พอดีผมสนใจปัญหาทางสังคมอื่นๆนะครับ แต่เข้าเว็บอื่นแล้วไม่ถูกใจเลย เกียวกับการระบบการโพส แล้วก็ผู้เข้ามาตอบปัญหา เช่น เย้ที่ 1....??? อะไรประมาณนี้นะ
ตอนนี้ผมสนใจเรื่องเกียวกับคุณฟิล์มกับแอนนี้นะครับ อยากอ่านความเห็นท่านอื่นมั่ง
ส่วนตัวแล้วผมให้ credit ทางคุณ แอนนี่นะ
เหตุผลง่ายๆ เพราะผู้ชายควรมากับความรับผิดชอบแต่ต้นตั้งแต่คิดใจะไปทับเค้าแล้ว (ความรับผิดชอบด้านความรู้สึกเป็นหลัก)
ไม่ได้ตามข่าวนี้เลยครับ มัวสนใจแต่เรื่อง 3G
pittaya.com
ผมคุยเรื่องนี้ในที่ทำงานพร้อมๆกับเรื่อง 3G เลยทีเดียว (มาแรงพอๆกัน)
ผมสรุปง่ายๆว่า ยืดอกพกถุง.. จบ
ผมตามข่าวแค่ผ่านๆ ครับ ไม่ได้ใส่ความเห็นลงไปในข่าวด้วย เลยไม่รู้จะคุยไรดีครับ
ทางฝ่ายญ. ก็คงช้ำใจที่ฝ่ายชายขอตรวจ DNA ก็เข้าใจครับ แต่กับฝ่ายชายเองที่คบกันชั่วครู่ชั่วคราวแถมเลิกกันไปนานแล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าเป็นลูกตัวเอง ก็คงต้องขอตรวจ DNA บ้างก็พอเข้าใจครับ
สรุป ผมไม่เข้าข้างฝ่ายไหนมากกว่า แต่เห็นใจฝ่ายญ. เพราะต้องเลี้ยงลูกด้วยอะไรด้วย ถ้าไม่ตรวจ DNA ผมก็บอกอะไรเพิ่มไม่ได้หรอกครับ
ผลออกมา เป็นลูกของแด๊กบิ๊กแอส
เอวัง...
ผมมาตอบว่าใน forum คุยกันตามสบายครับ เรื่องอะไรก็ได้
ผมว่าทั้งคู่เป็นที่ระบายอารมณ์ ของสื่อ และผู้คนทั่้วไป (โดยเฉพาะในอินเตอร์เน็ต) ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องของคนสองคน ทำกันสองคน แต่ดูเหมือนคนนอกจะตัดสิน และ ลงโทษไปโดยอาศัยความรู้สึกล้วน
เห็นด้วยครับ
ถ้าสื่อไม่เล่นข่าวมากนัก ปัญหาคงสามารถเคลียร์ได้ง่ายขึ้น
ผมว่าคนที่รู้อยู่แก่ใจก็คือฝ่าย ญ
ถ้ามั่นใจว่าปี้อยู่แค่คนเดียวแล้วติดลูก จะมายึกยักไม่ยอมตรวจ DNA ทำไม
แหมเรื่องนี้ก็พูดยากนะครับ ในมุมมองอย่างนี้ก็เหมือนกับการตบหน้าผู้หญิงแหละครับ ประมาณว่าปี้หลายคนรึไง - -"
อีกทั้งตามข่าวนะครับ เห็นว่าผู้หญิงชวนไปตั้งแต่ท้อง4 เดือนละ แต่ผู้ชายดันไม่ไป (เหมือนไม่อยากไปด้วยใจ) แต่ตอนนี้จะไป (เพราะสังคมบังคับให้ไป).....เป็นผม ผมคงคิดหนัก
เรื่องตรวจตั้งแต่ 4 เดือนนี่ รู้สึกว่า ช เป็นคนไล่ให้ไปตรวจนะ แล้วฝ่าย ญ ไม่ยอมตรวจเพราะห่วงลูก เพราะเห็น ช โดนด่ากันฉิบหายวายป่วงว่าต้องเจาะถุงน้ำคร่ำแล้วเก็บตัวอย่างไปตรวจ ไม่คำนึงถึงอันตราย
ถ้าเป็นผม ผมก็ขอตรวจอย่างเดียวเหมือนกัน one night stand แล้วมาร้องว่าลูกผม เป็นผมก็ไม่ยอมเหมือนกันแหละ เพราะขนาดกับตัวผมยัง one night ได้ แล้วกับคนอื่นละ แล้วกี่คน กี่คืน
ดูอย่างแด๊กซิ ตอนแรกก็โดนด่าจะเป็นจะตายเหมือนตอนนี้ แล้วพอความจริงเผย มีใครด่าฝ่าย ญ ขอโทษฝ่าย ช มั่งปะ
ถ้าฟังจากผู้หญิงให้สัมภาษณ์ เขาบอกว่าเขาเป็นคนขอตรวจเองนะ เพราะกลัวผู้ใหญ่จะไม่สบายใจ (ช่วยไปแล้วทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าหลานตัวเองหรือเปล่า)
แต่ถ้าว่ากันตามตรง ผู้ใหญ่ฝ่ายชายก็ช่วยเหลือเงินทองอะไรไปแล้ว (ตัวผู้ชายเองยอมรับว่าให้เป็นรายเดือนด้วย)
จะบอกว่าไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ มันก็แปลกอยู่นา
ปั้มกันออกมา แล้วเด็กก็ลำบาก น่าสงสารมากมาย แต่เด็กก็น่ารักนะ
ผมว่าก็ยังดีนะครับ ยังเก็บไว้อยู่ไม่ทำแท้ง, ไม่เอาไปทิ้งถังขยะตอนเกิด, ไม่เอาไปปล่อยให้แม่ตัวเองเลี้ยงแล้วเจ้าตัวก็หายจ้อย
ดังจนลงดราม่ากันเลยทีเดียว
สรุปสุดท้ายผมเชียร์เจ้าป้า!!! ตึ่งโป๊ะ
I will change the world, to the better day.
