iPad Pro Gen 3 ตัวล่าสุดใช้ USB-C และไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. โดย Apple ได้เปิดขายอะแดปเตอร์ USB-C เป็นช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. ราคา 390 บาท (ไม่แถมมาในกล่อง)

อะแดปเตอร์ USB-C เป็นช่องต่อหูฟัง 3.5 มม.

Apple ได้เปิดขายอะแดปเตอร์ USB-C เป็นช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. ราคา 390 บาทที่ Apple Store Online ไทย ใช้สำหรับ iPad Pro (Gen 3) ที่ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. โดยเฉพาะ

ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ Apple Store Online ประเทศไทย

 

The post เปิดขายอะแดปเตอร์ USB-C เป็นช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. ราคา 390 บาท สำหรับ iPad Pro Gen 3 (ไม่มีช่องหูฟัง) appeared first on iPhoneMod.

Mac mini เปิดตัวครั้งแรกในปี 2005 โดยถูกวางตำแหน่งไว้ให้เป็นคอมพิวเตอร์ราคาถูก สำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้แมคโดยจะไม่มีหน้าจอให้มาด้วย ซึ่งว่ากันตามตรงสเปกก็จะถูกตัดทอนลงมาให้ไม่สูงมากนัก และได้รับความนิยมพอสมควรสำหรับผู้ที่ต้องการความกะทัดรัด แต่น่าเศร้าตรงที่สเปกล่าสุดถูกดองไว้ที่ปี 2014 แถมมีความเร็วเพียงแค่ระดับ MacBook Air

เปิดตัว Mac mini (2018) รุ่นใหม่

ความเปลี่ยนแปลงในรุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์เดิม (ซึ่งคงไม่ได้มีใครคาดหวังกันอยู่แล้ว) เพิ่มเติมคือสีดำเข้าชุดกับเมาส์และคีย์บอร์ดรวมถึง iMac Pro และหากจะเรียกว่ามันคือ Mac mini Pro ก็ไม่ผิด เพราะสเปกมันแรกขึ้นมากขนาดที่ว่าเทียบชั้น MacBook Pro 15″ เลยทีเดียว

• CPU เปลี่ยนจาก Intel Core i Gen 4 มาเป็น Gen 8
  • Intel Core i3 แบบ Quad-core ความเร็ว 3.6GHz
  • Intel Core i5 แบบ 6-core ความเร็ว 3.0GHz
  • Intel Core i7 แบบ 6-core ความเร็ว 3.2GHz (สำหรับเลือกอัปเกรด)
• RAM เปลี่ยนจาก DDR3 มาเป็น DDR4 (ถอดแกะได้)
  • DDR4 ความเร็ว 2666MHz ขนาด 8GB
  • DDR4 ความเร็ว 2666MHz ขนาด 64GB (สำหรับเลือกอัปเกรด)
• HDD เปลี่ยนจาก HDD, Fusion Drive มาเป็น SSD PCIe
  • ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ชนิด PCIe ความจุ 128GB
  • ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ชนิด PCIe ความจุ 256GB
  • ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ชนิด PCIe ความจุ 2TB (สำหรับเลือกอัปเกรด)
• ชิปเข้ารหัส T2 แบบเดียวกับ iMac Pro ถอดรหัส HEVC เร็วขึ้น 30 เท่า
• พอร์ต USB 3 จำนวน 2 พอร์ต
• พอร์ต Thunderbolt 3 (USB-C) จำนวน 4 พอร์ต
• พอร์ต HDMI 2.0
• Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac
• เทคโนโลยีไร้สาย Bluetooth 5.0
• Gigabit Ethernet
  • 10Gb Ethernet (สำหรับเลือกอัปเกรด)
• ช่องหูฟัง 3.5 มม.

ไม่เพียงแค่ตีตลาดกลุ่มลูกค้าผู้เริ่มต้นใช้ macOS แต่ยังตีตลาดกลุ่มมืออาชีพ เพราะสามารถเอามาเชื่อมต่อกันหลายตัวเพื่อทำการ Render Farm ลดระยะเวลาการประมวลสำหรับงานระดับองค์กร และทั้งหมดนี้สามารถ Pre-order ได้แล้วในอเมริกา เริ่มขายจริง 7 พฤศจิกายนนี้

ราคาเปิดตัว

1. Intel Core i3 gen 8 (Quad-core) 3.6GHz, RAM DDR4 8GB, SSD 128GB ราคา 27,900 บาท
2. Intel Core i5 gen 8 (Six-core) 3.0GHz Turbo Boost 4.1GHz, RAM DDR4 8GB, SSD 256GB ราคา 38,400 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม Mac mini 2018

ประสิทธิภาพมากกว่าเดิมถึง 6 เท่า โปรเซสเซอร์ 6-Core หน่วยความจำที่มีความจุมากขึ้น อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช และคุณสมบัติอื่นๆ อีกมาก

นิวยอร์ก — 30 ตุลาคม 2018 — วันนี้ Apple® ได้เสริมประสิทธิภาพการทำงานขนานใหญ่ให้กับ Mac mini® ในวันนี้โปรเซสเซอร์แบบ Quad-core และ 6-Core หน่วยความจำความจุสูงสุด 64GB ที่รวดเร็วขึ้น และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบ Flash ความเร็วสูงนั้นทำให้ Mac mini ใหม่มอบประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วขึ้นถึงห้าเท่าซึ่งทำให้เป็น Mac mini ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา1 และด้วยพอร์ต Thunderbolt รวมถึงชิพรักษาความปลอดภัย Apple T2 และตัวเลือก 10Gb นั้นทำให้ Mac mini ใหม่เป็นเดสก์ท็อปที่รวดเร็วขึ้นและมากความสามารถยิ่งขึ้นที่สามารถทำอะไรได้มากมายกว่าเดิม

“Mac mini เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าด้วยความสามารถในการใช้งานในสภาพแวดล้อมอันหลากหลาย ตั้งแต่การใช้งานเดสก์ท็อปทั่วไปจนถึงการแสดงสดของศิลปินระดับมืออาชีพ ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ Mac mini หลายๆ เครื่องที่ตะลุยผ่านการเรนเดอร์วิดีโอและการคอมไพล์โค้ดของซอฟต์แวร์จนถึงแร็คจำนวนนับพันในฟาร์มสร้างแอพขนาดใหญ่ยักษ์ เครื่อง Mac ที่มีขนาดเล็กแต่ทรงพลังเป็นที่ต้องการในทุกๆ ที่เพื่อให้ทำงานได้สำเร็จลุล่วง” Philip Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดทั่วโลกของ Apple กล่าวไว้ “ลูกค้า Mac mini จะตะลึงไปกับ Mac mini ใหม่ Mac mini ใหม่มีประสิทธิภาพที่มากกว่าเดิมถึงห้าเท่า โปรเซสเซอร์ระดับเดสก์ท็อปสูงสุด 6-Core ชิพรักษาความปลอดภัย Apple T2 หน่วยความจำความจุสูงสุด 64GB ที่รวดเร็วขึ้น อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงแบบ Flash และอัดแน่นด้วยพอร์ตอันล้ำสมัยซึ่งประกอบด้วย Thunderbolt 3 สี่พอร์ต, USB-A 2 พอร์ต, พอร์ตวิดีโอ HDMI, พอร์ตเสียง และพอร์ต Ethernet สูงสุด 10Gbps พลังทั้งหมดนี้อัดแน่นอยู่ในเครื่องขนาดเดียวกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเหมาะสำหรับลูกค้าที่อัพเดทหรือสร้างการติดตั้งใหม่ทั้งหมดที่มี Mac mini เป็นโซลูชั่นที่ดีที่สุด

