นั่งกินข้าวกับ PM ตอนเลิกงาน
นั่งคุยกันจนมาถึงหัวข้อนี้ ผมบอกว่าการเขียนโปรแกรมเป็นศิลปะ
พี่เอ็ม(PM :D) บอกว่าไม่ใช่ การเขียนโปรแกรมคือการแก้โจทย์ มันไม่มีอะไรเป็นศิลปะ
นั่งคุยกันนาน ยกเหตุผลต่างๆนาๆ
แล้วผมก็
อยากรู้ว่าโปรแกรมเมอร์คนอื่น มีใครมองการเขียนโปรแกรมเป็นศิลปะ หรือว่าไม่เป็นศิลปะบ้าง
สำหรับผมแล้วการเขียนโปรแกรมเป็นงานศิลปะครับ มันเป็นการสร้างสรรค์ที่งดงาม ทั้งความงดงามภายนอก(รูปแบบการเขียน) และความงดงามภายใน(ประสิทธิภาพ) ต่างก็เป็นสิ่งที่น่าหลงไหลอย่างยิ่ง ผมเชื่อว่าทุกศาตร์ในโลกนี้ล้วนก็เป็นศิลปะเช่นกัน ^^
ถ้าในการทำงานอย่างเป็นระบบ ศิลปะมันจะหายไป จะมองเห็นการเขียนโปรแกรมแบบสวยๆ ได้ในงานแข่งต่างๆ code แต่ละคนเนี้ยบรรเจิดจริงๆ
ในอดีตสมัยยังไม่มี OOP การเขียนโปรแกรมถือเป็นงานศิลปะในการแก้ปัญหาครับ แต่ยุคนี้ไม่ใช่แล้ว ตั้งแต่มีวิชา Software Engineer ครับ การเขียนโปรแกรมเลยกลายเป็นงานวิทยาศาสตร์แทน
มันเป็นวิศวกรรมครับ
มันเป็นกรรมครับ
ทำอะไรเอาไว้ก็ต้องใช้กรรม เคยเขียนโค้ดไว้ปีก่อน วันนี้ต้องมีการแก้ไขโค้ด เปิดโค้ดมา ... อ้าว ... ตอนนั้นทำไมตรูเขียนแบบนี้เนี่ย แล้วส่วนนี้มันทำอะไรหว่า
เข้าเรื่อง
มันเป็นศาสตร์และศิลป์ครับ ส่วนตัวผมชอบเขียนให้มี readability สูง เว้นวรรค, indent อย่างดี ให้รู้ว่าโค้ดนี้อยู่ block นี้
เคยมั้ยครับต้องแก้ code ของคนอื่นที่ติดกันเป็นพรืด (vb) ไม่มี indent กว่าจะไล่จบว่า if นี้ไปจบที่ไหน do นี้ของ loop ไหนหาแทบตาย
บางคนเขียน if แบบไม่ปิด end if อีก ไล่กันไปเถอะครับ ตาแฉะ
บรรทัดแรกก็ฮาเลย
จำเอาไปใช้ดีกว่า 555
ฮาบรรทัดแรกมากๆครับ ^^
คนทำกรรม = กรรม(กร)!
