ตอนสระผมอยู่เมื่อกี๊ ผมคิดไปเรื่อง ต่อไปโรงหนังจะยังเป็นที่นิยมอยู่รึเปล่า
ด้วยเทคโนโลยีหลายๆอย่าง รวมไปถึงปัญหาผีโรงหนัง และอีกหลายๆปัญหา ทำให้โรงหนังเสื่อมความนิยมลงไปเรื่อยๆ ทำให้ผมสงสัยว่า แล้วในอนาคต ถ้าโรงหนังเสื่อมความนิยมจริงๆ ห้างสรรพสินค้า จะทำยังไง
แล้วก็เผอิญคิดขึ้นได้อีกว่า หรือว่าเราควรจะเปลี่ยนให้โรงหนัง เป็นห้อง Compact ประมาณห้องคาราโอเกะ?
คือดูเหมือนว่าจุดประสงค์สำคัญในการดูหนังโรง จะมาจากการที่หนังใหม่จะเข้าก่อนจะมี DVD ออกขาย
แต่ถ้าได้ตัวหนังมาแล้ว ก็น่าจะฉายแยกห้องได้เหมือนห้องคาราโอเกะ มีจอทีวีใหญ่ๆ โซฟา สั่งอาหารได้ อาจจะมีห้องแบบ 8 คน ไปจนถึงห้อง 30 คน
แล้วก็ต้องไปแจ้งว่าจะดูหนังเรื่องอะไร อาจจะให้มีรีโมท ที่มีปุ่ม Play/Pause ปุ่มเดียว แล้วก็คิดค่าเช่าห้องรวมกับค่าหนัง
แบบนี้จะดีกว่ารึเปล่าครับ?
คำถามหัวกระทู้ คือ ผมไม่ใช่คนชอบดูหนัง
ก็เลยไม่รู้ว่า การที่ต้องดูหนังในโรงใหญ่ๆ มันจำเป็นสำหรับคนดูรึเปล่า?
ผมไม่คิดว่าโรงหนังเสื่อมความนิยมลงไปเรื่อยๆตามที่คุณว่านะครับ ปัจจุบันผมจะไปดูหนังเรื่องไหน/ที่ไหนก็คนเยอะมากตลอด
แล้วเหตุผลของโรงหนังแทนที่จะเป็นห้องแบบ compact ก็คือค่าลิขสิทธิ์เผยแพร่ที่ต้องจ่าย ทำให้ต้องเฉลี่ยต่อคนจำนวนเยอะๆ ขนาดโรงแบบ vip ค่าตั๋วยังแพงมากเลย ไม่ต้องคิดถึงห้องแบบ compact ดูได้ไม่กี่คนที่ไม่คุ้มกับค่าลิขสิทธิ์หรอกครับ
โรงหนังมันอยู่ได้เรื่อยๆ เนื่องจากหนังใหม่ ระบบเสียง ความตระการตาของภาพที่ใหญ่เต็มตา อารมณ์ของผู้ร่วมดูทั้งโรงที่เราไม่รู้จัก(เช่นหัวเราะกันทั้งโรง ได้ยินแล้วมีความสุขดีแบบแปลกๆ) ผมว่ามันเป็นเสน่ห์ที่หาได้ยากจากการดูคนเดียวหรือดูกันไม่กี่คนผ่าน DVD/Blu-Ray หรือห้องแบบ Compact นะครับ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการดูนอกโรงก็มีเสน่ห์เหมือนกันแต่เป็นคนละอย่าง
ที่ผมว่าควรปรับปรุง ไม่น่าจะใช่การเปลี่ยนรุปแบบ แต่น่าจะเป็นการบริการและการไม่เอารัดเอาเปรียบต่อลูกค้ามากกว่า(โฆษณาจะนานไปไหน?)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ส่วนตัวผมเห็นว่าปัญหาที่ไม่มีวันแก้ได้คือมารยาทของคนที่ไม่รู้จักกัน
และผมคิดว่าห้อง Compact ค่อนข้างเป็นไปได้ เพราะมันก็น่าจะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ครั้งเดียวเหมือนกัน แค่ซอยโรงหนังออกเป็นห้องย่อยๆหลายๆห้อง และแต่ละห้องจะเปิดเรื่องอะไรก็ได้