รวดเร็วกว่าเดิมห้าเท่าและทรงพลังกว่าที่เคยมีมา

ด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core รุ่นที่ 4 แบบ Quad-core และ 6-Core พร้อมความเร็ว Turbo Boost สูงสุดที่ 4.6Ghz และระบบกราฟิก Intel UHD นั้นทำให้ Mac mini มอบประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าถึงห้าเท่า1 ในตอนนี้ Mac mini ทะยานผ่านงานเดสก์ท็อปแบบเดิมๆ ดังเช่น การตัดต่อภาพถ่ายและวิดีโอ การสร้างสรรค์เพลง และการพัฒนาซอฟต์แวร์ และรับมือกับเวิร์กโฟลว์ระดับมืออาชีพซึ่งรวมถึงการแปลงสัญญาณวิดีโอ การคอมไพล์โค้ด และการแสดงดนตรีสดได้อย่างรวดเร็ว และด้วยหน่วยความจำ 64GB ความเร็ว 2666 Mhz ทำให้ Mac mini สามารถโหลดไฟล์ขนาดใหญ่เข้าไปในหน่วยความจำ เปิด Virtual Machine ได้มากขึ้น หรือควบคุมชุดข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ ตอนนี้ Mac mini ทุกเครื่องมีความเร็วและความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช ด้วยความจุสูงสุด 2TB ทำให้ SSD บน Mac mini เร็วขึ้นกว่าเดิมถึงสี่เท่า คุณจึงสามารถทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่และเปิดแอพต่างๆ ได้รวดเร็วกว่าที่เคย1

ชิพรักษาความปลอดภัย Apple T2 มาพร้อมกับ Mac mini

ชิพรักษาความปลอดภัย Apple T2 นำความปลอดภัยระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมมายัง Mac mini ของคุณ T2 ประกอบด้วยคอนโทรลเลอร์ SSD ที่มีการเข้ารหัสข้อมูลตลอดเวลา ดังนั้นทุกข้อมูลที่จัดเก็บไว้บน SSD จึงได้รับการเข้ารหัสอย่างสมบูรณ์โดยอัตโนมัติ Secure Enclave ใน T2 ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงกับซอฟต์แวร์ที่โหลดในระหว่างการเริ่มต้นระบบ T2 ยังประกอบด้วยการแปลงสัญญาณวิดีโอ HEVC ที่มีความเร็วอันยอดเยี่ยมกว่าเดิมถึง 30 เท่า ซึ่งทำให้ผู้ใช้ระดับมืออาชีพทำงานกับวิดีโอความละเอียดสูงตลอดทั้งเวิร์กโฟลว์ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น1

I/O ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นพร้อม Thunderbolt 3 และ 10Gb Ethernet

ด้วยพอร์ต Thunderbolt 3 สี่พอร์ตซึ่งมากกว่าพอร์ตในรุ่นก่อนหน้าสองเท่าและเสริมด้วยประสิทธิภาพที่เป็นสองเท่า Mac mini ใหม่จึงสามารถทำการเชื่อมต่อกับ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลความเร็วสูง จอภาพ Thunderbolt ระดับ 4K และ 5K และส่งออกสัญญาณวิดีโอในสามรูปแบบ Mac mini ยังมีพอร์ต HDMI 2.0, พอร์ต USB-A 2 พอร์ต, ช่องต่อเสียง และ Gigabit Ethernet จึงทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้แทบทั้งหมด และด้วยประสิทธิภาพของเครือข่ายที่รวดเร็วที่สุด นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ Mac mini มอบตัวเลือก 10Gb Ethernet

ตัวเครื่องอลูมิเนียมที่รีไซเคิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และมีคาร์บอนฟุตพริ้นต์ที่ลดน้อยลง

ตัวเครื่องของ Mac mini ใหม่ทุกเครื่องมีในสีเทาสเปซเกรย์ใหม่ และใช้อลูมิเนียมอัลลอยที่ออกแบบโดย Apple ซึ่งผลิตจากอลูมิเนียมที่รีไซเคิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรก โดยอลูมิเนียมนี้มีความแข็งแกร่ง ความคงทน และความสวยงามเดียวกันกับ อลูมิเนียม ในผลิตภัณฑ์ Apple ทุกชิ้น2 Mac mini ยังใช้พลาสติกที่ผ่านการใช้งานและรีไซเคิลเป็นชิ้นส่วนต่างๆ ดังเช่นขาเทียมได้ ความล้ำหน้าทั้งหมดเหล่านี้ช่วยลดปริมาณสารคาร์บอนของ Mac mini ลงได้เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์3

ที่มา – apple.com

The post เปิดตัว Mac mini (2018) รุ่นใหม่ซีพียู 6-core แรมสูงสุด 64GB เล็กแต่ทรงพลัง appeared first on iPhoneMod.

Apple ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Apple Watch Series 4 เปิดขายในไทยวันที่ 2 พ.ย. 2561 นี้ และได้ยืนยันราคา Apple Watch Series 4 ทุกรุ่น ทั้ง Apple Watch Series 4, Apple Watch Series 4 Nike+ และ Apple Watch Series 4 Hermès

ยืนยันราคา Apple Watch Series 4 ทุกรุ่นในไทยจาก Apple Store Online ประเทศไทย

Apple ยืนยันราคา Apple Watch Series 4 ที่เปิดขายในไทยผ่านเว็บไซต์ Apple Store Online ประเทศไทย โดยรุ่นและราคาที่เปิดขาย มีดังนี้

Apple Watch Series 4 Apple Watch Series 4 GPS ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  14,400 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา  – 15,400 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Sport Band

• หน้าจอ 40 มม. –  24,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. –  26,900 บาท

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Milanese Loop

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  28,400 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  30,400 บาท

ชมรายละเอียด Apple Watch Series 4

Apple Watch Series 4 Nike+ Apple Watch Series 4 GPS Nike+ ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  14,400 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  15,400 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular Nike+ ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา – 17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา – 18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

ชมรายละเอียด Apple Watch Series 4 Nike+

Apple Watch Series 4 Hermès

รุ่น Hermès เป็นจะเป็น GPS+Cellular และตัวเรือนเป็นสแตนเลสสตีลทั้งหมด

Apple Watch Series 4 Hermès

• หน้าจอ 40 มม. ราคา – เริ่มต้น 44,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา – เริ่มต้น 46,900 บาท

ชมรายละเอียด Apple Watch Series 4 Hermès

ผู้สนใจสามารถชมรายละเอียดและราคาได้ที่ Apple Store Online ประเทศไทย และรอสั่งซื้อในวันที่ 2 พ.ย. 61 นี้

The post ยืนยันราคา Apple Watch Series 4 ทุกรุ่นในไทยจาก Apple Store Online ประเทศไทย appeared first on iPhoneMod.

Apple เปิดตัว iPad Pro (Gen 3) ใหม่และได้ปรับลดราคา iPad Pro 10.5 นิ้วรุ่นเดิมพร้อมเลิกขาย 12.9 นิ้วรุ่นเดิม มีผลทันทีที่ Apple Store Online

ราคาใหม่ iPad Pro 10.5 นิ้ว (30 ต.ค. 61)

iPad Pro 10.5 นิ้ว รุ่น Wi-Fi

• iPad Pro 10.5 นิ้ว รุ่น Wi-Fi 64GB – ราคา 23,900 บาท (เดิม 24,500 บาท)
• iPad Pro 10.5 นิ้ว รุ่น Wi-Fi 256GB – ราคา 28,900 บาท (เดิม 29,900 บาท)
• iPad Pro 10.5 นิ้ว รุ่น Wi-Fi 512GB – ราคา 35,900 บาท (เดิม 37,100 บาท)

The post Apple ลดราคา iPad Pro 10.5 นิ้วเลิกขาย 12.9 นิ้วเดิม มีผลทันที appeared first on iPhoneMod.