ก็พอๆ กันทั้ง ช. ทั้ง ญ. แหละครับ ง่ายทั้งคู่
ไม่ค่อยติดตาม แต่เรื่องแบบนี้ ฝ่ายหญิงรู้ดีที่สุด จะพิสูจน์ว่าตัวเองพูดจริง แล้วให้ฝ่ายชายโดนประนาม หรือจะปล่อยให้มันคลุมเครือแบบนี้ แล้วก็ให้... ฝ่ายชายโดนประนาม... อ่าว :S
ธรรมชาติของสัตว์โลกแล้ว ตัวผู้ไม่มีทางมั่นใจได้ว่า ลูกที่อยู่ในท้องนั้นเป็นลูกของตน แต่ตัวเมียนั้นมั่นใจแน่นอนว่าเป็นลูกของตนแน่ ๆ (ยกเว้นการอุ้มบุญนะครับ แห่ะ ๆ)
เรื่องของลาใหญ่ก็เหมือนกันแหละครับ พอความจริงปรากฎก็ไปนอนสิครับ ไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้วนี่ครับ
Jusci - Google Plus - Twitter
ผมก็ให้ credit ญ ครับ
ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งที่มั่วหลายๆคนเค้าคงไม่สดกันหรอกครับ โรคเยอะแยะ (มั่วแล้วโง่เท่านั้นที่จะทำ)
แล้วก็คงไม่มั่วสดในช่วงนั้นกับหลายๆคนหรอกครับ
ผมค่อนข่างแน่ใจว่าเป็นลูก ช ที่ว่าแน่ เพราะเค้าก็ยอมรับว่ามีอะไรในช่วงนั้น(ช่วงที่เ้ค้าเริ่มตั้งท้อง มีคนบอกว่าเลิกไปนานแล้ว งงว่าเลิกไปแล้วไม่ตั้งท้องเหรอครับ) แล้ว ญ ปล่อยให้ท้องเพราะมีความรักต่อ ช แต่ ช นะตามเพลงเค้าครับ
"ไม่ได้จีบนะ แต่ได้ก็ดี
ไม่กล้าจีบหรอกครับ แต่ได้ก็เอา
ไม่ได้จีบนะ แต่ได้ก็ยาว
ก็ถ้าเธอน่ะเหงา อ่ะฉันก็ยอม"
Edit
เรื่อง DNA จากที่ได้ดูข่าวมาตั้งแต่ต้น (จริงๆเป็นยังไงไม่รู็นะครับ)
1.ญ ไม่ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ มีคนไปเจอ/เพื่อน ญ ออกมาปล่อยข่าวเพราะโดนแม่ ช ดูถูก
2.ช ออกมาร้องขอให้ตรวจ DNA ผ่านสือ(สมมุติว่า ญ นั้นเป็นน้องผม นี้มันด่าว่ากันชัดๆเลย เจ็บมากกกกกนะ)
3.ญ ไม่ได้เรียกร้องอะไร นอกจากอยากคุยกันแค่สองคน(ตอนนี้ก็คงยังไม่ได้คุย ช ทำอะไรอยู่ คุยกับเค้าสิ คุยผ่านสือทำไม) แล้ว ญ จะตรวจทำไมเพื่อใคร อุ้มท้องมา 9 เดือน กับเลี้ยงคนเดียวมาอีก 3 เดือน
ญ ออกสื่อว่า "ไม่ได้อยากทำร้ายเค้า ไม่ได้อยากทำลายเค้า"
แล้ว ญ ก็ไปออกสื่อมากขึ้น มากขึ้นและมากขึ้น เล่าเรื่องเดิมๆ
ผมว่า ญ ซึนเดเระ ไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่
ญ ของ ด บอ ก็ทำให้ ช เสียชื่อ เสียเงิน เสียเวลา
และก็มีคน ด่า ช เห็นใจ ญ เหมือนวันนี้เด๊ะ
เรื่องจบออกมา เมื่อผลตรวจ DNA ออกมาว่า ไม่ใช่ลูก ด จริง
ไม่เห็นคนด่าจะมีถอนคำพูดซักครั้ง
ประวัติศาสตร์สอนว่า
วงการบันเทิง ทั้งหมด รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง แฟน ครอบครัว
อย่าไปเชื่อถือดีกว่า
จากความคิดเห็นด้านบนนี้
อะไรก้อไม่แน่นอน เท่าวิทยาศาสตร์
ที่รู้ ฝ่ายชายทับ ฝ่ายหญิง
แต่ที่ไม่รู้คือลูกของฝ่ายหญิง ใช่ของฝ่ายชาย ป่าว
ไปตรวจซะ บอกไปเลยว่าตอน อะจ๊ากกัน เค้าใส่ถุงน่ะตัวเอง คริ ๆ ๆ ๆ
จากความคิดเห็นด้านบนนี้
อะไรก้อไม่แน่นอน เท่าวิทยาศาสตร์
ที่รู้ ฝ่ายชายทับ ฝ่ายหญิง
แต่ที่ไม่รู้คือลูกของฝ่ายหญิง ใช่ของฝ่ายชาย ป่าว
ไปตรวจซะ บอกไปเลยว่าตอน อะจ๊ากกัน เค้าใส่ถุงน่ะตัวเอง คริ ๆ ๆ ๆ
เห็นด้วยว่าเ็ป็นวงการบันเทิงไม่น่าเชื่อถือ ที่ทั้งสองร้องให้ก็ไม่รู้ได้จากการแสดงหรือเปล่า
