จากข่าวเดิมเมื่อต้นปี พบช่องโหว่ใน Chrome? กูเกิลแจกเงินรางวัลไปเลย โดยให้เงิน 500 ดอลลาร์สำหรับช่องโหว่ระดับธรรมดา และ 1337 ดอลลาร์สำหรับช่องโหว่ร้ายแรง
ตอนนี้กูเกิลมั่นใจในความปลอดภัยของ Chrome มากขึ้นกว่าเดิม โดยให้เหตุผลว่าระบบ sandbox ของตัวเองทำให้เกิดช่องโหว่ระดับร้ายแรงได้ยากกว่าเดิมมาก ดังนั้นจึงเพิ่มราคาจาก 1337 ดอลลาร์ เป็น 3133.70 ดอลลาร์ ส่วนบั๊กระดับ 500 ดอลลาร์ยังจ่ายเท่าเดิม
ผมว่าไม่ต้องอธิบายความหมายของตัวเลข มันเท่กว่านะ
เว็บไซต์ Lifehacker ได้ทดสอบความเร็วในการทำงานของเบราว์เซอร์บนแมค 4 ตัวคือ Safari 5, Chrome 5, Opera 10.6 และ Firefox 3.6.6 โดยรวมซอฟต์แวร์รุ่นทดสอบเข้ามาอีก 2 ตัวคือ Firefox 4 และ Chrome 6 ผลเป็นดังนี้
ประเด็นเรื่องการเข้าถึง (accessibility) ของคนที่ขาดโอกาส เป็นเรื่องที่ควรส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับไม่อยู่ในความสนใจของคนทั่วไปมากนัก
การที่ Adobe หันไปจูบปากกับกูเกิล (Chrome จะรวม Flash Player มาให้ในตัว) ดูจะเป็นผลดีต่อ Flash ไม่น้อย เพราะกูเกิลเริ่มแคมเปญประชาสัมพันธ์ให้ทั้ง Chrome และ Flash ไปพร้อมๆ กัน
ล่าสุดกูเกิลออกเกม Chrome FastBall - A Race Across the Internet ซึ่งเป็นเกมที่เขียนด้วย Flash และแสดงถึงความเร็วของ Chrome ผู้เล่นจะต้องตอบปัญหาที่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต 5 ข้อให้เร็วที่สุด ถ้าทำได้เร็วมากพอก็จะได้รางวัล "Chrome fast" ไปครอง (สนุกดีเหมือนกันครับ แนะนำให้ลอง)
ทีมงาน Chromium ประกาศแนวทางเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ โดยปรับฟีเจอร์-นโยบายที่เกี่ยวข้องกับปลั๊กอินใหม่ ดังนี้
หลังจาก แอปเปิลออกเดโม HTML5 แสดงพลังของ "มาตรฐานเว็บที่ใช้ได้เฉพาะ Safari เท่านั้น" (เลยโดนทั้ง Firefox และ Opera สับเละ) และ ไมโครซอฟท์ออกเดโม HTML5 เฉพาะที่ IE9 รองรับ คราวนี้ถึงคิวของผู้เล่นในตลาดเบราว์เซอร์เจ้าสุดท้ายที่ยังไม่มีข่าว นั่นคือกูเกิล
กูเกิลเปิดเว็บไซต์เฉพาะชื่อ HTML5Rocks สาธิตการทำงานของ HTML5 เช่นกัน โดยแสดงอยู่ในรูป slideshow ที่สร้างด้วย HTML5 ล้วนๆ ดูเข้าใจง่ายดีครับ
Chrome เป็นเบราว์เซอร์เพียงตัวเดียวใน 5 เบราว์เซอร์รายใหญ่ที่ยังไม่สามารถตรวจพบ RSS feed บนหน้าเว็บได้ ซึ่งปัญหานี้สร้างความรำคาญให้ผู้ใช้หลายคนไม่น้อย และหลายคนก็หวังว่าฟีเจอร์นี้จะมาใน "เวอร์ชันหน้า" (ซึ่งผ่านมาหลายรอบแล้ว)
ถัดจากการรวม Flash Player มาให้ในตัว กูเกิลได้ประกาศว่า Chrome จะรวมการอ่าน PDF มาให้เช่นกัน
