มีเรื่องลูกชายจะปรึกษาครับ
ถ้าจะให้เลือกระหว่าง :
- คณะวิศวกรรมศาสตร์เอแบค (คิดว่าไม่ได้เป็น course inter แต่ได้ทุนเรียนดี)
- คณะวิศวกรรมศาสตร์ลาดกระบัง (ไม่ใช่ course inter ต้องจ่ายค่าหน่วยกิจเอง)
ค่าหน่วยกิจจ่ายเพิ่มต่อเทอมก็พอๆกัน (ประมาณ 16,000)
เพราะฉนั้นค่าใช้จ่ายคงไม่เป็นปัญหา
ทั้งสองที่ติดชัวร์แล้วครับ เรียนเกือบจะที่เดียวกันเลย (ไกลพอๆกัน) คงต้องอยู่หอพัก
อยากทราบข้อดีข้อเสียของแต่ละที่ ขณะกำลังศึกษา และการหางานเมื่อจบมาแล้วจากประสพการณ์ที่ท่านพบมา
และมีข้อคิดเห็นดังนี้ ไม่รู้ว่าจะถูกต้องรึเปล่า
- สังคม - เขาพูดกันว่าเอแบคจะสังคมดีกว่า แต่ละคนมีผู้ปกครองเป็นผู้ประกอบการกันทั้งนั้น จะคิดทำอะไรก็จะสะดวกในแง่คนรู้จักกัน
- สังคม - เอแบคแต่ละคนคงมีรถขับกันทั้งนั้น ผมก็ฐานะปานกลางคงจะซื้อรถให้ลูกไม่ได้
- ศักดิ์ศรี - ในความเป็นมหาวิทยาลัยปิด ลาดกระบังคงเหนือกว่า
- เอแบคมีเงินก็เรียนได้ แต่ลาดกระบัง มีเงินก็ใช่จะเรียนได้
- ภาษา - เอแบคคงจะเหนือกว่า
- ลูกชายเหมือนจะชอบเอแบคมากกว่า (ติดความหรูหรา)
- หญิง - (อันนี้คงจะไม่เกี่ยวกับพ่อมัันเท่าไร) เอแบคหนือกว่าเห็นๆ
ขออนุญาตโพสสองเวบนะครับ เพราะอยากได้ความคิดเห็นที่หลากหลาย
ขอบคุณครับ
คงต้องถามต่อครับว่าเรียนวิศวะสาขาอะไรแล้วจบมามีแผนจะทำกิจการของตัวเองหรือเป็นลูกจ้างเขาไปก่อนนะครับ แต่จากโจทย์ถ้าลูกชอบเอแบคอยู่แล้วก็น่าจะให้เรียนที่เอแบคนะครับ
ที่เอแบค ก็คงเลือกเป็นพวกวิศวะไฟฟ้าทั่วไป (telecom, electronic, computer)
ลาดกระบังที่ ผลสอบออกล้วเป็นวิศวะอัตโนมัติ (Automation Engineering)
ก็คิดว่าคงเป็นลูกจ้างไปก่อน จนกว่าจะมีไอเดียดีๆครับ
ผม วิศวะกรรมอัตโนมัติ ปี2ครับ กำลังเรียนอยู่ :]
รบกวนให้ความรู้ผมหน่อยครับ
วิศวอัตโนมัตินี่เรียนอะไร จบแล้วไปทำอะไร
แปลกดี ไม่เคยได้ยิน
อยู่ในภาค วิศวกรรมการวัดและควบคุมครับ มี4สาขา
ในเมืองไทย ยังจบไปทำงานเหมือนกันอยู่ ครับ
http://www.kmitl.ac.th/automation/newsite/page/guide/guide03.html
อ่านดีกว่าครับอธิบาย ความแตกต่างระหว่างสายงานของ วัดคุมด้วยกัน
ยาวนิดนึงครับ :]
