อยากรู้จุดดีของ Android กับ iOS ที่สามารถบอกได้ว่าดีกว่าอีกค่ายครับ
เช่น Andriod ดีกว่า iOS ตรงไหน และ iOS ดีกว่า Android ตรงไหนครับ
ขอบคุณครับ
ของ Apple เป็น iOS ครับ ถ้า IOS นี่จะเป็นของ Cisco
เอ หรือจะเทียบ router ที่ใช้ Android กับ IOS จริงๆ
ผมไม่ได้ใช้จริงจังทั้ง iOS, Android ขอเสริมแค่วิธีพิมพ์ชื่อให้ถูกแล้วกันครับ
ขอบคุณครับ :)
Android มันเปิดมากครับ มีอะไรให้ทำเยอะมากๆครับ iOS เสถียรมากครับ และใส่ใจรายละเอียดเล็กๆมากๆ เซอวิซดี
Android ปรับแต่งตามใจเราได้ครับ อยากให้ตรงไหนเป็นแบบไหน Home screen มีอะไรส่วนใหญ่ปรับได้หมด
iOS ผมให้เรื่องกล้องสวยครับ อาจจะไม่เกี่ยวกับตัว OS โดยตรงล่ะ อีกอย่างคือถือแล้วดูหรู(แต่ในแง่ลบคือ ถือแล้วมันดูโหล)
May the Force Close be with you. || @nuttyi
Android ดีตรงห่วย Apple ดีตรง android-free
Ban ไปเถอะครับสำหรับคนที่มีความคิดและอัคติแบบนี้ ไม่ได้ช่วยให้สังคมพัฒนาขึ้นได้หรอกครับ
、ヽ`、ヽ`(っ´▽`)っ☂ `ヽ、`ヽ
ขอฟังเหตุผลหน่อยได้มั้ยครับ
ขอที่มันเป็นเหตุและผลจริงๆ เบื้องลึกที่ทำให้เป็นแบบนั้นน่ะครับ
ขนาดห่วยยังดีเลยนะครับ
ต้องการให้อะไรกับสังคมครับ?
แหม่ วันก่อนมีคนโดนแบนไป วันนี้มีรายใหม่มาแทนนะครับ
จุดแข็งของ Android หนึ่งอย่างคือ Intent ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างโปรแกรมภายในระบบ
ตัวอย่างคือ บน Android ถ้าเราจะกดแชร์รูปใน Gallery เนี่ย Gallery ไม่ต้องเขียนโปรแกรมมารองรับ Picasa, Facebook, G+, Instragram และอื่น ๆ เลย แค่โปรแกรมที่ว่ามาเขียนมารองรับ Share Intent ที่เป็นภาพเท่านั้น จบ
และถ้ามีโปรแกรมอื่นที่อยากแชร์ภาพเหมือนกัน ก็แค่เรียกใช้ Share Intent เท่านั้น
และไม่ใช่แค่แชร์ภาพเท่านั้น จะเป็นการโทรออก เปิดไฟล์เอกสาร แชร์สถานะขึ้น Social Network ทั้งหมดทำผ่าน Intent และสามารถใช้งานร่วมกันระหว่างโปรแกรมได้หมดเลย
android เป็นระบบแบบเปิด ทำให้สามารถปรับแต่งได้ ตั้งแต่เปลี่ยนหน้า home screen ไปจนถึงการแก้ไขไฟล์ระบบ เปลี่ยนระบบปฏิบัติการ (Ubuntu OS)
iOS เป็นระบบปฏิบัติการแบบปิด ง่ายต่อการใช้งาน แอพจะมีคุณภาพมากกว่า android แต่เข้าไปปรับแต่งได้ไม่เยอะ
ถ้าผิดพลาดช่วยบอกด้วยนะครับ ^ ^
iOS ระบบ interface ทำง่ายกว่าและแข็งแรงกว่า Android ครับ เฉพาะแค่ Core Graphics ของมันมี library สำเร็จรูปน้องๆ Photoshop และมันทำงานได้ดีกว่าระบบอื่นเยอะมาก