ในที่สุด Apple ก็เปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่แล้ว ซึ่งเป็น iPad Pro ที่มีดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งตัวเครื่องมีความบางลงอย่างมากเหลือเพียง 5.9 mm ซึ่งบางกว่า iPad mini 4 อีก สำหรับสเปกคร่าว ๆ ของ iPad Pro รุ่นใหม่ มีดังนี้

• หน้าจอ Liquid Retina Display ขนาด 11″ (2388 x 1668 พิกเซล) และ 12.9″ (2732 x 2048 พิกเซล) ที่ 264 ppi ที่มุมด้านข้างจะเป็นมุมโค้งมนเหมือนกับ iPhone XS
• หน้าจอรองรับ ProMotion
• มาพร้อมชิป A12X Bionic ที่มาพร้อม CPU 8-Core, GPU 7-core และ Neural Engine และชิปร่วม M12 ทำให้กราฟฟิกเร็วขึ้น 2 เท่า

• กล้องหลัง 8MP f/1.8 สามารถซูมแบบดิจิตอลได้ 5 เท่า รองรับ Smart HDR แต่ไม่รองรับ Portrait Mode และ Depth Control
• กล้องหลัง สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60 fps ได้ และ Slo-mo 1080p ที่ 120 fps
• กล้อง TrueDepth (กล้องหน้า) มีความละเอียด 7MP, f/2.2 รองรับ Portrait mode และ Smart HDR แต่ไม่รองรับ Depth Control เหมือนบน iPhone XS
• Face ID สามารถปลดล็อกได้ไม่ว่าจะถือด้วยแนวตั้งหรือแนวนอน

• ลำโพง 4 ตัว และไมโครโฟน 5 ตัว เพื่อสนทนาให้ได้เสียงที่คมชัด
• ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm
• รองรับ Wi-Fi 802.11ac, Bluetooth 5.0
• รองรับ Dual SIM (Nano SIM และ eSIM) เหมือน iPhone XS
• มาพร้อมพอร์ต USB-C ที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้ตามต้องการ และสามารถชาร์จ iPhone ได้อีกด้วย
• ตัวเครื่องมี 2 สีให้เลือกคือ Silver และ Space Grey
• สิ่งที่แถมมาให้ในกล่อง ได้แก่ สายชาร์จ USB-C และอะแดปเตอร์แบบ USB-C ขนาด 18W

• Apple Pencil รุ่นที่ 2 ดีไซน์ใหม่ไร้รอยต่อ สามารถแตะ 2 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนเครื่องมือ, ซูม หรืออื่น ๆ ได้ตามต้องการ และยังสามารถดูดติดกับตัวเครื่อง เพื่อทำการ Pairing และชาร์จแบตแบบไร้สายได้อย่างง่ายดาย สามารถใช้งานร่วมกับ iPad Pro รุ่นใหม่เท่านั้น ไม่สามารถใช้งานกับรุ่นเก่าได้
• Smart Keyboard Folio เป็นคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ที่มีแม่เหล็กอยู่รอบเคส เพื่อยึดติดกับ iPad Pro รุ่นใหม่ และยังสามารถปกป้องตัวเครื่องได้ทั้ง 2 ด้าน

 

ราคา iPad Pro รุ่นใหม่ และอุปกรณ์เสริม iPad Pro 11″

Wi-Fi

• 64GB ราคา 28,900 บาท
• 256GB ราคา 33,900 บาท
• 512GB ราคา 40,900 บาท
• 1TB ราคา ราคา 54,900 บาท

Wi-Fi + Cellular

• 64GB ราคา 33,900 บาท
• 256GB ราคา 38,900 บาท
• 512GB ราคา 45,900 บาท
• 1TB ราคา ราคา 59,900 บาท

iPad Pro 12.9″

Wi-Fi

• 64GB ราคา 35,900 บาท
• 256GB ราคา 40,900 บาท
• 512GB ราคา 47,900 บาท
• 1TB ราคา ราคา 61,900 บาท

Wi-Fi + Cellular

• 64GB ราคา 40,900 บาท
• 256GB ราคา 45,900 บาท
• 512GB ราคา 52,900 บาท
• 1TB ราคา ราคา 66,900 บาท

อุปกรณ์เสริม

• Apple Pencil รุ่นที่ 2 ราคา 4,490 บาท
• Smart Keyboard Folio สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว ราคา 6,490 บาท
• Smart Keyboard Folio สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว ราคา 7,290 บาท
• Apple Care สำหรับ iPad ราคา 2,800 บาท

ส่วนวันวางจำหน่าย แอปเปิลประกาศว่าจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าประเทศไทยจะเริ่มจะหน่ายพร้อมกันหรือไม่ ต้องมาคอยติดตามกันต่อไป

 

ที่มา – Apple

The post Apple เปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ พร้อม Apple Pencil รุ่น 2 ราคาเริ่มต้น 28,900 บาท appeared first on Macthai.com.

Apple เปิดตัว Mac mini รุ่นใหม่ หลังจากที่ห่างหายไปนานแสนนาน โดยกลับมารอบนี้ Apple ก็มาพร้อมกับชิพรุ่นใหม่ที่ทั้งเร็วขึ้น แรงขึ้น

Mac mini รุ่นใหม่ ใช้ชิพ Intel Core รุ่นที่ 8 มีให้เลือกเริ่มต้น 4 คอร์ไปจนถึง 6 คอร์ เพื่อให้เหมาะกับงานตั้งแต่ทั่วไป จนถึงงานโปรแกรมมิ่งหรืองานกราฟิก ส่วนแรมก็มีให้เลือกสูงสุดถึง 64GB ความเร็ว 2,666Mhz และฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูลเป็นแบบแฟลชทั้งหมด เลือกความจุสูงสุดได้ถึง 2TB

Mac mini ยังมีชิพใหม่ Apple T2 ที่มีระบบ SSD controller พร้อมระบบเข้ารหัส เพื่อทำให้ข้อมูลที่เก็บไว้บน SSD เข้ารหัสโดยอัตโนมัติ, Secure Enclave ที่ทำให้ซอฟต์แวร์ที่โหลดเข้าไปในช่วงบู๊ตระบบไม่ถูกเปลี่ยนแปลง, มี HEVC video transcoding ที่ทำให้เร็วกว่ารุ่นเดิมถึง 30 เท่า ทำให้การทำงานระดับโปรดีลื่นไหลกว่าเดิม

พอร์ตด้านหลังตัวเครื่อง Mac mini มี Thunderbold 3 (USB-C) ทั้งหมดสี่พอร์ต สามารถใช้ต่อจอนอกหรือส่งออกวิดีโอได้ รวมถึงพอร์ตอื่น ๆ เช่น HDMI 2.0 หนึ่งพอร์ต, USB-A สองพอร์ต, ช่องเสียบหูฟัง และ Gigabit Ethernet อีกหนึ่งพอร์ต (ซึ่ง Apple มี 10Gb Ethernet ให้เลือกด้วยในผู้ที่ต้องการนำไปใช้งานที่ต้องการความเร็วเครือข่ายสูง)

Apple ระบุว่า Mac mini เป็นผลิตภัณฑ์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยตัวเครื่องทำมาจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ซึ่งให้ความแข็งแรง, คงทน และสวยงามเหมือนเดิม ส่วนพลาสติกของตัวเครื่องก็นำมาจากพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งทำให้ Mac mini ลดการปล่อยคาร์บอนได้สูงถึง 50%

Mac mini มีสองรุ่นย่อย ดังนี้

• ชิพ 8th generation Intel Core i3 แบบควอดคอร์ 3.6GHz, แรม DDR4 2666MHz ขนาด 8GB, กราฟิก Intel UHD 630, SSD PCIe ความจุ 128GB ราคา 27,900 บาท
• ชิพ 8th generation Intel Core i5 แบบหกคอร์ 3.0GHz (Turbo Boost สูงสุด 4.1GHz), แรม DDR4 2666MHz ขนาด 8GB, กราฟิก Intel UHD 630, SSD PCIe ความจุ 256GB ราคา 27,900 บาท

สำหรับตอนนี้ Mac mini ยังไม่พร้อมวางจำหน่ายใน Apple online ประเทศไทย ซึ่งถ้าเริ่มวางจำหน่ายแล้วทีมงานจะอัพเดตให้ทราบอีกครั้ง

ที่มา – Apple Newsroom

หมายเหตุ: ในกล่อง Mac mini มีเพียงสายไฟกับตัวเครื่องเท่านั้นครับ ส่วนอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ต้องซื้อแยก

The post ยังไม่ทิ้งกัน !! Mac mini รุ่นใหม่มาแล้ว พร้อมชิพที่แรงขึ้น, ฮาร์ดดิสก์แบบแฟลชทุกรุ่น เริ่มต้น 27,900 บาท appeared first on Macthai.com.