ps. อยากให้รุ่นพี่ วัดคุม ที่ทำงานแล้ว มาช่วยอธิบายด้วยครับ
เหมือนที่เคยอ่านหลักสูตรตอนแรกๆ เห็นว่ามีเรียนกับกระบวนการควบคุม ระบบเซนเซอร์ และมีวิชาด้านบริหารด้วยมั้ง สำหรับ automation
แต่วัดคุม จะเน้นหลักไปทางระบบควบคุม เซนเซอร์ทรานดิวส์เซอร์ หลักๆเลยมากกว่า วิชาด้านการบริหารไม่มี
(สุดท้ายจริงๆ ที่จะเอาไปใช้กับระบบควบคุมในอุตสาหกรรม ก็คงไม่พ้น PID controller หรอก)
เห็นด้วยนะครับว่าควรจะศึกษาด้วยว่าสาขานี้จบไปแล้วจะได้ทำงานแบบไหน บางทีผมก็เห็นเด็กอยู่หลายๆคนที่จะต้องเลือกที่เรียนแล้วแต่ตัวเองยังไม่ทราบเลยว่าอยากจะทำอะไรหรือตัวเองชอบอะไร การที่ตัวเองได้เรียนได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบผลของมันจะออกมาดีกว่าการที่ทำอะไรแบบไม่ได้มีแรงบันดาลใจแน่นอน
ผมชอบมากเลยพวกโครงการเช่น "โตแล้วไปไหน" ของ aday การที่เราได้วางแผนหรือมีแผนที่ชีวิต มันทำให้เราเตรียมพร้อมกับสิ่งที่จะต้องเจอได้ดีทีเดียว เพราะการเรียนรู้มันก็ไม่ได้อยู่แค่ในรั้วมหาวิทยาลัย ถ้าลูกคุณหรือเด็กไทยหลายๆคนออกมานอกห้องแล้วมีเวลาได้เรียนรู้ตามความฝันตัวเอง เราก็ดีใจกับเค้าด้วยมากๆแล้วหละครับ
ผมไม่ได้จบทั้ง ABAC และ ลาดกระบังนะครับ แถมไม่ได้จบวิศวะด้วย
แต่ขอตอบในฐานะคนเคยจบตรีบางมด แล้วไปต่อโทที่ต่างประเทศก็แล้วกันนะครับ
ถ้าเป็นผมผมไป ลาดกระบังคับ
ความเห็นผมคือ
เรื่องเดียวที่ทำให้ผมอยากไป ABAC คือสาวๆสวยกว่าครับ มีโอกาสที่คุณพ่อจะได้ลูกสะใภ้น่ารัก หน้าตาดี เป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล
ตอนผมเรียนอยู่ จีบไม่ติดซักกะคน T_T กลับบ้านมาร้องเพลงพี่ป้างทุกวันเลยครับ 555
หัวล้านใจน้อย :P
= = รู้อีก
คนนี้ไม่พลาดสินะ
ปัจจัยหนึ่งที่คิดว่ามีผลในการตัดสินใจ
คือแฟนเค้าได้ทุนคณะนิเทศน์ที่เอแบคครับ
คบกันชวนกันเรียนก็ดีแล้ว
แต่ไม่อยากให้เป็นเหตุผลที่สำคัญเลย
Long Distance Love Not Working
(Y_Y)
อย่าเอามาเป็นปัจจัยเลยครับเรื่องนี้
(แต่ตัวเด็กน่ะคิดแน่ๆ ยังไงก็อยากอยู่ใกล้แฟนอยู่แล้ว)
ลองคุยกับลูกดูครับ แบบผู้ชาย-ผู้ชายว่าแฟนจะอยู่ใกล้อยู่ไกลถ้ารักชอบพอกันจริง ระยะทางไม่ใช่ปัญหาครับ
เทคโนโลยีมหานคร...
