เหตุการณ์ในที่นี้ สมมติขึ้นจากเหตุการณ์จริง และอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลใด
ถ้า น.ศ.เสนอหัวขอโปรเจคไป แล้วอาจารย์ไม่ให้ทำด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
ไม่ให้ใช้ MySql เพราะมันง่ายไป ให้ใช้ Oracle แทน (น.ศ. ใช้คอมเก่าๆ ram 1GB แต่ โปรเจคทำเกี่ยว BB App เชื่อมกับเว็บ)
ทำเกมส์น่ารักๆบน Windows Phone 7 แต่ อาจารย์บอกว่าไม่ให้ทำ ผมไม่ชอบ Windows Phone 7 มันบ้านนอก ผมยังไม่เคยใช้
อาจารย์อยากให้เด็กทำ เกมส์ด้วยแฟลช + 3D แต่ถามว่าจะไปหาข้อมูลที่ไหน ทำอย่างไร ได้คำตอบว่า ไปหาเอาเองสิ
หากกลุ่มไหนทำเรื่อง iPhone จะได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษ เพราะอาจารย์เพิ่งถอย Macbook + iPhone มาใหม่
นอกนั้นไปหาทางกันเอาเอง
คำถามคือ
ถ้าเจออาจารย์แบบนี้ แต่เราอยากจะทำ Windows Phone 7 ด้วยเกมส์ที่ไม่ซ้ำใคร จะหาวิธีอธิบายหว่านล้อมอาจารย์อย่างไรดีครับ
มีเงื่อนไขว่าห้ามเปลี่ยนอาจารย์ นะ
ถ้าไม่ได้ขอความช่วยเหลืออาจารย์ก็ทำไปเลยครับ
อาจารย์ที่ปรึกษาไม่ใช่เจ้านายครับ หน้าที่คือให้คำปรึกษา ถ้าปรึกษาไม่ได้ก็เป็นแค่คนให้คะแนน
ดังนั้นลุยไป ถ้างานออกมาดี คะแนนก็ออกมาดีเองละ
ปัญหาทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจริงๆกับเด็กๆหลายๆกลุ่มที่ผมช่วยสอนพิเศษให้น่ะครับ
ปัญหาคือเด็กเหล่านั้นไม่ได้ถูกสอนให้ ถก หรือ หาเหตุผลโต้แย้ง กับผู้ใหญ่หรืออาจารย์
และปัญหาคือเปลี่ยนอาจารย์ไม่ได้ด้วย ไปเถียงก็ไม่กล้าไปกัน เวลาสอนก็สอนพื้นๆ แต่พอจะเอางานขอหนักๆ คืออาจารย์ที่ปรึกษา กับอาจารย์กรรมการมันคนละแบบนะ ผมเคยเป็นอาจารย์มหาลัยมาก่อน ถ้าเด็กมันเคยอ่อนมาก่อนเพราะไม่เคยเรียนกับเรา เราก็ต้องหาทางช่วย ให้โจทย์ไป ให้ solution สอนวิธีใช้ google พอถึงวันที่ส่งเค้าก็ทำเป็น คิดเองเริ่มได้ ได้งานทำกัน
ส่วนนึงก็โทษเด็ก แต่อีกส่วนนึงเมื่อเด็กอ่อน มาเจอระบบแบบนี้ไม่ไหวครับ เพราะขอทำเรื่องที่อยากลุยแต่อาจารย์ไม่ให้ทำเพราะเหตุผลว่า มันบ้านนอกนี่ผมละหมดปัญญาช่วยจริงๆ
อาจารย์ฟังดูอคติจัง
อย่าไปใส่ใจครับ ทุกอย่างย่อมมี ปัญหา และทางออก
ปัญหาเรื่อง ทำ Project แบบนี้เป็นแค่ปัญหาเล็กน้อย ที่จะต้องเผชิญต่อไป หากเราตั้งมั่นผ่านไปได้ ความรู้ที่ได้รับกลับมา หรือ ประสบการณ์ต่างๆ จะเป็นรางวัลแก่เราเองครับ สู้ๆ ครับ อย่าไปใส่ใจคิดว่า
อ.ชอบทำตัวเป็นกบในกะลา เก่งแต่กับเด็กๆ นักศึกษา
ก็อย่าไปใส่ใจครับ ทนๆ ทำไปความรู้ของเราอยู่ที่การต่อสู้กับปัญหาแบบนี้ล่ะครับ ขอให้แสดงออกมาด้วย ผลงานดีๆ แค่นี้ อนาคตเราก็ไปไกลแล้วครับ