แต่เพิ่งรู้ว่า ช มีแฟนที่คบกันมาแล้ว 8 ปี แล้วแอบมีกิ๊ก
จาก การดูข่าว และวิเคราะห์จากหลายสำนักแล้ว
ผมว่า ยังไงก็ต้องตรวจ DNA เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย และสังคมอีกด้วย
แม้ว่า จะไม่มีกฎหมายใดสามารถบังคับให้ฝ่ายหญิงต้องตรวจ DNA ได้
แต่ด้วยความสบายใจ และสังคมก็อยากรู้ เพราะถ้าปล่อยไว้ จะค้างคาใจ
และอาจทำให้เพิ่มความเครียดให้กับสังคมที่ต้องการรับรู้เพื่อความประจักษ์ชัดเจน
แต่จากเหตุการณ์ ผมก็ได้เรียนรู้หลาย ๆ เรื่องโดยเฉพาะนิสัยมนุษย์ครับ
คือ คนเราเวลาล้ม เราก็ต้องการกำลังใจ แต่สังคมไทยค่อนข้างจะไปทางซ้ำเติมให้เจ็บช้ำขึ้น
เลยเป็นอุทาหรณ์อีกข้อว่า อย่าทำอะไรผิดอีกเลย ถ้าทำผิดแล้วถูกจับได้
สังคมจะประณาม และมีการซ้ำเติมให้เจ็บแสบกว่าเดิม
สรุปแล้ว ผมว่าเรื่องนี้ กสท ผิดครับ!!!
@#$% ดึงโป๊ะ + +
คนล้มอย่าข้าม กระทืบซ้ำให้จมดินไปเลย :P
Jusci - Google Plus - Twitter
สรุปได้ดี!
May the Force Close be with you. || @nuttyi
+1
อะจ๊าก กสท. ผิดคับเรื่อง บอกให้ไปตรวจ DNA .....
สรุปไปตรวจเถอะ ถึงแม้นว่าจะเคยมีอะไรกัน
แต่ถ้าฝ่ายหญิงบริสิทธิ์ใจว่าเป็นลูกของฝ่ายชาย ก้อไปตรวจซะ
กระแสสังคมมันแรง น่ะคับ ผมว่าถ้าเป็นลูกฝ่ายชายจริง ๆ เค้าก้อต้องรับผิดชอบจะไปกลัว
อะไรถ้ามั่นใจ ...... ไม่ใช่เรื่องศักดิ์ลูกผู้หญิงบอกว่าดูถูกเพศแม่ ดูถูกที่ดีกว่าไม่กล้าพิสูจน์ความจริง น่ะคร๊าบ
กลัวอะไรคับพี่แด็ก ยังกล้าเลย
ถ้าเป็นผม จะตอบว่า
"ไม่ว่ายังไง ก็จะขอรับเป็นลูก และจะอุปการะช่วยเหลือจนจบการศึกษา แต่คงต้องขอตรวจ DNA ว่า จะเป็นลูกบุญธรรม หรือลูกแท้ๆ"
เนื่องจาก เด็กเกิดมาแล้ว รายได้ขนาดนั้น รับลูกบุญธรรมซักคน ไม่น่ามีปัญหา แถมไม่ถูกสังคมประนาม
มีแบบนี้มาบ่อยๆ ก็แย่นะครับ= ='
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ถ้าส่วนไหนไม่มั่นใจ ยังไงก็โดนยำแน่นอนครับ ในกรณีแบบนี้ฝ่ายชายโดนด่าตลอด แม้ว่ากรณีหลายๆครั้งเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วมันจบด้วยว่าฝ่ายชายไม่ผิด ก็ไม่มีใครคิดว่าตัวเองผิดที่ไปด่าเขา กลับรู้สึกพลาดที่โดนฝ่ายหญิงหลอกซะมากกว่า เป็นงี้ทุกที แล้วก็ไปยำฝ่ายหญิงต่อว่าลวงโลก.. (นี่ล่ะ โลกคือละคร)
สงสารเด็กที่อาจจะเติบโตมาแล้วพบว่าตัวเองเกิดขึ้นมาพร้อมกับปัญหา คงจะมีแต่คนถามถึงและต้องทนฟังคำถามและเรื่องราวเจ็บปวดของพ่อ-แม่ตัวเอง แบบนี้อีกหลาย ๆ ครั้งในช่วงชีวิต..
ผมมีความเห็นเหมือนผู้เขียนคอลัมน์หน้านี้ครับ.
http://www.prachatai3.info/journal/2010/09/31261
Warun.in.th
ผมคิดว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของเยาวชนน่ะครับ เป็นการสร้างค่านิยมที่ผิดๆ ที่ว่ามี sex ก่อนแต่งได้ ซึ่งส่วนใหญ่ที่แสดง ความคิดเห็น ก็จะประมาณว่า ทำไมไม่ยืดอกพกถุงบ้าง ฯลฯ ถ้าถามว่าใครผิด ผมคิดว่าผิดทั้งคู่น่ะครับ ไม่ใช่ผิดเพราะเค้าไม่ป้องกันน่ะครับ ผมคิดว่าผิดตรงที่ เค้าไปมีเพศสัมพันธ์ก่อนที่เค้าจะ 'แต่งงาน'กัน . จากข่าว จะเห็นว่าแอนนี่ออกมาขอโทษ เพราะพลาดที่มีลูก มิได้ขอโทษที่พลาด เพราะทำซินา(การร่วมประเวณีนอกสมรส).
