5.สิบปีที่แล้วคุณก็เรียนกับ PC ยุคนี้ก็เรียนกับ PC เพียงแต่มันเร็วขึ้นและทำงานได้ซับซ้อนขึ้นเท่านั้น สิ่งที่เก่าลงไปจริงๆ แล้วก็คือซอฟแวร์ แต่วิธีการใช้ PC ก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
5.(ต่อ) ผมถามว่าการใช้ PC เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปใช้ tablet สมควรเรียกว่าคร่ำครึหรือไม่ครับ
7.CU Writer ไม่ได้ให้อะไรคุณเลย? เอามาประยุกต์ใช้กับ MS Word ไม่ได้?
8.ผมตกข้อ 6 ไม่เชื่อกลับไปดูอีกที
ส่วนตัวผมมองว่าการแจก PC หรือ tablet ก็ตามเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะมีเด็กกลุ่มนึงที่ได้ผลประโยชน์จากตรงนี้เต็มๆ ซึ่งก็จะเป็นเด็กกลุ่มเดียวกับเด็กที่ตั้งใจเรียน ตั้งใจหาความรู้อยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ผมมองว่าจะมีเด็กกลุ่มใหญ่กว่าที่ใช้สิ่งที่ได้มาไม่เกิดประโยชน์
ก็เป็นไปได้ครับว่า Beyond PC อาจไม่ใช่ Tablet แต่การเถียงด้วยเหตุผลว่า "Before PC ยังไม่มี" ผมว่ามันคือเหตุผลที่ไม่เข้าท่า ถ้าเห็นว่าการใช้ PC ดีกว่าอย่างไรก็ควรจะอธิบายไป ไม่ใช่คิดหลักสูตรแบบใช้แต่ความรู้ความคิดที่ยึดติดกับอดีต
เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่าใครเอาเหตุผลที่ไม่เข้าท่ามาค้าน ผมก็ต้องเรียกว่ามันคือการถ่วงความเจริญน่ะสิ ถ้ามีเหตุผลที่ค้านได้ว่ามันไม่สร้างความเจริญได้จริง ก็อธิบายมาดีๆ ไม่ใช่พูดสั้นๆเพราะคิดว่ามันเป็น Common Sense
ประเด็นสำคัญของการแจกอุปกรณ์ให้เด็กนักเรียนทุกคนใช้คือมันควรจะพกพาได้และใช้ได้ทุกที่ ถ้าแจก PC เครื่องใหญ่มันก็ขนไปมาไม่ได้ใช่มั้ยครับ? ผมไม่อยากจะนั่งสาธยายแนวคิด OLPC ซ้ำอีกนะครับ เอาเป็นว่ามันคือแนวคิดที่เป็นแพคเกจที่จะคุ้มค่าได้เมื่อมันสามารถตัดค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาเป็นอุปกรณ์พกพาตัวเดียวได้ ไม่งั้นก็จะกลายเป็นของสิ้นเปลืองไป
ผมเห็นด้วยกับความเห็นคุณ PaPaSEK นะครับ CU Writer ผมก็เคยเรียนตอน ป.5 ต้องบอกเลยว่ามันช่วยยืนพื้นให้ผมใช้ Word มาได้จนทุกวันนี้ และมันไม่ไร้ค่า Dos ก็เช่นกัน
ถ้ารู้ Information เรื่องนี้มาก่อนแล้วจะไม่พูดซ้ำซากแบบนี้ครับ แต่จะหาเหตุผลที่ดีกว่าเดิมมาอธิบายได้ว่าเหตุผลของ Information เรื่องนี้ มันไม่ถูกต้องอย่างไร
โอกาสในการใช้เครื่องมือค้นหาที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด
การแก้ปัญหาหรือหาคำตอบโดยใช้เครื่องมือค้นหาช่วยโดยไม่ผ่านกระบวนการทางความคิดเพื่อแก้ปัญหาของตนเองก่อน
คุณคิดว่าเด็กพวกนี้จะแก้ปัญหาอะไรได้บ้างถ้าไม่มี Google
1 ใครเป็นคนจ่ายล่ะ ภาระเป็นของใคร ทำไมเขาต้องแบก
2 ประโยชน์ ความคุ้มค่าที่ได้
3 มีอะไรที่คุ้มกว่า น่าลงทุนมากกว่าหรือไม่
ในโลกนี้ไม่มีของฟรี
แล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องแจกคอมพิวเตอร์ให้เด็ก
คำตอบและเหตุผล เดียวกันกับโครงการ Tablet ฟรีครับ และถ้าก่อนหน้านี้ก็คือ OLPC
ปัญหาตอนนี้มีแค่ Tablet ดีกว่ารึเปล่า
ในมุมมองผม แจกคอมดีกว่าครับ
เพราะผมดูแล้ว คอมพิวเตอร์ มีประโยชน์ด้านการศึกษาที่เด่นชัดกว่า tablet
แต่โลกตอนนี้กำลังเข้ายุค Beyond PC นะครับ
อุปกรณ์ที่เด็กประถมยุคนี้ ใช้กันในอีก 10 ปีข้างหน้า จะยังเป็น NoteBook PC อยู่รึเปล่า?
ตลกและ เด็ก ป1. บ้านเรายัง Before PC อยู่เลย ถ้าแจกให้เด็กมัธยมผมจะไม่ว่าซักคำ
ตอนที่คุณเรียน ประถม คุณต้องไปเรียน CU Writer มั้ยครับ?
โตมาได้ใช้มั้ยครับ?
รู้สึกว่าตอนมัธยมผมเรียน CU Writer นะ แต่เรียนไปก็เท่านั้นจริงๆ และโตมาก็ไม่ได้ใช้อีกเลย
ตอนเรียนคอมพิวเตอร์สมัย ม.1 ผมจำได้ว่าหลักสูตรพยายามอัดเรื่อง DOS มาให้
ทุกวันนี้มีใครยังใช้อยู่บ้างถ้าไม่ใช่พวก Geek
ความคิดดักดานมันก็จะคิดประมาณนี้แหละครับ เรียนแค่เพื่อให้รู้ ไม่คิดถึงความเปลี่ยนแปลง แนวโน้มเทคโนโลยี กว่าที่เด็กจะจบออกมาก็อีก 10 ปี แต่เอาของคร่ำครึมายัดๆ
คนที่เขามีวิสัยทัศน์ก็ไปถ่วงความเจริญเขา
เด็ก ป1. นะครับ ยางลบก้อนนึงบางทียังรักษากันไม่ได้เลย
ที่ผมติเนี่ยไม่ใช่เรื่องเรียน แต่ติที่มันเอา tablet ไปยัดเยียดให้เด็ก ป1. ต่างหาก
ถ้าเอาไปแจกให้เด็กโตขึ้นที่มีวุฒิภาวะในการดูแลรักษาของจะดีกว่าไหมครับ
1.แล้วคุณ Thaina มั่นใจจากอะไรครับว่ายุค Beyond PC จะเป็น tablet
2.ถ้ายุค Beyond PC ไม่ใช่ tablet การแจกให้เด็กๆ ใช้ในวันนี้จะถูกคุณมองว่าเป็นสิ่งไร้ค่าเหมือนกับความรู้ CU Writer ที่คุณเรียนมารึเปล่าครับ?
3.มั่นใจจากตรงไหนครับว่าวิสัยทัศน์ในการแจก tablet นั้นถูกต้อง
4.ถ่วงความเจริญใช้อะไรเป็นตัวชี้วัดครับ คุณถึงได้ชี้ใส่ทุกคนที่ขวางโครงการที่คุณเห็นด้วยว่า "ถ่วงความเจริญ" หรือแค่เพราะเค้าขวางโครงการที่คุณชอบครับ?
5.สิบปีที่แล้วคุณก็เรียนกับ PC ยุคนี้ก็เรียนกับ PC เพียงแต่มันเร็วขึ้นและทำงานได้ซับซ้อนขึ้นเท่านั้น สิ่งที่เก่าลงไปจริงๆ แล้วก็คือซอฟแวร์ แต่วิธีการใช้ PC ก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
5.(ต่อ) ผมถามว่าการใช้ PC เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปใช้ tablet สมควรเรียกว่าคร่ำครึหรือไม่ครับ
7.CU Writer ไม่ได้ให้อะไรคุณเลย? เอามาประยุกต์ใช้กับ MS Word ไม่ได้?
8.ผมตกข้อ 6 ไม่เชื่อกลับไปดูอีกที
ส่วนตัวผมมองว่าการแจก PC หรือ tablet ก็ตามเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะมีเด็กกลุ่มนึงที่ได้ผลประโยชน์จากตรงนี้เต็มๆ ซึ่งก็จะเป็นเด็กกลุ่มเดียวกับเด็กที่ตั้งใจเรียน ตั้งใจหาความรู้อยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ผมมองว่าจะมีเด็กกลุ่มใหญ่กว่าที่ใช้สิ่งที่ได้มาไม่เกิดประโยชน์
ซึ่งการที่ผมบอกว่าเป็นสิ่งที่ดี ต้องแยกออกจาก "การใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ" ถามว่าผมเอาอะไรมาชี้วัด ผมวัดจากผลลัพท์ของมันเทียบกับการลงทุนครับ และผมมองว่าโครงการนี้เป็นการใช้งบประมาณอย่างไร้ประสิทธิภาพครับ
ผมมั่นใจว่าคนที่ไม่ตัดหญ้าที่บ้าน ถ้าได้เครื่องตัดหญ้ามาแล้วยังไงๆ มันก็ไม่ตัดอยู่ดีครับ แต่ถ้าเป็นคนที่ตั้งใจถอนหญ้า ต่อให้ไม่มีเครื่องมือ เค้าก็จะใช้มือถอนหญ้าครับ
ผมยินดีครับ ถ้ารัฐมั่นใจว่าเมื่อแจกเครื่องตัดหญ้า คนที่ได้รับทุกคนจะเอาเครื่องตัดหญ้าไปตัดหญ้าจริงๆ ไม่เอาไปขี่เล่นเป็นหลัก หรือเอาไปถอดเครื่องยนต์มาใส่เครื่องบินเล็ก หรือเอาไปนอนตากปลวกครับ
++++++ ไม่ใช่เรื่องวิสัยทัศน์หรอกครับผมว่าความชื่นชอบอดีตนายกของคุณ thaina มันบังตานะครับ
ก็เป็นไปได้ครับว่า Beyond PC อาจไม่ใช่ Tablet แต่การเถียงด้วยเหตุผลว่า "Before PC ยังไม่มี" ผมว่ามันคือเหตุผลที่ไม่เข้าท่า ถ้าเห็นว่าการใช้ PC ดีกว่าอย่างไรก็ควรจะอธิบายไป ไม่ใช่คิดหลักสูตรแบบใช้แต่ความรู้ความคิดที่ยึดติดกับอดีต
ดูจากแนวโน้มแล้วอะไรควรจะเป็นอนาคตควรจะให้ใช้อันนั้น และถึง Tablet จะตกยุคอีกหลังจากที่เรียนจบแต่ก็ไม่ใช่ว่าตกยุคทันที อย่างน้อยก็จะมีประโยชน์ภายใน 3 ปี 5 ปี ไม่ใช่เรียนเสร็จแล้วก็ตกยุคทันทีแบบ CU Writer
ผมไม่ได้มั่นใจว่าแจก Tablet ดีกว่าแต่ผมมั่นใจว่าการเอาข้ออ้างแบบนี้มาใช้มันข้างๆคูๆ
การที่ผมจะชอบโครงการใดๆ ผมก็ไม่ได้ชอบเพราะเป็นโครงการของใครฝ่ายไหน ผมชอบเพราะผมก็มีเหตุผลอยู่แล้วว่ามันคือโครงการที่ดี โครงการที่ก้าวหน้า โครงการที่จะสร้างความเจริญ ไม่งั้นผมจะไปชอบทำไม?
เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่าใครเอาเหตุผลที่ไม่เข้าท่ามาค้าน ผมก็ต้องเรียกว่ามันคือการถ่วงความเจริญน่ะสิ ถ้ามีเหตุผลที่ค้านได้ว่ามันไม่สร้างความเจริญได้จริง ก็อธิบายมาดีๆ ไม่ใช่พูดสั้นๆเพราะคิดว่ามันเป็น Common Sense
ประเด็นสำคัญของการแจกอุปกรณ์ให้เด็กนักเรียนทุกคนใช้คือมันควรจะพกพาได้และใช้ได้ทุกที่ ถ้าแจก PC เครื่องใหญ่มันก็ขนไปมาไม่ได้ใช่มั้ยครับ? ผมไม่อยากจะนั่งสาธยายแนวคิด OLPC ซ้ำอีกนะครับ เอาเป็นว่ามันคือแนวคิดที่เป็นแพคเกจที่จะคุ้มค่าได้เมื่อมันสามารถตัดค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาเป็นอุปกรณ์พกพาตัวเดียวได้ ไม่งั้นก็จะกลายเป็นของสิ้นเปลืองไป
ผมยอมรับว่าความคิดบางส่วนของคุณมีส่วนถูกจริง(คือส่วนที่ผมไม่ได้เถียง ผมยังต้องกลับไปคิดหาเหตุผลมารองรับว่าทำไมผมถึงไม่เห็นด้วย) แต่ถ้าคิดถึงประเด็นของแพคเกจ OLPC แล้ว การแจก Tablet มันมีโอกาสจะคุ้มค่ามากกว่าในหลายๆด้าน
เรื่องตัดหญ้าเป็นการเปรียบเปรยที่น่าสนใจ แต่การเรียนมันซับซ้อนกว่าการกำจัดหญ้าครับ โดยเฉพาะเมื่อมีความรู้หลายแขนงในโลกนี้ แต่พื้นที่หนึ่งๆมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเรียนอะไรแค่บางอย่างเท่านั้น
ป.ล. เนื่องจากผมนั่งอ่านแล้วพิมพ์เถียงทีละข้อผมถึงไม่ได้ตกหลุมพรางครับขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
อคติล้วนๆละครับหาว่าคนอื่นเขาถ่วงความเจริญ ผมไม่ได้ต่อต้านการแจก Tablet เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่เอาไปแจกเด็ก ป1. ซึ่งในความเห็นผมมันเด็กเกินไป กลัมมาหาว่าผมถ่วงความเจริญ คุณจะอธิบายยังไงครับ
นั่นสิ ผมก็อยากรู้ว่าเจริญยังไง ใช้แท็บเล็ตแปลว่าเจริญ? ไม่น่าใช้
ถ้าใช้ของเดิมๆ แล้วไม่เจริญ ทำไมคุณไธน่าเรียน cu writer มาแล้วไม่โง่ ไม่ตกยุค แถมยังมีความรู้รอบตัวอีก
มันใช่ที่คสามเก่า/ใหม่ หรือครับ?
ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะได้เรียนอะไรที่ดีกว่านั้น เป็นประโยชน์กว่านั้น ไม่ใช่เรียนมาแล้วไม่ได้ใช้ สิ่งที่ผมได้ใช้ส่วนใหญ่มักไม่ได้มาจากการเรียนในวิชาคอมเลย โดยเฉพาะการสอนโปรแกรมที่มันเป็นโปรแกรมเฉพาะยุคสมัย
ที่ผมได้ใช้คือวิชาบางวิชาที่มันไม่มีการตกยุค อย่างการเขียนภาษา C มันคือการศึกษาหลักการของการเขียนโปรแกรมขั้นพื้นฐาน หลักสูตรออกแบบอยู่แล้วว่าไม่ได้เอาไปใช้เป็นจริง แต่เก็บเกี่ยวประโยชน์จากหลักการของมัน
แต่การสอนการใช้โปรแกรมมันไม่ใช่แบบนั้น และผมมองว่าการเลือกอุปกรณ์ในตอนนี้ก็เช่นกัน
ถ้าเราไม่มองที่ความเก่าใหม่ เราจะเอาดอสกับ CU Writer มาสอนให้เด็กใช้ตอนนี้ดีมั้ยครับ ใช้ดอสก็ใช้ได้เหมือนกัน CU Writer ก็พิมพ์รายงานได้ ก็พอแล้ว
การเป็น "ของใหม่" มันก็มีข้อดีของมัน การใช้ของโบราณคร่ำครึมันก็ทำให้ดักดานตามโลกไม่ทัน และประสิทธิภาพก็ไม่คุ้มราคาอีกด้วย การที่ต้องออกนโยบายเพื่ออนาคตในอีกปีสองปี ควรจะสั่งของเก่าตกยุคมาใช้รึเปล่า?