ฟีเจอร์นี้ไม่ใช่ปลั๊กอินสำหรับอ่าน PDF แบบ Adobe Reader หรือโปรแกรมลักษณะเดียวกันตัวอื่น (อย่าง Foxit) แต่มันคือการแปลงไฟล์ PDF เป็น HTML (แบบที่เราใช้ใน Gmail หรือ Quick View ของ Google Search) กูเกิลบอกว่าความสามารถของมันยังไม่เท่ากับ Adobe Reader ซึ่งจะค่อยๆ พัฒนากันไป
หลังจากที่ปล่อยให้ผู้ใช้ Mac และ Linux ทนใช้รุ่นทดลองมาได้สักระยะ กูเกิลก็ได้ปล่อยให้ดาวน์โหลด Chrome 5 รุ่นที่เสถียรของทั้ง Windows, Mac และ Linux แล้ว
กูเกิลประกาศผ่านทาง Google Chrome Blog, Chromium blog และ Google Mac วันนี้ (25/05/2010) แล้วว่า Google Chrome ได้ออกเวอร์ชั่นเต็มสำหรับ MacOS และ Linux แล้ว
ไม่แน่ใจว่ามีใครคิดเหมือนผมไหม แต่เท่าที่ตามข่าว Froyo มา แม้เราจะเห็นกูเกิลเริ่มจิกแอปเปิลอยู่เรื่อยๆ แต่แนวทางการพัฒนาของ Android นั้นชัดเจนว่ากำลังจะสู้กับ Blackberry โดยเฉพาะในส่วนของ Android Cloud to Device Messaging Framework (c2dm) ซึ่งว่าง่ายๆ มันคือระบบ Push ของ Android ที่เอามาสู้กับ Push ของ Blackberry นั่นเอง ล่าสุดทาง TechCrunch ได้ปล่อยวีดีโอทดสอบออกมาพร้อมกับคำชมว่า "เร็ว"
หลังจาก กูเกิลเปิดตัว Chrome Web Store ซื้อขายแอพลิเคชั่นบนเว็บได้เหมือนบนโทรศัพท์ ก็ได้มีปฏิกริยาออกมาจากฝั่ง Mozilla ซึ่งเป็นทั้งคู่แข่งและพันธมิตรของกูเกิล
Mozilla ได้เสนอแนวทางที่เรียกว่า "Open Web App Store" ซึ่งเป็นร้านขายเว็บแอพพลิเคชันลักษณะเดียวกับ Chrome Web Store แต่มีแนวทางการดำเนินการต่างไปนิดหน่อยดังนี้
กูเกิลประกาศเปิดตัวพื้นที่ซื้อขายแอพลิเคชั่นบนเว็บในชื่อ Chrome Web Store ให้พื้นที่ซื้อขายเว็บแอพลิเคชั่นได้เช่นเดียวกับการซื้อขายแอพลิเคชั่นบนเดสก์ทอป หรือโทรศัพท์
โครงการนี้ยังเป็นโครงการขั้นเริ่มต้น โดยส่วนนี้จะเพิ่มเข้ามาใน Chrome รุ่นถัดไป แต่โดยหลักแล้วมันจะเป็นพื้นที่ในการให้คะแนนเว็บแอพลิเคชั่นต่างๆ และเป็นพื้นที่กลางในการจ่ายเงินเพื่อใช้แอพลิเคชั่น
ตัวหน้าร้านจะรับแทบทุกเทคโนโลยีที่ใช้ในเว็บทุกวันนี้ตั้งแต่ HTML5, Flash และรวมไปถึง Native Client ของกูเกิลเองที่ยังมีเฉพาะ Chrome ที่รองรับเท่านั้น ส่วนแอพลิเคชั่นที่ผู้ใช้เลือก "ติดตั้ง" ก็จะมีการสร้างไอคอนบนเครื่องของผู้ใช้ให้
เว็บบล็อกข่าวสารด้าน gadget และไอที Ubergizmo ได้รายงานว่ามีความเป็นไปได้สูงที่บริษัท Canonical ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนา Ubuntu จะเลิกใช้เบราว์เซอร์ไฟร์ฟ็อกซ์ใน Ubuntu Netbook Edition 10.10 แล้วไปใช้ Chrome (หรือ Chromium) แทน
TechCrunch ได้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไม Canonical ถึงจะตีจากไฟร์ฟ็อกซ์ที่ใช้ติดตั้งลงใน Ubuntu มาอย่างยาวนานได้ ซึ่ง TechCrunch เองคาดว่าอาจเป็นเพราะ Chrome (หรือ Chromium) ทำงานได้ดีกว่าไฟร์ฟ็อกซ์บนเน็ตบุ๊กก็เป็นได้