ถ้าเป็นที่บ้านผม ตัวเลือกนี้ตัดสินใจไม่ยากเลย ..ตัดมหา'ลัยเอกชนทิ้งเป็นอันดับแรก ^^"
อันนี้ผมไม่ได้ดูถูกสถาบันใดนะครับ
เพื่อนๆ ในออฟฟิซ : คุณจบที่ไหนมาเหรอ
เสกสรร : พระจอมเกล้าธนบุรีครับ
เพื่อนๆ : โห เรียนยากมั้ย หน้าตาไม่น่าเชื่อว่าเข้าพระจอมฯ ได้
เพื่อนอีกคนจบเอแบค
เพื่อนๆ ในออฟฟิซ : นาย .... จบที่ไหนมาเหรอ
นาย ... : เอแบคครับ
เพื่อนๆ : เหรอ
คนกรี๊ดกร๊าดก็มีครับ แต่ส่วนมากคำถามมักจะเป็น "หมดไปกี่บาท"
เอ๊ะ พระจอมเกล้าธนบุรี? คณะอะไรครับเนี่ย
เชิญยิ้มเทคโนโลยีสารสนเทศสายต่อเนื่อง (2 ปี) ครับโอว IT ศัตรูเก่า XD (ล้อเล่นนนน)
แอบสงสัย มจธ.มันเรียนยากขนาดนั้นเลยเหรอครับ ? (จริง ๆ ก็มีคนรู้จักที่เรียนไม่จบอยู่หรอกนะ)
อ.ผม (ที่ก่อนหน้าเคยสอนที่เอแบค) แค่เคยแจก F เกือบหมดห้องเอง 555
ไม่ยากครับ ยิ่งเรียนสาย IT ไม่ยากเลย
ทุกคนคิดว่ายากเพราะข้อสอบและชีททั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ แต่สอนเป็นภาษาไทย
พอเห็นว่าเป็นภาษาอังกฤษก็เบือนหน้าหนีแล้วครับ ขนาดผมโดดเรียนไปเลี้ยงปลานิลทุกวันยังรอดมาได้เลย
IT สาขาเกษตรกรรม แหงๆ :)
แวะมาเสริมนิดนึงค่ะ
วิศวฯเอแบค เป็นหลักสูตร inter นะคะ ทุกคณะป.ตรีเป็น inter หมดค่ะ :)
ยกเว้นคณะนิติ ที่จะมีเรียนในส่วนของภาษาไทยบ้าง
กรณีของวิศวฯเอแบค ถ้าเรียนดี แล้วเก็บหน่วยกิจหมดสามปีครึ่ง
ช่วงเทอมสุดท้าย จะมีทุนโครงการไปแลกเปลี่ยนทำโปรเจคกับมหาวิทยาลัยที่สวิตฯค่ะ
ขอบคุณที่ให้ข้อมูลครับ
+1 เอแบค ได้อีกหนึ่งคะแนน
คุณบอกเองว่าลูกติดหรู ถ้าไปอยู่เอแบค ผมเดาว่าคุณคงต้องเสียเงินเพิ่มอีกเยอะ
สอนให้ลูกติดหรูระวังจะลำบาก เพราะไม่เคยลำบากมาก่อนแล้วจะกลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบปรับตัวไม่ได้ อดทนแรงกดดันได้ต่ำ พูดจากใจเลย อย่าเลี้ยงลูกให้สบาย ไม่งั้นบั้นปลายคนเป็นพ่อเป็นแม่อาจไม่สบาย
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ปัญหาคือค่าใช้จ่ายก่อนเลยครับ คุณเป็นคนชั้นกลาง มีเงินพอจ่ายค่าหน่วยกิจกับค่าหอพัก แต่ค่ากินอยู่กับค่าสังคมมันต่างกันเยอะมากนะ ยกเว้นลูกคุณเป็นคนสมถะอยู่แล้ว ถ้าแบบนี้ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น
ถ้านับตลาดแรงงาน (กรณีคุณไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ และลูกคุณต้องเป็นมนุษย์เงินเดือนแน่ๆ) ผมคิดว่าลาดกระบังหางานได้ง่ายกว่าในสายงานวิศวะ แต่เอแบคน่าจะภาษีดีกว่าในด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ (แต่คุณมีทุนพอส่งรึเปล่าก็พิจารณาดู)
เรื่องภาษา ลาดกระบังด้อยกว่าจริง แต่มันก็บวกเพิ่มได้ด้วยการเรียนเสริมครับ คนจบลาดกระบังทำงานบริษัทอินเตอร์มีเยอะมาก
ตอนนี้ลูกคุณอาจมองแค่ชีวิตสี่ห้าปีข้างหน้า แต่อยากให้มองไปไกลกว่านั้นว่าต้องการทำอะไร แล้วพื้นฐานครอบครัวพอรองรับแผนนั้นได้มั้ย? จบแล้วทำงานเลย? เรียนต่อ? ทำกิจการส่วนตัว?