ผมมองว่าข้อมูลหลายอย่างๆ แม้แต่ paper งานวิจัยยังมีให้อ่านบน internet การที่เราได้ลองค้นคว้าด้วยตัวเองระหว่างเรียนก็นับเป็นเรื่องที่ดี ได้ฝึกหลายๆอย่าง โดยเฉพาะถ้านับแต่ประเด็นที่เสนอมา แทบทุกอันไม่ใช่วิชาเรียนด้วยซ้ำ ซึ่งความเป็นจริงคุณต้องศึกษาเองอยู่แล้ว การมารอความหวังจากอาจารย์ผมว่า ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ..... ยกเว้นแต่ว่าอาจารย์ให้เวลาทำงานน้อยแบบที่ไม่เผื่อให้ค้นคว้า..อันนี้นับเป็นอีกเรื่องโดย อาจารย์น่าจะสอนให้เพื่อทดแทนเวลาส่วนค้นคว้า
3.1 หากเปลี่ยนอาจารย์ไม่ได้ จะทำเกมส์ด้วย WP7 ก็ต้องทำ Prototype ให้อาจารย์ดู เพราะอาจารย์ไม่เห็นภาพว่าน้องจะทำได้จริง
ปรกติเราต้องเลือกอ.ที่ปรึกษาตามความรู้ความสามารถของอ.ไม่ใช่เหรอครับ ? (แล้วต้องเลือกในช่วงที่เสนอหัวข้อด้วยนิ)
ส่วนตัวผมก็จะตอบที่ดักคอไว้แหละ ... เปลี่ยนอ.เถอะ
ความจริง spec คอมเก่าๆ ไปเริ่มหัดจาก Oracle เวอร์ชันเก่าๆหน่อย (8 - 9) ก็น่าจะโอเคอยู่นะครับ แต่ถ้ามองกันจริงๆ BB App ไม่น่าจะมีอะไรมากขนาดต้องใช้ Oracle เนอะ :P
ขอแชร์ประสบการณ์ครับ
ตอนที่ผมทำโปรเจคจบ ผมดันไปเลือก python เป็นเครื่องมือซึ่งในตอนนั้นแม้แต่อาจารย์ก็ยังแทบไม่รู้จัก(ตอนแรกเลือก JAVA ไว้ แต่ดันทะลึ่งเปลี่ยนก่อนเริ่มโปรเจคไม่กี่วัน) โดยอาจารย์ที่ปรึกษาโปรเจคดันเป็นอาจารย์ประจำภาคและอาจารย์ทุกท่านจะต่อดูแลเด็ก 3 กลุ่มพร้อมกัน ตอนแรกๆ กลุ่มผมนี้โดนหนักสุดๆ ส่วนอีกสองกลุ่มโปรเจคเริศหรูมาก เรียกว่าถ้าทำออกมาเสร็จรับรองอาจารย์ท่านได้หน้าไปเต็มๆ (หลังปิดโปรเจคจะมีประกวดโปรเจค)
ทำไปทำมาสมาชิกในทีมผมจากสามเหลือสองคน โดน dead line สาระพัด ทุกครั้งที่ประชุม กลุ่มผมจะโดนซักอย่างหนัก แต่อีกสองกลุ่มนี้เหมือนมาสังสรรค์เลย ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งลูกศิษย์และอาจารย์ (เวลาประชุมจะประชุมพร้อมกันสามกลุ่มในห้องเดียว เห็นกันหมด คงนึกบรรยากาศออกนะครับ) ยังคงโดนอยู่เรื่อยๆ จนถึงขนาดอาจารย์ท่านจะทำเรื่องดรอปกลุ่มผมให้เองเลย ถ้าไม่ยอมไปดรอปกันเอง
ชีวิตต้องสู้ฟัดครับ สู้ไปเรื่อยๆ จนตอนหลังกลุ่มผมสามารถฝ่าฟันวิกฤตมาได้และที่สำคัญได้พิสูจน์ให้อาจารย์ท่านนั้นเห็นได้ถึงความตั้งใจและตั้งมั้น กลายเป็นว่าตอนใกล้ปิดโปรเจค กลุ่มผมเป็นกลุ่มที่อาจารย์แทบจะไม่คอมเมนต์งานเลย ท่านให้ผ่านแบบง่ายๆ ส่วนอีกสองกลุ่มกลายเป็นท่านต้องไปจี้ก้นพวกนี้ให้เสร็จและใช้การได้จริงๆ แทน ต้องขอบคุณอาจารย์ท่านนี้มากที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารับผิดชอบ มุ่งมั่น และวิ่งสู้ฟัด!