ทดสอบง่ายๆ ถ้าเอาภาพ 10,000 ใส่เงา รันบน iOS มันสามารถรัน 60fps สบายๆ ในขณะที่ Android รุ่นใหม่ล่าสุดค้างไปตั้งแต่เปิด app แล้ว
และถ้าเขียน App ที่ต้องใช้งาน Multi-threaded มันบริหาร memory ได้ดีกว่า Android มากครับ ถ้าสังเกตุพวก App ด้านการจัดการเสียง หรือพวกเล่นดนตรี App มันจะทำงานได้ดีและเสถียรกว่าไม่มีการ delay
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของ dev ด้วยว่าจะเอามันมาใช้ได้แค่ไหน - -)a
app ด้านเสียงคิดว่าไม่เกี่ยวกับการบริหาร Thread แต่เป็นเพราะว่าบน Android ยังทำ Low-Latency Audio ได้ไม่ดีพอครับ เท่าที่ทราบตอนนี้ตระกูล Nexus ทำได้ถึงระดับ 16ms กันแล้ว (บน 4.3) แต่อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ตัวไดร์เวอร์ยังไม่ทัดเทียมเนี่ยก็ยังเป็นปัญหาต่อไป
ผมเข้าใจว่ามันทำงานผ่าน ALSA นะ อาจจะเป็นคอขวดตรงนี้ แล้วก็พวก OEM HW มักจะไม่ค่อยสนใจเรื่อง Audio Latency เท่าไหร่ด้วยผมว่า
ปล. ผมเคยอัดเพลงที่ 16ms (บน PC ผ่าน ASIO API บนซาวนด์การ์ด Creative) ก็พอเล่นได้นะแต่ยังรู้สึกหว่าหน่วง ๆ ส่วนบน Windows XP ถ้าผ่าน DirectSound/MME จะทำได้ราว ๆ 300ms ครับ ก็1/3วินาที
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
Android ช้า กระตุก แอพค้างบ่อย แต่ว่ามันปรับแต่งอะไรได้เยอะมาก แทบจะปรับได้ทุกอย่างที่เราอยากให้มันเป็นเลย เราแค่ต้องหาแอพให้เจอ และบางทีอาจจะต้อง root เครื่องด้วย ส่วนผมเป็น developer อยู่แล้ว มีอะไรไม่ถูกใจก็เขียนแอพขึ้นมาเองเลย ตอนนี้มือถือผมเลยตอบโจทย์ได้หมด
ส่วน iOS เคยซื้อ iPad 1 ชอบตรงที่มันลื่น แอพดี ๆ เกมดี ๆ เยอะมาก แอพฟรีก็เยอะ แอพเถื่อนก็หาได้ (ตอนนั้น) แต่ไม่ชอบใจตรงที่มันปรับแต่งอะไรไม่ค่อยได้ และผมเองไม่ใช่คอเกมด้วย ซื้อมาแล้วเลยรู้สึกว่าใช้ไม่ค่อยคุ้ม ตอนนี้ iPad 1 เลยกลายเป็นที่ทับกระดาษไปเรียบร้อยแล้วครับ และไม่คิดจะซื้ออุปกรณ์ iOS อีกเลย (นอกจากจะอยากเขียนแอพ iOS)
ทำธุรกิจด้านการเงิน รูดบัตรเดบิต หรืออะไรที่เป็นความลับ ผมรู้สึกอิสระ บน iOS มากกว่าบน Android นะ
ค่าโทรศัพท์ น้ำ ไฟ ฯลฯ ทุกอย่าง e-banking หมดเลย
จะรูดบัตรซื้อ App ที ยังแอบกังวลเลยว่าเคยโหลดโทรจันมาเก็บไว้ไหม
ดูจากข่าวแล้ว Android ไม่น่าจะปลอดภัยเท่า iOS
ถึง iOS จะไม่ปลอดภัย 100% แต่ก็ยังถือว่าปลอดภัยที่สุดสำหรับผมได้อยู่