+1 ถ้าสมถะก็พออยู่ได้ครับ ผมเรียนเอแบค 4 ปีครึ่ง (+1ซัมเมอร์) ก็ใช้เงินวันละ 200-250 บาท (ตอนนั้น) เป็นค่ารถประมาณ 100บาท (บ้านผมอยู่พระราม 2 นั่งรถเมล์ไปเรียนทุกวัน) ก็พออยู่ได้ มีตังค์ซื้อการ์ตูนอ่านทุกสัปดาห์ (อาทิตย์ละสองร้อยบาท)
ปัญหาคือ ผมเข้าใจว่า Engineer น่าจะย้ายไปบางนาแล้ว (คิดว่าย้ายไปหมด-เกือบหมดแล้วล่ะ) ซึ่งค่าครองชีพที่นั่นสูง เพราะว่าไม่มีร้านตามสั่งข้างทางเลยในมหาวิทยาลัย (ผมยังมีร้านเป็ดเด้ง ร้านป้า etc. กิน 555) ก็จะเป็นร้านหรู ๆ ที่เช่าที่ตรงตึก CL มื้อนึงนี่ราว ๆ 80+ ได้ครับ ที่ Cafe เองก็ไม่แพงเท่าก็จริง แต่ก็หลายตังค์เหมือนกันนะ ถ้าอยากออกมาหาอะไรกินข้างนอกก็ลำบากอีก เอแบคบางนามันบ้านนอกชัด ๆ ครับ ออกมายากชิบเป๋ง
เรื่องภาษาจะได้เปรียบอีกอย่างตรงการสมัครงานกับบริษัทข้ามชาติครับ มันจะได้เปรียบมากตอนสัมภาษณ์ โดยเฉพาะสัมภาษณ์กับฝรั่ง เพราะเราคุยภาษาอังกฤษมาตลอดไงมันเลยง่ายขึ้นเยอะ แต่ก็อีกน่ะล่ะถ้าเป็นคนที่ติดเพื่อนมากอยู่แต่กับกลุ่มคนไทยไม่คุยกับชาติอื่นเลยก็ไม่ได้อะไรครับ
ปล. แต่จริง ๆ น่าจะส่งลูกมาเป็นรุ่นน้องผมนะครับ คณะผม (S&T) ตอนนี้คนน้อยเกินไปละ 555
ติดหรูอยู่เอแบค เตรียมเงินไว้เยอะๆเลยครับ
ติดหรู อยู่ที่ไหนก็หรูครับ แต่ที่เอแบคโอกาสเจอเพื่อนหรูมีเยอะกว่า
แต่ผมว่าแค่เหตุผลเรื่องแฟน ก็คงเพียงพอแล้วล่ะครับ
น่านแหละครับ ติดหรูแล้วอยู่เอแบคด้วย ต้องเตรียมตังเยอะหน่อย 555
ตอบในฐานะที่เคยต้องตัดสินใจเลือกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจากที่ได้แน่ๆ แล้ว 2 ที่เหมือนกันนะครับ
ตอนนั้นแม่อยากให้เข้ามหาวิทยาลัยนึงเพราะชื่อเสียงดีกว่า แต่สุดท้ายก็ขัดใจแม่ไปเลือกอีกมหาวิทยาลัยนึงด้วยเหตุผลต่างๆ ที่คิดว่าเหมาะกับเรามากกว่า ทุกวันนี้ผ่านไปหลายปีก็ยังรู้สึกดีที่ได้เลือกสิ่งที่เราชอบและเราเลือกเองครับ
ถ้าลูกไม่ได้เลือกในสิ่งที่ไม่ดีและเราไม่ได้ติดขัดอะไร ก็น่าจะปล่อยให้เค้าตัดสินใจด้วยตัวเองจะดีกว่าครับ เพราะต่อไปเค้าจะได้โตเป็นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจได้ครับ หน้าที่เราทำเพียงแค่บอกจุดดี จุดเด่น จุดด้อยให้ฟัง แล้วปล่อยให้เค้าตัดสินใจเองก็พอครับ
+1
+1 เห็นด้วยครับ
เรียนที่ไหนก็เหมือนกันครับ อยู่ที่ความสามารถ ความใฝ่รู้ ขยันตั้งใจ พูดง่ายๆ ว่าอยู่ที่ตัวคนเรียนเอง
ที่สำคัญคือมีความสุขที่ได้เรียนหรือเปล่า เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือเปล่า