ผมคงแก้กรรมทุกวันเลยซินะ ><"
http://www.amazon.com/Clean-Code-Handbook-Software-Craftsmanship/dp/0132350882/ref=pd_bxgy_b_img_b
เอาเล่มนี้ไปอ่านซะนะครับ อีก 10 ปีจะได้ไม่มาบ่นแบบเดียวกัน :D
ฮา ... จริงๆ แล้วผมแก้ด้วยการใส่ Comment ครับ คือช่วงที่เป็นพนักงานใหม่ก็เลยอีโก้กับตัวเองจัดๆ พยายามเขียนโค้ดให้มันลึกล้ำ ไปๆ มาๆ มันกลายเป็น "ลึกลับ" ไปซะอย่างนั้น
จริงๆ แล้วผมเคยอ่านเล่มนี้ด้วยนะครับ The art of computer programming แต่อ่านไปได้ไม่เยอะครับ รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับหนังสือแบบนี้อย่างแรง
ปล.หลายครั้งผมแอบหวังว่า Playground-Soft จะเปิดซอร์สนะ อิอิ
ก็เปิดแทบทุกตัวแหละครับ อ่านดี ๆ 555
ปล. หนังสือเล่มที่ผมแนะนำเขียนเอาไว้ว่า ไม่ควรเขียน comment ถ้าไม่จำเป็น เพราะการเขียน comment เป็นการแสดงออกว่าโค๊ดที่เราเขียนยังไม่ดีพอที่จะอ่านแล้วเข้าใจได้ว่าโค๊ดทำอะไรครับ
เจ็บไหม ? เรามารณรงค์เลิกการเขียนคอมเม้นท์ แล้วมาเขียนโค๊ดที่เข้าใจได้ง่ายตั้งแต่ต้นกันดีกว่า !
เห็นด้วยยยยยยย >___<
สำหรับผมต้องเขียนครับ เพราะโปรแกรมทางฝั่งโกดังต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามความต้องการของลูกค้าที่ค่อนข้างบ่อย
ถ้าไม่ comment ไว้จะทำให้จำไม่ได้เลยว่าไอ้ที่เปลี่ยนมา 10 ครั้งนี่ทำไปเพราะอะไร
เคยมีกรณีพิพาทระหว่างบริษัทฯ กับลูกค้า ลูกค้าบอกว่าทำไมโปรแกรมของเราทำงานผิด บลาๆๆ ผมนั่งไล่โค้ดเจอ comment บอกรายละเอียดไว้เลยว่าแก้ไขโค้ดวันไหน เพราะอะไร ลูกค้าชื่ออะไรเป็นคนขอ อ้างอิงอีเมล์ไหน
ผมว่าแกไขได้ด้วยการใช้ Version control
CVS, Versioning, Version Control เป็นเรื่องที่ผมติดค้างตัวเองมานานมากเลยครับ ผมยังไม่ได้เริ่มศึกษาเลย การทำ Version control ของผมห่วยมากๆ
ยอมรับผิดเต็มๆ ครับ
ศตวรรษที่ 21 แล้ว ไม่ต้องไปศึกษา CVS แล้วครับ ข้ามไปตัวอื่นเลย
รบกวนแนะนำต่อด้วยครับ อยากจะพัฒนาระบบงานตัวเอง
svn + git
ใช้ git แล้วจะหนุกหนานครับ ไม่แน่ใจว่าจะพัฒนาแยกไหมก็แตก branch แตกไปแตกมา สับสนไม่รู้จะ merge ตัวไหนดีก็กลับมาไล่อ่าน commit ได้ มันหนุกหนานมากๆ ผมใช้ท้อถอยกิต (TortoiseGit)
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
เคยแต่ใช้ git เพื่อเอา source ของ Android มาเล่นครับ
งั้นขอศึกษาก่อน