ผมไม่เห็นด้วยกับ premarriage sex นะครับ แต่มันคือความจริงในสังคมที่เกิดขึ้น และผมไม่เห็นด้วยที่เราจะเอาความรับผิดชอบนี้ไปโยนให้กับใครบางคนเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น "ดารา", "คนของประชาชน", "ครู", "หมอ", "ตำรวจ" ฯลฯ
เราหนีความจริงในสังคมไม่พ้น มันจะมีคนผิดพลาดหลายๆ เรื่อง สอบตก, ขับรถชน, ท้องก่อนแต่ง, ติดยา, ผมว่าพ่อแม่ควรเรียนรู้ที่จะสอนให้ลูกอยู่กับความจริงในสังคมเหล่านี้ สอนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่อาจจะนำไปสู่ความผิดพลาด กระทั่งเตรียมใจหาทางแก้ไขหากเยาวชนในความดูแลของตัวเองจะผิดพลาดซะเอง แทนที่จะปฎิเสธว่ามันไม่มีอยู่จริง, ปิดตาตัวเองจากสังคม, แล้วก็ยอมรับไม่ได้เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
lewcpe.com, @wasonliw
+1000000
พ่อแม่ไม่สามารถปกป้องลูกได้ทุกวินาที
แทนที่จะปิดหูปิดตา แบ๊ะ ๆ
สอนให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้แก่เด็ก ๆ ดีกว่า
แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าไม่ได้ล่ะครับ
ท้องก่อนแต่งคือการเอาเปรียบผู้หญิงครับ
การมีเพศสัมพันธ์เนี่ย ส่วนใหญ่ ตามธรรมชาติผู้ชายมักจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนครับ เพราะมีความต้องการมากกว่าผู้หญิงหลายเท่าเลยครับ ผู้หญิงดีๆหลายๆคนที่ยอม Commit ด้วยเนี่ย ผมว่าเพราะถูกปลุกอารมณ์โดยผู้ชายครับ สมองโดนอิทธิพลของฮอล์โมนอย่างหนัก
ผมเห็นผู้ชายหลายคน พอได้ผู้หญิงแล้วก็ไม่ยอมแต่งงานด้วยข้ออ้างสารพัดเหตุผลครับ
ผู้หญิงลำบากทันทีเลยใช่ไหมครับ ถ้าท้องแล้วเสมือนตกเป็นเบี้ยล่างของผู่ชายทันที ต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวสมบูรณ์ หายากนะครับ ผู้ชายตนอื่นที่รักจริงแต่งงานกับผู้หญิงติดลูกมาแล้วเนี่ย ชีวิตนี้จะหาใครมารักเค้าจริงได้อีก
เรื่องแบบนี้เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กรุ่นใหม่ๆนี้ พ่อแม่ไม่สั่งสอนกันเลยหรือไง
ผู้ชายที่ทำผู้หญิงท้องก่อนแต่งเนี่ย ก็คือทำลายชื่อเสียง ความฝัน ความสุข ของชีวิตผู้หญิงคนนึงทิ้งไปเลยนะ (ยิ่งถ้าอยู่ในประเทศจารีตนิยมอย่างเมืองไทย คูณเพิ่มอีก 10) คนที่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า ผมว่าไม่แมนครับ ผมไม่นับว่าเป็นคนคนนี้คู่ควรกับคำว่าสุภาพบุรุษครับ
ในความคิดของผม ถ้าท้องก่อนแต่งแล้วผู้ชายทราบว่าลูกที่ท้องนั้นเป็นลูกของตัวเอง
x ทิ้งฝ่ายหญิงและลูก คนแบบนี้ไม่มีอะไรจะพูดครับ
x ไม่ยอมแต่งงานด้วย แต่อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา ผู้หญิงและลูกไร้ซึ่งหลักประกันอะไรทั้งนั้นเลยนะครับ ถ้าคุณมีหญิงใหม่ล่ะ ถ้าคุณตายไปล่ะ เงินที่ช่วยกันหามาระหว่างแต่งงานล่ะ ทำอะไรไม่เรียบร้อยแบบนี้ ผมถือว่าเป็นการทำลายชีวิตคนสองคน (ฝ่ายหญิงและลูก) ทางอ้อม อย่างช้าๆไปเรื่อยๆครับ น่าสงสารนะครับ