การพูดถึง CU Writer นี่ ผมขออุปมาแบบนี้ละกัน
มีตำราเล่มนึง ตีพิมพ์สองรอบแล้ว รอบที่สองมีการปรับปรุงข้อผิดพลาดของเล่มแรก ตัดส่วนที่ตกยุคแล้วออกไป
คุณควรจะเสียเงินซื้อทั้งสองเล่ม เสียเวลาอ่านเล่มแรกให้จบ แล้วค่อยเสียเวลาอ่านเล่มสองอีกรอบ รึเปล่า? หรือควรจะซื้อเล่มสองเล่มเดียวพอ แล้วนั่งอ่านแค่เล่มเดียว
คือสมัยผมเรียน CU Writer ตอนนั้นจริงๆมี Win95 และ Office ให้ใช้อยู่แล้วครับ แต่ต้องเปิดเครื่องแล้วรีสตาร์ทเพื่อเปิดดอสมาเรียนเพราะเป็นหลักสูตรกำหนดไว้ ตลกดีมั้ยล่ะ
ส่วนที่ถามว่า "การแจกแท็บเล็ทดีอย่างไร"
ก็ลองไปหาอ่านดูเอาเถอะครับ ในบล็อกนอนนี่ก็มีพูดออกบ่อย
แต่ถ้าถามว่า "การแจก Tablet ดีกว่า การแจก Laptop PC อย่างไร"
ถ้าหมายถึง PC แบบ Laptop มันก็น่าคิดเหมือนกัน เพราะมันยังไม่ตกยุคซะทีเดียว และยังพกพาได้เหมือน Tablet
แต่ตรงนี้ผมเห็นว่า Tablet เหมาะมือกับเด็กมากกว่า เพราะมันควบคุมง่าย เข้าใจง่าย ลากไปลากมา และถ้าทำดีๆอาจจะให้ใช้เขียนด้วยปากกาดินสอ วาดรูปได้ในตัว ซึ่ง Laptop มักจะมี Touchpad กับ Keyboard และไม่เน้นการ Touch Screen ทำให้ไม่เหมาะกับเด็ก และต้องใช้ทักษะมากในการใช้งาน
ขณะที่ Tablet นี่แมวยังใช้ได้เลย
"ขณะที่ Tablet นี่แมวยังใช้ได้เลย" ไอ้ที่มันข่วนหน้าจอ iPad อ่ะนะ -_- นับด้วยเรอะนั่น lol
เอาเป็นว่าผมก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดีแหละครับที่จะแจกเด็ก ป.1 ทุกคน แต่ผมไม่ได้คิดว่าไม่ควรแจกเลยนะครับ ผมเองก็เห็นข้อดีของการใช้ระบบ e-learning เหมือนกัน และถ้าผมมีลูก ผมก็อยากให้ลูกผมได้ใช้ด้วยครับ
เอาแค่นี้ละกันครับ เดี๋ยวกินข้าวแต๋นหมดแล้วอาจจะมาต่อ (มั้ง)
ก่อนจะจบจริงๆ ผมขออธิบายแนวคิดเครื่องตัดหญ้าหน่อยนะ พอดีผมเห็นว่าหลายๆ คนบอกว่า เผื่อเด็กจะอยากเอาไว้ค้นคว้านอกเวลา บลาๆๆๆ ผมก็เลยบอกว่า ถ้าเด็กมันรักเรียน มันไม่สนหรอกครับว่าจะมีแท็บเล็ตรึปล่าว
ผมเถียงแค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียวครับ แต่ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยที่เด็กควรมีแท็บเล็ตเพื่อส่งเสริมการศึกษาครับ
การที่ต้องแจก "เด็กทุกคน" ก็เพื่อความเท่าเทียมทางการศึกษาครับ และแนวคิด "กองกลาง" ก็เป็นแนวคิดที่ไม่เข้าท่าจากการใช้จริงมาระยะหนึ่ง แนวคิด OLPC เกิดขึ้นมาก็เพราะแนวคิดกองกลางมันไม่ค่อยจะได้ผลจริงนี่แหละ
แมวเล่นเกม Fruit Slice ด้วยแท็บเล็ทได้นะครับ lol
คุณ PaPaSEK อย่าไปเถียงอะไรกับเขาเลยครับ เอาเหตุผลอะไรมาพูดก็เท่านั้น เขาไม่สนความคิดของคนอื่นอยู่แล้ว
ผมพูดตามตรงว่าผมชอบฟัดกับเค้าครับ ติดเรทนิดนึง เด็กๆ โปรดใช้วิญญาณ ผู้ใหญ่ก็นั่งยาน
ชอบนัวก็บอก :D
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ออกแนวอีรุงตุงนังนิดๆ เหอๆ
ผมเห็นด้วยกับความเห็นคุณ PaPaSEK นะครับ CU Writer ผมก็เคยเรียนตอน ป.5 ต้องบอกเลยว่ามันช่วยยืนพื้นให้ผมใช้ Word มาได้จนทุกวันนี้ และมันไม่ไร้ค่า Dos ก็เช่นกัน
ในสายตาผมๆ ว่าจาก Notebook ดีกว่า Tablet มันไม่ได้เกี่ยวว่าอะไรใหม่กว่าอะไร อะไรตกยุค จริงๆ ก็อยากพูดแต่ท่านอื่นพูดไปหมดแล้ว
ผมอยากให้มองเรื่อง Production จากการใช้ระหว่าง Notebook กับ Tablet ว่าอะไรมันก่อให้เกิดอะไรได้มากกว่ากัน ระหว่างอุปกรณ์ใช้งานและอุปกรณ์เล่นเกมส์ ผมคงไม่อยากให้รัฐแจก Tablet เพื่อเอามาให้แมวข่วนแน่ๆ
มองกันชัดตามข้อเหล่านี้อะไรทำได้ดีกว่ากัน
- พิมพ์งานเอกสารยันสั่งปริ้นท์ (Notebook ดีกว่า)
- เข้าเว็บหาข้อมูล (Notebook ดีกว่าอีกนั้นแหละ)
- เล่นเกมส์ ฟังเพลง (Tablet แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องสนับสนุนให้เด็กเป็น?)
เอาแค่นี้พอ จะซื้อมาให้เด็กใช้หรือผู้ใหญ่ใช้กันแน่ ต้องคิดให้ดี และอะไรส่งเสริมการเรียนรู้ได้มากกว่ากัน
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ผมขอขัดใจนิดนึงครับ
สำหรับผม ผมบอกไม่ได้จริงๆ ว่าอะไรดีกว่า จนกว่าที่รัฐจะบอกว่าไอ้อุปกรณ์ที่จะแจกเนี่ย มีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์อะไร และรัฐฯ คาดหวังอะไรจากมัน
เพราะโนตบุคกับแท็บเล็ตมันก็ดีคนละแบบ แต่วิธีการใช้งานมันต่างกัน
ถ้าเอามาเป็นส่วนเสริมการเรียน เอาไว้อ่านอีบุค บลาๆๆๆ ยังไงๆ ก็คิดคิดว่าแท็บเบล็ตดีกว่า เพราะเปิดปุ๊บติดปั๊บ แต่ถ้าจะเอามาใช้พิมพ์งาน บลาๆ ยังไงๆ โนตบุค (ที่เป็น Windows) ก็เหนือกว่า
เสียดายนะผลิตลูกไม่ทัน ผมควรจะผลิตลูกสักเมื่อ 6 - 7 ปีที่แล้วจะได้ทันเข้า ป.1 ได้รับแจกแท็บเล็ตจากรัฐบาลนี้พอดี ฮ่า ฮ่า
อ่านอีบุคนี้ผมพูดจากใจผมเลยที่เป็นคนเลือกซื้อ Kindle มากกว่าซื้อ iPad
อีกสักกี่ปีครับที่หนังสือเรียนจะกลายเป็นอีบุค อีกกี่ปีครับที่รัฐจะสนับสนุนให้มีอีบุคความรู้ที่เป็นภาษาไทย (อย่านับ wiki ที่แปลด้วยงบหลักล้านนั้น) ส่วนตัวผมขอรัฐแปลชุดสารานุกรมไอ้เล่มปกหนาที่ผมตอนเรียนเคยได้อ่านในห้อง
สมุด ทำเป็นอีบุคได้ก็เป็นบุญแก่เด็กไทยแล้วครับ แต่ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้มีโอกาสอ่าน
ทุกวันนี้ Kindle ผมไม่มีอีบุคภาษาไทยนอกจากหนังสือพิมพ์รายวันที่ผมใช้ Calibre ดึงมาอ่านจากหน้าเว็บ - -*
อาจมีคนแย้งก็ไม่มีคนไทยใช้เครื่องอีบุค เครื่องแท็บเล็ต ตลาดมันก็ไม่เกิด แต่อยากให้มองโครงการหลายโครงการที่ SIPA สนับสนุนครับ คนใช้ไม่ได้เยอะมากเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มวินโดวส์ ยิ่งตอนแรกๆ แล้วใหญ่ แต่ทำไมโครงการถึงเกิด ก็เพราะมีคนสนับสนุนครับ ไม่ได้เกิดเพราะมีคนรอใช้ แต่เกิดเพราะมีคนให้โอกาส มันถึงได้มีคนใช้มากขึ้น
ผมขอกองทุนสนับสนุนหนังสือเรียนให้เป็นอีบุคให้มันเกิดก่อน แล้วเรื่องจาก Tablet ค่อยมาคุยก็ยังไม่สาย
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ตรงข้ามเลยนะ ผมมองว่า Tablet คืออุปกรณ์ที่ Vary กว่าโน้ตบุคมาก
ผมเห็นภาพ คนที่ออกไซต์งาน หรือหมอ จะมีแผ่นรองเขียนจดโน่นนี่ ขนาดใหญ่กว่า iPad นิดหน่อย ติดมือตลอดเวลา
ความเป็นอนาคตมันไม่ใช่แค่ใหม่กว่าโดยไม่มีประโยชน์นะครับ
การที่คุณมองว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้มีประโยชน์แค่เล่นเกมได้ดีนี่ผมไม่ค่อยอยากเชื่อเลยนะ ประเด็นสำคัญของการใช้งานง่าย เลิร์นนิ่งเคิร์ฟต่ำ มันไม่มีอยู่ในสายตาคุณเลย?
เอาละมีเรื่องนึงที่ผมคิดเองเออเองอยู่ ณ เวลานี้
ผมเชื่อว่าแท็บเล็ทเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้เขียนตัวอักษรได้โดยตรง และวาดรูปได้ด้วย
ในขณะที่โน้ตบุคทำได้ยากกว่า การใช้ NoteBook แปลว่าเด็กต้องหัดพิมพ์ดีด
แต่การใช้แท็บเล็ทสามารถลงโปรแกรมคีย์บอร์ดแบบไหนก็ได้ อาจจะไม่ใช่โปรแกรมคีย์บอร์ด ฟหกด แต่เป็นโปรแกรมคีย์บอร์ดที่เหมาะกับเด็กมากกว่า อย่างเช่นโปรแกรมคีย์บอร์ดแบบ กขคง
จริงๆแล้วผมฝันว่าน่าจะมีโปรแกรมแปลงลายมือด้วยซ้ำ เด็กก็เขียนลงไปตรงๆเลย เหมือนเขียนกระดาษ
ดังนั้นการที่จะให้ Tablet มาเป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียว แทนสมุด ดินสอ กระดาษ สีเทียน จึงน่าจะง่ายว่า ประหยัดกว่า ในการแจกอุปกรณ์ชิ้นเดียวครับ
ลืมอะไรไปหรือปล่าวครับ ของพวกนี้มีค่าเสื่อมสภาพ และค่าใช้จ่ายที่แท้จริง มันน่าจะหนักไอ่ตรงค่าเสื่อมสภาพนี้แหละครับ
ในขณะที่โรงเรียนหลายๆโรงเรียนในชนบทเด็กยังมีหนังสือเรียนกันไม่ครบ มีคอมใช้ไม่กี่เครื่อง อุปกรณ์การศึกษาหรือแม้กระทั้งโรงเรียนยังมีไม่เพียงพอ แต่เด็กในเมืองกำลังจะได้ใช้ tablet ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของคนชนบทกับคนในเมืองมีแต่จะยิ่งห่างเอาๆ และสุดท้าบความห่างของการศึกษามันก็นำพาให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การศึกษาไทยมันมีสิ่งสำคัญที่ต้องได้รับการพัฒนาก่อนอีกเยอะนะผมว่า
นั่นเขาก็คิดไว้แล้วไงครับ เขาถึงได้เน้นว่า ถ้าจะซื้อให้คุ้ม ต้องให้มันใช้งานแทนทุกอย่างได้ในตัวเดียว
ถ้าแจกตัวนี้ไปแล้วยังต้องคอยซื้อดินสอ ดินสอสี กระดาษ สมุด หนังสือ ก็คือการใช้ไม่คุ้มค่า
แล้วคุณบ่นอะไรครับ? ในเมื่อที่เขาจะแจก Tablet คือเป็นนโยบายที่จะแจกให้เด็กทั่วประเทศ (ถึงแม้ช่วงแรกๆจะแจกในเด็กเมืองก่อนก็ตามที) ก็เพื่อที่จะตัดปัญหาเรื่องเด็กชนบทขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนนี่แหละ
แจกเครื่องนี้เครื่องเดียว ไม่ต้องคอยขนหนังสือสมุดไปกองไว้ที่บนเขาบนดอย แค่ทำให้น้ำไฟอินเตอร์เน็ตเข้าถึงก็พอ
ก็เหมือนโรงเรียนที่เป็นทีวีดาวเทียมนั่นแหละ
ผมคิดต่างกับคุณมากเลย เรื่อง CU Writer กับ Dos เนี่ย
โปรแกรมพวกนี้มันคือเทคโนโลยี ณ ตอนนั้นครับ ไม่ผิดที่เค้าเอามาสอน แล้วมันก็ใช้ได้จริงๆ ณ ช่วงเวลานั้น
เพราะสมัยผมเรียน มีนวินโดว์ 3.11 ให้ใช้ แต่ก่อนเข้าวินโดว์ได้ก็ต้องรู้คำสั่งดอสก่อน แล้วคำสั่งดอสที่ว่าเนี่ย ทุกวันนี้ถึงมันจะไม่ค่อยได้ใช้ แต่ผมถือว่ามันเป็นพื้นฐานอย่างนึง สำหรับยุคนั้นครับ
แล้วถ้าแนวโน้มที่คุณว่ามันผิดล่ะ ทำไงครับ?
ใครจะมีวิสัยทัศน์มองไกลได้เป็นสิบๆปี ผมว่า 5 ปีก็หรูแล้วนะ
วันนี้เราใช้วินโดว์ 7 กัน อีกสิบปีเราไม่ได้ใช้ 7 กันอยู่แน่ๆ นอกจากพวก Greek ...???
อีกสิบปีข้างหน้าเราอาจใช้ quantum computer ก็ได้ ใครจะรู้ :)
+1
โทษทีครับ ผมว่าผมคงจะอ่อนกว่าคุณ เพราะ CU Writer มันไม่ใช่ "เทคโนโลยีตอนนั้น" แล้ว
ก็ว่าอธิบายไปแล้วนะว่า "ตอนนั้น" ของผม คือมี 95 กับ Office ใช้ แล้วยังต้องรีสตาร์ทเครื่องเพื่อเปิดดอส
ทุกวันนี้ผมก็ยังเปิดดอส แต่เพราะผมเป็นกีค ผมทำงานด้านนี้ มันถึงเผอิญได้ใช้ แต่สำหรับอีกหลายๆคนล่ะ?