การทำงานจริงๆบางครั้งหรือส่วนใหญ่ เราก็ไม่ได้ทำอะไรตามใจเราทุกอย่าง
* ลูกจ้างก็ขึ้นอยู่กับว่านายจ้างสั่งให้ทำอะไร
* ฟรีเลนสมีธุรกิจส่วนตัวก็ต้องจับให้ตรงกับเสป๊กลูกค้าที่สั่ง
* เขียนโปรแกรมขายเองผ่านตลาดออนไลน์ก็ต้องจับให้ถูกกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่
คิดไว้ว่าเจอ อ.อคติวันนี้ จะได้หาวิธีรับมือกับ นายจ้างหรือลูกค้าในวันหน้า
ส่วนวิธีผมว่าคุณเองน่าจะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด ลอง list วิธีเข้าหา จินตนการว่าคุยกับ อ. แล้วมองว่ามันสำเร็จมั้ย
{$user} was not an Imposter
เขียนตารางข้อดีข้อเสียไปให้ อ. ช่วยเติมคำครับ บอกว่าขอเป็นความรู้หน่อยเรื่อง WM7
แล้วเราก็เพิ่มข้อดี อธิบายข้อเสียของ อ. กลับไป WP7 อาจจะมีข้อเสียมากกว่าจริงๆก็ได้
ไม่เราก็ทำการบ้านมาไม่พอครับ แล้วก็ลองเอาไปให้ คนอื่นดูแล้วเอาความเห็นมาเปรียบเทียบด้วย
เช่น อ. ท่านอื่น, เพื่อน, ใน web it ต่างๆ เพื่อเพิ่มข้อมูลในการตัดสินใจครับ
เน้นที่ อ. ท่านอื่นเพื่อที่จะได้ผลลัพธ์เร็วและอาจจะดราม่าแทนเราทันที หุ หุ หุ
จะทำอะไรสักอย่างเราก็ต้องดูตามความเหมาะสมครับ ส่วนเรื่อนใครเขียนแอปไอโฟนนั้นอาจารย์จะช่วยเป็นพิเศษ ผมคิดว่าคุณเรียนรู้อะไรเองไม่มีคนสอนแหละดีแล้วดีที่สุดแล้วครับ จบออกมาจะได้ชิน ไม่ต้องไปรอคอยให้บริษัทส่งคุณไปเทรน
เปลี่ยนที่ปรึกษาโปรเจ็ค หาคนที่เปิดกว้างมากกว่าไม่ได้อยู่ในคอก
เจอ อ. สาวกแอปเปิ้ลเข้าซะแล้ว
ไม่เห็นจะแปลก ชีวิตจริง คุณเลือกลูกค้า (อาจารย์ == ลูกค้า) ได้เสียที่ไหนกัน?