ที่จะตามมาคือความสะดวกของคนใช้งาน จะทำให้การหมุนเวียนห้องมีมากขึ้น การที่ไม่จำเป็นต้องเปิดหนังเรื่องเดียวพร้อมกันเวลาเดียวกัน จะทำให้คนเลือกเวลาที่จะมาเข้าใช้เองได้ขอแค่ห้องว่าง และไม่ต้องรอคิวหนังที่จะเข้าโรงที่มีจำกัดด้วย อย่างเช่นสมมุติคุณมาสาย หนังเข้าโรงไปแล้ว 30 นาที และวันนั้นไม่มีรอบอีก ตรงนี้ผมว่าโรงหนังเสียรายได้
ในทางกลับกันคือต่อให้หนังออกจากโรงไปแล้วสองเดือน แต่อาจจะมีคนที่ดูไม่ทันแล้วรอ DVD ไม่ไหว อาจจะกลับไปดูอีกรอบก็ได้ ดีไม่ดีหนังเก่า 10 ปี 20 ปี ก็อาจจะยังมีคนอยากมาดูจอใหญ่ๆ ระบบเสียง Surround
แถมบางทีอาจจะสั่งอาหารได้ด้วย เหมือนคาราโอเกะ ตรงนี้ก็จะเพิ่มมูลค่าให้อีกถ้ามีการร่วมมือกับร้านอาหารในห้าง
เนื่องจากผมไม่รู้จริง ก็เลยไม่รู้ว่า Trade Off ค่าใช้จ่าย ราคาที่รับได้ รวมๆกันตรงนี้มันจะคุ้มทุนรึเปล่า แต่ส่วนตัวคิดว่าอาจจะได้เลยถามขึ้นมาน่ะครับ
ผมว่าที่ จขกท.ว่ามาก็ดูบรรยากาศดีเหมือนกันนะครับ เพราะว่าหนังส่วนใหญ่แล้ว (ที่ไม่ใช่หนังฟอร์มยักษ์) จะดูบนจอใหญ่ 20 เมตรหรือจอใหญ่ 2 เมตร มันก็ไม่ได้ให้อารมณ์ที่ต่างกันมากนัก บางทีถ้าดูในห้องเล็กเป็นแบบ private คงได้อารมณ์ดีกว่าจริงๆ
แต่ปัญหาจริงๆคงเป็นว่าต้องรวมกลุ่มใหญ่ๆก่อนถึงจะไปดูห้องแบบนี้ได้ ดังนั้นถ้าแค่ไปดูกัน 2 คนแบบคนส่วนใหญ่แล้ว เท่าที่นึกภาพตอนนี้ราคาน่าจะยังแพงกว่าการดูในโรงใหญ่ๆ อยู่เยอะครับ
มันจะเป็นธุรกิจห้องฉายหนังแทนโรงหนัง อาจจะให้เช่าห้องหรือจัดรายการหนังตามสั่ง
เหมือนเช่าห้องประชุม ห้องสัมนา มีขนาดห้องให้เลือกตามความจุคน เลือกระยะเวลาที่จะเช่า
เลือกหนังที่จะให้เปิด จะเอาหนังมาเอง หรือใช้หนังของสถานที่ มีเจ้าหน้าที่บริการฉายให้
ถ้าเอาหนังมาเอง ก็มีกฏข้อห้าม เช่นหนังโป๊ หนังที่ไม่เหมาะสม เจ้าหน้าที่ฉายสามารถหยุดการฉายได้ถ้าเห็นว่าผิดกฏ
ถ้าหนังใหม่คงยากเพราะค่าลิขสิทธิ์อย่างที่ว่า แต่หนังเก่าต่อไปคงมีลิขสิทธิ์แบบ Streaming เหมารวมหรือแบบ PPV มาเป็นทางเลือกเพิ่มจากแผ่นมากขึ้น ถ้าระบบ cloud พร้อม แต่มันจะมีการป้องกันลิขสิทธิ์ตัว content เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยแบบแผ่นยังไงต้องดูเทคโนโลยีอีกที
ดีครับเป็นทางเลือกใหม่
คนที่อยากดูหนังจอเล็กลงแต่ราคาแพงขึ้น
สั่งอาหารได้เหมือนดูหนัง4 มิติ ได้รสและกลิ่น (แต่ไม่ตรงกับหนัง)