ไม่ต้องเอาถึง 5 ปีหรอกครับเอาแค่ให้หลักสูตร ณ ปัจจุบันก็เกินพอแล้ว ไม่ใช่เอาหลักสูตรดักดานมายัดๆเพราะเห็นว่าก็ยังมีคนใช้อยู่บ้าง
ขอโทษครับ พอดีอันนั้นยังไมไ่ด้เลื่อนมาอ่านอะครับ เห็นคอมเมนท์บนก็ reply เลย :)
สรุปปัญหาคือหลักสูตรล้าสมัย แบบนั้นคงไม่เกี่ยวกับจะแจก Tablet หรือ Notebook ดี ไปๆมาๆก็คงเป็นปัญหาด้านนโยบายการศึกษาบ้านเราแหละครับ
ป.ล. ยุค Win 95 ยังไงผมก็เห็นว่าจำเป็นต้องเรียนดอสอยู่ดีนะครับ แต่เอาแบบพื้นๆพอ ไม่ต้องลงลึกมาก เวลาคอมพังจะได้ซ่อมกันเองได้บ้าง :)
แล้วคิดว่าเราลงทุนไปกับ school net เท่าไรแล้วครับ แล้วไม่ได้ใช้งานมันให้เกิดประโยชน์ ถ้าเราคิดว่าจะแจก ก็ไม่ได้แจกวันนี้ซะหน่อยนี่ครับ แต่นั่นหมายถึงการเตรียมความพร้อม เมื่อพร้อมก็แจก ก็แค่นั้น แต่อยู่ที่ว่าเมื่อไร ถึงจะเรียกว่าพร้อม อันนี้ผมไม่สามารถตอบได้ แต่ที่แน่ๆ ทำให้วิทยาศาสตร์ก้าวไปข้างหน้ารวดเร็วแน่ครับ ผมชอบวิทยาศาสตร์ ชอบนักฟิสิกส์ แม้จะได้ยินแค่ชื่อเสียงเขา ถ้ามีวิธีัให้ติดตามข้อมูลข่าวสาร ทำไมจะไม่ทำ ทุกคนมี Heros ในดวงใจครับ อยากเป็น อยากโต อยากทำอะไร และข่าวสาร ข้อมูลจะเป็นตัวสนับสนุนให้เขาก้าวไป
บางคนฝันอยากเป็นนักบิน ก็อาจหาข้อมูลเครื่องบิน ประวัติการบิน และอะไรต่อมิอะไร ก็เป็นการพัฒนาคนในทางหนึ่ง
ไม่เข้าใจว่าแทนที่จะแจก tablet ทำไมไม่ไปทำห้องคอมให้โรงเรียนก่อน
ทำเหมือนห้องสมุดให้เด็กมาเล่นมาใช้นอกเวลาเรียนได้
แต่อย่างว่า นโยบายมันขายไม่ได้
เจ้าพ่อประชานิยมแบบเพื่อไทยก็ต้องแจก tablet ให้มันอินเทรน
แนวคิด OLPC ที่ตอนนี้ต่อยอดมาเป็น OTPC ของเพื่อไทยมีมานานแล้วครับ และมีให้เหตุผลกันอยู่แล้วว่าทำไมการ "ให้เด็กได้มีอุปกรณ์เป็นของตัวเอง" ดีกว่า "การมีกองอุปกรณ์เป็นส่วนกลาง"
มีคนถกกันตั้งแต่ยังไม่ได้เลือกตั้ง ช่วยไปนั่งหาอ่านดูก่อนจะมาพูดวนเวียนซ้ำๆซากๆแบบนี้เถอะครับ
โทษนะ ผมรู้ว่าเคยถกกันมาก่อนแล้ว แล้ว ผมไม่เห็นด้วย ทำไมผมจะยืนยันว่าผมไม่เห็นด้วยไม่ได้
คนไม่เห็นด้วยไม่ได้แปลว่าไม่ได้รับ information เรื่องนี้มาก่อน ไม่ใช่ว่าถ้าเคยรู้ information มาแล้วต้องเห็นด้วยแน่ๆ
อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
ถ้ารู้ Information เรื่องนี้มาก่อนแล้วจะไม่พูดซ้ำซากแบบนี้ครับ แต่จะหาเหตุผลที่ดีกว่าเดิมมาอธิบายได้ว่าเหตุผลของ Information เรื่องนี้ มันไม่ถูกต้องอย่างไร
การที่พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ ทั้งที่ไม่มีเหตุผลที่ดีกว่า แค่คิดแต่ว่าจะพูดด่าฝ่ายนึงให้ได้ ต้องหาทางจิกกัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง แม้จะต้องใช้คำซ้ำซาก การกระทำเช่นนี้ควรจะเรียกว่า?
อย่างน้อยถ้ารู้ Information เรื่องนี้มาก่อนแล้ว จะรู้ว่าเขามีเหตุผลรองรับอยู่แล้วในวงกว้าง ไม่ใช่สักแต่จะประชานิยมอย่างที่พูดพล่อยๆ ออกมาแบบนี้
ปกติ ถ้าผมเห็นคนที่เขาไม่เห็นด้วยกับอะไรบางอย่าง แล้วไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาแย้ง เขาจะหุบปากครับ อย่างมากคือจะพูดแค่ว่า "ผมไม่เห็นด้วย" บางคนถึงกับพูดประมาณว่า "ส่วนตัวแล้วผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ แต่เป็นแค่ความรู้สึก"
จะไม่หาเรื่องมาสาดโคลนชาวบ้าน ด้วยคำเดิมๆซ้ำๆซากๆ ที่ไม่มีทฤษฎีรองรับแบบนี้ครับ
edit : ขอพูดอีกหน่อย
คุณพูดออกมาเองว่า "ไม่เข้าใจ" นั่นแปลว่าจริงๆคุณไม่ได้ "เข้าใจ" ว่าคนอื่นเขามีเหตุผลอะไร แต่คุณกลับมาอีกทีก็พูดว่า "คุณรู้แล้ว" ก็แปลว่าคุณรู้แต่ไม่ได้ทำความเข้าใจกับมัน
ถ้าคุณ "ไม่รู้" ยังจะนับได้ว่า อีกฝ่ายยังไม่ได้บอก หรือไม่มีเหตุผล
แต่ในขณะที่อีกฝ่ายมีเหตุผล บอกไปแล้ว คุณรู้แล้ว แต่ คุณ "ไม่เข้าใจ" มัน ทั้งที่ไม่เข้าใจในสิ่งนั้น ก็ยังจะมาพูดสาดโคลนใส่คนอื่นอย่างงั้นสิ?
ไม่รู้ว่าไม่เข้าใจจริงหรือทำเป็นไม่ยอมเข้าใจนะแบบนี้ แต่ผมคิดว่าปกติเขาจะเรียกการกระทำนี้ว่า "สักแต่จะด่าให้ได้" นะครับ
มีคนพูดเรื่องนี้ไปหลายรอบมากแล้วครับ
อีกอย่างผมสะดุดกับคำว่า "นอกเวลาเรียน" มากเลยครับ
ถ้านอกเวลาเรียน จะเอาเวลาไหนไปใช้ ไปเล่นล่ะนี่ :)
+100 เห็นด้วยเลยครับ ซื้อไว้เป็นของส่วนกลางน่าจะได้ประโยชน์ + ไม่เปลืองงบ ดีกว่า
เขียนนโยบายเอามัน เอาไว้หาเสียงนะครับ มีปัญหาค่อยมาตามแก้ ผมว่ามีปัญหามากกว่าประโยชน์
- แจกให้ Tablet ให้เด็ก ป1. ยางลบก้อนเดียวมันยังรักษากันไม่ค่อยได้เลย ถ้าเสียขึ้นมาแล้วไงต่อ
- มานั่งดูจอ Tablet แทนหนังสือ อีกหน่อยนักเรียนคงตาถั่วกันเป็นแถว
- มีใครคิดถึงเรื่อง battery ไหมครับ Tablet กากๆ จะใช้ได้กี่ชั่วโมง ใครจะจ่ายค่าไฟที่เพิ่มครับถ้าแบตหมดแล้วต้องชาร์ทไฟที่โรงเรียน ปลั๊กไฟสำหรับชาร์ทแบทมีทั่วถึงหรือปล่าว
- เนื้อหาสำหรับ Tablet มีการดำเนินการขนาดไหนแล้ว
- จะโหลดเนื้อหาลง Tablet แต่ละเครื่องอย่างไร
- ค่าใช้จ่าย internet ที่เกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ
วันก่อนดูเรื่องเล่าเช้านี้ มี สส. เพื่อไทย คนนึงอ้างว่านโยบาย tablet เนี่ยยังขาดรายละเอียดอีกมากมายครับ ยังไม่รู้เลยว่าจะแจกโรงเรียนไหนมั่ง ให้ใครผลิตเครื่อง ใครทำ content ใคร... ฯลฯ พออีกวันรัฐมนตรีมาให้สัมภาษณ์บอกว่ามันเป็นแนวนโยบายที่ยังต้องศึกษาข้อมูลกันอีก พออีกวันมีมาให้ข่าวอีกล่ะ บอกว่าจะให้มหาวิทยาลัยของรัฐคุมเนื้อหาใน tablet สำหรับแต่ละพื้นที่
เสพข่าวมากๆ ผมงง แต่พอสรุปได้คร่าวๆ ได้ว่า สส. เพื่อไทยยังไม่เข้าใจนโยบายที่เอาไปหาเสียงอย่างถ่องแท้เลย รู้แต่ว่าเอาไปหาเสียงได้ พอได้เป็นรัฐบาลก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ผมสงสัยหน่อยเดียว
- ถ้าให้มหาวิทยาลัยของรัฐคุม content ของแต่ละโรงเรียนที่ตัวเองรับผิดชอบ เรียกว่าพื้นที่ใครพื้นที่มัน แบบนี้แต่ละพื้นที่ก็จะได้รับ content ไม่เหมือนกัน ถูกต้อง?
- ถ้า content ของแต่ละโรงเรียนไม่เหมือนกัน แล้วมันจะเกิดประสิทธิผลเท่าเทียมกันหรือ??
- แล้วในจังหวัดที่ไม่มีมหาวิทยาลัยตั้งจะให้ใครคุมเนื้อหา?
ตอนนี้ผมว่า ผมห่วงเรื่องเนื้อหาที่จะเอามาใส่ tablet ยิ่งกว่าปัญหาเรื่องจะแจกอะไรซะอีก ยังไงรัฐบาลนี้เค้าพร้อมจะกู้อยู่แล้ว นี่เพิ่งเริ่มต้นก็จะกู้เงิน 3 พันล้าน มาจ่ายเงินเดือนลูกจ้างรัฐให้ครบ 300บาท ยังไม่รุ้เลยว่าจะต้องกู้มันทุกเดือน เดือนละ 3พันล้านหรือเปล่า
ห้องคอมมันมีทุกโรงเรียนอยู่แล้วครับ รบ.จัดงบให้ไปตั้งเกือบสิบปีแล้ว internet ก็เข้าถึงทุกโรงเรียนนานแล้ว หลายโรงเรียนมี WIFI ให้เล่นด้วยซ้ำ อ้อไม่ใช่อืดๆด้วยนะเนท 10-20Mbps กันทั้งนั้น นี่ปีล่าสุดได้ข่าวว่ามีงบทำ FTTH ถึงทุกโรงเรียนหลักในแต่ละจังหวัดหรืออ.ใหญ่ๆ เล่น 1Gbps ไปเลย ทำ metrolan ไว้แชร์ข้อมูลระหว่างโรงเรียนได้อีก
แต่ห้องคอมมันใช้ตลอดเวลาไม่ได้ จะใช้ก็ต้องคาบเรียนวิชาเกี่ยวกับคอม หรือเวลาว่าง
แต่้ถ้าแจก NB/tablet ให้ใช้ระหว่างเรียนทุกวิชาได้ มันเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษามากกว่าเดิมครับ สมัยผมมีเพื่อนแค่คนเดียวเอา NB เข้าห้อง lecture (ตอนนั้นถูกสุดตัวละ 5หมื่นบาท ในยุคทองบาทละ5-7พัน) แต่ยุคนี้มีกันทุกคนง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องจำกัดเฉพาะเด็กวัยสูงๆหรอกครับ มันใช้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ได้ทุกวัยนั่นแหละ
ส่วนใครๆที่ยังดูถูกเด็กป.1 จะบอกให้ว่าเด็กป.1 ยุคเทคโนโลยีเข้าถึง มันไม่เหมือนสมัยเราๆท่านๆอีกแล้วนะครับ หลานผมเพิ่งเข้าอนุบาล แต่เล่นคอมเป็นหมดแล้ว เปิดคอมได้ เข้า google กดปุ่ม search หาเกมเล่นเองเป็นทั้งๆที่ยังอ่านหนังสือไม่ออก สอนคนอื่นให้เล่นเกมได้ด้วยนะ ทักษะไหวพริบเรียกได้ว่าโตเกินเด็กทั่วไปมากๆ เพราะแม่เขาสอนตลอดอธิบายตลอด ไม่ปิดกั้นแต่จำกัดเวลาไม่ให้เล่นมากเกินไปจนขาดการพัฒนาทางอื่น
หรือจะเด็กคนอื่ืนๆ ตัวเล็กๆเดี๋ยวนี้เห็นเล่น ipad ตามห้างหรูๆกันเต็ม เด็กเรียนรู้ไวครับ ถ้าใช้เทคโนโลยีให้ถูกทาง ก็จะไปไวมากๆ
เห็นบางท่านตอบเหมือนไม่เคยเข้าไปดูว่าโรงเรียนสมัยนี้เขาพัฒนาถึงไหนแล้ว เด็กยุคใหม่ต่างกับยุคโบราณเยอะครับ
ประเด็นไม่ใช่จะเด็ก ป1. จะไช้เทคโนโลยีอย่างไรลูกชายผมเรียนอนุบาล 1 อยู่มันก็เล่นเป็นแล้วอันนี้ทราบ
แต่การ Tablet ไปให้เด็ก ป1. ใช้เนี่ยผมว่ามันยังเร็วไปมันเกินความจำเป็นครับ
เด็กๆยังต้องการเรียนรู้จากสัมผัสจริงๆ เรียนรู้การค้นหา การรอคอย การแก้ปัญหาด้วยทักษะแบบมนุษย์
ไม่ใช่เอะอะก็เข้า google แก้ปัญหาก่อน ที่จะใช้วิธีคิดของตัวเองเพื่อแก้ปัญหาด้วยซ้ำไป
สิ่งที่ก้าวกระโดดแบบข้ามขั้นตอนด้วยกระบวนการนี้ไปนั้น บางทีมันอาจทำลายพัฒนาการของเด็กในอีกหลายด้านโดยที่เราไม่ทันรู้ตัวก็ได้
ในตปท.เขาก็ให้เด็กเล็กๆเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้ตั้งแต่เล็กๆกันหมดแล้วนะครับ แต่จำกัดในเรื่องของ application ที่เหมาะสมกับการพัฒนาการเรียนรู้ของแต่ละวัย ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครอง และสถาบันการศึกษาที่จะต้องเข้ามาดูแลกันตรงนี้
โอกาสในการเรียนรู้
โอกาสในการใช้เครื่องมือค้นหาที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด
คุณและผมพอจะมีเงิน provide ให้ลูกหลานตัวเอง แต่ลุกหลานคนอื่นที่ไม่มีเงินล่ะ ทำมรัฐจะเข้ามาสนับสนุนตรงนี้บ้างไม่ได้?
ทำไมคุณบอกว่ามันอาจทำลายพัฒนาการของเด็กคนอื่น แต่คุณไม่กลัวมันทำลายพัฒนาการของลูกคุณ?
คุณสอนลูกคุณได้ ผมสอนหลานผมได้ แล้วคุณจะไปจำกัดสิทธิ์เด็กคนอื่นทำไมล่ะครับ?