บางครั้ง เค้ามี framework อยู่แล้ว และคุณต้องพัฒนาตามนั้น ถ้าคุณไม่ทำงานนี้ งานนี้ก็โดนคนอื่นเอาไปรับประทาน
และการขนขวายหาข้อมูลที่ตัวเองก็ไม่รู้ (Oracle, Flash, 3D) และก็ไม่มีใครที่รู้จักรู้ แต่ต้องใช้งาน ก็คิดเสียว่าเป็นการฝึกการค้นคว้าหาข้อมูลและศึกษาด้วยตัวเอง ไม่มีใครเป็นอาจารย์คอยป้อนให้คุณได้ตลอดชีวิตหรอกครับ วันหนึ่งคุณอาจจะต้องเป็นผู้นำ จะนำเล็ก นำใหญ่ แต่เวลานั้นมันคอยคุณอยู่
คิดเสียว่ามันคือการซ้อมการทำ Software Project ครับ ชีวิตจริงมันโหดร้ายกว่านี้มากมายนัก (ไม่รู้จัก domain ลูกค้า, ไม่รู้เทคโนโลยีที่เค้าใช้, ต้องไปตามใช้เทคโนโลยีเก่า, ความต้องการเปลี่ยนยิ่งได้ทุกครั้งที่เจอกัน, โดนดึงเรื่องเก็บเงิน, ไม่ยอม sign-off, ข้อร้องแกมบังคับให้เพิ่มฟีเจอร์/ช่วยดูแลระบบที่ขายไปแล้ว)
ถ้าคุณมีทักษะการเจรจาต่อรองพอ คุณอาจจะโน้มน้าวอาจารย์ให้เปลี่ยนใจ หรือปรับลดความต้องการที่โอเวอร์ ให้เป็นอย่างที่คุณต้องการก็ได้
มีแต่คนเก่ง ฮ่าๆ
บางที คำตอบคนเก่งๆก็ทำให้คนไม่เก่งท้อได้นะ
ผมก็อาจารย์ครับ ที่ถามนี่คือ ลูกศิษย์เรียนพิเศษผมเจอมา ผมมองว่ามันก็เป็นส่วนนึงของปัญหาแรงงานขาดตลาด ทั้งที่คนจบล้นตลาดแต่ไม่มีคุณภาพ
คำตอบบางทีก็แค่พูดว่า ก็ต้องทำ สู้ ไม่ต้องสนใจ ทุกคนรู้แหละครับ แต่หลายคนไม่มีปัญญาจริงๆ (ปัญญาไม่ถึง แถมยังขี้เกียจ ดูถูกความสามารถตัวเอง ดีแต่อวดของเล่นพวกเทคโนโลยีไปวันๆ) เราควรจะหาวิธีสอนที่มันเป็นมาตรฐานในระดับหนึ่งว่าการสอนแบบไหน แนะนำแบบไหนจะช่วยให้คนอยากศึกษาเอง ได้บ้าง
นั่นคือสิ่งที่ผมทำอยู๋ทุกวันนี้ แต่ผมก็ต้องสอนเด้กไปรบกับอาจารย์ที่ปรึกษางี่เง่าไปในตัว ไอ้ครั้นจะให้มันไปเถียงมากก็อันตรายตอนสอบจบอีก เกิดหมั่นไส้มาก็ลำบาก คนเก่งอย่างท่านทั้งหลายไม่มีปัญหาหรอกครับ
ประเด็นแรก "เจออาจารย์อย่างนี้ ทำยังไง" เงื่อนไข "ห้ามเปลี่ยนอาจารย์"
คำตอบส่วนใหญ่ งั้นก็ต้องทำ ชีวิตจริงๆ ก็เป็นแบบนี้ เลือกไม่ได้
ประเด็นที่สอง "แต่หลายคนไม่มีปัญญาจริงๆ (ปัญญาไม่ถึง แถมยังขี้เกียจ ดูถูกความสามารถตัวเอง ดีแต่อวดของเล่นพวกเทคโนโลยีไปวันๆ)" ความต้องการ "แนะนำแบบไหนจะช่วยให้คนอยากศึกษาเอง"
จากวงเล็บ (ปัญญาไม่ถึง แถมยังขี้เกียจ ดูถูกความสามารถตัวเอง ดีแต่อวดของเล่นพวกเทคโนโลยีไปวันๆ) กลุ่มนี้ผมว่า ไม่ว่าจะเปลี่ยนแนวการสอนยังไง ก็คงได้เท่านี้ครับ คุณอยากได้ แนวทางที่คนอยากศึกษาเอง แต่บางคน "แถมยังขี้เกียจ" เขาทำได้แค่นี้ ก็คงแค่นี้ครับ :P
สรุป ให้จินตนาการว่าเรียนจบไปเสร็จ เจอหัวหน้างี่เง่าแบบนี้ "เราเปลี่ยนตัวเราง่ายกว่าเปลี่ยนคนอื่นครับ"
คำถามคุณคือ
"เราอยากจะทำ Windows Phone 7 ด้วยเกมส์ที่ไม่ซ้ำใคร จะหาวิธีอธิบายหว่านล้อมอาจารย์อย่างไรดีครับ"
แล้วถ้าได้เครื่องมา ก็ไปบอก อ. คุณว่า ขนาด MS ยังสนับสนุนคุณ
อันนี้ช่วยคุณคิดต่อว่า ถ้า อ. ยังไม่เห็นด้วยกับคุณ
ก็ต้องถามต่อว่า อ. มีผลต่อการผ่านของ project ของคุณมากแค่ไหน
ผมไม่รู้ว่ามหาลัยไหน แต่ถ้าระบบเหมือนทั่วๆไป
ต้องถามเด็กว่า แล้วไปเลือกอาจารย์ที่เค้าไม่ชอบสิ่งที่คุณจะทำ ทำไม?