เล่น ๆ ใช้แอนดรอย เน้นเกมพวก infinity blade เน้นทำธุรกรรมใช้ iOS (ไม่เจลเบรก)
แอนดรอยด์ มันเปลี่ยนได้หมดอะครับ ถ้าไม่พอใจแอปเช่น Gallery, SMS, dialer, camera, web browser ก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นให้เป็น default ได้หมดเลย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ว่าจะให้ใช้อันที่มากับเครื่อง เช่นผมเปิดลิงค์จากเมล์ ตั้ง Firefox ไว้เป็น default มันก็วิ่งไปเข้า Firefox
สามารถแชร์ข้อมูลข้ามแอปได้ เช่นผมเปิดดูรูปจาก Gallery แล้วจะแชร์ให้เพื่อนใน Line เดี๋ยวนั้นเลย ผมก็กดแชร์ แล้วเลือก Line แล้วเลือกชื่อเพื่อน เปิดดูรูปในเฟซบุ๊ค แล้วจะส่งเข้าเมล์เดี๋ยวนั้นเลย ก็กดแชร์เข้า Gmail แชร์ผ่าน Bluetooth, NFC บลาๆ
จะฟังเพลง ก็มีแอปให้เลือกเยอะแยะ ไม่ต้องติดแหง็กอยู่แต่กับ iTunes จะเปิดวีดีโอดู ถ้าในเครื่องมีแอปดูวีดีโอมากกว่าหนึ่งตัว มันก็จะขึ้นมาถามก่อน ว่าจะเปิดกับอะไร ไม่ใช่บังคับเข้า Gallery อย่างเดียว ผมอยากดูกับ MX Player เพราะลูกเล่นเยอะกว่า เลือกเสียง, ซับไตเติ้ลได้ ผมเลือก MX Player ก็ย่อมได้ อีกอย่างดูวีดีโอบนแอนดรอยด์ไม่จำกัดเฉพาะ mp4 h264 แต่จะเอาอะไรมาดูก็ได้ตราบเท่าที่โปรแกรมถอดรหัสได้ และเครื่องรับไหว (เช่น BRRip 1080p ทั้งหลายในเว็บบิตก็ดูได้หมด ไม่ต้องแปลง)
ไม่ชอบใจ Play Store ผมก็ยังมีที่อื่นให้เลือกอีกเยอะแยะ เพลงก็เหมือนกัน ผมซื้อกับ Play Store ไม่ได้ ก็ไปซื้อกับ 7digital ก็ได้
เสียบแฟลชไดฟร์ โยนไฟล์ โหลดไฟล์ โหลดบิต FTP ขึ้นเว็บ ก็ทำได้หมด
เปิดแอป เน็ตช้าๆ ก็กดรีเฟรช Facebook ไประหว่างรอ ก็สลับไป Instagram ถ่ายรูป ระหว่างรออัพโหลด ผมก็สลับไป Facebook นั่งเล่น กดไลค์ไปเรื่อย สลับไป Instagram โอเค รูปอัพเสร็จแล้ว มีคนกดไลค์แล้วด้วย ก็ยังได้ ถ้า iOS คง Fail ทั้งหมด เพราะมัน suspend แอปทันทีเวลาสลับไปแอปอื่น
บางรุ่นทำ Wireless display ได้ ก็เอาเมาส์+คีย์บอร์ดไปเสียบ เล่นจอใหญ่บนทีวี ต่อจอยเล่นเกมได้อีก
อุปกรณ์เสริมก็ไม่เรื่องมาก อะไรที่เป็น micro USB ก็เสียบชาร์จไฟได้หมด ไม่ต้องการสายพิศดาร อะแอปเตอร์พิศดาร ยืมสายชาร์จ BB, Lumia เพื่อนมา หรือชาร์จข้ามยี่ห้อก็ได้ ตราบใดที่ยังเป็น micro USB
นี่แค่ส่วนหนึ่งครับ สำหรับ iOS ก็ดี ลื่น สวยงาม เสียงดี แต่ถ้าถามเรื่องประโยชน์ใช้สอย ผมให้แอนดรอยด์ครับ