เขียนเองใช้เองก็ไม่มีปัญหาอะไรที่จะไม่ comment ครับ แต่ถ้าเป็นซอฟท์แวร์ที่ต้องใช้งานยาวๆ ยังไงก็ต้องมีอยู่ดี ไม่งั้นล่ะก็ประสาทกินขอรับ -*-
ผมรณรงค์ให้เขียน Doc ดีๆ ผมไม่แน่ใจกับภาษาอื่น แต่อย่าง PHP ผมเขียนบน Netbeans เวลาจะเขียน Lib ใหม่ ต้องเขียน PHPDoc แนบมันทุก Method เลยทีเดียว เพราะเวลาใช้ Autocomplete มันจะสะดวกมาก พัฒนาไว รวมถึงเราไม่ต้องไปไล่โค้ดว่ามันเป็น method อะไร รับค่าอะไร คืนค่าอะไร ไม่งั้นปวดหัวตาย
ทุกวันนี้ใช้ Codeigniter นี้แทบไม่เปิด User Guide ไม่เปิด PHP.net เพราะ Autocomplete+PHPDoc นี้แหละ
เรื่อง Comment ผมยังมองว่าจำเป็นในบางครั้ง โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้ใช้ IDE เพราะจะไล่กันไม่ถูกเลยว่าส่วนนี้รับค่าจากไหนมา เป็นชนิดแบบไหน แล้วเราจะไม่สามารถควบคุม Error ที่จะเกิดขึ้นได้เลย
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
เรื่อง comment ผมมองว่ามันจำเป็นในกรณีที่ต้องการจะ hack อะครับ 555+
ผมก็แนวๆนี้
เขียน comment เฉพาะ code ประหลาดๆ ที่มีเหตุผลรองรับเช่น performance
ส่วน code ปกติเขียนเป็น self documente
เวลาตั้งชื่อ method หรือ variable นี่ตั้งยาวๆให้อ่านออกไปเลย
สรุป ใช้เวลาทำงานมากขึ้น -_-"
หวังว่าชินแล้วจะเผางานได้ไว เช่นเดิม
แต่ก็มีข้อดี คือไม่ต้องแก้กรรมบ่อย 55
กำลังโหลดตัวอย่างมาอ่านเลยครับ
เขียนให้เป็นเชิงศิลปะ มันก็เป็นเชิงศิลปะ
เขียนให้เป็นเชิงวิศวะ มันก็เป็นเชิงวิศวะ
beauty is in the eye of the beholder~
ศิลปะในเชิงของผมมันรวมหมดเลยนะครับ
คือมันต้องมีทุกอย่างรวมอยู่ในนั้น มันถึงจะเรียกได้ว่า "งานศิลปะ"
เหมือนกับ code ของ Drupal ซึ่งผมดูแล้วก็รู้สึกได้ว่า "นี่แหละงานศิลปะ"
มันช่างสวยงามม~
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ต้อง wordpress สิฮะ
(แล้วมันก็ซด cpu ฉิบ..)
เพราะมันเป็นศิลปะ เลยต้องเว้นวรรคพวกเครื่องหมายต่าง ๆ เช่น ( ) : ใช่ไหมครับ พอแก้ไขกับ IDE มันเลยลำบาก - -"
Jusci - Google Plus - Twitter
WordPress เว้นซะงงครับ แต่ว่าผมถือว่า WordPress งดงามในด้านความกะทัดรัดของโค้ดนะครับ แล้วก็กินทรัพยากรต่ำ
Drupal นี่ติดตั้งแชร์โฮสท์หลายๆ ที่ไม่ได้นะครับ มันคาที่เลย
ผมเป็นศิลปินทำงานศิลปะด้วยการเขียนโปรแกรม
สำหรับผมมันคืองานดนตรี ที่มีท่วงทำน้องแห่งเสียงคีย์บอร์ด กรีดร้องออกเป็นโน๊ต(โค๊ด) ได้อย่างลงตัวและสวยงาม โอ้มายยยก๊ออออด เออเรอ อีกแหละ.....