อาจารย์แต่ละคนเชี่ยวชาญแค่บางเรื่อง ชอบบางเรื่อง และต้องมีไม่ชอบบางเรื่อง
เด็กต้องวิ่งไปหาอาจารย์ที่เชี่ยวชาญและชอบตรงกับตัวเอง ไม่ใช่เปลี่ยนอาจารย์ให้เป็นไปอย่างที่ตัวเองชอบ
ไม่ให้ใช้ MySql เพราะมันง่ายไป ให้ใช้ Oracle แทน (น.ศ. ใช้คอมเก่าๆ ram 1GB แต่ โปรเจคทำเกี่ยว BB App เชื่อมกับเว็บ)
ทำเกมส์น่ารักๆบน Windows Phone 7 แต่ อาจารย์บอกว่าไม่ให้ทำ ผมไม่ชอบ Windows Phone 7 มันบ้านนอก ผมยังไม่เคยใช้
อาจารย์อยากให้เด็กทำ เกมส์ด้วยแฟลช + 3D แต่ถามว่าจะไปหาข้อมูลที่ไหน ทำอย่างไร ได้คำตอบว่า ไปหาเอาเองสิ
หากกลุ่มไหนทำเรื่อง iPhone จะได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษ เพราะอาจารย์เพิ่งถอย Macbook + iPhone มาใหม่ นอกนั้นไปหาทางกันเอาเอง
สถานะการณ์นี้ มันแบบเด็กปึก เจออาจารย์อะไรก็ไม่รู้ แต่ผมคิดไว้ละว่าคงช่วยเด็กกลุ่มที่โดนบังคับให้ทำ Flash 3D ไม่ได้ละ จนปัญญา เด็กมันก็ไม่คิดจะขวนขวายแต่แรก จนไม่ไหวแล้วค่อยมาปรึกษาผม แต่ก็อยากช่วยนะ
ผมยกตัวอย่างว่าเรื่องบางเรื่องต่อให้เราพยายามแค่ไหนบางทีมันก็ยังทำไม่ได้
ผมหัดเล่นกีตาร์อยู่ 3 ปี เล่นทุกวันอย่างน้อยๆ 15 นาที มือด้านเจ็บถลอกขนาดไหนก็ทน เล่นจนมือพอง ก็ยังเล่นต่อ เข้าห้องซ้อม หัดฟังเพลง ไปเรียนกีตาร์ แต่ทำยังไงมันก็เก่งไม่ทันเพื่อน ที่พร้อมๆกันซักที
แต่กับคอมพิวเตอร์ ผมกลับเป็นเร็วมากๆ ก็เลยแค่อยากช่วยเด็กที่มันไม่ไหวจริงๆ ให้มันพอได้ เอาตัวรอดได้ก็เท่านั้นแหละ
เรื่องดนตรี ผมเคยอ่านเจอ ชายนิ้วขาดเหลือแค่ 3 นิ้วยังพยายามฝึกตัวเองเป็นปีๆ จนเล่น กีต้า classic ได้ จำได้ว่าดังด้วยเพียงแต่ผมจำชื่อไม่ได้ อยู่ที่ความพยายามครับ ส่วนเรื่องเทียบกับเพื่อนที่ไปไวกว่า คุณฝึกอย่างน้อย 15 นาที กับเพื่อนเอง ถ้าเขาฝึกอย่างน้อย 1 - 2 ชั่วโมงจะเอาอะไรไปเทียบหล่ะครับ เพราะเรื่องนี้มันพึ่งความสามารถทางประสาทสัมผัส กับกล้ามเนื้อ ต่างกับเรื่องค้นคว้าข้อมูลที่จะเอามือเดียว พิมพ์ หรือสองมือ engine ตัวเดียวกัน ผลการค้นหามันก็ออกมาเหมือนๆ กัน
ผมไม่เชื่อว่า สำหรับการค้นคว้าข้อมูลใน internet ไม่มีใครในสายนี้ ถ้ามีความพยายามพอ จะค้นคว้าเองไม่ได้
หลักๆ ที่ผมเจอกับลูกค้าที่มาเล่นที่ร้าน เด็กๆ หารายงานทำ บอกว่าหาอะไรไม่เจอ ส่วนใหญ่เพราะ keyword ที่ใช้ในการค้น เช่น ครูสั่งงาน "สามรถปลูกผักปลอดสารพิษชนิดใดในภาคใต้ได้บ้าง"