ประเด็นผมที่ผมอ้างถึงเป็น Tablet นะครับไม่ไช่ PC เพราะลักษณะการใช้ Tablet ที่มันพกได้กับ PC ตั้งโต๊ะมันต่างกัน ผมไม่ได้ห้ามการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ ของเด็กๆ แนะนำให้คุณกลับไปอ่านข้อความของผมนั้นอีกทีแล้วค่อยๆทำความเข้าใจใหม่จะได้คิดเหมือนคนไม่ใช่หุ่นยนต์
เด็กๆ ควรใช้โอกาสในการเรียนรู้ด้วยการเข้าสังคมเรียนรู้การอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ เล่นสนุกกับดินกับแดด มากกว่าจะเรียนรู้กับ Tablet
โอกาสในการใช้เครื่องมือค้นหาที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด
การแก้ปัญหาหรือหาคำตอบโดยใช้เครื่องมือค้นหาช่วยโดยไม่ผ่านกระบวนการทางความคิดเพื่อแก้ปัญหาของตนเองก่อน
คุณคิดว่าเด็กพวกนี้จะแก้ปัญหาอะไรได้บ้างถ้าไม่มี Google
ผมไม่ได้ค้านไปหมดทุกเรื่องหรอกครับเพียงแต่เห็นว่าการเอา Tablet มาให้เด็ก ป1. ใช้เนี่ยมันเร็วไปหน่อย
แต่จะเป็นประโยชน์กว่าถ้าให้เด็ก มัธยมได้ใช้ Tablet
โดยหลักการคือเขาจะให้ใช้ Tablet (หรือ Laptop ก็ตามแต่) แทนอุปกรณ์การเรียนประเภทอื่นๆทั้งหมดครับ ทั้งสมุด หนังสือ ปากกา ดินสอ กระเป๋า กระดาษ ห้องสมุด และห้องคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะตัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปพร้อมกันทีเดียว ไม่งั้นมันก็ไม่คุ้ม
ลองไปศึกษาดูนะครับว่าแนวคิด OLPC มีมาหลายปีแล้ว ที่เขาอุตส่าห์คิด OLPC ออกมานี่ ก็เพราะว่าการ "แจกคอมพิวเตอร์เป็นกองกลางให้โรงเรียน" มันไร้ประสิทธิภาพ
ส่วนการที่เด็กๆ จะไม่ทำอย่างอื่นนอกจากเล่นไอ้ตัวนี้ก็อยู่ที่เราจะควบคุมไม่ให้เด็กลงเกมไว้เล่นได้รึเปล่า แต่มันต้องมีอยู่แล้ว เด็กที่ต่อให้ไม่มีเกมก็จะเล่นมัน อาจจะอ่านหนังสือ ดูโน่นนี่ หรือไม่ก็วาดรูปเล่น
แต่ไหนแต่ไรเด็กประถมก็มีทั้งเด็กที่ออกไปเตะบอลและเด็กที่ไปหาอะไรอ่านในห้องสมุด ตั้งแต่เด็กผมไม่ได้เล่นกีฬาหรือเล่นกับเพื่อน ส่วนใหญ่จะเข้าห้องสมุด อ่านการ์ตูนสารคดี อย่างชีวประวัติบุคคลสำคัญ ตอนนั้นจำแม่น มีพระพุทธเจ้า ในหลวง เอดิสัน ไอน์สไตน์ มารีคูรี ปรีดีพนมยงค์ ระหว่างที่เพื่อนไปดีดลูกแก้ว ทั้งโรงเรียนมีคนเข้าห้องสมุดแค่ 10 กว่าคน
คุณคิดว่าการแจก Tablet พวกนี้จะมีการล็อคเครื่องอะไรบ้างรึเปล่าล่ะ? ก็ไปคุยกับกูเกิลว่าจะทำแท็บเล็ทเพื่อการศึกษา จะต้องล็อคอะไรในแอนดรอยด์บ้างดี
ผมว่าเด็ก ป.1 ไม่ได้ Geek ขนาดอยากรู้อะไรก็ไปหากูเกิลหรอก ขนาดคนปกติยังไม่ทำเลย มีแต่ Geek น่ะที่ทำบ่อย พวกคนปกติน่ะจะมาถาม Geek
ถ้าจะให้เด็ก ป1. ใช้มันก็ผิดตั้งแต่หลักการแล้วครับ สมุด ดินสอ ดินสอสี ยางลบ ยังจำเป็นสำหรับเด็กวัยนี้อยู่มาก
เด็กๆควรจะอยู่กับเหงื่อมากว่า Tablet ครับ ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน ได้รับฟังความคิดความรู้สึกของคนอื่น ไม่ใช่เวลาว่างก็โดดเดี่ยวแยกกันไปนั่งเล่น Tablet แทน อนาคตเด็กจะโตขึ้นเป็นคน IQ สูงแต่ EQ ต่ำแน่นอน คนอย่างนี้ไม่ค่อยมีใครคบหรอกครับ
ประเด็นหลักๆผมไม่ได้ต่อต้านการแจก Tablet นะครับแค่เห็นว่ามันข้อดีน้อยกว่าข้อเสียมากถ้าใช้กับเด็กวัยนี้แต่จะมีประโยชน์มากถ้าเอาไปใช้กับเด็กที่โตกว่านี้
ปล. ผมอยากเห็นเด็กประถมอ่านการ์ตูนมากกว่า ประวัติปรีดี, มารีคูรี, เอดิสัน ครับ ไร้จินตการสิ้นดี
การที่คุณคิดว่า "สมุด ดินสอ ดินสอสี ยางลบ ยังจำเป็นสำหรับเด็กวัยนี้อยู่มาก" นี่มีหลักการอะไรรองรับครับ?
ถ้าเปลี่ยนให้มันเป็น Tablet ตัวเดียวมันจะต่างกันแค่ไหน?
การที่ต้องไปออกเหงื่อเล่นกีฬาคลุกดินทรายก็ไม่เกี่ยวกับ "สมุด ดินสอ ดินสอสี ยางลบ" เลยแม้แต่นิดเดียว คุณคิดอะไรของคุณ? มีแท็บเล็ทไว้แล้วคิดว่าเด็กจะไม่ไปเตะบอลเหรอ?
ตั้งแต่สมัยไหนๆ ก็มีเด็กที่ไปเล่นกัฬา และเด็กที่ออกมาหลบอยู่เงียบๆในห้องสมุดทั้งนั้น คุณเพ้อฝันอะไรอยู่?
แล้วที่พูดนี่แสดงว่าคุณไม่เคยอ่านการ์ตูนชีวประวัติ ทั้งสนุกทั้งได้ความรู้มากครับ
คุณนี่โลกแคบมากเลยนะ การ์ตูนประวัติพระพุทธเจ้าดูแล้วซาบซึ้งดี ประวัติการต่อสู้ของท่านปรีดีก็เท่อย่าบอกใคร ต้องไปคุยกับคนนั้นคนนี้ อดทน กว่าจะปฏิวัติ แล้วยังต้องผ่านมรสุมชีวิต
การ์ตูนเรื่อง Buddha ของ อ.เท็ตสึกะ โอซามุ มีคนอ่านทั่วโลกครับ
นอกจากนั้นก็มีการ์ตูนดีๆในห้องสมุดผมเยอะเลย ที่ผมชอบที่สุดคือแนววิทยาศาสตร์ สิ่งประดิษฐ์ สารคดีชีวิตสัตว์ บางทีอ่านสนุกกว่าดราก้อนบอลอีก
คุณคิดว่าการหัดเขียนหนังสือบน Tablet จะดีกว่าการจับดินสอจริงๆเขียนบนกระดาษหรือปล่าวครับ
คุณระบายสีหนักเบาแรเงา ระบายสีน้ำ บน Tablet จะดีกว่าการจับภู่กันระบายสีบนกระดาษจริงๆหรือปล่าว
มันเป็นการฝึกการใช้ทักษะแบบมนุษย์ครับ Tablet ตอบสนองตรงนี้ไม่ได้ การที่คุณจะยกเลิกสิ่งที่มีมาทั้งหมดแล้วเปลี่ยนเป็น Tablet มายัดเยียดให้เด็กคุณคิดว่าถูกต้องหรือปล่าว
ถ้าคุณกลับไปอ่านทบทวนข้อความของผมคุณน่าจะเข้าใจได้ครับ ว่าผมไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับการใช้ Tablet เป็นสื่อการเรียนการสอน เพียงแต่เห็นว่าน่าจะให้เด็กที่โตกว่า ป1. จะเป็นประโยชน์กว่าไหมครับ
ผมกลัวเด็กๆจะจดจ่ออยู่กับ tablet จนลืมสิ่งรอบตัวคนรอบข้างไปครับ โตขึ้นจะกลายเป็นคนแปลกแยก เห็นแก่ตัว ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่นอย่างคุณนะครับ
คุณมั่นใจว่าโลกของผมกว้างกว่าของคุณครับ เพราะผมรับฟังความคิดของคนรอบข้างมาตลอด
ไม่เคยไปด่าใครว่าถ่วงความเจริญเพราะแค่คิดไม่เหมือนกัน คุณก็น่าจะโตได้แล้วนะ
+1 เรื่องการเขียนบนกระดาษยังจำเป็นอยู่ อย่างน้อยเวลาโตขึ้นต้องไปทำงานก็ต้องเขียนนั่นโน่นนี่อยู่แล้ว
นอกจากเรื่องของความจำเป็นในชีวิตประจำวันแล้ว ยังมีเรื่องของพัฒนาการด้วย การดูด้วยตา ฟังด้วยหู เขียนด้วยมือ คิดด้วยสมอง มันเป็นความสัมพันธ์ต่อกัน ส่งผลต่อพัฒนาการทั้งการเรียนรู้ การจดจำ และอื่นๆ อีกมากมาย
ผมไม่รู้หรอกว่าการหัดเขียนหนังสือบน Tablet จะดีกว่าการจับดินสอจริงๆเขียนบนกระดาษหรือเปล่า แต่ที่ผมรู้คือ Tablet ตัวหนึ่งสามารถตัดค่าใช้จ่ายในการจัดหาดินสอและกระดาษและทรัพยากรอื่นๆ ไปในเวลาเดียวกันได้
ในบางเวลาเราก็ต้องยอมรับสิ่งทดแทนครับ ในขณะที่มันยุ่งยากในการจัดหาอุปกรณ์หลายๆชิ้น คอยป้อนไปยังโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศที่ขาดแคลนอย่างสม่ำเสมอ การโยนอุปกรณ์อีเล็คโทรนิกส์หนึ่งชิ้น แล้วจัดทำไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต ให้ทั่วถึงเป็น Infrastructure มันง่ายดายสำหรับการบริหารจัดการของรัฐบาลมากกว่า
ผมก็พูดบ่อยแล้วนะ พูดอีกทีละกัน คุณลองหัดไปหาข้อมูลบ้างเถอะว่าเรื่องนี้เขาถกกันมานานแล้วว่าทำไมมันถึงมีข้อดี สิ่งที่คุณเถียงออกมาแต่ละคำมันเกิดจากการที่คุณไม่เข้าใจในหลักการของเรื่องนี้เลย เอาแต่ใช้โลกทัศน์เดิมๆ มองข้ามปัญหาที่มีอยู่จริง
สิ่งที่ผมเห็นชัดว่าคุณโลกแคบกว่าผมคือคุณไม่รู้จักไม่เข้าใจสิ่งที่ผมชี้ให้เห็นเลยซักอย่าง
บางทีคนที่อยู่รอบตัวคุณ คุณรับฟัง อาจจะมีแต่คนประเภทเดียวกัน คิดเหมือนกัน มีแต่อะไรเดิมๆเหมือนๆกัน ไม่ได้ช่วยทำให้คุณรู้อะไรเพิ่มขึ้นเลย สิ่งที่คุณพูดผมมองภาพออกทั้งนั้น มีแต่มายาอคติที่คุณสร้างขึ้นเอง กลัวไปเอง เพ้อไปเอง
และผมไม่เห็นคุณคิดทำความเข้าใจเลยว่าสิ่งที่ผมพูดมันคืออะไร
เด็กอ่านการ์ตูนชีวประวัติบุคคลสำคัญ == ไร้จินตนาการ
ตรรกะนี้มันแสดงถึงความกว้างของโลกทัศน์คุณจนเกินพอเลยล่ะ
ผมขอร้องคุณ Thaina คุณ xpress คุณ nidku53 และท่านอื่นๆที่สนใจให้หยุดเพียงเท่านี้เถิดครับ เพราะประเด็นหลักๆและเหตุผลของแต่ละท่านน่าจะพูดกันหมดแล้ว ที่เหลือน่าจะเป็นข้อโต้แย้งต่างๆ ซึ่งผมมองว่ายังไม่ควรมาด่วนสรุป ณ ตอนนี้ ถ้าถกกันต่อไปรังแต่จะเสียสุขภาพจิต และบาดหมางกันเปล่าๆ เพราะแนวคิดของแต่ละท่านนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่มีใครผิดใครถูกหรอกครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมไม่รู้หรอกว่าการหัดเขียนหนังสือบน Tablet จะดีกว่าการจับดินสอจริงๆเขียนบนกระดาษหรือเปล่า
นั่นแหละที่คุณไม่รู้ แต่ผมรู้
แต่ที่คุณรู้ก็ไม่ถูกทั้งหมด แถมดันทุรังที่จะเถียง ไอ้ที่บอกว่ามองข้ามปัญหาก็เกรงจะไม่ใช่เพราะผมเป็นคนที่อยู่ในปัญหาจริงๆซะด้วยซ้ำ อุปกรณ์การเรียนตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกครับแจกครั้งเดียวตอนเปิดเทอม ปากกาดินสอหมดก็หาซื้อได้ไม่ยาก
Tablet ก็ต้องจัดหามาเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ ต้องหาแจกกันทุกปีแถมมีเสียมีซ่อมอีก
ปลักไฟสำหรับชาร์ทแบตที่โรงเรียนต้องหาเพิ่ม+ค่าไฟ+ค่า Internet ฯลฯ ปัญหามันไม่ใช่แค่แจกแล้วจบเหมือนก่อนแล้ว
***ผมไม่ได้คัดค้านการแจก Tablet แต่ผมให้ความเห็นว่ามันเหมาะสมหรือปล่าวที่จะไปแจกให้เด็ก ป1. ****
กรุณาอ่านแล้วทำความเข้าใจด้วยครับ
ไอ้ที่ไม่รู้ทั้งหมด ไม่รู้จริง น่าจะเป็นคุณมากกว่า ไอ้คำว่าหาไม่ยากของคุณมันเฉพาะเขตเมืองใช่รึเปล่า และการที่ต้องซื้อมันก็เป็นภาระผู้ปกครองไม่ใช่รึไง
ผมไม่รู้หรอกว่าการหัดเขียนหนังสือบน Tablet จะดีกว่าการจับดินสอจริงๆเขียนบนกระดาษหรือเปล่า มันอาจจะดีกว่า หรืออาจจะด้อยกว่า
แต่ผมไม่ได้สนใจอยู่แล้ว เพราะถ้ามันพอแทนกันได้ นั่นก็พอแล้ว เพราะบางโรงเรียน เดี๋ยวก็ขาดแคลนกระดาษ เดี๋ยวก็ขาดดินสอปากกา พ่อแม่เด็กต้องซื้อเอาเองอีกต่างหาก ในขณะที่รัฐจะไปนั่งแจกกระดาษ คอยขนส่ง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน
แต่การพัฒนาน้ำไฟให้เขาถึง สำหรับรัฐบาลมันง่ายกว่า และเป็นประโยชน์มากกว่าด้วย
บางที่อาจไม่มีกระดาษใช้ แต่มีไฟฟ้าใช้ เขาก็ต้องมีปลั๊กไฟครับ
ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต โรงเรียนรัฐ ใครจะจ่าย ก็รัฐจ่ายนั่นแหละครับ
ถ้าโรงเรียนเอกชนก็จ่ายกันเองไป
ถ้าแท็บเล็ทเสียก็ส่งเคลมเอาตัวอื่นไปใช้
มีคนข้างล่างเขาพูดถึง Digital Divide อยากให้คุณไปหาข้อมูล ผมว่าคุณก็คงทำหูทวนลม ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไรแน่ คงคิดแต่ว่ามันก็คงเป็นอะไรไร้สาระ คุณอยากจะด่านโยบายนี้ให้ได้มากกว่า
เออวะเถียงไปเรื่อย ประเทศไทยเดี๋ยวนี้มันขาดแคลนสมุด ดินสอกันขนาดนั้นเลยหรือ ดินสอปากกาด้ามละ 4-5 บาท นี่ภาระมากเลยหรือไร
ใครอยากจะแจกอะไรผมไม่เคยค้าน แต่ไม่เห็นด้วยที่จะแจก Tablet ให้เด็ก ป1. ที่ผมคิดว่าเด็กเกินไปเนี่ยมันเหมาะสมหรือปล่าว คุณจะลากประเด็นไปไหนกันวะ
ไอ้ที่ไม่รู้ก็ไม่สนใจที่จะเข้าใจ จะแต่ความคิดตัวเองเป็นหลัก เฮ้อ
ชัดเจนว่าคุณไม่รู้จริง
สามปีที่แล้ว ผมทอดกฐินเอา computer ที่โรงเรียนต่างจังหวัด 10 เครื่อง
สองปีที่แล้ว ผมทอดกฐินเอา computer + จานดาวเทียม ไปติดตั้งที่โรงเรียนต่างจังหวัด
คนที่ไปทอดกฐินด้วยกันกับผมก็เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมในกรุงเทพฯด้วยซ้ำ
ขอโทษครับ ไม่เคยได้ยินปัญหานี้จากครูที่โรงเรียน ตจว.จริงๆ
เพราะไม่เคยได้ยิน แค่ไปบางโรงเรียนที่เขาขาดคอมพิวเตอร์ ก็เลยคิดว่าไม่มี?