[Blog ZeroEngine] [@ZeroEngines]
ถ้าเขียนเองใช้งานเองก็เป็นศิลปะแต่ถ้าเขียนเพื่อทำงานที่ออฟฟิศมันก็เป็นการแก้โจทย์ปัญหา
การเขียนโปรแกรมจาก flow เป็นการแก้โจทย์
การออกแบบ flow โปรแกรมเป็นศิลปะ
แก้ flow ที่ไม่เคลียใช้ทั้งศาสตร์และศิลป
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมเป็น programmer แต่ผมรู้สึกว่าผมไร้ซึ่งศิลปะมากๆ พยายามฝึกอยู่คับ ผมคิดว่าการเขียนโปรแกรมมันหลักตายตัวนะครับ ไม่ใช่ศิลปะ ศิลปะที่ผมคิดคือ โปรแกรมของผมจะต้องเป็นยังไงบ้าง วาดฝันน่ะครับว่ามันต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ได้ ทุกครั้งที่เขียนโปรแกรมผมนึกอยู่อย่างเดียวว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดหรือป่าว แสดงว่ามันมีคำตอบของมันอยู่แค่เราหาไม่เจอ ผมถือว่ามันไม่ใช่ศิลปะคับ
ถ้าโจทย์เดียวกันแต่เขียนได้ 10 รูปแบบ
คนที่เขียนได้ดีที่สุด และงดงามที่สุด ใกล้เคียงทฤษฎีที่สุด แถมทำงานในทางปฏิบัติได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
แบบนี้ไม่เรียกว่างานศิลปะหน่อยเหรอครับ
ผมเรียกว่าวิศวกรรมนะ
คงมีแต่โปรแกรมเมอร์ที่อาจจะคิดว่า เขียนโปรแกรมเป็นศิลปะ
แต่คนอื่น รวมถึงคนที่สั่งให้โปรแกรมเมอร์เขียน ไม่มีใครมองแบบนั้นครับ
โปรแกรมที่ดีต้องอยู่บนวิศวกรรม ที่ยอดเยียมซึ่งตรงข้ามกับศิลปะโดยสิ้นเชิง
โปรแกรมที่ดี efficiency ต้อง 100% โดยที่กิน resource ให้น้อยที่สุด และไม่มี waste
อาหารที่ไม่มีใครกล้าตักเพราะรูปลักษณ์เหลือทน ก็หมดโอกาสจะแสดงรสชาติและคุณค่าในตัวอาหารจานนั้นไปแล้ว แม้รสชาติและคุณค่าจะวิเศษล้ำเลิสแค่ไหนก็ตาม
+1 ให้กับ bullet สุดท้าย
เม้นอย่างมีศิลปะมาก
kurtumm
เม้นได้ดีมากครับ
จากประสบการณ์ของตัวผมเอง ผมเคยได้ยินมาเหมือนกันว่า "การเขียนโปรแกรมคืองานศิลปะ" แต่ไม่เคยเจอกับตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่งผมสามารถเข้าใจโค้ดของระบบตัวหนึ่งที่เขียนด้วย Java (เป็น Spring + Hibernate) ได้เห็นการออกแบบ Class และ Interface อย่างมีชั้นเชิง ได้เห็นวิธีการสื่อสารกันของ Object แต่ละตัว รูปแบบการส่งสารรับสารมันพริ้วเหมือนสายน้ำไหล ผมได้แต่นั่งนิ่ง ดื่มด่ำกับความงามที่เห็นตรงหน้า นับแต่นั้นมาผมก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าเราสามารถใส่ศิลปะลงไปในโค้ดโปรแกรมได้ นี่เป็นการเห็นความงามครั้งแรก ซึ่งเป็นความงามจากการออกแบบระบบ ไม่ใช่ความงามของตัวภาษา Java
โลกศิลปะของผมถูกสั่นสะเทือนอีกครั้งเมื่อผมได้มารู้จักกับภาษา Ruby ... ข้างล่างนี้คือโค้ดภาษา Ruby ที่ถูกไวยากรณ์
นี่คือตัวอย่างความงามทางไวยากรณ์ของภาษา Ruby ที่สะกดผมในครั้งแรกที่เห็น ยิ่งพอมีโอกาสได้อ่านโค้ดโปรแกรมหลายๆ ตัวที่เขียนโดยคนที่ออกแบบซอฟต์แวร์เป็นและเข้าใจ Ruby จริงๆ ก็ยิ่งทำให้ผมหลงรักภาษา Ruby มากขึ้นเรื่อยๆ ผลผลิตจากความงามนี้ได้กลายมาเป็นความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจให้นักพัฒนาจำนวนหนึ่ง จนเป็นที่มาของ Ruby on Rails และพันธมิตรอีกจำนวนมหาศาล