ผิดพลาดตรงไหนแก้ไขได้ครับ
ในมุม User ไม่ใช่ Dev ในมุมมองผมคือ มันดีพอๆ กันครับ การใช้งานยากง่ายนั้นโดยมันขึ้นอยู่กับความเคยชินมากกว่าครับ ทั้ง 2 ตัวใช้เวลาเรียนรู้น้อยเหมือนกัน เพียงแต่ DNA มันคนละแบบแค่นั้นเอง
แต่ Android นั้นมีทางเลือกเยอะกว่า เช่น ขนาดหน้าจอใหญ่ๆ ใช้ได้โดยไม่ต้องใส่แว่น หรือมือถือใช้ในห้องน้ำ หรืองบประมาณจำกัดก็สามารถเลือกใช้ได้
ส่วน iOS นั้นมีจำนวนรุ่นน้อย การใช้งานโดยรวมเหมือนกันหมด ดังนั้นไม่รู้อะไรก็สามารถถามคนใช้ iPhone ด้วยกันได้ ส่วนระบบที่ชอบก็ iCloud, AirDrop ครับ
โดยส่วนตัวผมว่า iOS มันดูโหลนะครับ มันเกินความหรูไปนานแล้วละ นั่งโต๊ะกินข้าวสัก 10 คน นี่ iPhone ซัดไปซะครึ่ง อารมณ์ประมาณรถยนต์สีขาวที่วิ่งกันเต็มถนนประมาณนี้นะครับ
ในความเห็นผมนะครับ ถ้าถามถึงตัว OS ผมว่า Android วิน iOS นะ ไปได้ไกลกว่า เพราะมันเป็นระบบเปิด ทำอะไรได้มากกว่า iOS มาก แต่ติดปัญหาตรงที่ยังพัฒนาไปช้ากว่า iOS, กินสเป็ค, และแอพยังไม่มีคุณภาพดีเท่า iOS ซึ่งผมคิดว่า Android จะแซง iOS ในที่สุดแน่นอน
แต่ในตอนนี้ iOS เป็นอะไรที่ Optimize มาอย่างดี ไม่เปิดกว้างจนผู้ใช้ใหม่งง
android ใช้ Mutitasking ได้
ios ไม่มีการทำงานของ Mutitasking
ในแง่พัฒนา
ios พัฒนาง่ายกว่า android ในแง่ของการทำ layout ที่จัดเรียงได้ง่าย
ของ Apple เป็น iOS ครับ ถ้า IOS นี่จะเป็นของ Cisco
เอ หรือจะเทียบ router ที่ใช้ Android กับ IOS จริงๆ
ผมไม่ได้ใช้จริงจังทั้ง iOS, Android ขอเสริมแค่วิธีพิมพ์ชื่อให้ถูกแล้วกันครับ
ขอบคุณครับ :)
Android มันเปิดมากครับ มีอะไรให้ทำเยอะมากๆครับ
iOS เสถียรมากครับ และใส่ใจรายละเอียดเล็กๆมากๆ เซอวิซดี
Android ปรับแต่งตามใจเราได้ครับ อยากให้ตรงไหนเป็นแบบไหน Home screen มีอะไรส่วนใหญ่ปรับได้หมด
iOS ผมให้เรื่องกล้องสวยครับ อาจจะไม่เกี่ยวกับตัว OS โดยตรงล่ะ อีกอย่างคือถือแล้วดูหรู(แต่ในแง่ลบคือ ถือแล้วมันดูโหล)
May the Force Close be with you. || @nuttyi
Android ดีตรงห่วย
Apple ดีตรง android-free
Ban ไปเถอะครับสำหรับคนที่มีความคิดและอัคติแบบนี้ ไม่ได้ช่วยให้สังคมพัฒนาขึ้นได้หรอกครับ
、ヽ`、ヽ`(っ´▽`)っ☂ `ヽ、`ヽ
ขอฟังเหตุผลหน่อยได้มั้ยครับ
ขอที่มันเป็นเหตุและผลจริงๆ เบื้องลึกที่ทำให้เป็นแบบนั้นน่ะครับ
ขนาดห่วยยังดีเลยนะครับ
ต้องการให้อะไรกับสังคมครับ?