ไม่ได้แจกเฉยๆครับ ได้คุยกับ ผอ.โรงเรียน เขาขาดแคลนอะไรต้องการอะไรจะจัดหาให้ตามกำลัง ที่ผ่านก็ได้คุยกับผู้ใหญ่ ได้รู้เรื่องปัญหาของโรงเรียนต่างจังหวัดกันบ้าง ไอ้เรื่อง Tablet+เด็ก ป1. นี่ก็เคยคุยกันอยู่ ไม่ได้มานั่งเทียนเขียนกันหรอกครับ
ผมผ่านชิวิตจริงๆมาเยอะครับ ไม่ได้หาจาก google
งั้นหัดหาจากกูเกิลบ้างนะครับว่าเขายังขอรับบริจาคกระดาษและสมุดดินสอ เอาไปให้เด็กที่ขาดแคลน
อย่าเอาแต่อยู่ในกะลาของโลกจริง คุยกับแต่คนในแวดวงพันธุ์เดียวกัน
ผ่านชีวิตมาเยอะ หรือย้ายกะลามาเยอะกันแน่? สุดท้ายก็มีแค่กะลาที่ใหญ่ขึ้นแต่นอกกะลาไปก็ไม่รู้อีกแล้ว
ขนาดการ์ตูนชีวประวัติยังไม่รู้จักเลย ผ่านชีวิตอะไรมาเยอะกันหว่า
ใจเย็นๆกันนะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมไม่เถียงต่อแล้วกัน เด็กมันก้าวร้าว ประเด็นผมแค่ เหมาะสมหรือไม่ที่ Tablet ให้เด็ก ป1. ซึ่งผมว่าเด็กเกินไป
ถูกลากเข้ารกเข้าพงโดยไม่สนใจในความคิดและเหตุผลคนอื่น ซึ่งบ่งบอกได้ถึงความใจแคบของคุณเอง
ผมหวังจะได้ความคิดดีๆจากเด็กรุ่นน้องครับ ไม่ใช่กริยาเสื่อมๆแบบนี้
ในฐานะที่ผมอาจจะเป็นรุ่นน้ารุ่นอาคุณแล้ว ขอเตือนเรื่องกริยามารยาทคุณด้วยนะครับ ไม่ใช่ไม่เห็นหน้ากันแล้วแล้วแสดงกริยายังไงก็ได้ เดี๋ยวจะไม่มีใครคบ
ชีวิตผมเห็นผู้ใหญ่กากๆ ห้ามเด็กเถียง เด็กเถียงก็หาว่าก้าวร้าว ตัวเองใช้แต่โลกทัศน์เก่าๆ ตามไม่ทันโลกแล้วออกความเห็นโง่ๆมาเยอะแล้ว
เด็กพูดถูก ทำถูก แต่ผู้ใหญ่โง่เองไปหาว่าเด็กผิด ใช้ประสบการณ์แคบๆมาตัดสิน ใช้แต่คำว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน รู้ดีกว่า แต่ที่รู้มาผิดทั้งนั้น มีถมไป และผลเสียก็เกิดกับเด็ก ลงเหวเพราะต้องทำตามคำสั่ง แล้วไอ้ตัวคนสั่งก็ไม่ได้มารับผิดชอบอะไร แต่พอสั่งแล้วได้ดีก็มาเอาหน้า
ถ้าอยากให้ผมเคารพ ก็ใช้ปัญญา ใช้ตรรกะ ใช้ความถูกต้อง ไม่ใช่ใช้อาวุโส ถ้าไม่มี จะรุ่นไหนผมก็ไม่จำเป็นต้องเคารพ จะให้ผมเคารพพวกนักการเมืองโกงกินไปด้วยมั้ย จะให้ผมไปเคารพพ่อค้ายา หรือตำรวจมาเฟีย ด้วยเลยมั้ย ผมว่าพวกนี้ประสบการณ์ทางโลกสูงกว่าคุณอีก รู้เรื่องที่คุณไม่รู้แน่นอน
พูดตรงๆว่าคุณยิ่งอ้างความอาวุโสผมยิ่งของขึ้น ที่ผมแรงกับคุณมากขึ้นเรื่อยๆเพราะสำนวนประเภท "ข้ารู้ ข้าแก่กว่า เจ้ายังเยาว์นักไม่รู้อะไร" นี่แหละ ใครใช้ของพวกนี้มาเถียงกับผม ผมยิ่งไม่คิดจะเกรงใจ
ผมจะเกรงใจแต่กับคนที่ใช้เหตุผลได้ดีเท่านั้น ต่อให้คนๆนั้นอายุอ่อนกว่าก็ตามที
ขออีกนิดแล้วกันครับ ที่เตือนเพราะมารยาทการโพสต์ข้อความคุณครับ ไม่ได้ต้องการให้มาเคารพ
หลายคนในเวบบอร์ดคงโดนมาแล้ว ความเห็นไม่ตรงกันกับคุณ จะกลายเป็นพวกถ่วงความเจริญ พวกไม่มีหัวคิด พวกอยู่ในกะลา แทนที่จะเห็นเหตุผลผมกลับเห็นคำดูถูกแรงขึ้นเรื่อยๆ
กับแค่ประเด็นที่ว่า แจก tablet ให้เด็ก ป1. เหมาะสมแค่ไหน คุณยังไม่ตอบซักข้อ พล่ามแต่เรื่องเอา เอา tablet มาใช้แทนอุปกรณ์การเรียน เตือนเรื่องมารยาท ก็หาว่าผมอยากให้เด็กมาเคารพมาเกรงใจ เอาความอาวุโสมาข่ม
เป็นตัวอย่างของคนที่ ไม่พยายามเข้าใจความคิดของคนอื่น คุณลองคิดดูนะใครที่ไม่มีเหตุผล
อย่างน้อย ตลอด สาม-สี่ปีมานี่ มีเด็กนักเรียน ตจว. หลายโรงเรียนที่ได้ใช้ประโยชน์จากของที่ผมและเพื่อนๆหาไปแบ่งบันกัน
แล้วคุณได้ทำอะไรหรือยังครับ นอกจากเผยแพร่ความคิดคุณเอง
ปล. ในเวบบอร์ดมีหลายคนนะครับที่ว่า คุณไม่เคยรับฟังความคิดคนอื่น ลองกลับไปทบทวนดูนะครับ
ผมไม่เคยคิดจะมีมารยาท กับคนที่ใช้สำนวนข่มคนอื่นประเภทว่าตัวเองรู้มากกว่า
และยิ่งดูถูกคนที่คิดว่าอ้างความอาวุโส อ้างประสบการณ์เลื่อนลอย แล้วคิดจะให้คนอื่นเกรงใจ
คุณไม่มีทางรู้ไปทุกเรื่อง ฉะนั้นมันมีเรื่องที่รู้และไม่รู้ ผมเองก็เช่นกัน เอาเรื่องที่ผมไม่รู้มาบอก แล้วถ้าคุณรู้เรื่องไหนที่ผมพูดแล้วแต่เห็นค้านก็บอกมา
คนที่พูดอะไรออกมาซักอย่างโดยไม่ศึกษา สักแต่จะพูดด่า อธิบายก็ไม่ยอมฟังไม่ยอมเข้าใจ ผมถึงเรียกว่าตั้งใจถ่วงความเจริญ
ยิ่งเอาอะไรที่ตัวเองภูมิใจมาอวดเพราะอยากจะข่มชาวบ้าน แถมยังมีช่องโหว่ ผมยิ่งเห็นว่านั่นแหละคือกะลา
สรุปคือคุณทำดีเพื่อจะเอามาอวดอย่างงั้นสิ?
สเต็ปพื้นฐานเลยครับ ทำดีเพื่อที่จะอวดว่า ข้าทำดี เจ้าทำอะไร เพื่อที่จะปิดเรื่องที่เถียงกัน เหยียบอีกฝ่ายให้ตัวเองดูสูง ไม่ได้ช่วยให้การโต้เถียงสามารถไปถึงความถูกผิดได้เลย มีแต่กลิ่นอีโก้ที่โชยออกมา
ผมฟังสิ่งที่คนอื่นพูดเสมอ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นผมก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาเถียงได้ ผมเห็นมีแต่คนอื่นที่พอโดนเถียงแล้วก็คิดว่าความคิดของตัวเองถูกต่อต้าน ก็จะให้ผมยอมรับได้ยังไงในเมื่อผมมีเหตุผลว่ามันผิด
ถ้าคุณไม่สามารถคิดโยงได้ว่าการเอาอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์มาทดแทนอุปกรณ์การเรียนมันเป็นประโยชน์ต่อเด็ก ป.1 ยังไงบ้างนี่ ผมว่าคุณน่าจะไปศึกษา OLPC ซักสามรอบค่อยมาคุยกับคนอื่นดีกว่านะ
เวลาโรงเรียนขาดแคลนอะไร มันก็ขาดแคลนทุกชั้นปีนั่นแหละ
อ่านมานานแล้วอดใจไม่ไหววะ อ่านมาหลาย rep แล้ววะ
คุณบกพร่องเรื่องมารยาทจริงนะแหละ
ไปด่าเขาถ่วงความเจริญตั้งแต่ต้นเรื่องแลัว
คุณไถนา ลำเส้นเกินไปหน่อยไหม
ยังไม่เห็นใครเขายกตนข่มท่าน นอกจากคุณไถนา
เขียนต่อว่าเขาตลอด
คิดเออเองว่าตัวเองถูก
แล้วคนอื่นผิดทั้งนั้น
แล้วคุณล่ะครับ ที่คุณออกมาพ่นๆอยู่นี่ ก็เพราะว่าคิดว่า ผมผิด และคุณถูก ไม่ใช่รึไง ไม่งั้นคุณจะออกมาพูดทำไม?
ผมเชื่อว่าคุณไม่เข้าใจแนวคิดที่ผมพูดถึงเลยถึงได้มองไม่ออกว่าเขาออกมาพูดอะไรพลาดไปบ้าง มันทบกันไปจนผมสรุปว่าเขาแค่อยากจะด่าเพื่อถ่วงความเจริญเท่านั้น อธิบายหลักการเหตุผลยังไงก็ไม่ยอมฟัง อ้างอาวุโส อ้างคุณความดี
ถ้าคุณไม่เข้าใจคุณก็มองไม่ออกเท่านั้นแหละ
เห็นแต่เขาบอกว่า แจกให้เด็กมัธยมจะมีประโยชน์กว่า
แล้วคุณไถนาว่าถ่วงความเจริญ ตั้งแต่แรกอะครับ ผมคงอ่านไม่ผิดนะ
คือเกรียนตั้งแต่ต้นอะ อคติตั้งแต่แรก ท้ายๆเขาใส่อะไรมาคุณไถนาคงไม่สนหรอก
ปล. เด็ก ป1.เมื่อก่อนยังอ่าน มานี มานะ กะ กา กันอยู่เลย คุณอ่าน ปรีดี พนมยง มารึคูรี โคตรเมพเลย
ประถมไม่ได้แปลว่า ป.1 ครับ ผมเริ่มอ่านแต่ ป.3
เขาพูดอะไรอีกเยอะ คุณจับประเด็นได้แค่นั้น ก็เท่านั้นแหละ เห็นผมเถียงกับคนอื่นด้วยคำรุนแรง คุณก็อคติ ผมใส่เหตุผลไปเยอะแยะอธิบายไปยังไงก็จับประเด็นไม่ออก
จับเอาประถมไปมั่วกับ ป.1 เลยทีเดียว
ผมเห็นเขาอ้างแต่เด็กเล็ก ป1 นะครับ อ่านหลายรอบแล้วด้วย คุณเอาเด็กป3ที่มันโตแล้วมาเปรียบเทียบไงอะ
ตกลงคุณไถนาเองหรือปล่าวที่มั่ว
ตกลงอ่านบ้างปล่าววะ หรืออ่านภาษาไทยไม่เข้าใจ
พอรู้แล้ววะ ใครกาก
เขาบอกว่าตั้งแต่ ป.1 แล้วก็ข้ามไปมัธยม สรุปว่าใครมั่วกันแน่ครับผมหรือคุณ แล้วสรุปมันต้องแจกแต่เมื่อไหร่ถึงจะถูกใจ ที่แน่ๆคือไม่ใช่ประถม
แล้วเรื่องอ่านหนังสือชีวประวัติตั้งแต่ ป.ไหนมันก็ไม่เห็นเกี่ยวกับแจกแท็บเล็ท คุณมั่วอะไรของคุณอยู่ ถ้าไม่แจก ป.1 แล้วแจก ป.3 ต่างกันตรงไหน
ป.1 มันก็มีวิธีใช้ของ ป.1 ของแค่นี้คิดไม่ออกรึไง? แทนที่จะใช้ไปเลยตั้งแต่ ป.1 ก็ต้องเอาอุปกรณ์อย่างอื่นไปกอง แล้วแจก ป.3 รึไง?
ข้างๆคูๆ
เด็ก ป1. ครับ ถ้าไม่งั้นแล้วผมจะใช้คำว่าเด็กประถมแทน ป1 ป1 ป1 ป1 เป็นเด็กเล็กยังเขียนหนังสือไม่เป็นเลยครับ
ให้ผ่านจุดนี้ไป จะเป็น ป4 ป5 มัธยมผมก็ไม่ขัดครับ เพราะเด็กมันผ่านพัฒนาการขั้นนั้นมาแล้ว
หลักการคุณคือให้เด็ก ป1. ฝึกเขียนหนังสือจาก stylus บน Tablet แทน สมุด ดินสอ ใช่ใหมครับยืนยันหน่อย
หลายคนบอกแล้วนะครับว่า ป.1 ก็มีวิธีใช้แบบ ป.1
ชีวิตคุณเคยเห็นเด็ก ป.1 ของเล่นอิเล็คโทรนิคส์บ้างมั้ยครับ ไอ้พวกเครื่องที่มันเป็นเกม ถามคำถาม สามเหลี่ยมสามรูป บวกสี่รูปมีกี่อัน มีเกมแฮงค์แมน เกมเลขคณิต โรงเรียนผมเผอิญมีและได้เล่นตั้งแต่ ป.1 ตอนนั้นก็ยังใช้ไม่เป็นหมดทุกอย่างหรอก กดมั่วๆไปมาเยอะแยะ แต่บางอันก็เล่นเป็น
ประเด็นคือการแจกแท็บเล็ทเครื่องเดียว เพื่อใช้แทนอุปกรณ์ทั้งหมดที่ขาดแคลน ไม่ต้องคอยซื้อ ใช้เป็นทั้งหนังสือ สื่อการสอน และอุปกรณ์เขียนและวาดแทนกระดาษดินสอไปในตัวได้ด้วย รวมไปถึงการฝึกใช้ด้วย ตอน ป.1 ก็ฝึกให้ใช้ให้คุ้นกับมันด้วยเกมอะไรเล็กๆน้อยๆ อย่างไอ้ที่เป็นแบบฝึกหัดที่แจกให้เด็กเป็นการบ้าน หรืออื่นๆ
และมันคนละเรื่องกับการมีคอมกองกลางอย่างที่กลุ่มพวกต่อต้านอย่างพวกคุณศึกษามาไม่พอแล้วก็พร่ำเรื่องนี้ซ้ำๆ
สื่อการสอนมันมีตั้งแต่ ป.1 แต่มีแต่เด็กเมืองที่มีอุปกรณ์พร้อมที่จะใช้ เป็นความไม่เท่าเทียมและวิธีแก้ปัญหาที่มีมาตลอดมันก็ไม่ค่อยเข้าท่า ไม่งั้นมันสำเร็จไปนานแล้ว ไม่คิด OLPC นี่มาหรอก OLPC มันคือแนวคิดใหม่เพราะของเก่าๆมีช่องโหว่ มีปัญหา
คุณไม่ได้พูดแค่เรื่อง ป.1 คุณพูดอะไรอีกเยอะผิดบ้างถูกบ้าง และผมก็เถียงหลายเรื่องพร้อมๆกันทีเดียวก็เท่านั้น
คุณ Thaina เคยคลุกคลีกับเด็กบ้างไหม มีลูกหรือยังครับ เคยสอนลูกเขียนหนังสือไหม ต้องจับดินสออย่างไร ต้องออกแรงกดเท่าไร ยังไม่เคยใช่ใหมครับ ประสบการณ์อย่างนี้ใน google หาไม่ได้
คุณจะเอาหลักการมาตัดสินชิวิตจริงๆไม่ได้
จริงๆคุณต้องไปศึกษาก่อนนะครับ ว่าการเขียนหนังสือ บน Tablet กับ กระดาษมันแตกต่างกันอย่างไร
แล้วค่อยมาเถียงกัน ขนาดผมเขียนผ่าน wacom ตัวหมื่นกว่าบาทยังไม่ได้อารมณ์เหมือนเขียนบนกระดาษเลย
ประสาอะไรกับจอ Tablet ถูกๆ
อันที่จริงผมเห็นด้วยกับการย้ายหนังสือลง Tablet แต่ไม่เห็นด้วยที่จะใช้แทนทุกอย่าง
อันนี้ผมยืนยันได้เลยว่ามีคนส่วนใหญ่เห็นด้วย คุณเอาไปโหวตถามได้เลย
ไอ้ส่วนที่ว่าผมสนับสนุนคอมกองกลางเนี่ยคุณพูดเองเออเองทั้งนั้น ถ้าคุณหาหลักฐานมายืนยันไม่ได้
ผมถือว่าโกหกบิดเบือนนะครับ
เขียนเกินแปดบรรทัดแล้วนะ กรุณาทำความเข้าใจด้วย
ทำไมไม่มองว่า tablet ก็เหมือนอุปกรณ์การเรียนอีกชิ้นล่ะครับ?