จริงอยู่ว่าการเขียนโปรแกรมคือการแก้โจทย์ปัญหา แต่เราก็สามารถแก้ปัญหาอย่างมีชั้นเชิงทางศิลปะได้นี่นา ดูเหมือนว่าจะเราจะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง "ระบบระเบียบ" กับ "ความงาม" ผิดไปนะครับ
ศิลปะในความหมายแบบง่ายๆ หมายถึง "ความงาม" ไม่ว่าจะงามทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ก็เรียกศิลปะได้ทั้งนั้น จุดสำคัญคือมันเข้าถึงใจเราหรือเปล่า
"Beauty is in the eye of the beholder" งามไม่งามมันก็ขึ้นอยู่กับคนมองล่ะครับ ศิลปะมันคือความสามารถในการเข้าถึงและเข้าใจ อย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งที่ไม่เห็นความงามในหนังของพี่เจ้ย หรือแม้แต่ภาพวาดของแวนโก๊ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบ พอดีอยากเขียนแสดงความคิดเห็นมากๆ :)
+1 "แก้ปัญหาอย่างมีชั้นเชิงทางศิลปะ"
อ่านแล้วนึกถึง The Tao Of Programming
ตอนที่ปรมจารย์เขียนโปรแกรมพลิ้วไหวดั่งสายน้ำ ราบลื่นประดุจสายลมโชย และคอมไพล์ทีเดียวผ่านประหนึ่งพระเจ้ากำหนดไว้แล้ว
ผมนึกเทียบกับใบประกอบโรคศิลป์อยู่..
ขนาดแพทย์ยังเป็นศิลป์เลย..
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ทำไมอ่านแล้วคิดว่าคำว่าศิลป์ กับ ศิลปะ กลายเป็นคนละคำไปเลย - -*
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
คำเดียวกันแหละครับ เค้าตั้งใจด้วย เพราะการรักษาเป็นศิลปะ ไม่มีถูกหรือผิด หมอสองคนก็จัดฟันได้ไม่เหมือนกัน
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เขียนโปรแกรมก็เหมือนกัน โจทย์เดียวกัน เขียนได้เป็นล้านแปดแบบ 555
แม้ขับรถมาทำงาน ก็ยังขับมาทำงานแบบมีศิลปะได้เลย
นิยามคำว่า ศิลปะ ก่อน
เขียนโปรแกรมเป็นงาน สถาปัตยกรรม ครับ เพราะรวมทั้ง วิศวกรรม และ ศิลปกรรม เข้ามาด้วยกัน คล้ายๆสร้างตึกหลังนึงน่ะครับ
การเขียนโปรแกรมเป็นศิลปะ มันมีความสวยงามของ architecture ของเฟรมเวิร์ก, ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการเพิ่มเติมเสริมความสามารถ, ปัญหาเดียวกันสามารถมี solution ได้หลายแบบ แต่ละแบบสะท้อนถึงภูมิปัญญา,ประสบการณ์,ทักษะของผู้พัฒนา
แต่การพัฒนาระบบมันเป็น commercial art มันต้องจบในเวลา,ในงบประมาณที่ลูกค้า,กับเจ้านายพอใจ จะเอาเรื่องนี้มาเป็นสาเหตุให้นั่งรอบิลด์อารมณ์ อันนี้ไม่ได้
และถึงแม้องค์ความรู้การสร้างซอฟท์แวร์มันเป็นเรื่องใหม่ เกิดขึ้นไม่เกิน 50 ปีมานี้ ไม่เหมือนกับการก่อสร้างต่างๆ แต่ปัจจุบันการพัฒนาซอฟท์แวร์มันเริ่มมีองค์ความรู้ วิชาการมาจับ จนเริ่มเป็นศาสตร์ไปแล้วครับ (software engineering)
เช่นกัน ศิลปินหลายคน ถ้าไม่ใช่ท็อปจริงๆ มันก็ต้องศิลปะเชิงพาณิชย์ครับ คนเราต้องกินต้องใช้จะอุดมการณ์จ๋า จะรอให้ความคิดตกผลึก,รอแรงบันดาลใจ,เขียนงานเพื่อความพอใจของตัวเองแต่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดหรือลูกค้า,ฯลฯ ไปตลอดก็จะไม่มีกินเอา
ศิลปะรึเปล่าไม่รู้แต่ลูกค้าบางทีบอกให้ลบวาดใหม่ หรือ บางทีต้องวาดรูปเดิมแต่เปลี่ยนสีที่ใช้ :(
My iOS apps
My blog
การเขียนโปรแกรม ผมมองว่าเป้นศาสตร์และศิลป์นะ
เป็นอย่างไม่ต้องสงสัย. ศิลปกรรมในการเขียนให้อ่านง่ายและใช้งานได้อย่างปลอดภัย + วิศวกรรมในการสร้างทำงานให้เครื่องจักรมันทำงานไวๆและให้มีบั๊คน้อยสุด.
