเป็นเสบียงหลังเกษียณ หลายๆ คนอาจจะเลือกใช้การออมหลากหลายรูปแบบ เช่น เงินฝากออมทรัพย์,​ ลงทุนกับหลักทรัพย์​ หรือ กองทุนรวม หรือจะซื้อสินทรัพย์ไว้เก็งกำไรก็ได้

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีเงินเย็นอยู่พอสมควร แต่ไม่ถนัดกับการลงทุน อาจจะติดขัดเรื่องเวลา หรือความเชี่ยวชาญ ดังนั้น การเลือกวิธี ออมเงิน อาจจะปลอดภัยและแน่นอนกว่า

ลองมาดูกันว่า คุณสมบัติเหล่านี้ตรงกับใครบ้าง

1. มีหน้าที่การงานหรือธุรกิจ มีช่วงอายุประมาณ 30 – 60 ปี
2. มีเงินเย็นที่เก็บไว้และไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายเงินส่วนนี้
3. สนใจเรื่องเงินฝากดอกเบี้ยสูงเป็นหลัก

ถ้ามีคุณสมบัติใกล้เคียงกับที่กล่าวมา ทางเลือกในการสร้างดอกผลจากเงินเย็นที่มีอยู่คือ “เงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยสูง” น่าจะเป็นทางออกที่น่าสนใจที่สุด สามารถฝากถอนได้แต่รับดอกเบี้ยแบบเงินฝากประจำ แบบนี้ต้องไม่พลาดกับ Ultra Savings เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจากธนชาต

หลักการง่ายๆ เป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ วงเงิน 100,000 แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท รับดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี ถอนได้ 2 ครั้งต่อเดือนโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ครั้งต่อไปคิดค่าธรรมเนียม 50 บาท เปิดบัญชีได้ตั้งแต่ 1 พ.ย. 60 – 31 ธ.ค. 61

ย้ำอีกครั้ง ใครที่มีเงินเย็นๆ ไม่รีบร้อนใช้เงิน และไม่ชอบการเสี่ยง ไม่พร้อมสำหรับการลงทุน เอามาฝาก Ultra Savings กับธนาคารธนชาต มั่นใจว่าได้ดอกเบี้ยสูงแน่นอน

เปิดบัญชี Ultra Savings ได้แล้ววันนี้ที่ธนาคารธนชาตทุกสาขา หรือโทร. 1770 เพิ่มเติมคลิก http://bit.ly/2QFkBcA

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

หลังจากปล่อยอัปเดต iOS 12.1 beta 3 สำหรับนักพัฒนา Apple ก็ปล่อยเวอร์ชัน iOS 12.1 Public beta 3 ให้ผู้ลงทะเบียนได้ทดสอบเช่นกัน

Apple ปล่อยอัปเดต iOS 12.1 Public beta 3 ให้ผู้ลงทะเบียนได้ทดสอบแล้ว

สำหรับ iOS 12.1 Public beta นั้นเป็น iOS สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการทดสอบโดยแน่นอนว่าใน iOS 12.1 Public beta จะยังมีปัญหาเรื่องการใช้งานทั่วไป ปัญหาการใช้งานแอปต่างๆ และอื่นๆ ดังนั้นผู้ที่จะทดสอบควรพิจารณาความเหมาะสมให้ดี

สิ่งใหม่ใน iOS 12.1 Public beta 3

ใน iOS 12.1 Public beta 2 มีรายการฟีเจอร์ใหม่เหมือนกับ iOS 12.1 Developer beta 3 ที่ Apple ปล่อยให้นักพัฒนาได้อัปเดตก่อนหน้านี้

ผู้ลงทะเบียน iOS 12.1 Public beta Profile สามารถอัปเดตเป็น iOS 12.1 Public beta 3 ได้เลยผ่าน OTA หรือถ้าใครอยากลงลงทะเบียนทดสอบบ้าง สามารถชมวิธีติดตั้ง Profile เพื่อทดสอบตามวิธีนี้ได้เลย

(ผู้ที่ลงทะเบียน iOS 12 Public beta ไม่ต้องลงทะเบียนซ้ำ อัปเดตผ่าน OTA ได้เลย!)