เขาไม่ได้ให้เด็กเล่น tablet แล้วจะห้ามเด็กคัดลายมือ เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมอื่นๆ กันสักหน่อย ก็แค่เป็นอุปกรณ์ช่วยการเรียนการสอน ในเวลาเรียนปกติ
ส่วนจะบอกว่าแจก laptop ดีกว่า ก็ต้องมองว่าเขาจะไปประยุกต์ใช้อะไร ผมก็มีครบทั้ง smart phone,notebook,PC, tablet ก็พบว่า tablet มันตอบโจทย์ในงานบางอย่าง เช่นการอ่าน ebook, เล่นเกมสัมผัสแบบ interactive(ในแง่เด็กก็เป็นเกมสื่อความรู้) ได้ดีกว่าอุปกรณ์อื่นๆเยอะเลย เพราะมันมีการสัมผัสจอด้วย ฝึกพัฒนาการได้อีกหลายอย่างเหมือนกัน ไม่ใช่มาแทนกิจกรรมที่สัมผัสของจริงนะ แต่เป็นการเสริมอีกด้านตะหาก และมันไม่ได้มาแทน PC/laptop ด้วย
คุณอยากให้เด็กอ่านการ์ตูน ก็ให้ลูกคุณอ่านไปสิครับ มี tablet แล้วก็ไม่ได้ห้ามอ่านการ์ตูํนนี่นา ผมก็เห็นด้วยว่าอ่านการ์ตูนเป็นการฝึกทักษะการอ่านเบื้องต้นและฝึกจินตนาการไปด้วย แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว สมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่เราเขาก็อ่านนิยายเล่มหนาๆ พอยุคเรานั่งอ่านการ์ตูน พอยุคใหม่เขาดูสื่อ interactiveหรือนั่งอ่านจาก tabletก็ได้ ไม่เห็นต้องยึดติดกับรูปแบบกันสักหน่อย?
ยังไงในอนาคต เด็กรุ่นใหม่ก็ต้องอ่าน ebook เป็นหลักแน่ trend มันมาแล้ว ผู้ใหญ่รุ่นเก่าๆที่ปรับตัวยาก ก็คงเหมือนคนที่ไม่ยอมหัดใช้ email ในปัจจุบันนั่นแล
ป.ล. อ่านการ์ตูน scan ใน tablet ชัดกว่าอ่านจากเล่มจริงอีกครับ ผมมีการ์ตูนที่บ้านมากกว่าหมื่นเล่ม แต่ผมก็เริ่มชอบที่จะนั่งอ่านจากจอLCDจอใหญ่ๆหรือจอ tabletมากกว่า ภาพคมชัดกว่าอีก(เพราะคน scan เขามาแต่งภาพเส้นขอบให้คมกว่าที่พิมพ์ลงกระดาษเสียอีก)
ต้องกลับขึ้นไปดูโพสต์ของคุณ thaina ครับ ผมไม่เห็นด้วยในจุดนั้นครับ
โดยหลักการคือเขาจะให้ใช้ Tablet (หรือ Laptop ก็ตามแต่) แทนอุปกรณ์การเรียนประเภทอื่นๆทั้งหมดครับ ทั้งสมุด หนังสือ ปากกา ดินสอ กระเป๋า กระดาษ ห้องสมุด และห้องคอมพิวเตอร์
ส่วนเรื่องจอ tablet จะคมชัดแค่ไหนเนื่องจากเป็นของที่ต้องทำต้นทุนให้ถูกที่สุด ทำให้ผมไม่ค่อยแน่ใจในคุณภาพจอครับ
แต่ถ้านั่งมอง Tablet ทั้งวัน แทนหนังสือจะมีปัญหากับสุขภาพตาของเด็กหรือปล่าวครับ
รัฐมนตรีบอกว่า ถึงแม้จะมี tablet แต่สมุดหนังสือยังคงต้องมีอยู่ต่อไป คือนโยบายเค้าจะใช้ควบคู่กันครับ
ถ้าจะเอาแทนเขียนเล็กๆ น้อยๆ พวก memo ก็คงพอได้ แต่ให้เอามาจดเป็นเรื่องเป็นราวนี่คงไม่เหมาะอย่างแรง เดี๋ยวเด็กไทยก็ไก่เรียกพี่กันหมด เขียนบนจอกับบนกระดาษมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แค่ทุกวันนี้เขียนลงกระดาษยังแทบอ่านไม่ออกเลยท่าน
เรื่องประเด็นว่าเอามาวาดรูป ระบายสี หัดคัดตัวอักษรนั้นผมว่าลืมไปได้เลยครับ
เพราะยังไงๆ เด็กก็ต้องใช้ดินสอและปากกาเป็นหลักในชีวิตจริง (ณ ปัจจุบัน / อนาคตไม่รู้) ถ้าให้ฝึกหัดบนแท็บเล็ตนี่ตายเลยครับ จับดินสอกันไม่ถนัดแน่นอน ยกเว้นว่ารัฐจะแจกสไตลัสให้ด้วยนะครับ
ในตอนนี้รัฐคงต้องการให้แท็บเล็ตเป็นส่วนในการช่วยสอนมากกว่าครับ คงไม่ได้จะเอามาทดแทนสมุดดินสอยางลบ ผมว่ามันแทนกันไม่ได้ อย่างน้อยตอนลอกข้อสอบกันก็ส่งแท็บเล็ตให้เพื่อนดูไม่ได้ (แต่ส่งทาง IM ได้ 555)
อืม น่าคิด จะมีการให้เอาแท็บเล็ตเข้าห้องสอบ / ใช้สอบด้วยมั้ย?
เปิดประเด็นใหม่อีกละ จุดไฟแล้วก็หนี ฮี่ ฮี่
เพื่อการนี้เราต้องเรียกร้องรัฐบาล ให้กำหนดสเปคให้เป็นแท็บเล็ทที่ติด Stylus ดีรึเปล่าครับ?
Stylus ยังไงก็ไม่เหมือน ดินสอบนกระดาษ สัมผัสมันต่างกันครับ
แถมปัญหาจริงไม่ได้อยู่ที่ Stylus แต่อยู่บนจอที่ใช้ตะหาก
"ห้องคอมมันมีทุกโรงเรียนอยู่แล้วครับ"
ถ้าตั้ง assumption แบบนี้ ผมเข้าใจเหตุผลนะ แต่จริงๆแล้ว ทุกโรงเรียนไม่ได้มีห้องคอม และมีอีกหลายโรงเรียนที่ห้องคอมไม่ได้ใช้งานได้จริงๆ
ผมเห็นด้วยว่า โรงเรียนประจำจังหวัดจะแจก tablet ก็ยังถูไถ เพราะมีห้องคอมอยู่แล้ว ถึงแม้ผมจะอยากให้เอางบไปจ้างคนดูแล เอาไปจ่ายค่าต่างๆในการเปิดห้องคอม นอกเวลาเรียน เช่นตอนเย็น วันเสาร์-อาทิตย์
แต่โรงเรียนกิ่งอำเภอที่คอมยังกระท่อนกระแท่น เอาเงินไปทำคอมให้มันดีก่อนดีกว่ามั้ย
p.s. รู้มั้ยครับว่าประเทศเรามีโรงเรียน 30,000 กว่าโรง เกือบครึ่งมีจำนวนนักเรียนทั้งโรงเรียนต่ำกว่า 120 คน คิดว่าโรงเรียนครึ่งนึงของประเทศที่มีนักเรียนทั้งโรงไม่ถึง 120 คนจะมี WIFI ใช้มั้ยครับ?
ผมก็ย้ำที่โรงเรียนระดับแกนกลางน่ะครับ แต่โรงเรียนประถมประจำอำเภอทุึกโรงเรียน ต้องมีห้องคอมพิวเตอร์ทุกโรงเรียนครับ ถ้าที่ไหนไม่มี อันนี้ต้องร้องเรียนแล้วว่าอาจมีทุจริต เพราะอย่างที่บอกไป เขาจัดงบให้โรงเรียนในสังกัดกรมสามัญ/ก.ศึกษาฯกันตั้งแต่เกือบสิบปีที่แล้วกันไปแล้ว นี่ก็เพิ่งจัดงบทำ FTTH เข้าถึงทุกอำเภออีก
ส่วนโรงเรียนขยายโอกาศ โรงเรียนตชด. อันนี้นอกประเด็นครับ เพราะคนละหน่วยงานดูแล งบคนละส่วน คงไม่ใช่อ้างว่าโรงเรียนตชด.กลางเขายังไม่มีไฟฟ้าใช้ เลยห้ามโรงเรียนประจำอำเภอที่ต่อเนท FTTHไปแล้ว ใช้tablet นะครับ
แต่ก็เห็นด้วยว่า ควรจัดสรรตามความพร้อมนั่นแหละ โรงเรียนไหนใครพร้อมกว่าก็ได้ไปก่อน ยังไม่พร้อมก็เอางบไปพัฒนา infrastructure อย่างอื่นก่อน อันนี้เห็นตรงกันนะครับ
อ้อ ผมว่าเด็กบ้านนอกจริงๆไม่มีเวลาอยู่เล่นต่อที่โรงเรียนยันเย็นยันค่ำเหมือนเด็กในเมืองหรอกครับ เนื่องจากบ้านไกล/การเดินทางไม่สะดวก/ภาระต้องช่วยงานทางบ้าน การเปิดห้องคอมนอกเวลา แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะยังไงเด็กก็ต้องรีบกลับบ้านอยู่ดี ยกเว้นช่วงต้องปั่นงานส่งตอนใกล้สอบ อันนี้อาจมีเด็กต้องเร่งทำรายงานกันดึกๆดื่นๆ ต้องหนีไปทำตามร้านเนทแทน แต่ถ้านับแล้ว เวลาปกติเขาก็ไม่อยู่เล่นห้องคอมในโรงเรียนกันจนเย็นกันหรอก
จากประสบการณ์ของผมสมัยยังเรียนมัธยมอยู่ต่างจังหวัด เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน (นานเหมือนกันแฮะ) สมัยนั้นไม่มีห้องคอมฯ แต่ที่ห้อง Sound Lap มีเอกชนบริจาคสร้างให้ ตอนผมเรียน ม.ปลายอยู่ 3 ปี ได้เข้าไปใช้สองครั้งเอง 555 พวกคุณครูเค้ากลัวของมันจะชำรุดครับ นอกจากนั้นคุณครูยังไม่มีภูมิความรู้จะนำมาถ่ายทอดอีกด้วย
ต่อมาอีกสี่ห้าปีพอผมจบไปแล้วถึงมีงบมาทำห้องคอมฯ สมัยนั้นเค้าเอาครูสอนคณิตศาสตร์กับครูฟิสิกส์มาสอนคอมฯ ครับ คล้ายๆ จะมีงบทำห้องคอมฯ แต่ไม่มีงบจ้างครูสอนคอมฯ หรือเปล่า คุณครูก็เรียนรู้ไปพร้อมกับเด็กๆ ล่ะครับ อย่างว่าของมันใหม่เกิน ความพร้อมไม่มี มีแต่งบให้ใช้
เวลาผ่านไป หวังว่าวัฒนธรรมในสถาบันการศึกษาที่ต่างจังหวัดจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นนะครับ
ย้อนอดีตกันบ้าง โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอผม ห้องคอมห้องแรก ก็มาจากงบหลวงเหมือนกัน(รู้สึกผู้บริหารเก่ง ไปดึงงบจากไหนมาได้ไม่รู้) ครูสอนก็เป็นครูอัตราจ้างจบอาชีวะนี่แหละ มาสอนวิชาคอมโดยเฉพาะ ได้เล่นคอมเครื่องแรกนานๆก็ 386sx-33 ในห้องคอมนี่แหละ(ใหม่เอี่ยมสุดตอนนั้นเลย) นั่งเล่น CW/dBase/lotus123 กันจนเชี่ยว แอบเขียนโปรแกรมภาษา basic แกล้งคนอื่นเล่น จนแม่ผมซื้อคอมเครื่องแรกให้ปีถัดมา(486dx2-66 แรงสุดในอำเภอ ^^) ซึ่งต้องยอมรับว่าห้องคอมห้องแรกในโรงเรียนห้องนั้น จุดประกายให้ผมสนใจจนได้ทำงานที่เกี่ยวข้องยันทุกวันนี้ครับ
ก็เลยเข้าใจดีว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ มันช่วยเปิดโลกทัศน์และการเรียนรู้ให้เด็กมากแค่ไหน ถ้าจะบอกให้รอทุกอย่างพร้อมก่อนค่อยทำ ก็ต้องถามว่ามันไรมันจะพร้อม? มันก็ต้องค่อยๆพัฒนาไปพร้อมๆกันตะหากล่ะครับ
อ่านหนังสือไม่ออกแล้วหลานท่านกด search หาเกมไงอะครับ ???