ก่อนหน้านี้ บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า (KT-AXA) เคยปรับแบบประกันสุขภาพของเด็ก โดยเพิ่มเงื่อนไขให้พ่อแม่ หรือผู้ปกครองต้องควักเงินซื้อประกันภัยพ่วงไปกับลูกตัวเองด้วย สาเหตุหลักก็เพราะคนเคลมประกันเยอะ จนค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) พุ่งสูง ถ้าไม่ปรับตัวก็จะขาดทุนต่อเนื่อง

ล่าสุดบริษัทฯ ออกแบบประกันสุขภาพเด็กตัวใหม่โดยที่พ่อแม่ ไม่ต้องซื้อประกันพ่วงกับลูกแล้ว

กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดตัว “เฮล์ทตี้ คิด” คุ้มครองตั้งแต่ 1 เดือน – 11 ปี

อังเดร ซานิค กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจประกันสุขภาพ บริษัท กรุงไทย-
แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (KT-AXA) บอกว่า ล่าสุดเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัว เลยออกแบบประกันสุขภาพสำเร็จรูป “เฮล์ทตี้ คิด” แบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่

1. ส่วนแบบประกันชีวิตหลัก “สมาร์ท โพรเทคเตอร์ (25PL)” จ่ายเบี้ยประกันภัย 25 ปี คุ้มครองถึงอายุ 90 ปี ทุนเอาประกันภัยเริ่มต้น 500,000 บาท พอครบสัญญาที่อายุ 90 ปี จะได้รับเงิน 100% ของทุนเอาประกันภัยวันที่ครบกำหนดสัญญา
   จุดเด่น : มีเงินจ่ายคืนประจำปี ตั้งแต่สิ้นปีที่ 2 จนถึงอายุ 90 ปี
2. ส่วนสัญญาเพิ่มเติม “ค่ารักษาพยาบาล (พิเศษ) สำหรับเด็ก Smart Medicare (Kid)” เมื่อเป็นประกันสุขภาพบริษัทจะรับชำระเบี้ยประกันแบบปีต่อปี เพราะราคาปรับตามช่วงอายุ ซื้อได้ตั้งแต่ 1 เดือน แต่ต่ออายุได้ถึงตอน 10 ขวบ และคุ้มครองถึงแค่ อายุ 11 ปี
   จุดเด่น : เข้าโรงพยาบาลแต่ละครั้งให้เคลมได้สูง อย่างแผนที่ 1. อยู่ที่ 720,250 บาท/ครั้งที่เข้ารักษา 2. แผนที่ 2 อยู่ที่ 963,000 บาท/ครั้งที่เข้ารักษา

เมื่อค่ารักษาพยาบาลแพง ซื้อประกันนี้เบี้ยฯ เริ่ม 24,070 บาท/ต่อปี ทุนฯ 500,000 บาท

ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะเด็กเล็กเจ็บป่วยบ่อย บางทีค่ารักษาก็สูงหลักแสน พอมาดูที่เบี้ยประกันก็ขึ้นอยู่กับว่า 1. เพศไหน 2.เลือกทุนเอาประกันภัยเท่าไร 3. อายุ และ 4.เลือกแผนไหน

แบบประกันนี้มีให้เลือก 2 แผน แผนที่ 1 ทุนเอาประกันภัยเริ่มต้น 500,000 บาท และแผนที่ 2 ทุนเอาประกันภัยเริ่มต้น 800,000 บาท

โดยเด็กเล็กเบี้ยประกันภัยจะแพงกว่าเด็กที่โต เป็นไปตามความเสี่ยง และอัตรามรณะของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)

ตัวอย่างเช่น แบบประกัน เฮล์ทตี้ คิด แผน 1 อายุ 1 เดือนเพศชาย เบี้ยฯ อยู่ที่ 38,640 บาท/ปี ขณะที่ เด็กคนเดียวกันแต่เลือก เฮล์ทตี้ คิด แผน 2 เบี้ยฯ อยู่ที่ 54,964 บาท/ปี
ส่วนเด็กอายุ 10 ขวบ เฮล์ทตี้ คิด แผน 1 เพศหญิง เบี้ยฯ อยู่ที่ 24,070 บาท
และถ้าเลือกแผน 2 เบี้ยฯ อยู่ที่ 35,052 บาท/ปี

จุดเด่นของแบบประกันนี้คือ

• คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน ต่อเนื่องถึง 150 วัน
• มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (กรณีรักษาตัวต่อเนื่องหลังจากเป็นผู้ป่วยใน)
• ค่าปรึกษาแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลสูงสุดถึง 20 ครั้งต่อปี

สรุป

เมื่อค่ารักษาพยาบาลเด็กแพงกว่าผู้ใหญ่ ประกันสุขภาพเลยกลายเป็นทางเลือกที่ดี เพราะเวลาเข้าโรงพยาบาลพ่อแม่ไม่ต้องรอคิวนาน ไม่ต้องเครียด เพราะมีประกันสำรองจ่ายให้ แต่ก่อนซื้อประกันทุกครั้งต้องอ่านเงื่อนไขให้ดี และอย่าลืมอ่านหัวข้อ Waiting Period หรือช่วงเวลาที่ยังไม่รับประกันด้วย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

หลังจากปี 2015 Apple ก็ไม่ได้ทำการอัพเดท MacBook Air อีกเลย เนื่องจาก Apple นั้นได้เปิดตัว MacBook รุ่นใหม่ในปี 2015 และ MacBook Pro รุ่นใหม่ในปี 2016 สิ่งนี้ทำให้หลาย ๆ ฝ่ายคาดว่า Apple กำลังจะทิ้งการมีตัวตนของของ MacBook Air แต่ในงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple ก็ได้มีการเปิดตัว MacBook Air 2018 รุ่นใหม่ ที่เรียกได้ว่า “กลับมาจากความตาย” ที่แท้จริง

เปิดตัว MacBook Air 2018

MacBook Air รุ่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบให้บางกว่าเดิม และมีหลายสีให้เลือกซิ่งเสป็คของ MacBook Air ที่เปิดตัวมีดังนี้

• บางลงกว่าเดิม 10% มีความบางแค่ 15.7 มิลลิเมตร
• ใช้จอแบบ Retina display ขนาด 13.3 นิ้ว (เท่าเดิม) ความละเอียดกว่า 4 ล้านพิกเซล
• มีฟีเจอร์ Touch ID แสกนนิ้วมือเพื่อปลดล็อกได้
• ใช้การออกแบบ Keyboard แบบใหม่ และ Track Pad แบบ Force Touch
• มีพอร์ต Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต

ซึ่งตัว MacBook Air นี้เปิดตัวมาพร้อมกับเสป็คเริ่มต้นดังนี้

• CPU Intel Core i5 แบบ Dual Core Gen 8
• อัพแรมได้สูงสุดถึง 16 GB และ SSD สูงสุด 1.5 TB

นอกจากนี้ MacBook Air รุ่นใหม่ยังใช้วัสดุแบบใหม่คืออลูมิเนียมทีเกิดจากการ Recycle 100% นั่นทำให้ MacBook Air กลายเป็น Mac ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด 100%

Spec ราคา และวันวางจำหน่าย

Apple นั้นตั้งราคาของ MacBook Air ไว้เริ่มต้นที่ 42,900 บาทเท่านั้น ทำให้ MacBook Air กลายเป็น MacBook ที่ราคาถูกที่สุดสำหรับ MacBook รุ่นใหม่ (ที่ใช้จอแบบ Retina Display) ที่สำคัญคือ มีราคาถูกกว่า MacBook Pro รุ่นไม่มี Touch Bar ซึ่งฟีเจอร์กากกว่า (และไม่มี Touch ID)

Apple เปิดตัว MacBook Air ใหม่ใน 4 ด้วยกัน

• Space Gray
• Gold
• Silver

สำหรับเสป็คตามที่ปรากฏในหน้าเว็บของ Apple ก็ดังนี้

• ความจุ 128 GB ราคา 42,900
• ความจุ 256 GB ราคา 49,900

ดังนั้นดูเหมือนว่าสิ่งที่จะหายไปนั้น ไม่น่าจะใช่ MacBook Air เพราะล่าสุดมันได้กลับมาจากความตายแล้ว สิ่งที่ทีมงาน MacThai คาดว่าจะหายไปก็คือ MacBook Pro รุ่นที่ไม่ที Touch Bar ต่างหาก

สำหรับราคาและวันวางจำหน่ายในไทยนั้นต้องรอ Apple อัพเดทอีกที แต่แน่นอนว่าเราจะได้เห็น MacBook Air รุ่นใหม่นี้ที่ Apple Store แห่งแรกและแห่งใหม่ของไทย ณ Apple Iconsiam แน่นอน

The post กลับมาแล้ว!! Apple เปิดตัว MacBook Air 2018 จอเรติน่า, สีใหม่, บางขึ้น เริ่ม 42,900 บาท appeared first on Macthai.com.

อวนสานเบียร์สดในร้านสะดวกซื้อ

วันนี้ (30 ตุลาคม 2561) ราชกิจจานุเบกษาโดยประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศห้ามขายเบียร์สดในร้านสะดวกซื้อแล้ว

ในราชกิจจาฯ ระบุว่า การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปัจจุบันที่นำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในร้านสะดวกซื้อทำให้ประชาชนเข้าถึงได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ง่ายขึ้นและจะนำไปสู่ปัญหาทางสังคมโดยรวม

นี่หมายความว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ร้านสะดวกซื้ออย่าง Family Mart ที่ขายเบียร์สดในสาขา Holiday Inn สีลม จะไม่สามารถขายเบียร์สดได้อีกต่อไปแล้ว

• เบียร์สดในร้านสะดวกซื้อ กับโอกาสใหม่ทางธุรกิจ หรือแค่ Gimmick เล็กๆ ในการสร้างกระแสของ Family Mart

อ่านราชกิจจานุเบกษาฉบับนี้เต็มได้ที่ด้านล่างนี้:

ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีได้เผยแพร่เรื่อง กำหนดวิธีการหรือลักษณะห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการใช้เครื่องจ่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในสถานที่หรือบริเวณร้านค้าสะดวกซื้อ พ.ศ. 2561

ปัจจุบันการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในร้านค้า สะดวกซื้อ อันเป็นการจูงใจให้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น ทำให้เด็ก เยาวชน และประชาชนเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้โดยง่าย ก่อให้เกิดปัญหาและผลกระทบทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ สุขภาพ ครอบครัว อุบัติเหตุ และอาชญากรรมโดยรวมของสังคม

เพื่อให้การกำหนดวิธีการหรือลักษณะห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 (8) และมาตรา 30 (6) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ประกอบมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ในประกาศฉบับนี้ “เครื่องจ่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” หมายความว่า อุปกรณ์ หรือหัวจ่าย หรือสิ่งอื่นใด ที่ใช้ระบบหรือกลไกจ่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่สามารถบริโภคได้ทันที

“ร้านค้าสะดวกซื้อ” หมายความว่า ร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าหรือบริการโดยตรง เพื่อความสะดวก และสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งมีลักษณะของสถานประกอบการขายสุราของผู้ได้รับใบอนุญาตขายสุราประเภทที่ 2

ข้อ 2 ห้ามผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยวิธีการใช้เครื่องจ่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในสถานที่หรือบริเวณ ดังต่อไปนี้

(1) ร้านค้าสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นการประกอบกิจการโดยบุคคลธรรมดา

(2) ร้านค้าสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นการประกอบกิจการโดยนิติบุคคล

(3) ร้านค้าสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นการประกอบกิจการ โดยได้รับความยินยอมให้ใช้สิทธิ ในการประกอบกิจการจากผู้ให้สิทธิ ข้อ 3 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ที่มา – ราชกิจจานุเบกษา

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Rabbit LINE Pay จับมือกับ บัตรแรบบิท สามารถผูกบัตรกับบัญชีเข้าด้วยกันใช้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS ได้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวแลกเหรียญ ซื้อบัตร (แต่ต้องซื้อบัตรแรบบิทก่อนนะ)

จิน วู ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แรบบิท – ไลน์เพย์ จำกัด บอกว่า นี่คือการ Soft Launch เปิดตัวบริการชำระค่าโดยสาร บีทีเอสผ่าน แรบบิท – ไลน์เพย์ สามารถทำได้เองผ่านมือถือ ไม่ว่าจะเป็นการเติมเงิน ซื้อเที่ยวเดินทาง เช็คยอดเงินคงเหลือ และแสดงประวัติการเดินทาง พร้อมทั้งเลือกวิธีการชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง ด้วยการตัดค่าโดยสารจากเงินใน e-wallet ของ Rabbit LINE Pay หรือตัดจากบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตของผู้ใช้บริการที่ผูกไว้ กับแรบบิท – ไลน์เพย์

นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนสำหรับการหักค่าโดยสาร หรือการซื้อเที่ยวเดินทางบีทีเอสผ่านทาง LINE รวมถึงการแจ้งเตือนกรณีเงินคงเหลือไม่เพียงพอต่อการชำระค่าโดยสารบีทีเอส ซึ่งสร้างความมั่นใจ โปร่งใส และตรวจสอบได้ พร้อมกับเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่ใช้บริการ

ปัจจุบัน ณ เดือนตุลาคม 2561 จำนวนผู้ใช้บริการแรบบิท – ไลน์เพย์ อยู่ที่ 5 ล้านคน อัตราการเติบโตของผู้ใช้สูงถึง 50% ในเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาถือเป็นการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีจำนวนร้านค้าที่รับชำระด้วยแรบบิท – ไลน์เพย์มากกว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศ  และมีแผนการขยายให้ถึง 60,000 ร้านค้า ภายในสิ้นปี 2561

“ปัจจุบันทางแรบบิท – ไลน์เพย์ ได้เปิดให้บริการผูกบัตรแรบบิท กับบริการแรบบิท – ไลน์เพย์ ทั้งสิ้น 20 บูธ บนสถานี BTS 15 สถานี (ให้บริการจนถึง 30 พ.ย. 2561) ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ใช้บริการจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการใช้บริการของลูกค้า วันนี้ลูกค้าสามารถผูกใช้บริการได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วบนสถานีบีทีเอสทุกสถานีได้อีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งเราตั้งเป้าจำนวนบัตรที่ผูกใช้บริการ ทั้งสิ้น 500,000 ใบ ภายในสิ้นปี 2561”