แหม่ วันก่อนมีคนโดนแบนไป วันนี้มีรายใหม่มาแทนนะครับ
จุดแข็งของ Android หนึ่งอย่างคือ Intent ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างโปรแกรมภายในระบบ
ตัวอย่างคือ บน Android ถ้าเราจะกดแชร์รูปใน Gallery เนี่ย Gallery ไม่ต้องเขียนโปรแกรมมารองรับ Picasa, Facebook, G+, Instragram และอื่น ๆ เลย แค่โปรแกรมที่ว่ามาเขียนมารองรับ Share Intent ที่เป็นภาพเท่านั้น จบ
และถ้ามีโปรแกรมอื่นที่อยากแชร์ภาพเหมือนกัน ก็แค่เรียกใช้ Share Intent เท่านั้น
และไม่ใช่แค่แชร์ภาพเท่านั้น จะเป็นการโทรออก เปิดไฟล์เอกสาร แชร์สถานะขึ้น Social Network ทั้งหมดทำผ่าน Intent และสามารถใช้งานร่วมกันระหว่างโปรแกรมได้หมดเลย
android เป็นระบบแบบเปิด ทำให้สามารถปรับแต่งได้ ตั้งแต่เปลี่ยนหน้า home screen ไปจนถึงการแก้ไขไฟล์ระบบ เปลี่ยนระบบปฏิบัติการ (Ubuntu OS)
iOS เป็นระบบปฏิบัติการแบบปิด ง่ายต่อการใช้งาน แอพจะมีคุณภาพมากกว่า android แต่เข้าไปปรับแต่งได้ไม่เยอะ
ถ้าผิดพลาดช่วยบอกด้วยนะครับ ^ ^
iOS ระบบ interface ทำง่ายกว่าและแข็งแรงกว่า Android ครับ เฉพาะแค่ Core Graphics
ของมันมี library สำเร็จรูปน้องๆ Photoshop และมันทำงานได้ดีกว่าระบบอื่นเยอะมาก
ทดสอบง่ายๆ ถ้าเอาภาพ 10,000 ใส่เงา รันบน iOS มันสามารถรัน 60fps สบายๆ
ในขณะที่ Android รุ่นใหม่ล่าสุดค้างไปตั้งแต่เปิด app แล้ว
และถ้าเขียน App ที่ต้องใช้งาน Multi-threaded มันบริหาร memory ได้ดีกว่า Android มากครับ
ถ้าสังเกตุพวก App ด้านการจัดการเสียง หรือพวกเล่นดนตรี App มันจะทำงานได้ดีและเสถียรกว่าไม่มีการ delay
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของ dev ด้วยว่าจะเอามันมาใช้ได้แค่ไหน - -)a
app ด้านเสียงคิดว่าไม่เกี่ยวกับการบริหาร Thread แต่เป็นเพราะว่าบน Android ยังทำ Low-Latency Audio ได้ไม่ดีพอครับ เท่าที่ทราบตอนนี้ตระกูล Nexus ทำได้ถึงระดับ 16ms กันแล้ว (บน 4.3) แต่อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ตัวไดร์เวอร์ยังไม่ทัดเทียมเนี่ยก็ยังเป็นปัญหาต่อไป
ผมเข้าใจว่ามันทำงานผ่าน ALSA นะ อาจจะเป็นคอขวดตรงนี้ แล้วก็พวก OEM HW มักจะไม่ค่อยสนใจเรื่อง Audio Latency เท่าไหร่ด้วยผมว่า
ปล. ผมเคยอัดเพลงที่ 16ms (บน PC ผ่าน ASIO API บนซาวนด์การ์ด Creative) ก็พอเล่นได้นะแต่ยังรู้สึกหว่าหน่วง ๆ ส่วนบน Windows XP ถ้าผ่าน DirectSound/MME จะทำได้ราว ๆ 300ms ครับ ก็1/3วินาที