x แต่สำหรับผู้ชายที่ยอมแต่งงานเพราะผู้หญิงมาตามตื้อ อันนี้ถือว่าใช้ได้ครับ แต่ก็อาจจะแต่งเพราะสงสาร มันก็แย่เหมือนกัน แต่ก็อย่างน้อยก็รับผิดชอบ
x แต่ผู้ชายที่ขอผู้หญิงคนนั้นแต่งงานทันที อันนี้ถือว่าค่อนข้างแมนครับ ผมยกย่อง
แต่จะให้ดีที่สุด แต่งแล้วค่อยกระทำ อันนี้ทั้งถูกต้องและสมเป็นสุภาพบุรุษที่สุด ที่คู่ควรแก่การถูกเคารพนับถือมากทึ่สุด
จริงๆ เนื้อหาที่เริ่มมา พูดถึงเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ไม่ใช่การตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานแต่โอเค คุณอาจจะบอกได้ว่าเพศสัมพันธ์มันมีความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ได้เสมอ
คำถามคือ แล้วมันไม่ดีในตัวมันเองยังไง ในเมื่อการแต่งงาน โดยหลักๆ แล้ว มันก็แค่การ "ประกาศ" ต่อสังคม ว่าคนสองคนพร้อมจะอยู่กินเป็นผัวเมียกันแล้วนะ แน่นอน การประกาศมันสร้าง commitment มากกว่าการอยู่เงียบๆ แต่มันก็ไม่เห็นจะแปลว่าถ้าเขาเลือกจะอยู่กันเองแล้วมันจะเป็นสิ่งไม่ดีตรงไหน ผมไม่ได้บอกว่าแบบไหนดีกว่า สิ่งที่ผมจะบอกคือ ผมไม่เห็นว่าเป็นเรื่องที่คนนอกจะต้องไปก้าวก่าย ถ้าคนที่อยู่ในความสัมพันธ์นั้นเองเขาสมัครใจในรูปแบบนั้นทั้งสองฝ่าย
(ไม่อยากเอามาเปรียบเทียบเท่าไหร่ แต่ลองนึกถึงเรื่องการยืมเงินก็ได้ครับ การยืมเงินนั้น มีรูปแบบ commitment ผ่านสัญญาตามกฎหมาย พูดง่ายๆ ก็คือเป็นการ sanction จากภายนอก ถามว่าถ้าผมให้เพื่อนยืมเงินโดยไม่ทำสัญญาโดยที่ผมสมัครใจ ถามว่าเพื่อนผม "เอาเปรียบ" ผมหรือเปล่า?)
นึกถึงข่าวอย่างคุณแหม่มเมื่อไม่กี่ปีก่อน ถามว่า คุณแหม่มอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมตรงไหนครับ ก็เหลือแต่ไม่ได้ออกมาประกาศกับสาธารณะก็เท่านั้น
คุณเองก็ยอมรับว่า ปัญหามันอยู่ที่สภาพแวดล้อมในสังคมจารีตนิยม นั่นเป็นเหตุที่จึงต้องมีการดีเบตกันแบบนี้ไงครับ ว่าจริงๆ แล้ว มันเลวร้ายตรงไหน โอเค ถ้าให้เหตุผลว่า การมีลูกโดยที่ไม่พร้อม ทำให้เด็กเกิดมาไม่ได้รับการดูแล เกิดเป็นปัญหาต่างๆ นานา อันนี้เป็นผลโดยตัวมันเอง แต่ถ้าบอกว่า ไม่ควรทำ เพราะทำแล้วคนด่า แปลว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้เกิดเป็นปัญหาโดยตัวมันเอง? เพียงแต่ไปหาเรื่องให้มันเป็นปัญหา?
แล้วคุณรู้ได้ยังไงครับ ว่าจริงๆ แล้วผู้หญิงอยากแต่งงานกับผู้ชายที่ท้องด้วย โดยไม่ใช่เพราะสังคมบีบให้ทำ ไม่งั้นจะครหาว่าท้องไม่มีพ่อ?
ผมไม่ได้คิดว่าผู้ชายไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะทำด้วยกันก็รับด้วยกัน ก็สมเหตุสมผลดี แต่ผมไม่คิดว่าการแต่งงานจะเป็นความรับผิดชอบทางเดียว จะมีอะไรยืนยันว่า การให้คนสองคนที่ไม่ได้วางแผนจะแต่งงานกันมาอยู่ด้วยกัน จะให้ผลดีกว่าทางตรงกันข้าม "เสมอ" ? (ถ้าคนสองคนเขามีลูกแล้วไม่อยากแต่งงานกัน มันเป็นปัญหาสังคมขนาดนี้คนอื่นต้องกดดันให้เขาแต่งงานกันด้วยหรือ?)