ไม่ต้องมาระวังมารยาทกัน เพราะมากันเป็นหมู่คณะ เพื่อนกันไม่ต้องเกรงใจกันก็ได้
ปวดฉี่ตอนไหนก็ได้ฉี่สั่งหยุดหนังไว้ก่อน พวกท่านๆต้องรอกระผมด้วยนะ
แบบว่าไอ้อย่างนี้อะที่บ้านผมก็มีไม่ต้องออกไปเสียตังหรอก
ถ้าไม่ใช่หนังฟอร์มใหญ่จริงๆ เขาไม่ค่อยออกไปดูหนังนอกบ้านเพราะเขามีโฮมเธียเตอร์อยู่บ้านแล้วครับ ไม่ใช่เพราะโรงหนังเสื่อมความนิยมแต่อย่างใด ส่วนมากที่ใช้บริการอยู่ก็เยอะนะครับ ใช้เงินร้อยกว่าบาทหาความสุขใส่ตัวได้
ปัญหาเรื่องมารยาทของคนที่ไม่รู้จักกัน ในโรงหนังมีน้อยมากครับ คนที่ไม่รู้จักกันจะเกรงใจกัน ส่วนคนที่รู้จักกันจะไม่ค่อยเกรงใจกัน
ถ้าอยากได้บรรยากาศโรงหนังเล็กๆ บรรยากาศส่วนตัว จำนวนที่นั่งน้อยๆ มีโซฟาพร้อมผ้าห่ม+หมอน มีบริกรเสริฟอาหารพร้อมเครื่องดื่ม แนะนำ ENIGMA The Shadow Screen ที่พารากอนครับ คู่ละ 3000 บาท
โดยส่วนตัวเพราะ
ภาพนวล แล้วก็มุมมองจากสายตากับจอ ละมั้ง(ที่ไปดูก็เพราะความต้องการข้างต้นเป็นส่วน ใหญ่เป็นหลักส่วนเรื่องเสียงที่คาดหวังไปดูทีไรก็ไม่ประทับใจสักที)เนื่องจากไม่ค่อยไปดูบ่อย(แล้วก็เลือกที่นั่งได้ไม่อิสระ)
แต่ก็ชอบดูที่บ้านมากว่าเพราะไม่ชอบดูตามกระแสบางเรื่องก็ไม่ฉายในโรง หรือไม่คาดหวังว่าฉายที่โรงในประเทศไทย(มักจะไม่ใช่หนัง HOLLYWOOD หรือที่ฉายในปัจจุบัน) จะนั่งจะกิน(ไม่มีcharge)จะนอนจะpause(หยุดชั่วคราว)แล้วไปที่อื่น หรือหลับไปเลยก็ยังได้ เข้าออกง่าย ห้องน้ำใกล้ ถ้าจะดูภาพเป็น Frame ก็ดูจากจอ LCD หากต้องการภาพแบบลื่นไหลก็ดูจากจอ Fluorescent ต่างๆเช่น CRT หรือว่า PDP(Plasma) ในที่อื่นๆ ถ้าลงทุนดูภาพแบบในโรงภาพยนต์แล้วไม่เห็นเส้น หรือจุด ความละเอียดสูงคงแพงน่าดู แล้วไหนจะค่าหลอดกับอุปกรณ์อื่นๆอีก นอกเหนือจากนั้นก็คงไปดู
ที่แน่ๆอย่าให้มีโฆษณาแบบยัดเยียดก่อนเริ่มเรื่องแบบบังคับแล้วยืดยาวทำให้เบื่อซะก่อนจะได้ดู
ผมว่าแนวคิด จขกท มีจุดขายนะครับ
เพราะโดยปรกติแล้ว เราจะอยากดูหนังเรื่องๆหนึ่ง ก็ตอนหนังมันกำลังจะเข้า หรือเข้าใหม่ๆ
พอมันกลายเป็นแผ่นแล้ว ความอยากดูก็น้อยลงไปมากๆๆแล้ว
ถ้าเป็นแบบหนังซูม ก็ไม่ได้อารมณ์อีก
ดังนั้นถ้าจะจับกระแสนี้ ก็จะทำให้ผู้ซื้อ สามารถดูหนังขณะพึ่งเข้าฉายในเวลาที่เราเลือกได้
กลุ่มคนที่เราเลือกได้ และเข้าห้องน้ำตามใจเราได้ ซึ่งผมว่ามันดีมาก
เห็นด้วยยยย