เด็กจะเอาคำนี้มาหากันเลย "สามรถปลูกผักปลอดสารพิษชนิดใดในภาคใต้ได้บ้าง" ใส่ google กดปั่ง
ถ้ามันไม่เจอ ไม่คิดเฉลียวใจ ที่จะหา "การปลูกผักปลอดสารพิษ" "ผักที่ปลูกได้ในภาคใต้" มาค้นทีหละส่วน
หลังจากหาไม่เจอ มักจะบ่นให้เรากวนใจ "คอม ร้านนี้แม่งกาก หาอะไรแม่งก็ไม่เจอ แล้วหันมามองผม (กรูผิดใช่ไหมแสรด) แล้วก็กดเข้า web SF ไล่ยิงกันรอแม่มารับบอกหาไม่เจอไปอีกร้าน (คงทำ loop เดิม หาไม่เจอเล่นเกมส์ดีกว่า)
...
Ton-Or
เรื่องกีตาร์นี่ผมแค่เฉลี่ยน่ะครับ ผมว่าตอนนั้นผมเล่นมากกว่า computer เยอะ เพราะคอมผมอาศัยอ่านจากหนังสืออย่างเดียว ไม่มีเงินซื้อ แต่แป๊บเดียวก็เป็น กีตาร์ ปีแรก อาทิตย์นึง มีวันที่เล่น 2-3 ชม.อย่างน้อย 2 วัน มันก็ยังไม่ได้ยังไงก็ไม่เข้าใจ
ความจริงคือเด็กยังพยายามไม่มากพอ เท่านั้นครับ ความช้าไม่ใช่ปัญหาถ้าพวกเค้ามีความต่อเนื่อง
นั่นแหละปัญหา ตอนนี้ผมก็มาแก้ปลายเหตุ แต่ก็ระหว่างนี้ก็คิดไปด้วยว่าจะโน้มน้าวให้มันชอบคอมเหมือนที่มันชอบอวด iPhone 4 กันได้ยังไง
บางทีอาจารย์อาจจะไม่ได้โหดขนาดนั้น แต่เด็กเอาอคติตัวเองใส่ลงไปตอนเล่าเรื่องของอาจารย์
ผมก็เคยทำ :P
เข้ามาอ่านหลายรอบ จนเก็ทแล้วว่าอาจารย์ท่านนี้....
อยากได้เกมแฟลชสำหรับ iPhone LOL
ฮ่าๆ
{$user} was not an Imposter
ผมกะจะบอกเด็กให้ไปขออาจารย์ทำ flash บน iPhone อยู่นะ ประชดไปเลย ฮ่าๆ เกิดอาจารย์บอกว่าเอาเลยนี่ ช็อคแน่
อาจารย์ไม่เข้าใจเด็ก เด็กก็ไม่เข้าใจอาจารย์...
อย่าลืมว่า ตอนนี้เรากำลังฟังความแค่ข้างเดียวจากเด็ก
มุมมองที่เด็กมองอาจารย์ หลังจากโดนขัดคอไม่ให้ทำสิ่งที่อยากทำก็ไม่ผิดที่จะมีอคติบ้าง แต่อาจารย์อาจจะมีเหตุผลของเค้าก็ได้ เวลาออกมาทำงานเราก็อาจจะต้องเจอเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้
ถ้าการโต้แย้งไม่เป็นผล เราก็ต้องทำตามคำสั่ง อีกอย่าง
ยังไม่ได้ลองเลย ใครจะรู้ผลลัพธ์อาจจะออกมาดีก็ได้
แต่ผมตะหงิดๆข้อแรกอ่ะครับ แรม 1GB รันอีมู BB ไม่รู้จะผ่านมั้ยเลยครับ
รันอีมูได้ทุลักทุเลพอสมควร ก็เลยต้องไปเพิ่มเข้าไป
แต่ถ้าใช้ Ora จะไปเช่าโฮสท์ถูกๆทำเซอร์ฟเวอร์เองคงไม่ได้นะครับ มันก็ได้อย่างมากแค่โชว์โปรเจค เอาไปใช้จริงไม่ได้นะ
ฟังดูลักลั่นย้อนแย้ง
ถ้าอาจารย์ให้ทำเกม 3D บน HTML5 ล่ะ.....