ต่อเนื่องจากข่าว จาวาสคริปต์ใน Chrome 5 จะเร็วขึ้นอีก 35% กูเกิลได้ปล่อยวิดีโอโฆษณาตัวใหม่ ที่แสดง "ความเร็ว" ของ Chrome 5.0
วิดีโอตัวนี้จะทดสอบความเร็วของ Chrome ในการโหลดเว็บเพจ กับการทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น การยิงมันฝรั่งในท่อที่อัดความดันสูง, คลื่นเสียง, และประกายไฟฟ้า แนะนำอย่างยิ่งให้ดูครับ
คนที่ดูแล้วชอบ สามารถดูวิดีโอเบื้องหลังการถ่ายทำได้บน YouTube
ที่มา - Chrome Blog
ทีม V8 ซึ่งทำเอนจินจาวาสคริปต์ให้กับ Chrome ออกมาโชว์ตัวเลขว่า Chrome 5.0 จะเร็วขึ้นอีก ถ้าวัดเฉพาะจาวาสคริปต์ในชุดทดสอบของ V8 เร็วกว่า Chrome 4.0 ถึง 30% และถ้าเป็นชุดทดสอบ SunSpider ตัวเลขอยู่ที่ 35%
ถ้าเทียบกับ Chrome ตัวแรกสุดที่กูเกิลเคยปล่อยออกมา (เบต้าของ Chrome 1.0) เราจะได้ว่า Chrome 5.0 เร็วกว่าเดิม 213% และ 305% ตามลำดับชุดการทดสอบ
อ่านฟีเจอร์ใหม่ของ Chrome 5.0 ได้จากข่าว จะมีอะไร ใหม่ใน Chrome 5.0
ที่มา - Google Chrome Blog
Chrome ยังช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคม สามารถแซง Safari ขึ้นมาเป็นเบราว์เซอร์อันดับสาม ด้วยส่วนแบ่ง 4.6% เวลาผ่านไปสามเดือน ล่าสุด Chrome มีส่วนแบ่งตลาด 6.1% เรียบร้อยแล้ว ถ้ายังรักษาอัตราเติบโตแบบนี้ได้ตลอดปี Chrome จะมีส่วนแบ่งที่ 10% ถ้านับถึงช่วงสิ้นปี
ผู้นำตลาดอย่าง IE ตอนนี้มีส่วนแบ่ง 60.7% ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ที่มี 61.6% ส่วนอันดับสอง Firefox โตขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 24.5% อันดับสี่ Safari โตขึ้นเช่นกัน อยู่ที่ 4.7%
สถานการณ์ของ Chrome อาจเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อ Chrome OS ออกในช่วงปลายปีนี้
สำนักข่าว CNET ได้รวบรวมแผนการของกูเกิลสำหรับ Chrome 5.0 เบราว์เซอร์รุ่นถัดไป หลายฟีเจอร์เคยเป็นข่าวไปแล้ว กดเข้าไปอ่านรายละเอียดในข่าวเก่ากันเองตามสะดวก
จากข่าว กูเกิลเตรียมการรวม Flash เข้ากับ Chrome ให้สนิทกว่าเดิม? ได้ข้อสรุปดังนี้
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเริ่มจาก Chromium ก่อน แล้วตามมายัง Chrome ในภายหลัง
นอกจากนี้ Adobe, Mozilla, Google จะผนึกกำลังกันพัฒนา API สำหรับปลั๊กอินตัวใหม่ชื่อ NPAPI ซึ่งจะช่วยให้เบราว์เซอร์ทำงานร่วมกับปลั๊กอินได้ดีขึ้น
ทาง C|Net มีรายงานจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ว่าในวันนี้ทางกูเกิลและ Adobe จะร่วมกันประกาศความร่วมมือในการรวมเอา Flash เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Chrome อย่างแนบแน่นกว่าเดิม
ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ แต่ทางที่พอจะเป็นไปได้มีอยู่สามทางในการทำงานร่วมกันคือ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น แต่หากมีการประกาศความร่วมมือจริงเราคงเห็นรายละเอียดภายในวันนี้แล้ว
ในงาน Pwn2Own 2009 Safari, IE8, Firefox ตายเรียบ เหลือเพียง Chrome ที่ยังอยู่รอดมาได้ ในปีนี้สถานการณ์เหมือนเดิมทุกอย่าง Chrome ยังเป็นเบราว์เซอร์ตัวเดียวที่ไม่ถูกแฮก แถมยังเป็นปีที่สองติดต่อกัน
หลังจากผ่านมือแฮกเกอร์มาอย่างปลอดภัยได้ในปีก่อน ปีนี้บรรดาแฮกเกอร์ต่างหมายมั่นปั้นมือจะโค่น Chrome ลงให้ได้ แต่สุดท้ายแล้วกลับไม่มีใครทำสำเร็จ แม้ว่าก่อนแข่งกูเกิลจะรีบออกแพตช์มาป้องกัน Chrome เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเทียบกับ Safari ก็ได้รับแพตช์ในสัปดาห์เดียวกัน กลับโดนสอยติดต่อกันเป็นปีที่สาม
กูเกิลออก Chrome 4.0 ได้ไม่ทันไร ก็เพิ่มฟีเจอร์จาก Chrome รุ่นทดสอบ มายัง Chrome รุ่นเสถียรแล้ว
Chrome รุ่นนี้นับเลขเป็น 4.1 (เลขเต็มๆ คือ 4.1.249.1036) มีฟีเจอร์ใหญ่ที่เพิ่มเข้ามาสองประการ
กูเกิลปล่อย Chrome 5 รุ่นสำหรับนักพัฒนา (build 5.0.342.1) ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือมันรองรับ Geolocation API ของ W3C ในเบื้องต้นแล้ว
เบราว์เซอร์ที่สนับสนุน Geolocation API ในตอนนี้คือ Firefox 3.5 ขึ้นไป, Safari รุ่นบน iPhone และ Opera 10.5 รุ่นพิเศษ ด้านกูเกิลเคยรองรับฟีเจอร์นี้ใน Gears และ Chrome รุ่นก่อนๆ ที่รวม Gears มาด้วย แต่ในภายหลัง กูเกิลได้ประกาศเลิกพัฒนา Gears และบอกให้ไปใช้ HTML5 แทน
หลังจากที่ Opera ได้ปล่อย Opera 10.50 Beta for Mac มาให้ได้ทดสอบกัน ซึ่งมีจุดเด่นๆ ดังนี้
ตอนนี้ทาง Computerworld ได้ทำการทดสอบ quick JavaScript benchmarks พบว่า Opera 10.50 Beta for Mac สามารถประมวลผลได้เร็วกว่า Safari 4 ที่ราวๆ 10% (ส่วน Nightly Build ช้ากว่าเป็นเท่าตัว) และยังเร็วกว่า Chrome อีกด้วย (ดูภาพประกอบการทดสอบได้จากที่มา)
อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างความเร็วนี้อาจจะเห็นได้ไม่ชัดเจนมากนัก
นับแต่ Chrome รุ่น 5.0.307 เป็นต้นไป Chrome Beta สำหรับเครื่องแมครองรับระบบ extension แล้ว
ระบบ extension เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ไฟร์ฟอกซ์ประสบความสำเร็จ ใน Chrome นั้นระบบ extension ทั้งหมดทำงานบน JavaScript ที่ Chrome มีคอมไพลเลอร์ภายในทำให้มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี และสามารถนำไปใช้งานได้บนทุกแพลตฟอร์มที่ Chrome ไปถึง
ผมใช้ Chrome extension มานานพบว่าบางตัวยังมีปัญหากินแรมมาก จนทำให้ต้องปิดเบราเซอร์และเปิดใหม่บ่อยๆ แต่ก็ยอมทนได้เพื่อฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาครับ
ที่มา - Google Chrome Blog