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
Android ช้า กระตุก แอพค้างบ่อย แต่ว่ามันปรับแต่งอะไรได้เยอะมาก แทบจะปรับได้ทุกอย่างที่เราอยากให้มันเป็นเลย เราแค่ต้องหาแอพให้เจอ และบางทีอาจจะต้อง root เครื่องด้วย ส่วนผมเป็น developer อยู่แล้ว มีอะไรไม่ถูกใจก็เขียนแอพขึ้นมาเองเลย ตอนนี้มือถือผมเลยตอบโจทย์ได้หมด
ส่วน iOS เคยซื้อ iPad 1 ชอบตรงที่มันลื่น แอพดี ๆ เกมดี ๆ เยอะมาก แอพฟรีก็เยอะ แอพเถื่อนก็หาได้ (ตอนนั้น) แต่ไม่ชอบใจตรงที่มันปรับแต่งอะไรไม่ค่อยได้ และผมเองไม่ใช่คอเกมด้วย ซื้อมาแล้วเลยรู้สึกว่าใช้ไม่ค่อยคุ้ม ตอนนี้ iPad 1 เลยกลายเป็นที่ทับกระดาษไปเรียบร้อยแล้วครับ และไม่คิดจะซื้ออุปกรณ์ iOS อีกเลย (นอกจากจะอยากเขียนแอพ iOS)
ทำธุรกิจด้านการเงิน รูดบัตรเดบิต หรืออะไรที่เป็นความลับ ผมรู้สึกอิสระ บน iOS มากกว่าบน Android นะ
ค่าโทรศัพท์ น้ำ ไฟ ฯลฯ ทุกอย่าง e-banking หมดเลย
จะรูดบัตรซื้อ App ที ยังแอบกังวลเลยว่าเคยโหลดโทรจันมาเก็บไว้ไหม
ดูจากข่าวแล้ว Android ไม่น่าจะปลอดภัยเท่า iOS
ถึง iOS จะไม่ปลอดภัย 100% แต่ก็ยังถือว่าปลอดภัยที่สุดสำหรับผมได้อยู่
เล่น ๆ ใช้แอนดรอย
เน้นเกมพวก infinity blade เน้นทำธุรกรรมใช้ iOS (ไม่เจลเบรก)
แอนดรอยด์ มันเปลี่ยนได้หมดอะครับ ถ้าไม่พอใจแอปเช่น Gallery, SMS, dialer, camera, web browser ก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นให้เป็น default ได้หมดเลย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ว่าจะให้ใช้อันที่มากับเครื่อง เช่นผมเปิดลิงค์จากเมล์ ตั้ง Firefox ไว้เป็น default มันก็วิ่งไปเข้า Firefox
สามารถแชร์ข้อมูลข้ามแอปได้ เช่นผมเปิดดูรูปจาก Gallery แล้วจะแชร์ให้เพื่อนใน Line เดี๋ยวนั้นเลย ผมก็กดแชร์ แล้วเลือก Line แล้วเลือกชื่อเพื่อน เปิดดูรูปในเฟซบุ๊ค แล้วจะส่งเข้าเมล์เดี๋ยวนั้นเลย ก็กดแชร์เข้า Gmail แชร์ผ่าน Bluetooth, NFC บลาๆ
จะฟังเพลง ก็มีแอปให้เลือกเยอะแยะ ไม่ต้องติดแหง็กอยู่แต่กับ iTunes จะเปิดวีดีโอดู ถ้าในเครื่องมีแอปดูวีดีโอมากกว่าหนึ่งตัว มันก็จะขึ้นมาถามก่อน ว่าจะเปิดกับอะไร ไม่ใช่บังคับเข้า Gallery อย่างเดียว ผมอยากดูกับ MX Player เพราะลูกเล่นเยอะกว่า เลือกเสียง, ซับไตเติ้ลได้ ผมเลือก MX Player ก็ย่อมได้ อีกอย่างดูวีดีโอบนแอนดรอยด์ไม่จำกัดเฉพาะ mp4 h264 แต่จะเอาอะไรมาดูก็ได้ตราบเท่าที่โปรแกรมถอดรหัสได้ และเครื่องรับไหว (เช่น BRRip 1080p ทั้งหลายในเว็บบิตก็ดูได้หมด ไม่ต้องแปลง)