หลายๆข้อไม่แปลกครับ หลายๆท่านที่ผ่านมหาลัย หรือทำงานมาแล้ว น่าจะรู้ดี ว่าเป็นเรื่องปกติ เรื่องพวกนี้
แต่ถ้าเป็นนักศึกษาเรียนอยู่ อาจจะมีน้อยใจบ้าง แต่ผมว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ในเมื่อเปลี่ยนอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ได้แล้ว
ก็คงจะไปเครียดอะไรไม่ได้แล้ว สู้ทำให้เต็มที่ดีกว่า มีอีกหลายแหล่งข้อมูลที่เรายังหาได้นอกจากอาจารย์
แชร์ประสบการณ์ครับ
นึกถึงตอนทำโปรเจ็คจบ ป.ตรี เลยครับ
ผมกับเพื่อนเราทั้งสองต้องตอบโจทย์ให้ได้ก่อนว่าจะทำเพื่อจบหรือเพื่อตอบสนองความอยากของตัวเอง
ถ้าเลือกทำเพื่อจบก็ทำตามที่อาจารย์ต้องการ
ถ้าเลือกที่จะทำเผื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองก็ต้องพึ่งลำแข้งและพร้อมที่จะฝ่าฟันกับอาจารย์อย่างที่สุด
หลังจากที่ปรึกษากันแล้วพบกันครึ่งทางครับ ทำโปรเจ็คที่อาจารย์ต้องการแต่วิธีการก็ต่อรองให้เป็นในแบบที่เราถนัด
โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับความก้าวหน้าในการพัฒนา ผมเชื่อว่าอาจารย์ต่อให้เขี้ยวแค่ไหน ถ้าเราพูดด้วยเหตุผลมีหลักการ
ไม่ใช้อารมณ์อาจารย์ก็พร้อมที่จะรับฟัง ที่สำคัญด้วยความเป็นเด็กตอนนั้นจะชอบกวนเท้าอาจารย์ซะมาก
สุดท้ายถ้าแกไม่ยอมเราก็ต้องยอมแหล่ะครับ ในสายตาผมเด็กสมัยนี้ติดสปอยล์ไปหน่อย ไม่ค่อยมีความอดทนต่อความลำบาก
อยากง่าย อยากสบาย มากกว่าสมัยผมอีก
หลังจากจบก็เคยได้พูดคุยกับอาจารย์แกให้เหตุผลว่า ชีวิตจริงในการทำงานเราไม่สามารถกำหนดเงื่อนไขได้ทั้งหมด
ลูกค้าจะเป็นกำหนดแต่เราก็สามารถเสนอแนวทางต่างๆให้ลูกค้าพิจารณาได้แต่สุดท้ายก็ต้องแล้วแต่ลูกค้า
จงพร้อมที่จะพบโลกแห่งความจริงกันแต่เนิ่นๆเถอะครับน้องๆ
+10 ประโยคที่บอก "ที่สำคัญด้วยความเป็นเด็กตอนนั้นจะชอบกวนเท้าอาจารย์ซะมาก"
ไม่ใช่แค่ตอนนั้น ยิ่งตอนนี้ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นเด็กรุ่นหลังๆ แล้วปวดใจ
ผมไม่ใช่อาจารย์ แต่สนิทกับ อ ที่ ม เก่า ไปๆ มาๆ หากันบ่อยๆ เจออากับกริยาที่ รุ่นน้องๆ เสวนากับ อาจารย์ เดี๋ยวนี้แล้วปวดจิต
Ton-Or
สมัยผม ป.ตรี ผมได้อ.ที่ปรึกษาดี
* ให้คิดเองนะ อาจารย์แค่บอกว่ามันเว่อร์ไปไหม
* ถ้าคิดไม่ออก ก็จะให้ develop project ต่อจากรุ่นพี่