เห็นว่าใจไปทางเอแบคอยู่แล้ว แฟนก็ได้เอแบค ก็น่าจะมีความสุขกว่าถ้าเรียนเอแบคนะครับ
ปล.จบวิศวะ ลาดกระบังครับ เสื้อช็อปเดือนนึงซักที เสื้อ(ขาว)นักศึกษา เทอมนึงซักที ไม่ได้ซกมกนะครับ เป็นคนรักสะอาด เสื้อผ้าเลยไม่เปื้อน(แถ)
^
^
that's just my two cents.
จบเครื่องกลลาดกระบังครับ หนับหนุน
จริงๆมันขึ้นอยู่กับลูกคุณด้วยแหละครับ ชอบแบบใหน แต่เป็นผม ผมเลือก มหาลัยปิดก่อน ไม่เจาะจงที่
สังคม ถ้ามองในด้านนั้น มันก็จริงแหละครับว่า เอแบคดีกว่า แต่ก็ต้องมองมุมกลับมาที่ลูกคุณว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คุณไม่มีธุรกิจของตัวเอง ลูกคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนแน่นอน คุณได้ ลูกคุณจะได้ connection ก็แค่ อาจะหางานได้ง่ายจากเพื่อนของเขาเอง แต่ เป็นลูกน้องเพื่อนนะ ตอนนี้ยังไม่เป็นคงคิดไม่ออก แต่ตอนไปทำงานจริงๆ จะรับได้แค่ใหน เพราะฉะนั้น connection คิดว่าคงไม่จำเป็น (แต่ลาดกระบังก็มีลูกเจ้าของกิจการเยอะนะ เท่าที่รู้)
สังคมภายใน (รุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อน) จริงๆ ภายในมหาวิทลัยปิดทุกที่ มันจะมีกิจกรรมต่างๆที่ทำให้รู้จักกันเยอะ อยู่แล้ว ทำให้อยู่ในสังคมแบบอบอุ่นมากกว่าเอกชน และก็มีรุ่นพี่นำหลายๆอย่าง เช่น วิธีการเอาตัวรอดในสังคมมนุษย์เงินเดืิอน ทำอย่างไรให้สอบได้ อะไรดีหรือไม่ดียังไง อันนี้อยู่ที่ลูกคุณจะรับหรือซึมซับไปได้มากแค่ใหน ซึ่งดีกว่าเอกชนที่ไปเช้าเย็นกลับ (ผมเคยรู้จักเด็กเอแบคสองคน เรียนคณะเดียวกัน คนหนึ่งอยู่ปีสาม อีกคนอยู่ปีสี่ แต่..ไม่รู้จักกัน ทั้งๆที่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน จนกระทั่งไปรู้จักกันในคอมมูนิตี้ที่หนึ่ง)
ศักดิ์ศรี อันนี้รู้ๆกันอยู่แล้ว มหาลัยปิดย่อมดีกว่า
เรื่องเงิน จริงๆแต่ละที่ก็ไม่ต่างกัน อยู่ที่ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรมากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสังคมรอบข้าง (ยกเว้นลูกคุณ ยังไงก็ได้ ไม่ได้ติดหรู) มันก็อยู่ได้ แต่ถ้าลูกคุณไปเจอสังคมที่ฟู่ฟ่า อะไรจะเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงอยู่ ลาดกระบัง แต่ลูกคุณติดหรู มันก็เสียเงินเยอะอยู่ดี
ภาษา ผมก็ว่าพอๆกันนะ มันขึ้นกับเด็กจริงๆ ผมก็เห็นเด็กลาดกระบัง เก่งภาษามากๆก็เยอะ
หญิง อันนี้ยอมรับจริง หรู รวยๆ เยอะ