วิธีติดตั้ง

เข้าไปที่เว็บไซต์ beta.apple.com

แตะปุ่ม Sign Up (เลื่อนลงมากลางจอ) หรือแตะ Sign In ที่มุมบนขวา แล้ว Sign In ด้วย Apple ID ของเราให้เรียบร้อย

แตะปุ่ม “Accept” ที่ด้านล่างขวาของจอ

แตะแถบ “iOS”

แตะลิงก์ “enroll your iOS device”

แตะปุ่ม “Download profile”

แตะ “อนุญาต”

เลือก “iPhone”

แตะ “ติดตั้ง”

แตะ “เริ่มการทำงานใหม่”

เมื่อติดตั้ง iOS Public beta Profile เสร็จสิ้น อุปกรณ์จะ Reboot ใหม่ จากนั้นให้เข้ามาเช็คอัปเดต iOS 12 Public beta ได้ที่ Settings > General > Software Update

อุปกรณ์ที่รองรับ iOS 12 Public beta iPhone

• iPhone XS, iPhone XS Max
• iPhone X
• iPhone 8, iPhone 8 Plus
• iPhone 7, iPhone 7 Plus
• iPhone 6s, iPhone 6s Plus
• iPhone 6, iPhone 6 Plus
• iPhone SE
• iPhone 5s

iPad

• iPad Pro 12.9 นิ้ว
• iPad Pro 10.5 นิ้ว
• iPad Pro 9.7 นิ้ว
• iPad Air 2, iPad Air
• iPad mini 4, iPad mini 3, iPad mini 2
• iPad 9.7 นิ้ว (5th generation Model)
• iPad 9.7 นิ้ว (6th generation Model)

iPod touch

• iPod touch (6th generation)

ข้อควรจำ

• ควรสำรองข้อมูลเอาไว้ที่ iTunes ก่อนการอัปเดต เพราะถ้าไม่เช่นนั้นหากคุณจะดาวน์เกรดลงมาจาก Beta ไฟล์ที่สำรองจาก Beta (ซึ่งเวอร์ชันสูงกว่า) จะไม่สามารถกู้มาใช้กับเวอร์ชันที่ต่ำกว่าได้
• Developer beta หรือ Public beta คือตัวทดสอบ ฉะนั้นการที่จะเกิดข้อผิดพลาดก็ย่อมมีได้เสมอ แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการทดสอบจริงๆ เท่านั้น

The post Apple ปล่อยอัปเดต iOS 12.1 Public beta 3 ให้ผู้ลงทะเบียนได้ทดสอบแล้ว appeared first on iPhoneMod.

Appleได้ปล่อย iOS 12.1 Developer beta 3 ให้นักพัฒนาได้อัปเดตทดสอบกันแล้ว นักพัฒนาที่ลงทะเบียนไว้สามารถอัปเดตได้เลย

iOS 12.1 Developer beta 3 สำหรับนักพัฒนา

สำหรับ iOS 12.1 Developer beta 2 นั้นมาพร้อมไฟล์ติดตั้งขนาด 340.9MB (iPhone X) และเลข Build Number 16B5077c นักพัฒนาที่ใช้ iOS 12 Beta Software Profile ก่อนหน้านี้สามารถเข้าไปอัปเดตผ่าน OTA ได้เลย

สิ่งใหม่ใน iOS 12.1 Developer beta 3

โดยทั่วไปแล้วใน iOS Developer beta สำหรับนักพัฒนาเวอร์ชันที่ปล่อยอัปเดต จะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพ, แก้ Bug, แก้ปัญหาด้านความปลอดภัยและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ

• เพิ่มการรองรับซิมคู่ในเครือข่ายมือถือสหรัฐ (iPhone XS, iPhone XS Max)
• Beta นี้ไม่แก้ปุ่ม .?123 เหมือน iOS 12.0.1 ที่ปล่อยเมื่อวาน
• แก้ปัญหา ChargeGate เพิ่มเติม

(หากทีมงานพบสิ่งใหม่ จะรายงานให้ทราบอีกครั้ง)

___________________________________

ผู้ใช้ทั่วไป “ไม่ควรอัปเดต” เป็น iOS 12.1 Developer beta สำหรับนักพัฒนา

เตือน! ผู้ใช้ทั่วไปยังไม่ควรอัปเดตเป็น iOS 12 Developer beta หากต้องการอัปเดตทดสอบ iOS 12 เราขอแนะนำให้ลงทะเบียน iOS 12 Public beta จะดีกว่า

iOS แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร ทำความเข้าใจที่นี่

The post Apple ปล่อยอัปเดต iOS 12.1 Developer beta 3 ให้นักพัฒนาได้อัปเดตทดสอบแล้ว appeared first on iPhoneMod.