ลืมตอบคำถามไป ส่วนตัวผมมันเป็นประสบการณ์แบบว่าสถานที่แห่งความทรงจำที่นัดแฟนไปดูเรื่องนั้นเรื่องนี้ การรอรอบฉาย การได้นั่งกินข้าวด้วยกันอะไรแบบนี้น่ะครับ เหมือนเราอย่างรั้งเวลาให้อยู่ด้วยกันนานที่สุดแบบอบากให้รถติดนานๆ อะไรแบบนั้น ส่วนพอนานวัีนเราก็กลับไปดูด้วยกันอีกครั้งอ่ะนะ สรุปผมว่ามันยังอยู่คู่คนรักการดูหนังไปอีกนานเท่านานแหละครับ ส่วนเรื่องห้างสรรพสินค้าผมว่าเดี๋ยวนี้เขาหาจุดขายอื่นๆ นะ เพราะลำพังถ้าคนจะดูหนังอย่างเดียวก็หาแบบ stand alone ดูได้ หรือไม่ก็พ่วงกับ discount store ก็เห็นเยอะแล้ว ถ้าการตกลงผลประโยชน์ไม่ดีหนังคงออกไปจากห้างเรื่อยๆ ห้างคงยึดตัวเองเป็นศูนย์แบบเดิมไม่ได้แล้ว
เคยมีนานแล้ว แล้วก็ เจ๊งไปนานแล้วครับ
อยู่ที่ Siam Dis เข้าใจว่าคงไม่ใช่ห้างที่คนแถวนี้นิยมไปเท่าไหร่
ที่มันไปไม่รอดเพราะไม่มีหนัง form ยักษ์ฉายครับ เดาว่าสู้ค่าลิขสิทธิ์ไม่ไหว
อยากได้สิ่งแวดล้อมดีๆเวลาดูหนัง ให้ดูพวก First Class , ENIGMA อะไรพวกนั้นครับ มารยาทในโรงดีมาก
หนังโรงมันมาก่อน หนังแผ่น แถมหนังแผ่น ถ้า DVD ไม่ชัดด้วย
บรรยากาศบ้านจอไม่ใหญ่ เสียงดังมากๆ ก็ไม่ไหว เปิดแอร์ก็เปลืองไฟ
ไปดูเพราะระบบเสียงครับ
เอาไว้พาสาวไปจีบ+ออกเดทเท่านั้นละครับ
สามารถจก.... ในโรงหนังได้ครับ
(ป๊อปคอร์นชีส รสชาตินี้หาได้ที่โรงหนังที่เดียว)
คนนี้ช่วงหลังเม้นส่อตล๊อดๆ
ป้อบคอร์นชีส คือที่สุดแห่งป้อบคอร์นแล้วครับ ยังหาอะไรมาทดแทนไม่ได้ ขนาดป้อบคอร์นรส "คอร์นชีส" ของโรงหนังคู่แข่งก็ยังเทียบไม่ได้
รสสวีทคอร์นของพารากอนอร่อยมากครับ แต่ตอนนี้เอาออกไปแล้ว(ตอนที่มีก็ไม่มีโชว์บอกให้รู้)
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ดูหนังในโรงก็เหมือนดูกีฬาในสนามอ่ะครับ
มันได้บรรยากาศไม่เหมือนกัน
ผมยังชอบดูในโรงหนังอยู่ครับ สาเหตุหลักๆ ก็อย่างเช่น
รอไม่ไหว 555+ อย่างเช่น Transformers 3 เงี้ย
คือผมเป็นพวกคอหนังน่ะครับ เวลาหนังใหม่ๆ ฟอร์มดีๆ ผมมักจะรอไม่ไหว ไม่ได้ดูแล้วจะคิดถึงตลอด กินไม่ได้นอนไม่หลับ (โรคจิตแล้วแบบนี้ ฮา)
ระบบเสียง จอยักษ์ตระการตา
คือที่บ้านผมเป็นคอนโดพี่ ห้องมันเล็กๆ ติดตั้งโฮมเธียเตอร์ยาก และเปิดดังก็รบกวนห้องข้างๆ แน่ๆ T___T
แต่ข้อเสียคือผีโรงหนังนี่แหละ = ="
ผมเคยทำแบบที่คุณ Thaina บอกด้วยนะ คือไปเช่าห้องคาราโอเกะเพื่อดูหนังโดยเฉพาะ
เพราะผมมีหนัง action มันส์ๆ เก่าๆ ที่อยากดู แต่สภาพห้องปัจจุบันมันให้อารมณ์ไม่ถึง
มีอยู่ครั้งที่ผมไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนและเครื่องเล่นเพลงเขามีช่อง DVD ด้วย ผมก็เลยถามพนักงานว่าเอาหนังมาใส่แล้วดูได้รึเปล่า พนักงานก็บอกว่าได้
วันต่อมาผมหยิบแผ่นดีวีดีแล้วเข้ามาเช่าห้องคาราโอเกะนั่งดูคนเดียวเลย 555+ มีความสุข
ค่าเช่าห้องก็เท่ากับอัตราคิดต่อชั่วโมงเท่าร้องเกะธรรมดาเลย :D
โรงหนัง ภาพใหญ่ เสียงดีครับ - จอ 22" กับลำโพง 2.1 ทีบ้านผมสู้โรงหนังไม่ได้แม้แต่น้อย (ยกเว้นกด pause หนังได้ ชนะเลิศ)
หลังๆ ผมก็ไม่ค่อยอยากดูหนังในโรงแล้ว เพราะเจอผีในโรงหนัง + บัตรแพง + โฆษนาเยอะ + ลุกๆนั่งๆ
ถ้าดูโรงปกติก็จะพยายามหาบัตรฟรีหรือวันพุธ ไม่งั้นผมก็ยอมเสียเงินแพงหน่อย ซื้อตั๋ว first class ไปเลย (ถ้าอยากดูจริงๆ)ไม่งั้นก็รอแผ่นออก (ถ้าไม่ค่อยอยากดู)
ไว้มีเงินค่อยซื้อโปรเจคเตอร์กับเครื่องเสียงดีๆ ไว้ทำ Home Theater จริงๆ
หรือไม่งั้นก็ทำ DVD Bang แบบที่เกาหลีก็ได้ฮะ (เหมือนห้องคาราโอเกะ แต่เข้าไปดูหนังแผ่น) แล้วก็ประยุกต์เอาหนังใหม่มาลงแบบที่เจ้าของกระทู้ว่า ก็คงจะดีนะ :)
เพราะไม่มีเงินแสน จะสร้าง Home Theater ครับ ถึงมีก็ไม่มีพื้นที่ 555 ลำพังแสนเดียวเครื่องเสียงยังไม่พอ ไหนจะค่าห้อง ค่าเฟอร์นิเจอร์ ถ้าจะทำดี ๆ ก็เป็นล้านอ่ะครับ
คุ้น ๆ ว่า Home Theater ของคุณ นพดล ธรรมวัฒนะ มีราคาสูงกว่าโรงหนังใหม่ ๆ บางที่เสียอีก
อีกอย่าง นั่งดูหนังคนเดียวมันก็เหงาชอบกลนะ ผมเป็นพวกไม่ชอบดูหนังคนเดียว เผื่อไปนั่งแล้วสบโอกาส แอบหลับไปพิงคนข้าง ๆ (แน่นอนว่าต้องสาว ๆ) อิอิ
ผมได้ดูหนังวันธรรมดาช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ล่าสุดก็ Transformers 3 นะครับ
ถามว่าดีกว่าดูที่บ้านตรงไหน ถ้าดูกันหลายๆ คนเวลามันอินไปพร้อมกันจะมีควันหลงหลังหนังจบยาวนานกว่านั่งดูที่บ้าน แต่ถามว่าอยากดูไปทุกเรื่องไหม มันก็ไม่ไหวเหมือนกันเพราะไม่เคยไปดูหนังโรงคนเดียว ดูเรื่องหนึ่งกระเป๋าเบาเลยทีเดียว :)
เรื่องลิขสิทธิ์หนังโรงมันแพงอยู่แล้วครับ ecosystem มันพาไป (ขนาดโรง, จำนวนผู้ชม, ฯลฯ) ถ้าจะเริ่มต้นสิ่งแรกคงเป็นฝั่งผู้สร้างก่อน ซึ่งก็อาจจะต้องลดต้นทุนการสร้างลงให้พอดีกับแบบ compact
ส่วนระบบปลีกย่อย ขนาดจอ เสียง effect ฯลฯ เฉยๆ เพราะหลังๆ media player ดีๆ ก็มี แล้วสะดวกกับการรับชมมากกว่า
ถ้าดูที่บ้านมันไม่ได้อารมณ์ครับ ดูในโรงหนังสิดี เพราะ:
ผมเคยเจอพร้อมกันทั้งหมดนี่ พักหลังเมื่ออยากดูหนังก็ยอมเสียเงินนั่ง Emporer Seat เลยครับ นั่งหลังสุด / เหยียดแข้งขาสบาย / ไม่มีคนกวน / มีผ้าห่มด้วย
ปรากฏว่าตื่นมาอีกทีตอนหนังจบ -*-
ถ้าไม่ใช่หนังฟอร์มยักษ์จริงๆ ก็จะซื้อแผ่นเอาครับ รอหนังออกจากโรงแล้วก็ซื้อ DVD มาดูบ้าน หลับแล้วก็ย้อนดูได้ ดูกี่รอบก็ได้
จอบีบีเล็กๆ แสงยังแยงตา
เจอคนด้านหน้าควักไอแพดออกมาเล่น
.... - -*
พี่เชิญเอา iMac มาต่อเล่นเลยครับ ปลั๊กตรงโน้นมี (/me: ชี้ไปที่ปลั๊ก)
เป็นแผนของโรงหนังหรือเปล่า จะได้ขายที่นั่งแพงได้สักที
ในโรงหนัง ต่อให้มีพวกไร้มารยาทบ้าง แต่ก็รบกวนน้อยกว่าดูอยู่กับบ้านน่ะครับ
เปิดแผ่นดูอยู่กับบ้าน รู้สึกไม่ค่อยมีสมาธิดู
pittaya.com
distraction ที่บ้านเยอะสินะฮะ :3
นัว
ผมชอบดูคนเดียวมากกว่า แล้วก็ชอบใส่หูฟัง เพราะได้ยินรายละเอียดชัดเจนดี
แต่ถ้าหนังแอคชั่นจะเปิดลำโพงเอา ( 2.1 -*- )
^
^
that's just my two cents.
เอ๊ะ.... แอบดูหนังโป๊สิเนี่ย ^^
โรงหนังสำหรับผม:
จอใหญ่**เน้น
เสียงดี
เก้าอี้สบาย
ป๊อปคอร์น
อยู่ศูนย์กลาง เจอเพื่อนๆง่าย
twitter.com/djnoly
ประเด็นเรื่อง "ความสด" ของหนังนี่ล่ะครับที่สำคัญ มันเหมือนเป็นไฟท์บังคับไปในตัว
ตราบใดที่ธุรกิจภาพยนต์ และโรงภาพยนต์ ยังพึ่งเรือพึ่งป่ากันอยู่ ต่อให้โรงกะหลั่วที่คนสาปแช่งอย่าง M... แต่ถ้าหนังฟอร์มดีเข้า ยังไงคนก็ดู ดูไปด่าไป .. ประมาณนั้น
การทำภาพยนต์ซักเรื่องนึง แล้วมีโรงฉายแน่นอน มีการการันตีว่าขายได้ทั่วโลกแน่นอน เงินเป็นก้อนกว่าจะขายปลีกแน่ ๆ มันก็ต้องเป้นเช่นนี้เสมอไปล่ะครับ ยกเว้นผู้บริโภคจะปฏิวัติจนโรงภาพยนต์อยู่ไม่ได้ ล้มหายตายจากไป ซึ่ง .. ก็ยากอยู่ดี เพราะโมเดลธุรกิจเค้าเป็นแบบนั้น นอกจากความนิยมในหนังจะลดลง ไปสู่อื่น ๆ เช่น การ Stream ผ่านอินเตอร์เน็ต หรือซีรีทางโทรทัศน์ (ที่ผ่านมานานแล้วก็พบว่ามันยังทำลายมนต์ขลังของหนังโรงไม่ได้)
ยากครับที่จะแยกหนังกับโรงหนังออกจากกัน ยากจริง ๆ นะผมว่า
แฟนบอกว่าไม่รุจะทำอะไร..ไปดูหนังกันเถอะ ^__^
แต่ความรู้สึกส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าคนส่วนใหญ่ชอบบรรยากาศมากกว่า ประมาณว่าเราได้ไปดูว่าหนังที่เราชอบและอยากดูเนี่ย มีคนดูเยอะไหม บรรยากาศเวลาดูแล้วขำกันแทบโรงแตก หรือดูหนังผีแล้วมีคนกรี๊ดกร๊าด รวมไปถึงฉากน้อง Aoi เดินออกมาแล้วทุกคนร้อง "อู้ว" สนุกแค่ไหน มันไม่ใช่แค่เรานั่งดูหนังบนจอขนาด 50" แล้วก็มีความรู้สึกแค่คนเดียว ขำคนเดียว ร้องไห้คนเดียว กลัวผีคนเดียว