สำหรับแผนพัฒนาเพื่อขยายขอบเขตการให้บริการในปีหน้า (ไตรมาส 1/2562) ต่อไปนั้น จะสามารถขยายขอบเขตให้บริการกับบัตรร่วมธนาคารกรุงเทพได้ รวมถึงจะขยายการผูกบัตรแรบบิทกับแรบบิท – ไลน์เพย์ มากกว่า 1 ใบ (ปัจจุบันจำกัด 1 คน 1 ใบ) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าผู้ใช้บริการกลุ่มครอบครัวเป็นต้น

นอกจากนี้มีแผนที่จะพัฒนาระบบกับร้านค้าที่รับชำระด้วยบัตรแรบบิทในปัจจุบัน และร้านค้าในอนาคตให้สามารถรับชำระด้วยแรบบิท – ไลน์เพย์ ผ่านการแตะบัตรแรบบิทที่ผูกใช้บริการ รวมถึงแผนการขยายการเติมเงินเข้า e-wallet ของแรบบิท –ไลน์เพย์ ผ่านการแตะบัตรแรบบิทที่ผูกใช้บริการ ได้ตามจุดเติมเงินต่างๆ เช่น ห้องจำหน่ายตั๋วบนสถานีบีทีเอส, ร้าน McDonald’s, Kerry Express เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการที่นิยมการแตะบัตร แทนการใช้ MyCode ของ แรบบิท-ไลน์เพย์

รัชนี แสนศิลป์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเต็ม จำกัด บอกว่า บัตรแรบบิทเริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปี 2555 โดยเริ่มจากการเป็นบัตรโดยสารบีทีเอส มาจนถึงปัจจุบันมีผู้ถือบัตรแรบบิทมากกว่า 10 ล้านใบ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

ธนจิรา ประกาศปิดดีลเข้าซื้อกิจการแบรนด์ HARNN 100% ขยายพอร์ตสินค้าสู่กลุ่มสุขภาพและความงามอย่างเต็มตัว ตั้งเป้าสู่การเป็น Regional Lifestyle Company

ต้องโตอย่างแข็งแกร่งด้วยแบรนด์ของตนเอง

ธนจิรา เป็นหนึ่งในผู้จัดจำหน่าย และทำการตลาดให้กับสินค้าไลฟ์สไตล์แฟชั่นจากต่างประเทศหลายแบรนด์ ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ จิวเวอรี่ ได้แก่ PANDORA เครื่องประดับแบรนด์ดังจากประเทศเดนมาร์ก, MARIMEKKO แบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นจากประเทศฟินแลนด์ และ CATH KIDSTON แบรนด์ไลฟ์สไตล์โมเดิร์นวินเทจจากประเทศอังกฤษ ทั้งยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์เครื่องประดับจิวเวลรี่เพชรแท้ TILDA อีกด้วย

แต่ถ้าดูในพอร์ต หรือโครงสร้างธุรกิจแล้ว ทุกแบรนด์เป็นการนำเข้าแบรนด์จากต่างประเทศทั้งสิ้น ทำให้กลยุทธ์ของธนจิราต่อจากนี้คือการเน้นสร้างแบรนด์ของตัวเอง ประเดิมด้วยการเข้าซื้อกิจการแบรนด์ HARNN แบรนด์สปาสัญชาติไทยเป็นการลงทุนด้วยการเข้าถือหุ้น 100%

เมื่อมาดูการลงทุนครั้งนี้ มีเหตุผลสำคัญ 6 ข้อด้วยกัน

1. เพื่อต้องการสร้างความชัดเจนให้กับแนวทางการเจริญเติบโตของบริษัทฯ ด้วยการมีแบรนด์เป็นของตนเองที่เข้มแข็ง เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น ทำให้มีข้อจำกัดในการทำตลาดอยู่บ้าง

2. เป้าหมายของธนจิราต้องการก้าวสู่ความเป็น “Regional Lifestyle Company” แบบเต็มตัว ด้วยกลุ่มสินค้าที่บริษัททำการตลาดอยู่แล้วคลอบคลุมตั้งแต่สินค้าประเภทแฟชั่น, ไลฟ์สไตล์, จิวเวลี่, แอคเซสเซอรี่, โฮมแวร์ การที่ซื้อ HARNN เป็นการขยายสู่พอร์ตสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม (Health and Beauty) อาทิ เครื่องหอม, สปาโปรดักส์, บอดี้แคร์ และสกินแคร์เพิ่มเติม

3. การเข้าซื้อกิจการแบรนด์ HARNN ในครั้งนี้ถือเป็นการเข้าซื้อที่คลอบคลุมถึงการได้มาซึ่งรวมสินทรัพย์ทางปัญญาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Branding and IP Assets) และเครือข่ายเชิงธุรกิจทั้งหมดของกิจการ รวมไปถึงแบรนด์ต่างๆ ภายใต้แบรนด์ HARNN ได้แก่ HARNN, Vuudh, Tichaa by HARNN, HARNN Heritage Spa และ Asian Holistic Academy

4. อีกทั้งยังได้พื้นที่ค้าปลีกของ HARNN โดยจำนวนสาขาของแบรนด์ในเครือ HARNN และสปามีจุดขาย และบริการประมาณ 30 สาขาในประเทศไทย พร้อมทั้งยังมีการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายในอีก 16 ประเทศ โดยส่วนมากเป็นประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย

5. คาดหวังว่าแบรนด์ HARNN จะช่วยให้ผลประกอบการรวมของบริษัทฯ เติบโตแบบก้าวกระโดด ลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงรายได้จากแบรนด์นำเข้าเพียงอย่างเดียวโดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2563 แบรนด์ HARNN จะทำรายได้ให้กับบริษัทฯเป็นสัดส่วน 25% จากรายได้รวมที่ 2,250 ล้านบาท 

6. มีแผนที่จะนำธนจิราก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563

ทั้งนี้ ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจก. ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น ได้พูดถึงแผนธุรกิจในการบริหาร HARNN หลังจากเข้ามาอยู่ในครอบครัวอย่างเป็นทางการ แบ่งเป็น 2 เฟสด้วยกัน โจทย์หลักคือการต่อยอดเพิ่มมูลค่าแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ในประเทศไทยมากขึ้นรวมทั้งการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ

• Phase 1 : ภายในระยะเวลา 9  – 12 เดือนแรก เน้นสร้าง Brand Awareness อย่างต่อเนื่องให้กับกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย โดยเน้นนโยบายเชิงรุกด้านการตลาด 360 องศา ด้วย Digital Marketing และการบริการหน้าร้าน พร้อมขยายสาขาเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายและปรับภาพลักษณ์แบรนด์ ด้วยการตกแต่งร้านให้มีอัตลักษณ์ที่ชัดเจน และร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น
• Phase 2 : ภายในระยะเวลา 12  – 24 เดือน ตั้งเป้าหมายสร้างพันธมิตรใหม่ที่มีศักยภาพสูงในตลาดต่างประเทศทั้งที่มีตัวแทนจำหน่ายเดิม และในประเทศที่ยังไม่มีตัวแทนจำหน่าย โดยเริ่มจากภูมิภาคเอเชีย อาศัยประสบการณ์จากการเป็นผู้นำเข้าที่ร่วมทำงานกับเจ้าของแบรนด์ดังระดับโลก สะท้อนแนวทางการทำงานในรูปแบบมาตราฐานเดียวทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การวางจำหน่ายสินค้าใหม่ การกำหนดกรอบราคาขาย การตกแต่งร้าน การวางกลยุทธ์ visual merchandizing และการกำหนดนโยบายการตลาด ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์ในระยะยาว และเพิ่มมูลค่าการส่งออก ลดทอนการพึ่งพิงรายได้จากการขายในประเทศ โดยบริษัทมีความหวังจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกจากเดิม 20% ในปัจจุบันเป็น 40% ภายใน 2 ปี