โปรแกรมเมอร์ที่มีความเป็นศิลปินจะสร้างโปรแกรมที่มีศิลปะ
+1 ครับ
สร้างบ้านโดยที่ไม่มีสถาปนิก ก็สร้างได้ อยู่ได้ แต่ใช้ไปแล้วไม่มีความสุข
การเขียนโปรแกรมก็เช่นกัน ถ้าไม่มีการ design flow ของระบบ เขียนต่อกันไปเรื่อยๆจนโค้ดบวม ก็เหมือนบ้านที่มันรก ไม่น่าอยู่
มันเป็นศิลป์ครับ คือ ไม่ใช่แค่ศาสตร์ หรือแค่การแก้ปัญหา การตัดสินใจหลาย ๆ อย่างจะต้องเอาเหตุผลมาชั่งน้ำหนักกัน เราไม่สามารถที่จะเอาทฤษฎีหรือกฎข้อไหนมาใช้แล้วสามารถแก้ปัญหาได้หมดทุกข้อ การเลือกเอากฎหรือวิธีการ (methodology) มาใช้เป็นศิลปะครับ เป็นศิลปะขั้นสูงเลยด้วยซ้ำ จริงๆ แล้ว
มันคือ งานศิลปะ (ทำท่าทำทาง แบบ อ.เฉลิมชัย )
หรือว่ามันคือ มนต์ดำแห่งนรก
มันอยู่ที่ว่า .. เราจะทำให้มันเป็นการสร้างสรรค์(ศิลปะ) หรือว่า จะทำให้เราเป็นเหมือน กรรม(กร) .. ก็ได้ครับ
แต่ควรเลือกอย่างแรกครับ ^^
ผมมองว่าโดยเนื้องานการโปรแกรมคือศาสตร์ แต่ "คน" เขียนโปรแกรมต่างหากที่ทำให้มันเป็นศิลป์
ต่อให้งานนั้นมันมี requirement ที่ตายตัว เขียนตามนั้นเป๊ะๆก็จบงานได้ แต่ถ้าคนเขียนโปรแกรมเพิ่มรายละเอียดของงานเล็กน้อยเช่น เพิ่ม animation ให้สวยงามขึ้น หรือปรับแต่ง interface ให้ผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ผมว่ามันคือส่วนที่เป็นศิลป์ที่ทำให้โปรแกรมเมอร์แต่ละคนแตกต่างกัน
เป็น Network Engineer ครับ แต่ต้องมาทำงาน Side Project เป็น Programmer = ="
มันเป็นกรรมครับ
ผมเชื่อว่าการเขียนโปรแกรมมันไม่ใช่ศิลป์
แต่การเขียนให้ดี นั่นแหละเป็นศิลป์
อ่า ... คิดเหมือนกัน ตอนกำลังนั่งให้ห้องน้ำก็คิดแบบนี้ครับ
คือการเขียนโปรแกรมไม่ใช่ศิลปะ แต่การเขียนให้ดี (วิธีการ, algorithm) นั่นแหละคือศิลปะ
จริง ๆ ก็แทบทุกอย่างแหละครับ ที่วิธีการมันเป็นศาสตร์ แต่การเลือกใช้วิธีการมันเป็นศิลป์
คนที่สามารถใช้ศิลป์ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นแหละครับคืออัจฉริยะ ลำพังมีแค่ศาสตร์มันไม่เพียงพอ
พูดได้โดนใจมากครับ อยากจะกระโดดจูบสักที
คือผมคิดคำอธิบายแบบนี้ไม่ออก นี่แหละสิงที่พยายามจะบอก
เกือบแต๊ปกันเลยทีเดียว - -"
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
/me กดเตะสูงอัตโนมัติ
อย่างนี้เค้าเรียกว่า ศิลปะการตอบ หรือป่าวเอ่ย !