กลับไปที่ประเด็นแรก ด้วยอุปกรณ์ที่มีในปัจจุบัน การมีเพศสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องนำไปสู่การตั้งครรภ์ (แน่นอนว่า ความเสี่ยงมันไม่ใช่ 0% แต่ถ้าจะรอความเสี่ยง 0% ก็คงไม่ต้องจับมีดทำอาหารกันพอดี เพราะเดี๋ยวมีดหลุดมือแทงโดนหัวใจตาย) ยิ่งแปลว่า ผลที่เกิดจากการตั้งครรภ์ที่มีเนี่ย มีน้ำหนักเท่ากับความเสี่ยงที่การคุมกำเนิดผิดพลาดเท่านั้น
(และถ้าอ่าน "ผู้หญิงดีๆหลายๆคนที่ยอม Commit ด้วยเนี่ย ผมว่าเพราะถูกปลุกอารมณ์โดยผู้ชายครับ" ของคุณแล้วเนี่ย ถ้าเอาตามตรรกะเป๊ะ มันจะได้ความว่า อาจจะมี "ผู้หญิงดีๆ" บางคนที่พร้อมจะ commit ด้วยตัวเอง ส่วนถ้าจะอ่านระหว่างบรรทัด มันคล้ายกับจะบอกว่า การยอม commit โดยที่ไม่ได้ถูกปลุกเร้า เป็น characteristics ของ "ผู้หญิงไม่ดี" นะครับ)
(edit: ย้ำอกทีว่า ผมไม่ได้ "สนับสนุน" ว่าเป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่ควรทำ แต่ผมเห็นว่า มันไม่ใช่ปัญหาของคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เจ้าตัวที่มีส่วนเกี่ยวข้องมากพอที่จะเข้าไปแทรกแซงการตัดสินใจโดยสมัครใจของทั้งสองฝ่ายได้ ส่วนกรณีของการตั้งครรภ์ ผมไม่คิดว่า การให้แต่งงานกันเพื่อมีทั้งพ่อและแม่ แม้ว่าอาจจะทะเลาะกัน ไม่อยากจะอยู่ด้วยกัน จะให้ผลดีกว่าเสมอไป ส่วนถ้าไม่นับเรื่องนี้แล้ว การสนับสนุนเรื่องอื่นๆ เช่น ทางด้านทรัพยากร การเงิน ไม่จำเป็นต้องทำในรูปแบบของการแต่งงาน)
+1 ครบทุกประเด็น เนื้อเน้นๆ
+1
ผมว่ามันผิดตั้งแต่ที่ประเทศไทยเป็นจารีตนิยมแล้ว
และมันผิดมาก ที่สังคม มีค่านิยมว่า มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่ง ถือเป็นเรื่องไม่งาม
หยาบคายหน่อยเถอะว่า มันเสือกเรื่องชาวบ้านมากเลย
ยิ่งผิดมากๆ ที่ค่านิยมสังคม บีบคั้นให้ผู้หญิงที่ท้องแล้ว เสมือนตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชายทันที
ผมยอมรับเลยว่า เด็กสมัยนี้ พ่อแม่ไม่สั่งสอนจริงๆ
เพราะงั้นพอเอาจารีตสังคมสมัยเก่ามาบีบ ก็ยิ่งเป็นการซ้ำเติมเด็ก
คนสร้างปัญหาก็คือผู้ใหญ่ แล้วยังจะขยายปัญหาให้แย่เข้าไปอีกด้วยมุมมองแคบๆของตัวเอง
จารีตสังคมที่ไม่ยุติธรรมแบบนี้ กลับไม่มีใครคิดเปลี่ยน ไม่มีใครคิดแก้ไข ไม่มีใครสวนกระแส ได้แต่ทำตามๆกันไปทั้งๆที่มันมีแต่ทำร้ายคนอื่น?
คนเราวิวัฒนาการมาแล้ว สมองออกใหญ่ คิดได้แค่นี้?
ผมผิดหวังกับการเป็นมนุษย์มาก
ผมคิดว่า ทุกคนมีเสรีภาพที่จะใช้ชีวิตครับ
การมี Sex ก่อนแต่ง เป็นเสรีภาพ ที่จะต้องทำแล้วไม่ให้ใครเดือดร้อน
ผมเองก็ไม่เห็นด้วยที่สื่อเอามาออก เป็นการสร้างกระแสสังคม สร้างค่านิยมให้คนรู้สึกว่า Sex ก่อนแต่งเป็นเรื่องธรรมดา โดยไม่ได้ให้หลักการอะไรรองรับ
แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการที่ไปตัดสินความเชื่อ ความเห็น การใช้ชีวิตของคนอื่น ว่ามันผิด
Sex กับการแต่งงานสร้างปัญหาเสมอ และการบังคับให้ มี Sex หลังแต่งงานเท่านั้น เคยสร้างปัญหาเตียงหักเพราะชีวิตรักไปด้วยกันไม่ได้มานักต่อนัก
ถ้าไม่สนับสนุน Sex ก่อนแต่งงาน คงต้องเปลี่ยนค่านิยมให้มีกิ๊กได้หลังแต่งงานล่ะครับ
คนเราแต่งงาน เป็นเรื่องสังคม
คนเรามี Sex เป็นเรื่องสองคน
และถ้าถึงกับว่า ต้องให้คนเราต้องไม่มีกิเลสตัณหา ไม่หาความสุขจาก Sex มีไว้ทำลูกเท่านั้น
ผมว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
ผมว่ามันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมของแต่ละสังคมมากกว่าครับ (ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดีจริง ๆ) จะมองว่าผิด หรือถูกที่มีสัมพันธ์กันก่อนแต่ง มันพูดยากอยู่พอสมควรเลยล่ะครับ
แล้วยังมีสัญญาใจอีก (สมัยนี้ยังจะมีอยู่อีกไหมหนอ?)
Jusci - Google Plus - Twitter
3G ได้รับผลกระทบกับทุกคนที่มีตังค์ซื้อมือถือเทพมาใข้
ฟิล์ม + แอน = ใครได้รับผลกระทบ? ยุ่งเรื่องคนอื่นมากไปหรือเปล่า
นั่นสิ ยุ่งเรื่องคนอื่นมากไปหรือเปล่า
"คุณ" ยุ่งเรื่องของผมมากไปหรือเปล่า
May the Force Close be with you. || @nuttyi
จากปากของทั้งสองคน ไม่มีใครเชื่อได้ เพราะถ้าเชื่อได้เรื่องนี้มันคงไม่เกิด
สิ่งที่เชื่อได้ที่สุดน่ะเวลานี้ก็คือการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ การตรวจ DNA แล้วคนจะได้ไม่ต้องมานั่งเถียงกันว่าเป็นลูกฟิล์มจริงหรือเปล่า นักข่าวไม่จำเป็นต้องเอาข่าวนี้มาร่ายยาวเป็นอาทิตย์ ข่าวอื่นที่น่าจะลงก็ไม่ลง เช่นเด็กหายให้ช่วยกันตามหา
อ่านข่าวตอนแรกๆ เห็นฝ่ายหญิงขอให้ไปตรวจ DNA "เพื่อความสบายใจของญาติฝ่ายชาย"... แต่สำหรับฝ่ายชายมันน่าสงสัยนะ ถ้าคบกันอยู่สองคนทำไมอยู่ดีๆฝ่าย ญ ต้องขอให้ไปตรวจ ไม่แน่ใจหรือว่าอะไร??