* เราต้องรายงานความคืบหน้าของงานกับอาจารย์เอง ไม่มีใครมาบังคับ
* สงสัยอะไรก็ไปปรึกษาได้
ผมก็ได้ อ.ที่ปรึกษาประมาณนี้เหมือนกันครับ
ตัวผมเองก็อยากคิดเองเหมือนกัน ชอบทำโปรเจคยากๆ สนุกดี พวกระบบงานหรือฐานมันเยอะแลดูน่าเบื่อมาก เลยหนีมาทำ Medical Product ทั้งๆ ที่ตัวเองเรียน CS เรียกว่าบ้าเข้าขั้นเลยทีเดียว
แต่ อ.บางท่านที่ผมเคยไปปรึกษาจะทำโปรเจคเพื่อที่จะหาหัวข้อก็เจอคำหว่านล้อมสารพัดให้ทำโปรเจคของแก ก็พวกงานที่แกรับมานั่นแหละ เพียงแต่อยู่ในคราบโปรเจคจบทั้งนั้น เมื่อว่ามาเช่นนี้ตัวผมเองก็ด่าปนสุภาพไปว่า
"งี่เง่าไปหน่อยมั๊ยจารย์ โปรเจคพี่คนไหนๆ เอะอะก็ทำแต่ระบบงาน ไม่มีอะไรแปลกใหม่ในสาขานี้เลย"
เหตุผลที่เอ่ยมานั้นเพราะว่า งานที่แกรับมาแกได้เหยียบแสน แต่เด็กที่ทำได้ส่วนแบ่งแค่ห้าพัน
Petdo มั๊ยล่ะครับ????
ปล.ผมสงสัยเจ้าของกระทู้จังว่า VS2010 สำหรับ WP7 มันก็อืดนรกไม่แพ้ Oracle อยู่ แล้วยังอยากจะเขียน?
ปล.พยายามอย่าอคติกับ อ. เยอะเพราะแต่ก่อนผมก็เคยเป็นเหมือนกัน ......เวลาทำงานเสร็จแล้วก็จะรู้เองว่าอ.เขาไปอย่างนั้นมีเหตุผลยังไง! สู้ ๆ ครับจะจบแล้ว
"ถ้าออกมาทำงานแล้วอยากกลับไปเรียน ป.ตรี" เพราะมันสบายกว่ากันเย๊อะ
ผมเคยใช้ Oracle Express บนเครื่อง 1024 MB พร้อมกับ VS 2003 ไปด้วย ตอนนั้นไม่รู้สึกว่าช้าเท่าไหร่นะครับ คือมันใช้ได้แหละครับ ผมถึงบอกในคำตอบก่อนหน้านั้นว่า "ให้น้องเค้าลองไปทำดูก่อน"
ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาแต่จะบอกว่า "สมัยก่อนผมโหลด MV จากต่างประเทศ 1 วันเสร็จถือว่าเร็วมาก (dial-up) แต่เดี๋ยวนี้รอโหลด youtube เกิน 5 นาทีผมเริ่มรู้สึกว่ามันช้าแล้ว"
ถามว่า ทำอย่างไร
ถ้าเป็นผม ก็แอบส่งเว็บหน้านี้ไปให้เพื่อนๆ แล้วส่งต่อๆ ไปยังไงก็ได้ให้ถึงอาจารย์ที่ปรึกษา แล้วให้เขาเข้ามาอ่านถึงความคิดของเขา
แต่ในทางความเป็นจริง ถ้าเริ่มจากคำว่า "ห้ามเปลี่ยนอาจารย์ที่ปรึกษา" ทุกอย่างก็คงจบแล้วครับ การศึกษาเมืองไทยไม่ได้ออกแบบให้เถียงผู้ใหญ่ แม้แต่ประเทศอื่น อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น คุณก็เถียงอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ได้ ก็คงต้องหาทางออกที่ฉลาดให้กับตัวเองว่าจะไปเส้นทางไหน
ถ้าผมไปถอย 3310 เครื่องใหม่มา ผมสั่งนักศึกษาไปเขียนโปรแกรมตัวไหนดี