เด็กเล็กๆเรียนรู้ภาษาด้วยการจำครับ เด็กๆจำลำดับ จำภาพแม่นครับ สอนไม่กี่ครั้งก็จำได้ แล้วยิ่งถ้าเล่นเกมพวกผสมสิ่งของ หรือมีเงื่อนไขง่ายๆ ยิ่งหัวไวจะตาย สอนคนแก่ใช้คอมยากกว่าสอนเด็กอนุบาลเยอะครับ(อันนี้เรื่องจริงเจอมากับตัว)
เดี๋ยวนี้เขาถึงสอนภาษาที่สองและสามให้เด็กๆเรียนรู้กันไวๆ ก่อน11ขวบกันหมดแล้ว(อันนี้นอกประเด็น)
เรื่องการจดจำตรรกะของเด็กเล็กอันนี้เห็นด้วยครับ ว่าเด็กเล็กๆ หัวไวกว่าที่เราคิดจริงๆ ลูกสาวผมอายุขวบครึ่งค้นหา video ใน youtube ที่เล่นใน ipad ได้ด้วยตัวเอง ความจำเกี่ยวกับภาพสัญลักษณ์ดีมาก ขนาดแม่เอา icon ไปซ่อนไว้ใน group ยังตามหาจนเจอเลย
แต่ตอนนี้เอาไปซ่อนแล้ว เพราะติด ipad เล่นทั้งวัน เรียกว่าเล่นตลอดเวลาเลย กลัวจะเป็นโรคสมาธิสั้น ใครมีลูกเล็กๆ แนะนำอย่าให้รับสื่อทางเดียวมากนักนะครับ คุณหมอเค้าฝากมาเตือน
เห็นด้วยเรื่องต้องจำกัดเวลาครับ ตามหลักก็ไม่ควรเกิน0.5-1ชั่วโมงต่อวัน และควรมีึคนช่วยอธิบายหรือดูแลเป็นระยะๆด้วย แล้วต้องพยายามเลือกสื่อ/เกมที่เหมาะกับพัฒนาการของเด็กวัยนั้นๆ อันนี้แม่ของหลานผม เค้าเป็นครู เลยค่อนข้างเลือกสรรดี การ์ตูนจะให้ดูยังต้องคัดละเอียดเลยครับ ว่าไม่มีเนื้อหารุนแรงหรือคำหยาบ ถ้าเด็กหลุดพูดเพราะได้ิยินมาต้องรีบเตือนทันที
แต่ผมว่า ให้เด็กเล่นเกม ยังได้พัฒนาการมากกว่า ปล่อยให้เด็กนั่งดูทีัวี/ดูการ์ตูนคนเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองไทยส่วนใหญ่ทำเวลาไม่มีคนดูแลเด็กครับ
ป.ล. พูดมากไปจะหาว่าเห่อหลาน ^^
ทุกโรงเรียน ตลกปะน่ะ
หรือนับแค่ กทม.
ต่างจังหวัด ขับรถมาหาผมราชบุรีนิ
ไม่ก็ที่บ้านเกิดผมสิงห์บุรีก็ได้ Internet ห้องคอม ไม่เห็นเหมือนท่านว่า
Ton-Or
มีครับ เด็กๆจะได้เรียนเก่งๆครับ
ไว้เป็นของกลางระวังมีการงาบกันตรวจสอบยากกว่า อีกครับ
Texion Business Solutions
เด็กไทยไม่เหมือนเด็กเมืองนอกนะครับ
ความรับผิดชอบต่างกันลิบ
แล้วถ้าเกิดหายละ ใครรับผิดชอบ เอาไปขายต่อละ ใครจะสน
เครื่องไม่ใช่ถูกๆ แถมยังเป็นการส่งเสริมเด็กติดคอมพ์ติดเน็ตมากขึ้นกว่าเดิมอีก
ถามว่าเอา คอมพ์ มาทำไม คงไม่ต้องบอกว่า เล่นเกมส์ หรอกนะครับ ตัวอย่างมีเยอะแยะ
ของจากรัฐ "ห่วย" เสมอ
บีเบี้ยวกับบีบึ้ง
เด็กส่วนนึงไม่รับผิดชอบ ไม่สามารถเหมารวมว่าเด็กทั้งหมดไม่รับผิดชอบนะ เพราะเมื่อก่อนก็เคยเป็นเด็กไทยมาก่อน (ตอนนี้ผู้ใหญ่ไทยละ) และเด็กเมืองนอกที่ดี อาจเป็นเพราะเรามองแต่คนที่เค้าเอามาเสนอให้เห็นก็ได้ ที่ไหน ๆ ก็เหมือนกันแหละ
แล้วจะใช้วิธีไหนมาแก้ปัญหาให้กับกลุ่มเด็กที่แย่ล่ะครับ น่าจะเป็นกลุ่มใหญ่กว่าเด็กที่เรียนดีด้วยซ้ำ
หรือจะทิ้งไว้แบบนั้น แล้วไปเอาใจพวกเรียนเก่งที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของครูและโรงเรียน
ว่าแต่สมัยนี้มีคนใช้ WinCE (บนโน๊ตบุ๊ค) กันอีกเหรอครับ ??
อย่าดูถูก wince เชียวนะครับ ลง Dictionary ไทยก็ได้ เวปก็ใช้งานได้ ถ้าม๊โปรแกรมพิมพ์งานแบบ wordpad ก็โอเคเลย แค่นี้ก็น่าจะพอเพียงแล้วครับสำหรับเด็กๆ
ราคาซื้อปลีก 3 พัน ลองคิดดูถ้าซื้อเป็นแสน คงเหลือสัก 2200
อย่างอื่นนี่ก็พอทราบนะครับ แต่เล่นเวปนี้ผมไม่มั่นใจแฮะ ... มันเปิดแฟลชได้หรือเปล่า ??
คือมันถูกเพราะ WinCE มันรันบน ARM ก็เลยทำราคาได้ต่ำล่ะมั้งผมว่า
เท่าที่ลองเล่น flash ไม่ได้นะครับ ที่โกดังผมมี handheld barcode scanner ที่ใช้ Windows CE อยู่หลายตัวครับ เท่าที่ลองเล่น ลองเขียนโปรแกรมก็ถือว่าสนุกดีครับ
พูดยากแฮะ ผมก็สนุกกับทุกอย่างแหละ
สงสัยเหมือนกัน จำได้ลางๆ ว่า ไอ้ wince นี่มันเป็นบรรพบุรุษของ PocketPC หรือเปล่าหว่า ตรงแกนของ PPC ก็คือ WindowsCE นี่นา แล้วตอนนี้ PocketPC มันถูกโลกลืมไปเรียบร้อยแล้วจะขุดเอาบรรพบุรุษมันขึ้นมาทำอะหยัง??
บอกก่อนจะลืมๆ กัน WindowsCE ใช้ Software ของ Windows ไม่ได้นะครับ เท่ากับนอกจากจะต้องพัฒนา content แล้วยังต้องพัฒนา Software ให้มันใหม่ทั้งหมด กับ OS ที่คนส่วนใหญ่เค้าไม่เหลียวแลแบบนี้ ผมว่า linux ยังน่าสนกว่านะครับ
WinCE คือ Core ครับ ตอนนี้เปลี่ยนชื่อไปเป็น Windows Embedded Compact
ซึ่ง WP7 ก็ใช้ Core CE7
รวมไปถึง Tablet ที่ใช้ OS CE7 ก็กำลังพัฒนาอยู่เช่นกัน เคยปรากฏตัวกับ Asus Tablet (หน้าตาคล้ายๆ Media Center)
นมโรงเรียนเด็กเอาไปขายกล่องละบาทถึงบาทห้าสิบ ผมเป็นคนเห็นคุณค่าของนม บ้านผมอยู่ใกล้โรงเรียน ถ้าผมช่วยซื้อผมจะผิดไหม เด็กจะได้ไม่ต้องไปเดินขายไกล ๆ
ลายเซ็นยาวเกินไปครับ
ถ้าเพื่อการศึกษาของเด็กไทยในประเทศแล้ว จะแจกอะไรก็แจกไปเถอะครับ ขอให้มันเข้าถึง ขอให้เด็กได้ใช้ ได้สัมผัสมัน ผมว่ามันการลงทุนที่ดีครับ ไม่ว่าจะใช้งบมหาศาสแค่ไหนก็ตามแต่ถ้ามันทำให้เด็กๆของเราเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยีได้ ก็ทำไปเลยครับ การศึกษาของเด็กๆของเรา รัฐบาลควรจะลงทุนอย่างเต็มที่ เพื่ออนาคตของประเทศครับ ถึงวันนี้มันจะเปลืองๆสิ้นคิดพอสมควร แต่มันก็ดีกว่าที่จะไม่ทำอะไรเลยครับ ผมชอบนะครับที่รัฐบาลลงทุน
แจกอาวุธไฮเทคแห่งการศึกษาให้กับเด็กในประเทศครับ แหะๆ อย่างน้อยตอนเด็กพวกนี้โตไป เป็นรัฐมนตรีก็คงดีกว่า
รัฐมนตรีสมัยนี้บางคนบางท่านที่ บอกว่าโทรศัพท์บ้านเราดูทีวีได้ตั้งนานแล้ว!!!
ผมว่ามันเป็นเรื่องฉาบฉวยนะเรื่องแบบนี้ ...
ควรจะไปลงทุนที่การปรับปรุงคุณภาพครูก่อนดีกว่าผมว่า (ต้องแก้ความคิดที่ทำให้ไม่มีใครอยากเป็นครูให้ได้ก่อน)
ผมอยากเป็นครูนะ แต่ผมไม่ชอบเงินเดือนครูเท่าไร lol
แต่ผมอยากเป็นอาจารย์มหาลัยนะ :P
ผมเคยมีโอกาสสัมพากษ์งานที่สถาบันอบรม IT อยู่
แต่ผมนั้นไม่เลือกทำเพราะอยากทำสาย SI มากกว่า (อันที่จริงผมเป็นพวกสอนคนไม่เก่งด้วย ถ้าสอนแล้วไม่ได้ดั่งใจจะของขึ้น)
ผมคิดว่าเรื่องฉาบฉวยบางทีมันก็จำเป็นนะ
การหวังพึ่งระบบ โครงสร้าง ทรัพยากรบุคคล มันต้องใช้เวลากี่ปี
และอนาคตห่างไกลขนาดนั้นแผนที่วางวันนี้จะประสบผลจริงรึเปล่ายังไม่รู้เลย ในขณะที่อีกไม่ถึง 12 เดือน ก็จะมีเด็กๆรุ่นใหม่เข้ามาในระบบการศึกษา
ช่วงเวลาไม่ถึงปีนี่ผมว่าเป็นเรื่องที่ฉาบฉวยมากครับ
ผมไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องทำนะครับ แต่ไม่ว่าจะทำแผนอะไรยังไงแบบไหน เรื่องที่ "ไม่ฉาบฉวย" มันก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปี เราก็จำเป็นต้องทำ "เรื่องฉาบฉวย" ไปก่อน ณ ตอนนี้
ส่วนตัวผมก็ไม่ได้เห็นด้วยว่าเรื่องการพัฒนาโครงสร้างการศึกษา ปูพรมอุปกรณ์พวกนี้ให้เด็ก จะเป็นแค่ "เรื่องฉาบฉวย" แต่อย่างใด แต่จะบอกว่าถึงมองในมุมนั้น ผมก็ว่ามันจำเป็นอยู่ดี
ผมไม่ได้มองว่ามัน "จำเป็น" แต่ใช่ มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะให้เด็กเข้าถึงเทคโนโลยีได้
สิ่งที่สำคัญควบคู่ไปกับการให้เด็กเข้าถึงเทคโนโลยีได้ ก็คือ การทำให้ "ผู้ปกครอง" สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้เหมือนกัน ทุกวันนี้ปัญหาหลักของบ้านเราคือ ผู้ปกครองตามเด็กไม่เป็น สอนไม่ได้ คุมไม่ได้ (อย่าว่าแต่ใครเลย พ่อแม่ผมก็เป็น ...) การศึกษาของเด็กจะต้องควบคู่ไปกับการเรียนรู้ของผู้ปกครอง เพราะผู้ปกครองควรรู้ว่าเด็กทำอะไรอยู่
แต่จะว่าไป ในขณะที่ระบบการศึกษายังเป็นแบบ "ผู้ปกครองยัดเยียดให้ครูอาจารย์สอนอย่างเดียว" แบบที่เป็นอยู่ ... มันก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้ง ?
นักการเมืองต่างจังหวัด เวลาใกล้ๆ หาเสียงเค้าไม่มาเขียนแผนงานพัฒนาท้องถิ่นยืดยาวหรอกครับ อยู่ๆ ก็สร้างเลย ถ้าพอมีเวลาก็สร้างอาคาร ถ้าเวลากระชั้นหน่อยก็ซ่อม/สร้างสะพาน สะพานลอย อะไรก็ได้ที่มันเห็นผลงานชัดๆ
นักการเมืองระดับประเทศ ผมไม่เคยเห็นมีรัฐบาลไหน พอมาถึงก็ประกาศเรื่องการศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ แล้วดันให้มันจริงจังสักที มีแต่โผล่มาก็ของบซื้อนั่น นู่น นี่ทั้งนั้น
ซื้อของมันได้ผลงานทันใจ งาบได้ทันควัน กระจายรายได้ทั่วถึงครับ
วางแผน นโยบายพัฒนาการศึกษา ทำแล้วไม่เห็นผลทันตา เดี๋ยวกลายเป็นรัฐมนตรีโลกลืม แล้วยังโง่อีกที่รับประทานไม่เป็นไม่พอ ดันปล่อยให้เพื่อนฝูง (เป็นฝูงๆ เลย) ต้องอดอยากอีกด้วย
ผมคิดว่านะ(อย่าโกรธผมน่า)จะมากหรือน้อยหรือกระจิ้ดริ้ดหรือมันจะได้ผลนิดเดียว ถ้ามันทำให้การศึกษาดีขึ้นได้ ผมว่ามันสมควรที่จะทำครับ ผมว่าการศึกษาไม่ว่ามันจะมารูปแบบไหนไหนก็ตามแต่มันได้รับการสนับสนุนเต็มที่นั้น แม้ว่ามันจะฉาบฉวยอย่างที่ท่านว่าไป แต่ถ้ามันทำให้ระบบการศึกษาเราดีขึ้นได้แม้เพียงนิดเดียวเราก็ควรทำครับ แบบประมาณว่า ญี่ปุ่นสมัยก่อนเวลาในอำเภอใดๆมีเด็กเกิดแม้แต่คนเดียวรัฐบาลก็ต้องสร้างโรงเรียนให้ ผมชอบแบบญี่ปุ่นนะครับทุ่มทุนเพื่อเด็กๆแม้เพียงคนเดียวก็ต้องทำนะครับ
ผมตามอ่านกระทู้นี้มาพักนึงแล้วแต่ยังไม่มีความเห็นครับเพราะทั้งสองฝั่งก็มีเหตุผลพอ ๆ กัน รอดูผลที่จะเกิดจากการลองทำดีกว่า แต่อ่านความเห็นนี้แล้วผมชอบครับ ผมชอบระบบโรงเรียนของญี่ปุ่นมาก ๆ เลย เท่าที่รู้อย่างน้อย ๆ เด็กญี่ปุ่นก็ทำอาหารได้ระดับนึง หุงข้าวได้ แล้วก็อีกหลาย ๆ อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมีในโรงเรียนไทย มันเป็นอะไรที่คนไทยอาจจะมองว่าไม่จำเป็นแต่ผมว่าการปูพื้นฐานพวกนี้ส่งผลต่ออนาคตค่อนข้างมาก
คนไทยไม่ใช่คนญี่ปุ่น ที่นี่ประเทศไทยไม่ใช่ญี่ปุ่น ผมรู้ครับ แต่ของบางอย่างที่เห็นว่าดีกว่าแล้วไม่นำมาปรับใช้หรือเลียนแบบเสียบ้างแถมยังใช้ระบบที่ไม่ดีต่อไปโดยไม่หาระบบใหม่ผมเรียกว่าหัวแข็งนะ
ก็พอเข้าใจว่าการจะทำการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ในไทยไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนมากจะอ้างกันว่าประเทศเรายังไม่พร้อม ผมก็เห็นบอกว่าไม่พร้อมมาตั้งแต่ผมยังเด็ก เป็นประเทศกำลังพัฒนามาตั้งแต่ผมยังเด็ก มาถึงตอนนี้ก็บอกยังไม่พร้อม กำลังพัฒนา ไม่รู้กำลังยังไงอยู่กับที่เฉยเลย - -"
ถูกเลยครับ คงต้องรอดูที่ผลลัพท์มันแล้วล่ะ เพราะเราก็คิดกันไปเองตามข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้
ไอ้ที่ผมเซ็งที่สุดคือ กลัวว่าเงินงบประมาณจะถูกใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเนี่ยแหละครับ เบื่อ ปชป. มาทีนึงแล้ว ไม่อยากมาเจอ พท. เหยียบหัวใจที่กำลังบอบช้ำ
ลิเกจัง
อยากบอกว่า ผมไม่เห็นด้วยเลย
ผมอยากให้มีการเอาข้อมูลใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ มาตีว่านโยบายนี้มันมีข้อเสียอย่างไรเยอะๆ แล้วก็เถียงกัน
ที่ผมเบื่อคือมีแต่คนเอาความคิดเก่าๆ ข้อมูลเก่าๆ ที่เขามีเหตุผลหักล้างไปแล้วมาพูดวนเวียนซ้ำซาก
ผมอยากให้วิจารณ์กันในมุมมองอื่นๆที่ยังไม่มีคนพูดถึง ถ้ามีใครเสนออะไรที่เป็นจุดตายจริงๆ ผมเห็นด้วยขึ้นมา จะได้ช่วยกันเบรคนโยบายนี้ได้ทันเวลา
และมันเป็นการกำหนดทิศทางด้วยว่า ถ้ามีการประกาศออกมาแล้ว อะไรที่มันไม่มี ไม่ตรงใจ เราก็จะได้ไปเรียกร้อง ขอแก้ หรือขอเพิ่มได้
อย่างถ้าสเปคแท็บแล็ทที่จะแจกไม่มีจอสไตลัสนี่ผมก็จะไม่ยอมนะ
ถ้านิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลยนั่นผมไม่เห็นด้วยครับ แต่กรณีนี้ถ้าไม่หน้ามืดตามัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ก็จะเห็นได้ "ชัดเจนที่สุด" ว่ามันมีทั้งข้อดีจริง ๆ และข้อเสียจริง ๆ ซึ่งทั้งสองอย่างไม่สามารถสรุปได้โดยข้อมูลที่เราเอามาทับถมกัน (โดยผู้ลงมือทำไม่ได้รับรู้ด้วย) หรือแม้แต่การทำ computer simulation และผมก็ไม่คิดว่าจะเสียหายอะไรหากจะลงเอยด้วยการทดลองที่ล้มเหลวเพราะดีกว่าไม่ลองทำอะไรเอาแต่เถียงกันครับ
ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับโครงการนี้เท่าไหร่ แต่ถ้ามันได้ผลจริงผมว่ามันก็คุ้มที่จะเสี่ยงครับ
ข้อมูลเก่า ๆ ที่ผมเห็นมันก็พอเพียงแล้วครับ แล้วข้อมูลใหม่ ๆ ความคิดใหม่ ๆ ที่ยกมาสนับสนุนส่วนมากผมว่ามันก็ไร้สาระพอกับที่ยกมาค้านนี่แหละ - -" ฟังไม่ขึ้นพอ ๆ กัน
คือถ้ามีอะไรที่ "เถียงไม่ได้" มันก็จะเป็นปัญหาใหญ่เลยไงครับ
อาจารย์ผมเคยสอนว่า ตราบใดที่มีคนเถียงได้ตามหลักวิชาการ ก็แปลว่าความคิดของเราบกพร่อง ต้องหาเหตุผลมาอุด
ถ้าหาไม่ได้ แปลว่าอีกฝ่ายมีแนวโน้มว่าจะถูก
ก็ตามหลักการวิทยาศาสตร์นั่นแหละครับ เสนอทฤษฎีพลิกโลกขึ้นมา จริงๆมันอาจจะผิดก็ได้ แต่ถ้ามันลบจุดอ่อนของทฤษฎีเก่าได้ คนที่อยากแย้งก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหาจุดอ่อนมาค้านทฤษฎีนี้
อาจจะปรับปรุงทฤษฎีเก่าให้มันดีกว่า แต่จะเอาทฤษฎีเก่ามาใช้เลยตรงๆนี่ไม่ได้แน่เพราะมันโดนซัดจุดอ่อนไปแล้ว
ถ้ามีคนบอกว่า แนวคิดคอมกองกลางสามารถปรับปรุงให้ดีกว่าแนวคิด OLPC ได้อย่างไร ผมก็อยากจะรับฟัง แต่ทางทฤษฎีแล้วแนวคิดคอมกองกลางตอนนี้จัดว่าล้มเหลว
ผมเห็นมีแค่ไม่กี่เม้นที่หนุนคอมกองกลางนะครับ อีกอย่างผมเข้าใจว่างบของ tablet นี่ถ้าโอนไปโครงการอื่นก็ไม่น่าจะต้องอยู่แต่กับด้านไอทีด้วย
ส่วนใหญ่ผมก็เถียงกับ "ไม่กี่คอมเมนท์" ที่ว่านั่นแหละ...