ไม่ชอบใจ Play Store ผมก็ยังมีที่อื่นให้เลือกอีกเยอะแยะ เพลงก็เหมือนกัน ผมซื้อกับ Play Store ไม่ได้ ก็ไปซื้อกับ 7digital ก็ได้
เสียบแฟลชไดฟร์ โยนไฟล์ โหลดไฟล์ โหลดบิต FTP ขึ้นเว็บ ก็ทำได้หมด
เปิดแอป เน็ตช้าๆ ก็กดรีเฟรช Facebook ไประหว่างรอ ก็สลับไป Instagram ถ่ายรูป ระหว่างรออัพโหลด ผมก็สลับไป Facebook นั่งเล่น กดไลค์ไปเรื่อย สลับไป Instagram โอเค รูปอัพเสร็จแล้ว มีคนกดไลค์แล้วด้วย ก็ยังได้ ถ้า iOS คง Fail ทั้งหมด เพราะมัน suspend แอปทันทีเวลาสลับไปแอปอื่น
บางรุ่นทำ Wireless display ได้ ก็เอาเมาส์+คีย์บอร์ดไปเสียบ เล่นจอใหญ่บนทีวี ต่อจอยเล่นเกมได้อีก
อุปกรณ์เสริมก็ไม่เรื่องมาก อะไรที่เป็น micro USB ก็เสียบชาร์จไฟได้หมด ไม่ต้องการสายพิศดาร อะแอปเตอร์พิศดาร ยืมสายชาร์จ BB, Lumia เพื่อนมา หรือชาร์จข้ามยี่ห้อก็ได้ ตราบใดที่ยังเป็น micro USB
นี่แค่ส่วนหนึ่งครับ สำหรับ iOS ก็ดี ลื่น สวยงาม เสียงดี แต่ถ้าถามเรื่องประโยชน์ใช้สอย ผมให้แอนดรอยด์ครับ
ผิดพลาดตรงไหนแก้ไขได้ครับ
ในมุม User ไม่ใช่ Dev ในมุมมองผมคือ มันดีพอๆ กันครับ
การใช้งานยากง่ายนั้นโดยมันขึ้นอยู่กับความเคยชินมากกว่าครับ ทั้ง 2 ตัวใช้เวลาเรียนรู้น้อยเหมือนกัน
เพียงแต่ DNA มันคนละแบบแค่นั้นเอง
แต่ Android นั้นมีทางเลือกเยอะกว่า เช่น ขนาดหน้าจอใหญ่ๆ ใช้ได้โดยไม่ต้องใส่แว่น หรือมือถือใช้ในห้องน้ำ หรืองบประมาณจำกัดก็สามารถเลือกใช้ได้
ส่วน iOS นั้นมีจำนวนรุ่นน้อย การใช้งานโดยรวมเหมือนกันหมด ดังนั้นไม่รู้อะไรก็สามารถถามคนใช้ iPhone ด้วยกันได้ ส่วนระบบที่ชอบก็ iCloud, AirDrop ครับ
โดยส่วนตัวผมว่า iOS มันดูโหลนะครับ มันเกินความหรูไปนานแล้วละ นั่งโต๊ะกินข้าวสัก 10 คน นี่ iPhone ซัดไปซะครึ่ง อารมณ์ประมาณรถยนต์สีขาวที่วิ่งกันเต็มถนนประมาณนี้นะครับ
ในความเห็นผมนะครับ
ถ้าถามถึงตัว OS ผมว่า Android วิน iOS นะ ไปได้ไกลกว่า เพราะมันเป็นระบบเปิด ทำอะไรได้มากกว่า iOS มาก แต่ติดปัญหาตรงที่ยังพัฒนาไปช้ากว่า iOS, กินสเป็ค, และแอพยังไม่มีคุณภาพดีเท่า iOS ซึ่งผมคิดว่า Android จะแซง iOS ในที่สุดแน่นอน
แต่ในตอนนี้ iOS เป็นอะไรที่ Optimize มาอย่างดี ไม่เปิดกว้างจนผู้ใช้ใหม่งง
android ใช้ Mutitasking ได้
ios ไม่มีการทำงานของ Mutitasking
ในแง่พัฒนา
ios พัฒนาง่ายกว่า android ในแง่ของการทำ layout ที่จัดเรียงได้ง่าย