จริง ๆ แล้วเรากับแฟนก็ไม่ใช่คนชอบดูหนังสักเท่าไรค่ะ แต่ว่าเราก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ดูหนังในโรง ต่างจากเวลาดู True vision ที่บ้านเยอะเลยค่ะ
สิ่งที่ทำให้เสน่ห์ของโรงหนังมันไม่ีมีวันตาย เพราะโรงหนังมันมีชีิวิตไงค่ะ ^__^
เด็กเข้าคิวซื้อตั๋วน่ากินดี นานแค่ไหนก็ยืนรอได้ ^^
โอ๊ะ! แรง แต่ถูกใจ +10 ให้ ^____________^
ผมว่าเจ้าของโรงหนัง เขาคงไม่อยากสร้างห้องเล็กๆหลายๆห้องมั้งครับ ถ้าโรงหนัง ใหญ่ 1 โรง จุคนได้เท่าโรงหนังเล็ก 30 โรง เขาทำโรงใหญ่โรงเดียวคุ้มกว่า แล้วคนไม่ค่อยชอบ อะไรที่มันดูเล็กด้วยครับ โรงใหญ่ๆโลงมันดูสบายใจกว่า
ดูที่บ้านยังไงก็ไม่ได้อารมณ์ มันขาดอารมณ์ร่วม
เคยเป็นไหม เวลาดูหนังโรงฮา ซึ้งจี๊ดมาก แต่พอมาดูคนเดียวที่บ้าน feel ไม่ได้เลย
ตรงที่เคยฮากลับไม่ฮา ตรงที่ซึ้งกลับจืดชืด จนสงสัยว่า ทำไมตอนนั้นฮา ที่มันฮาเพราะคนรอบข้างเรา บรรยากาศเป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากที่บ้านนะ
แสดงให้เห็นถึง
รสนิยม(ของผู้ชม)
กับ
ประเภท(ของหนัง)
ส่งผลในการตัดสินใจเลือกสถานที่ชม นอกจาก เทคโนโลยี(ของการถ่ายทอด)
ไปดูหนังโรงเพราะต้องการความสมจริง ผมเลือกดูแต่หนังฟอร์มยักษ์เท่านั้น
ดูไฮเดฟที่บ้านเพราะอยากได้ความสะดวก เคยดูๆ อยู่ในโรงแล้วปวดฉี่มากๆ ไม๊ครับ นั่นแหละเหตุผล :-)
ชีวิตช่วงนึงของผมเคยเข้าไปดูหนังเกือบทุกวัน สัปดาห์ไม่ต่ำกว่า 3 วัน อยู่หลายปี พอมีเหตุต้องย้ายไปทำงาน ตจว. ก็ต้องเข้ามาดูหนังที่ กทม. เดือนละ 2-3 ครั้ง (ตจว. ไม่มี sound track)
ปัจจุบันย้ายกลับมาทำงาน กทม. หลายปีแล้ว แต่อัตราการดูหนังในโรงลดลงเรื่อยๆ จนในปีนี้ผมเข้าโรงไปดูแค่ 2 เรื่อง
เหตุผล
1)เบื่อผีโรงหนัง
2)ไม่มีเวลา (เมื่อก่อนปกติผมจะชอบดูหนังรอบสุดท้ายคือ 5 ทุ่มกว่า แต่มาปีหลังๆเนื่องด้วยอายุมากขึ้นไม่สามารถถ่างตาดูได้ หลับคาโรงมาหลายเรื่อง)
3)bittorente อันนี้ยอมรับเลยว่าโหลดมาดู ตั้งใจไว้ว่าหากมีบริการซื้อขายหนังเป็น file จะซื้อทันที เนื่องจากผมจะไม่เก็บมีเดียทางฟิสิคอลอีกต่อไป เหตุเพราะหนังที่ผมสะสมมาหลายมีเดียมากตั้งแต่ VDO ->VCD ->DVD อายุการใช้งานสั้นมาก
4)จอ 42 นิ้ว หูฟังดีดี HD-Box โซฟานุ่มๆที่คุ้นเคย