สิ่งที่ต้องคิดคือ ลูกคุณชอบอะไร มากกว่า รู้จักสิ่งที่ไปเรียนมากขนาดใหน automation เรียนเกี่ยวกับอะไร หรือ โทรคม อิเล็ก เรียนเกี่ยวกับอะไร ถ้าไปเรียนแล้วไม่ใช่ขึ้นมาเนี่ย มันทรมารมากมาย ก็แล้วแต่นะครับ แค่ความคิดเห็นคนๆหนึ่ง
แต่ถ้าอยากสอบถามเกี่ยวกับแต่ละสาขาของวิศวะ( ของลาดกระบังนะ) ก็ถามได้ครับ
อ้อ เรื่องงาน หลายๆที่รับมหาลัยปิดก่อนนะ หรือบางที่แทบจะผูกขาดไปเลยด้วยซ้ำ เรื่องรุ่นพี่รุ่นน้องก็สำคัญนะ ก็เป็นส่วนหนึ่งให้โอกาสได้งานเพิ่มขึ้นเช่นกัน ที่เหลือก็แล้วแต่พิจารณา
"บางที่แทบจะผูกขาดไปเลยด้วยซ้ำ" มันเจ็บตรงนี้!
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ครับ ผมเคยตั้งนโยบาย "ไม่รับสีชมพู" ด้วยแหละ (ตอนนั้นอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเลือกได้ว่าจะรับใครเข้าทำงาน 555)
หมั่นไส้พวกบ.ที่รับแต่พวกเดียวกันครับ ก็เลยงดไปเลยหนึ่งมหาลัย
ข้างบนนี่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำครับ ต้องคิดถึงประโยชน์ของบริษัทก่อน พรรคพวกตามมาทีหลังครับ ถ้าใคร resume ดีก็เรียกมาสัมภาษณ์หมดแหละ อิอิ
รับแต่สีม่วง - -?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อาาาาาส์ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศ
สีม่วงมช.สินะ #แถ
หมันใส้บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่แถวบางซื่อสินะ เพราะเมื่อก่อนรับแต่สีชมพู
เรื่องนี้จริงๆ เกิดจากที่รุ่นน้องคนนึง ที่จบ CS ได้เกียรตินิยมอันดับสอง (จากคณะที่ไม่ให้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาแล้วสิบกว่าปี 555) ไปสมัครบริษัทปิโตรเคมีข้ามชาติแห่งนึง แล้วดันไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ภาษาโคตรดีครับ (น้องคนนี้เรียนนานาชาติมาทั้งชีวิตครับ) แล้วจบเกียรตินิยมนี่ความสามารถไม่ต้องถามเลยนะ ในขณะที่เพื่อนเขาอีกคนจบสีชมพูดันรับแทบจะทันที 555 (ไม่ได้บอกว่าน้องสีชมพูไม่เก่ง แต่น้องคนนี้ก็เก่งมากในระดับนึงแล้ว)
ฟังแล้วเคืองครับ ของขึ้น 555 ก็เลยประกาศกร้าวไปเลย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำนะ ต้องเห็นแก่ประโยชน์ของบริษัทเป็นสำคัญครับ (แต่ให้เด็กสีชมพูตกไปหลายคนเหมือนกัน เพราะทำข้อสอบไม่ได้)
ปล. สุดท้ายน้องคนที่่ว่าได้งานในสถานฑูตสหรัฐครับ
ปลล. คณะผมทุกวันนี้เปิดมายี่สิบกว่ารุ่นแล้ว ... คุ้น ๆ ว่ามีคนที่ได้ summa cum laude แค่คนเดียวครับ (อ.คิม)
จ้า คุณภาพมหาลัยไทยมันต่างกันนะ ลาดกระบังก็ดีกว่าราชภัฎ นิดนึงมัง