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ได้รายงานงบการเงินไตรมาส 3 ของปี 2561 โดยบริษัทกำไรยังเติบโตขึ้นมากถึง 15.45% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว เนื่องจากยอดขายยังเพิ่มขึ้น กำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ภาพจาก Shutterstock

ไตรมาส 3 ของทาง HMPRO กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,365.82 ล้านบาท มากกว่าไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมาถึง 15.45% โดยรายได้รวมของไตรมาสนี้อยู่ที่ 16,494 ล้านบาท เติบโต 2.09% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีทีผ่านมา

รายได้จากการขาย อยู่ที่ 15,400.82 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 2.01% เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายโฮมโปรสาขาเดิม และเมกา โฮมเติบโตขึ้น รวมไปถึงโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียด้วย 

นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดงานโฮมโปร แฟร์ ในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นยอดขาย รวมไปถึงจัดงานตามจังหวัดใหญ่ๆ รวมไปถึงการจัดกิจกรรมครบรอบ 22 ปีตามสาขาเพื่อกระตุ้นยอดขายด้วย

กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4,243.04 ล้านบาท เติบโต 7.02% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่แล้วมาจากการปรับเปลี่ยนส่วนผสมในสินค้าที่มีไว้ขายทั่วไป และสินค้า Direct Sourcing รวมไปถึงการวางแผนจัดการซื้อสินค้าของบริษัทที่ดีขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 3,552.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.03% เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเงินเดือนพนักงาน ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ค่าเช่า ค่าซ่อมแซม ค่าใช้จ่ายในการตลาด

สำหรับไตรมาสนี้ บริษัทไม่ได้มีการขยายสาขา อย่างไรก็ดีบริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาในกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 โดยเฉพาะโฮมโปร เอส เนื่องจากกำลังซื้อในกรุงเทพมหานครยังถือว่าดีต่อเนื่องอยู่ 

ที่มา – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

เมื่อเดือนที่ผ่านมา Xiaomi ได้มีการเปิดตัวเรือธงรุ่นเล็ก Mi 8 Lite อย่างเป็นทางการ แต่ยังเป็นตัวโมเดลที่วางจำหน่ายเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น แต่จากข้อมูลล่าสุดบอกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ได้เตรียมที่จะวางขายในประเทศอื่นๆแล้ว ข้อมูลดังกล่าวมาจาก Donovan Sung โฆษกของทางบริษัทที่ได้เผยผ่านทางทวิตเตอร์ว่า Mi 8 Lite กำลังจะถูกนำไปวางจำหน่ายที่ฝรั่งเศส เช่นเดียวกันกับทางยูเครน ขณะที่ตลาดอื่นๆทั่วโลกจะตามมาในเร็วๆนี้ สำหรับสีที่วางขายประกอบด้วย...

ตามข้อมูลที่อ้างอิงมาจากรายงานของ Jun Zhang นักวิเคราะห์ของ Rosenblatt Securities ได้ระบุว่าทาง Apple สามารถทำยอดจำหน่าย iPhone XR ช่วงสัปดาห์แรกในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ได้ประมาณ 9 ล้านเครื่อง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้ว่าจะขายได้ราว 10 ล้านเครื่อง จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้...

หลังจากที่ปล่อยให้มีข่าวหลุดกันมานานในที่สุดก็ได้ฤกษ์เปิดตัว OnePlus 6T เรือธงพิฆาตรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ โดยการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในรุ่นนี้คือการมาพร้อมกับดีไซน์รอยบากเหนือหน้าจอที่เล็กลงอย่างชัดเจน, มีเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และแบตเตอรี่ที่มีความจุมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงระบบการถ่ายภาพและประสิทธิภาพต่างๆที่ดีขึ้น OnePlus 6T มีการตัดหูฟัง 3.5 มม. ทิ้งไป และมีการนำเสนอหูฟัง USB-C Bullets ราคา 20 เหรียญสหรัฐฯ...

บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือกลุ่ม Minor คืออีกองค์กรที่ช่วยสร้างงานในประเทศไทย ผ่านจำนวนพนักงานที่นี่กว่า 35,000 คน แต่เพื่อพัฒนาคนคุณภาพเพื่อช่วยขับเคลื่อนองค์กรในยุคดิจิทัล การลงทุนครั้งสำคัญจึงเกิดขึ้น

กลุ่มพนักงานของ Minor ที่เข้าโครงการ NGT 5 แสนบาท/คน กับความคุ้มค่าที่ได้กลับมา

ปัจจุบันกลุ่ม Minor นั้นทำตลาดไปทั่วโลก และถ้านับพนักงานกลุ่มทั้งหมดก็มีกว่า 66,000 คน ซึ่งในไทยนั้นคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่ง เพราะเป็นสำนักงานใหญ่ จึงไม่แปลกที่คนเยอะขนาดนี้ การลงทุนเรื่องคนก็ต้องสูงเป็นธรรมดา ซึ่งทางกลุ่มก็มีการพัฒนาทักษะต่างๆ ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการ จนถึง C-Level อยู่เป็นประจำ

แต่เมื่อ 4 ปีก่อน ทางกลุ่มตัดสินใจสร้างโครงการ New Generation Talent Program หรือ NGT ขึ้นมา เพื่อเร่งความเร็วในการพัฒนาทักษะของพนักงานที่มีความสามารถพิเศษในตัว และสามารถขึ้นมาทำงานในระดับผู้นำองค์กรได้ในอนาคต

ปัทมาวลัย รัตนพล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ของกลุ่ม Minor

ปัทมาวลัย รัตนพล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ของกลุ่ม Minor เล่าให้ฟังว่า 4 ปีที่ผ่านมามีพนักงานที่เข้าร่วมโครงการนี้ 54 คน เฉลี่ยปีละ 15 คน และบริษัทใช้งบประมาณในการยกระดับบุคลากรเหล่านี้กว่าคนละ 5 แสนบาท เพื่อให้เขาได้เข้าร่วมฝึกทักษะกับผู้บริหารระดับสูง และเดินทางไปหาประสบการณ์ในต่างประเทศ

สูงสุดคือผู้ช่วยรองประธาน แต่ไม่สำเร็จก็มี

“จากการสร้างโครงการนี้ขึ้นมา ตัวพนักงานที่มีทักษะพิเศษก็จะได้รับการอบรมจากผู้บริหารระดับสูง พร้อมไปศึกษางานในต่างประเทศ ทั้งในที่ที่ Minor ทำ และไม่ได้ทำธุรกิจอยู่ จากนั้นก็ต้องกลับมาเสนอโครงการใหม่ๆ เพื่อช่วยเปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทในแง่มุมต่างๆ”

การเรียนรู้เพื่อเพิ่มทักษะ Design Thinking

สำหรับผู้ที่จบจากโครงการ NGT นั้นปัจจุบันมีทั้งคนที่สามารถขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยรองประธานด้านกลยุทธ์ และผู้อำนวยการด้านการตลาดของแบรนด์ธุรกิจต่างๆ ของบริษัท เช่น Burger King แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่สามารถประสบความสำเร็จในโครงการนี้ แต่ก็สามารถแสดงบางทักษะให้บริษัทได้เห็นเช่นกัน