อาร์ตๆ ทั้งนั้น ^^
my blog
คนวาดงานศิลป์คิดว่าไงครับ
ปล.ผมชอบงานสีน้ำของคุณลิงใจดีมากๆ ติดตามใน exteen มานาน แต่ช่วงหลังเห็นยุคแรกเริ่มกำลังหายไปหลายคน
ไม่แน่ใจครับ ชั่วโมงบินไม่สูงพอ
แต่ JavaScript, CSS, HTML5 เนี่ย ก็อาร์ทดีนะ
JavaScript กับ Ruby นี่เขียนแล้วทำให้มองทุกอย่างเป็น object ได้ดีมากๆ เลยครับ ส่วนตัวชอบ JavaScript และมีท่าน John Resig เป็น idol ของวงการ JavaScript
เคยอ่านเจอเรื่อง How To Write Unmaintainable Code
ไม่รู้ว่าชีวิตจริงจะมีคนเขียนให้ได้ตาม concept พวกนี้ได้หรือเปล่า
ส่วนเรื่องศิลปะในการเขียน มันเป็นความลุ่มลึกและไหลลื่นของระเบียบวิธีการทั้งในเบื้องหน้าและ
เบื้องหลังที่กลั้นกรองมาจากกึ๋นของคนเรา
จะเขียนอย่างไรถึงจะหมดจด?
จะเขียนอย่างไรให้สั้นที่สุดแต่ทำงานเร็วที่สุด?
เขียนอย่างไรให้ตัวโค้ตสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีก 10 ปี โดยไม่มีใครมาแก้มันอีก?
กี่ครั้งที่เราต้องนั่งคิดๆๆ แก้ปัญหาชนิดที่ว่าอ้อมโลก เขียนโค๊ต100 บรรทัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อันเดียว?
สุดท้ายผมมองว่า มันคือศาสตร์(กฏเกณท์ ระเบียบวิธี เทคนิคต่างๆ ที่สั่งสมถ่ายทอดกันมาเป็น 10ๆ ปี และไม่มีวันผิด)
และศิลป์(ความเป็นเอกเทศของแนวทางการเขียน ลูกเล่นต่างๆที่คิดเขียนกันขึ้นมาจากประสบการณ์ที่สั่งสม โดยมีพื้นฐานมาจากศาสตร์ ) ที่ไม่ต่างอะไรจากเพลง jazz การเล่นเป็นวงไม่ต่างอะไรจากการเขียนเป็นทีม ทุกคนมีลีลาเป็นของตัวเอง
แต่สามารถบรรเลงประสานกันได้อย่างลงตัว
ศิลปะ มันอยู่เหนือเหตุและผล และไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ
หึหึ......"เขียนโปรแกรม ฉันจะเขียนอย่างนี้ มีปัญหามั้ย ของเธออยากเขียนอะไรแบบไหนมันก็เรื่องเธอ
แต่เธอต้องแก้เออเร่อในแบบที่ฉันเขียนมาอย่างนี้ให้คอมไพล์ได้ เข้าใจมั้ย !!!"
อาร์ตมว๊ากกกกกกกกกกกกกก
เคยโดนมั้ยล่ะ หนุ่มๆ หึหึ
ในเชิงทรัพย์สินทางปัญญา ซอฟต์แวร์ถือเป็นงานวรรณกรรมไม่ใช่เหรอครับ (ผมเคยอ่านเจอนานแล้วนะ ถ้าผิดพลาดขออภัย)
ใช้คณิตศาสตร์สร้างงานศิลปะ
มันเป็นศิลปะ บน โลกไซเบอร์ และ ตัวเลข ....อิอิ