คนที่ออกมาต่อต้านหลายคนมักจะหลุดคำว่า "ให้มีคอมธรรมดาใช้ก่อน"
อ่อครับ รับทราบ
แต่อันนี้ความเห็นส่วนตัวเฉย ๆ นะ ที่เค้าว่า "ก้าวร้าว" กับ "มารยาทบกพร่อง" อะไรพวกนี้ผมเองก็เห็นด้วยนะครับ ส่วนมากมันจะพาไปสู่การทะเลาะมากกว่าเอาเหตุผลเข้าข่มกัน ไม่แน่ใจว่าคุณตั้งใจแบบนั้นจริง ๆ หรือใช้คำผิดอารมณ์ ที่ผมบอกเพราะหวังดีอยากให้ลองไปคิดดูไม่ได้จะบอกหรือบังครับให้เปลี่ยนหรอกครับ
รอแถลงนโยบาย
รอแผนงานเรื่องนี้
แล้วค่อยเริ่มวิจารณ์ยังไม่สาย
+1
Windows CE จะเอาทำไรได้หว่า
ทำไมต้องเลือก Windows CE ต้องจ่ายค่าไลเซนส์ไหม
Outdate แล้วครับ ข่าวเมื่อเย็นนี้ทางกระทรวงศึกษาบอกมาว่าใช้ Android ครับ
เรียกว่าปล่อยรายละเอียดกระปริดกระปรอยรายวันเลย ด้นกันสดๆ แถลงกันสดๆ เลยหรือเปล่าเนี่ย 555
คงต้องรอแถลงนโยบายที่รัฐสภาก่อนนะครับ
อย่าลืมว่าการสั่งการใดๆก่อนการแถลงนโยบาย จะมีปัญหาทางข้อกฎหมายภายหลังได้ครับ
+๑
รู้สึกกระทู้นี้ได้รับการตอบรับที่ดี ผมแค่บอกว่า ราคามันถูกเหมือนความตั้งใจ OLPC ครับ รู้สึกว่าจะถูกกว่าที่คิดไว้ตอนนั้นอีกต่างหาก
ดังนั้นเป็นโอกาสที่ดี ที่ content ต่างๆ จะได้รับการพัฒนาให้มากขึ้นกว่านี้ นอกจากแค่ school net ต่อไปคงมีแบบทดสอบ ให้ทำกันนอกเวลาเรียน
วิชาเกษตร ก็แค่หาต้นไม้มาสักแบบ แล้วให้เด็กไปค้นคว้ากันว่า มันคือต้นอะไร มีลักษณะอย่างไร อะไรแบบนี้
วิชาชีววิทยา ก็ให้เด็กๆ เข้าไปหาข้อมูลใน Internet ดู Youtube แล้วออกมารายงานหน้าห้องว่าสิ่งที่ตนสนใจและได้ศึกษามาคืออะไร บางคนอาจศึกษาชีววิทยาของกบ ของกิ้งก่า
เด็กๆ จะได้เห็นโลกกว้างขึ้น
เราเคยออกไปรายงานสิ่งที่ตัวเองศึกษาหน้าชั้นเรียนไหมครับ แทบไม่เจอนอกจากตอนมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้เด็กๆ จะได้ค้นคว้า ศึกษาด้วยตนเอง ครูมีหน้าทีี่จัดลำดับก่อนหลังแค่นั้น และช่วยเสริมเติมเต็มส่วนที่ขาดจากรายงาน
เอ้อ สิ่งที่สำคัญคือ ... ไอ้สื่อการสอนแบบดิจิทัลเนี่ย ควรจะมีความสำคัญ "น้อยกว่า" สื่อการสอนที่เป็น "ของจริง" คือถ้าจะมีก็ให้แทนลักษณะที่เป็น รูปถ่าย หรือ หนังสือ หรือเอกสารอ้างอิง ... แต่อะไรที่มันมีของจริงก็ควรเอาของจริงมาสอนครับ
อย่างวิชาเกษตร ไม่ควรแต่จะให้เรียนแต่ในหนังสือ หรือสื่อการสอน หรืออะไรก็แล้วแต่ เด็กควรจะได้ลงมือปลูกต้นไม่จริง ๆ มีโอกาสได้สัมผัสกับต้นไม้ในแบบเรียนจริง ๆ (สมัยผมเป็นแบบนี้แต่สมัยนี้ผมไม่รู้)
วิชาดนตรี ก็ควรจะให้เด็กได้เล่นเครื่องดนตรีจริง ๆ ไม่ใช่แบบ "เปียโน เป็นเครื่องดนตรีชนิดคีย์บอร์ด มีทั้งหมด 88 คีย์ การทำงานก็คือการกดคีย์เพื่อให้ค้อนไปกระแทกสายเปียโน" ... หรือ "Scale Major มีโครงสร้างดังนี้"
วิชาเคมีก็ต้องผสมสารจริง ๆ วิชาฟิสิกส์ก็ควรจะมีการทดลองจริง ๆ ชีววิทยาก็ต้องผ่ากบ อะไรแบบนี้ ไม่ใช่ครูทำให้ดูนะ เด็กต้องทำเอง
ไม่รู้นะ นี่คือสิ่งที่ผมผ่านมาตอนเรียนม.ปลาย และผมก็รู้สึกขอบคุณอ.ที่สอนแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะทำให้คะแนนสอบเอ็นทรานซ์ของเด็กไม่ดีก็ได้ (แต่ห้องผมเอ็นติดหมดห้องนะ มีผมกะเพื่อนอีกคนเท่านั้นเองที่เรียนม.เอกชน 55)
การที่ได้ทดลองกับของจริงมันทำให้จำได้ครับ และทำให้มีความเข้าใจในสิ่งที่กำลังเรียนอยู่ได้ดีกว่า รวมทั้งสามารถสร้างองค์ความรู้ของตัวเองได้ (ถ้าเด็กคนนั้นมีศักยภาพในตัวเอง) ในขณะที่ถ้าเรียนจากตัวหนังสือ วิดีโอ รูปถ่าย และอื่น ๆ เนี่ย มันก็จะจบอยู่แค่นั้น จบอยู่แค่เท่าที่มีเขียนไว้ ในขณะที่สิ่งที่ไม่มีเขียนไว้เขาก็จะไม่มีองค์ประกอบพื้นฐานที่จะเขาสามารถคิดองค์ความรู้ขึ้นมาได้
ถ้าการเข้ามาของสื่อดิจิทัลทำให้การได้เรียนรู้จากของจริงมันลดลงมันก็เป็นเรื่องน่าเสียดายครับ และเด็กที่จบออกไป ไม่รู้นะ ... อาจจะจบแค่การสอบเอ็นทรานซ์ผ่าน แต่เรียนมหาลัยไม่รู้เรื่องเพราะทำแล๊ปไม่เป็น (อย่างที่เกิดในมหาลัยดัง ๆ บางที่) ก็ได้
ผมอาจจะนอกเรื่องนะครับ ขออภัยด้วย
อันนี้เข้าใจครับ วิชาเกษตร ก็ยังมีการเพาะเห็ดฟาง ก็ยังมีอยู่ การตอนไก่ ก็ยังสอนอยู่ การติดตาตอนกิ่ง ผมว่าคงไม่หายไปไหน ผมว่าสิ่งพวกนี้มันก็ต้องเรียนของจริง แต่บางอย่างเช่น การศึกษาการเจริญเติบโตของพืชบางชนิด ที่ต้องใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี การทำให้เด็กๆ ตระหนักถึงธรรมชาติที่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟูมฟัก เราไม่สามารถที่จะมองเห็นด้วยตาของเราในขั้นตอนการจับแมลงของต้นหม้อข้าวหม้อแกง แต่เราสามารถดูผ่านสื่อได้
วิชาชีววิทยาจะสอนอย่างไร สมมติว่าสุนัขของเห็นภาพทุกอย่างเป็นขาวดำ มองเห็นแค่สองมิติ (ผมไม่แน่ใจแต่คิดว่าใช่) เราจะเอาอะไรมาเปรียบ ทำไมกระทิงถึงไล่ขวิดมาธาดอ ลูกอ๊อดเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างไรจากมีหาง มีขา แล้วกลายเป็นกบ คุณผ่าลูกอ๊อดก็ไม่ได้ช่วยให้เห็นขากบ
ทุกอย่างมีเหตุผลในตัวของมันเองครับ อยู่ที่แบบแผนการสอนมากกว่า
(นอกเรื่อง กระทิงไล่ขวิดมาธาดอร์ เพราะมันรำคาญที่คนไปยั่วมันครับ ไม่เกี่ยวกับผ้าแดง)
ถ้าการเข้ามาของสื่อดิจิทัลทำให้การได้เรียนรู้จากของจริงมันลดลงมันก็เป็นเรื่องน่าเสียดายครับ
เห็นด้วยครับ
แต่ไม่มีตรงไหน บอกว่าสื่อดิจิทัลจะทำให้การเรียนรู้จากของจริงมันลดลง
ตรงกันข้าม ผมคิดว่าทำให้เกิดการเรียนรู้มากขึ้นไปอีก
คุณเคยเข้าไปดูอะไรใน YouTube แล้วสนใจทำตามไหม?
เคยอ่านหนังสือ และสนใจ ไป Search Google ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม + ลงมือปฏิบัติไหม?
บางคนอาจจะไม่เคยเป็นอย่างนั้น แต่ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ถ้ามีความสนใจใฝ่รู้
จะต้องหาโอกาสให้กับตัวเองแน่ ๆ
บางคนไม่เห็นโอกาส ก็มองข้ามมันไป บางคนแม้แต่โอกาสก็ยังไม่มี
โอกาส อาจทำให้ชีวิตบางคนเปลี่ยนไปเลยก็ได้
หากคุณไม่สนใจโอกาสอันนั้น ก็อยากปิดกั้นโอกาสคนอื่น
ลองค้นหาคำว่า Digital Divide ดูเพิ่มเติมนะครับ
คงรู้นะครับ ว่าจะหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อย่างไร
hardware เป็น tablet มันเข้าท่าดีนะ ไม่ต้องรอ boot ด้วย ใช้ง่าย ปุ่มน้อย
สำคัญกว่าน่าจะเป็น content มากกว่า เอา tablet มาเรียนแล้ว เนื้อหาที่จะมาแทนหนังสือเป็นยังไง
ถ้า content ดีๆ ใช้ง่าย เรียนรู้ได้ดี แจกเถอะครับ ผมไม่ตื้นเต้นกับ tablet หรอก ผมตื้นเต้นกับ content หรือ program ที่จะมา run มากกว่า เหมือนมือถือ มีไรน่าตื้นเต้น ผมตื้นเต้นกับ app ที่อยู่บนนั้นมากกว่าเยอะ
นโยบายแต่ละอันออกมา โดนใจพี่น้องทั่วถึงจริงๆ จุดเป็นไฟติด เป็นไฟลุกท่วมบ้านทุกนโยบาย 555
กี่นโยบาย หรือไม่ว่าจะเป็นนโยบายจากใคร รัฐบาลไหน
เราก็(พยายามหาเรื่อง)เถียงกันได้ครับ ฮา
ผมคุยเรื่องแจก tablet ให้เด็กกับแม่ผม เหตุผลเดียวที่แม่บอกว่าไม่ควรคือ กลัวสายตาเด็กจะเสีย
จะแจกก็แจกไปเถอะครับ
แต่อยากถามว่า พวกเนื้อหาหรือระบบการจัดการต่างๆ มันพร้อมแล้วเหรอ
หรือว่า แค่อยากแจกๆ ไปตามนโยบาย ส่วนใครจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่
ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ว่า แจกไปแล้ว อย่างอื่นพร้อมด้วยไหน เช่นการซ่อมแซมดูแลรักษา และ infrastructure เช่น ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต ไปจนถึงคนที่จะดูแลเครื่องเบื้องต้นได้ และที่สำคัญที่สุด คือ content ที่จะต้องมีมาพร้อมๆ กับ tablet ให้มีเนื้อหา หรือวิธีการใช้งานที่เหมาะสมกับกลุ่มที่จะแจกให้
ผมว่า ถ้ามาพร้อมๆ กันได้อย่างนี้ ก็น่าจะลองสังเกตูการณ์ต่อว่า มัน work จริงมั้ย แล้วมีข้อดีข้อเสียอย่างไร จะปรับปรุงได้อย่างไร
หวังแค่ว่า จะไม่ใช่แค่การแจกเพื่อหวังคะแนนเสียง