“ตัวโครงการที่พนักงานเหล่านี้ต้องเสนอให้กับผู้ใหญ่ในองค์กร ต้องมาในรูปแบบ Pitching หรือมีแผนธุรกิจ, รูปแบบรายได้ และกำไรขาดทุนที่ชัดเจน แต่บางคนยังเสนอในรูปแบบ Storytelling ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการในตอนนี้ เพราะหลักๆ คือเราอยากได้สิ่งที่เป็นไปได้จริงมาช่วยยกระดับธุรกิจ”

ประเทศที่กลุ่ม Minor ทำธุรกิจอยู่ องค์กรเก่า ทำให้ Culture จากนี้ต้องเปลี่ยน

ปัจจุบันกลุ่ม Minor นั้นดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปีแล้ว โดยธุรกิจของบริษัทนั้นแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ ธุรกิจด้านงานบริการ, ร้านอาหาร และสินค้าไลฟสไตล์ ซึ่งที่กล่าวมาก็ล้วนมีแต่แบรนด์ที่หลายคนรู้จักทั้งนั้น เช่น The Pizza Company, Sizzler, Anello และโรงแรม Anantara เป็นต้น

แต่ด้วยองค์กรที่เก่าแก่ขนาดนี้ ทำให้ทางบริษัทเริ่มศึกษาการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมขององค์กร ซึ่ง NGT ก็คือหนึ่งในนั้น เพื่อทำให้องค์กรดูสดใหม่ และสามารถดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และล่าสุดก็มีการทำโครงการ Hackathon เพื่อคิดค้นรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นมาในระยะเวลาสั้นๆ ด้วย

บรรยากาศการทำงานแบบ Agile

“ตั้งแต่ต้นปีทาง Minor ก็เริ่มศึกษาการปรับเปลี่ยนของวัฒนธรรมองค์กรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเน้นเรื่อง Design Thinking และการทำงานในรูปแบบ Agile ที่เน้น Team Base ไม่ใช่ Silo เป็นฝ่ายๆ เหมือนในอดีต เพื่อเพิ่ม Speed to Market ให้กับการทำธุรกิจของทางกลุ่ม”

สรุป

สังเกตได้ว่าองค์กรใหญ่ๆ ในปัจจุบันเริ่มปรับตัวมากขึ้น พยายามสร้างผู้บริหารรุ่นใหม่ เพื่อทดแทนคนเก่าๆ ที่ออกไป แต่การจะสร้างพวกเขาขึ้นมานั้น มันใช้วิธีแบบเดิมไม่ได้ ต้องปรับทั้งฝั่งองค์กรเอง และให้โอกาสพวกเขาคิดเยอะๆ ด้วย ดังนั้นคงต้องจับตากันต่อไปว่ากลุ่ม Minor หลังจากนี้จะเดินไปในทิศทางใดเมื่อมีผู้บริหารรุ่นใหม่ขึ้นมามากขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Liveblog ถ่ายทอดสดงาน Apple Special Event October 2018 ที่จะมีการเปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่พร้อมกับสินค้าอื่นๆ อย่าง Pencil 2, การปรับสเปค iMac, MacBook เป็นต้น งานครั้งนี้จัดที่ Brooklyn, New York สหรัฐอเมริกา โดยงานจะเริ่มขึ้นวันในวันที่ 30 ตุลาคม 2018 เวลา 21.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ทีมงาน iMoD เกาะติดสถานการณ์มาให้ชมพร้อมๆ กันที่นี่

Liveblog – งานเปิดตัว iPad Pro 2018 และสินค้าอื่นๆ ณ วันที่ 30 ต.ค. 2018

ชม Liveblog อัปเดตรายละเอียดงาน Apple Special Event October 2018 ครั้งนี้ได้ที่นี่และรับชม Live สดพากย์ไทยได้ที่ Facebook page @iPhoneMod.net ส่วนใน Liveblog นี้จะอัปเดตภาพและข้อความเป็นหลัก เรื่องใหม่ล่าสุดจะอยู่บนสุด รับชมได้โดยไม่ต้องกด refresh หน้าจอครับ

The post Liveblog – งานเปิดตัว iPad Pro 2018 และสินค้าอื่นๆ ณ วันที่ 30 ต.ค. 2018 appeared first on iPhoneMod.

evleaks โพสต์ภาพเรนเดอร์ iPad Pro ใหม่ โดยจุดสนใจในภาพเป็นการแสดงตำแหน่งกล้องหน้า TrueDepth ที่ติดอยู่ที่ขอบจอของ iPad Pro

ภาพเรนเดอร์ iPad Pro ใหม่แสดงให้เห็นถึงการวางตำแหน่งกล้อง TrueDepth

iPad Pro ใหม่ 2018 มีข่าวลือมาตลอดว่าจะใช้จอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home มาพร้อม Face ID แต่ไม่มีรอยบาก โดยภาพเรนเดอร์จาก evleaks ก็ได้ระบุตำแหน่งของชิ้นส่วนดังกล่าวให้เห็นกัน

ในภาพเราจะเห็นว่ากล้อง TrueDepth ของภาพเรนเดอร์ iPad Pro ใหม่นั้นจะอยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่อง (ถ้าวางแนวตั้ง) โดยจะฝังอยู่ที่ขอบจอและเมื่อวางตัวเครื่องแนวนอนกล้อง TrueDepth จะเป็นตำแหน่งแนวตั้ง

รายงานก่อนหน้านี้เผยว่า iPad Pro ใหม่ 2018 นั้นจะรองรับการสแกนหน้า Face ID ทั้งแนวตั้งและแนวนอนซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีใหม่กว่าที่ iPhone XS ใช้อยู่ในปัจจุบัน

สำหรับ iPad Pro ใหม่ 2018 นี้คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Apple Special Event 2018 คืนนี้ (30 ต.ค. 2018 : 21.00 น.) โดยยังคงตัวเครื่อง 2 ขนาดหน้าจอ, จอเต็มขอบไร้ปุ่ม Home, มี Face ID, ชิพ A12X, ใช้พอร์ต USB-C, มาพร้อม Apple Pencil 2 ส่วนจะเป็นอย่างไรติดตามชมได้ในงาน

ที่มา – appleinsider

เจอกันคืนนี้ 30 ต.ค. 61 : 20.30 น. เป็นต้นไป

Apple ประกาศจัดงาน Event คืนวันนี้ 30 ต.ค. 61 เวลา 21.00 น. ตามเวลาบ้านเรา ส่วนจะมีอะไรน่าสนใจบ้างสามารถติดตาม Live สดพากษ์ไทยโดยทีมงาน iPhoneMod ได้ที่ Facebook : iPhoneMod หรือเว็บไซต์ iPhoneMod.net

The post ภาพเรนเดอร์ iPad Pro ใหม่แสดงให้เห็นถึงการวางตำแหน่งกล้อง TrueDepth appeared first on iPhoneMod.

เปิดตัวที่จีนไปเมื่อสัปดาห์ก่อนก็มีมาให้ลองเล่นที่ไทยแล้ว สำหรับ Xiaomi Mi Mix 3 เรือธงดีไซน์ล้ำรุ่นล่าสุดในตระกูล  Mi MIX series ที่โชว์ดีไซน์หน้าจอ Full Screen ไร้ขอบยิ่งกว่าเดิมเพราะใช้ลูกเล่นการสไลด์เครื่องสำหรับโชว์กล้องหน้า ขณะที่การถ่ายภาพก็จัดเต็มด้วยกล้องคู่ AI ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง Xiaomi Mi Mix 3...

Rabbit LINE Pay จับมือบัตร Rabbit เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS ให้สามารถทำทุกอย่างได้เองผ่านมือถือ ทั้งเติมเงิน ซื้อเที่ยวเดินทาง เช็คยอดเงินคงเหลือ และแสดงประวัติการเดินทาง เพียงผูกบัตร Rabbit เข้ากับบริการ Rabbit LINE Pay Rabbit LINE...