ข่าวตอนหลังๆเริ่มตามไม่ทันแล้ว แต่ผมก็ไม่เชื่อคำพูดฝ่ายหญิงอยู่ดี เพราะซึนมากๆ พูดว่าไม่อยากให้ฝ่ายชายเสียหาย แต่พูดออกสื่อเป็นว่าเล่น
ส่วนเจ๊เบียบ... ดูมั่นใจมาก ถ้าเกิดมันไม่ใช่ขึ้นมา ไม่ต้องแทรกแผ่นดินหนีเลยหรอ
เจ๊เบียบก็งี้มานานแล้วครับ
หนายิ่งกว่าก้นขวดเป๊บซี่หลายเท่า (ให้สเกลขึ้นมาขนาดเท่าตัวแกเลย)
ดารานักร้องที่แกชอบแต่งตัวโป๊ ไม่เคยกระดิกปากด่าซักแอะ ขนาดพิธีกรจงใจถามถึง ยังบอกเลยว่า "โอ๊ย คนนี้เป็นเด็กน่ารักฮ่ะ"
55+ (หนายิ่งกว่าขวดเป็ปซี่หลายเท่า "คิดได้ไง")
ผมว่าแกหาทางไปได้เองล่ะ ผู้ใหญ่บ้านเมืองเราไปแบบไม่แคร์สื่อเยอะไป
ปล.ผมไม่ชอบเจ้เหมือนกัน ไม่ได้เห็นด้วยกับการมีลูกก่อนแต่ง แต่ไม่ชอบที่แกให้ข่าวหยาบคาย
ก็ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชนเลย
ผมว่าแอนนี่้ไม่ตรวจนะดีแล้วตรงใจผมเลย ผมเห็นด้วย 100%
ปล.เพิ่งเห็นข่าว
อาจมองได้สองมุม มุมเห็นด้วยกับการไม่ตรวจ ซึ่งอาจมองว่าจะตรวจทำไม? ก็อยากอ่านดูเหมือนกันว่าจะต่างจากมุมมองของแอนนี่ บรู๊คยังไง สำหรับผมยิ่งฟังนานๆเข้ายิ่งรู้สึกไม่เข้าที แต่ก็ไม่อยากไปตัดสินอะไร
ส่วนความเห็นผม เห็นว่าควรตรวจ ตอนฟังข่าวทีแรกเหมือนจะดีที่ไม่ตรวจ แต่คิดๆไป ทำไมถึงไม่ตรวจ ที่บอกไม่อยากให้ฟิล์มเสียหาย, เสียชื่อเสียง แต่มันก็เสียไปหมดแล้ว วินาทีนี้ถ้าคิดจะปกป้องฟิล์มหรือไม่ก็ตาม ตรวจ DNA ก็ไม่อาจทำให้สถานการณ์(สำหรับฟิล์ม)แย่ไปกว่านี้แล้ว ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นอะไร แต่ในฐานะถ้ามีโอกาสเป็นพ่อเด็ก และเด็กโตมาแบบคลุมเครือในสังคมว่าใครเป็นพ่อ ก็ดู งงๆ ดี หรือถ้ามองอีกแง่ แอนนี่ไม่ได้ท้องกับฟิล์มก็อาจเสียไปถึงเด็ก ก็แล้วแต่จะมองอันนี้สุดวิสัยจะเห็นได้
ปล. เผลดกด save ไปสองที่ไม่รู้จะลบยังไง ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับ
อยากแชร์มุมมองให้ฟังครับ (ไม่เฉพาะเรื่องตรวจไม่ตรวจนะครับแต่เป็นความเห็นรวมๆ)
ต้องออกตัวก่อนว่า ผมคิดว่างานนี้ ฝ่ายชายควรรับผิดชอบมาตั้งแต่" ที่คิดจะทับ" (อันนี้เป็นความรู้สึกของตัวตนผมเอง)(ส่วนจะรับผิดชอบยังไงอันนี้ขึ้นอยู่กับคนสองคนที่ควรมีความเข้าใจซึ่งกันและกันว่าเป็นไปในแบบไหน ((คู่ขา))((คู่รัก)) เค้าแล้วครับซึ่งเป็นประเด็นทั่วๆไปไม่เกี่ยวกับข้อขัดแย้งเรื่องอื่นๆ , Make it clear แต่ต้น
เรื่องตรวจไม่ตรวจ
ตรวจไม่ตรวจนี่เป็นเหมือนกันแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่า (ในทางฟิสิกข์)+(แอนนี้ไม่แคร์แล้วว่าต้องมีพ่อของเด็กมารองรับ) แต่ผมว่าปัญหาหลักๆอยู่ที่ ความขัดแย้งกันทางด้านความรู้สึกกว่ามากกว่า คือยังไงดีละครับ ผมรู้สึกว่า แอนนี้ไม่ยอมรับฟิล์มที่ไม่มีความรับผิดชอบแต่ต้นนะครับเลยไม่อยากจะตรวจ เพราะผลตรวจออกมาก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าฟิล์มจะรักแอนนี้ เอาเป็นว่าถ้าตรวจแล้วเป็นลูกฟิล์ม แล้วไงครับ ฟิล์มถึงจะรับเป็นลูก เหรอ? แล้วแม่ละครับ? ในอีกทางหนึ่งถ้าไม่ใช่ละ เหยียบซ้ำรึเปล่า?? แต่ว่าการที่ฝ่ายชายจะไปนอนกับฝ่ายหญิงแบบนี้ พอมีลูก (ท้อง) ก่อนหน้านั้นแอนนี้ก็พยายามบอกให้ฟิล์มไปตรวจเพื่อให้ผู้ใหญ่ รวมถึงฝ่ายชายสบายใจ (นี่เป็นการเผชิญหน้าเพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้น) ซึ่งเกิดจากฝ่ายหญิง แต่ฟิล์มปฏิเสธ แต่พอคลอด กลับจะบอกให้ไปตรวจ เพราะเห็นว่าไฟลนก้นแล้ว (นี่แสดงให้เห็นได้ว่าไม่พยายามรับผิดชอบแต่ต้น แต่จะมาแก้ปัญหาเอาเมื่อสาย (จริงอยู่ว่าแก้ดีกว่าไม่แก้ แต่นั้นนะแอนนี้ไม่รับแล้วเพราะถือว่าไม่รักเค้า) นี่ก็บอกได้กลายๆแล้วว่าฝ่ายชายอาจไม่รัก ในเมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว "ไม่รักก็ไม่จำเป็นต้องตรวจละ"
ก่อนเกิดปัญหาแแอนนี่ออกสื่อมีเวลาเป็นปี ทำไมไม่ทำตอนนั้น ถ้าเป็นลูกผู้ชายๆจริงๆต้องพร้อมแก้ปัญหาที่เห็นอยู่ตรงหน้า (แต่กรณีนี้ผมเดาเอากว่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชื้ แล้วกะเอาเป็นเมียเก็บ แต่ถึงไม่มีความเห็นนี้ฟิล์มก็น่าจะไม่ทำอะไรอยู่ดี)
เรื่องที่สังคมกระหน่ำแอนนี่่ว่า ไม่อยากทำร้ายแล้วทำไมออกสื่อ (ข้อนี้ผมไม่เห็นด้วย) ผมคิดว่าแอนนี้ได้ให้โอกาสฟิล์ม
มานานแล้วแล้วจะแก้ปัญหายังไงในระหว่างท้อง คิดว่าฟิล์มควรทำอะไรบ้างเพื่อเป็นการรับผิดชอบฝ่ายหญิง (ความรู้สึก) ผมว่าจริงๆแล้วฝ่ายหญิงคงต้องรักฝ่ายชายอยู่นั้นแหละผมคิดว่าเค้าคงไม่ต้องการให้ฟิล์มเสียหายหรอกถ้าฝ่ายชายทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ฝ่ายหญิงสบายใจก่อนหน้านั้นซึ่งมีเวลาเป็นปี เพราะนี่จะส่งผลถึงของฟิล์ม (การเงิน) ซึ่งก็จะส่งผลถึงตัวเค้าด้วย ที่ฝ่ายชายเสียหายอยู่ทุกวันนี้ ผมถือว่าเป็นการกระทำของฟิล์มเองนะ คือ ประมาณว่าไม่ทำอะไรไรเลยเพื่อทำให้ฝ่ายหญิงสบายใจ (ซึ่งถ้าหญิงโอเค (ผมว่าเค้ารักอยู่แล้วเค้าน่าจะตามฟิล์มได้หากฟิล์มทำอะไรสักอย่าง) ผมว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรตามมา) แต่นี่ผมคิดว่าฟิล์มกลับพยายามเลี่ยงที่จะรับผิดชอบปัญหา ที่นี้ภาระก็จะกลับมาตกกลับฝ่ายหญิง แล้ว??? (ตามความเห็นผมขืนเป็นอย่างนี้ไปตลอดไม่ต้องปิดไปชั่วชีวิตหรือครับ ทั้งๆที่เค้าเสียหาย รายได้หด คงทำอย่างนี้ไปไม่ได้ตลอด)
โดยสรุป ผมเห็นใจฝ่ายหญิงมากครับ เค้าใจว่าความเหงา ความโดดเดี่ยวนะมันฆ่าคนได้
"ในอีกทางหนึ่งถ้าไม่ใช่ละ เหยียบซ้ำรึเปล่า??"
แน่นอน ถึงไม่ไปตรวจไง
"คิดจะทับ" นอกเหนือความเข้าใจผมว่าใครเป็นฝ่ายคิด เรื่องนี้ในแง่มุมมองตามค่านิยมปลูกฝัง ฟิล์มก็ผิดครับ ส่วนตัวผมเป็นเรื่องคนสองคน ถ้าไม่ไปขืนใจทำผิดกฎหมายข้อไหน ก็เป็นเรื่องของคนสองคน ผมเลยไม่ค่อยมองประเด็นนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นสิทธิของเขาตั้งแต่แรกที่จะเลือกทำไม่ทำ
"ในอีกทางหนึ่งถ้าไม่ใช่ละ เหยียบซ้ำรึเปล่า??" เรื่องตรวจไม่ตรวจ ผมรับประกันได้ว่าสื่อจะนำเรื่องนี้มาพูดอีกนานครับ ต่อให้ผลเป็นแบบไหนก็ตาม อาจไม่เหยียบซ้ำโดยตรงแต่ทำลายความรู้สึกผู้ที่ยังอยู่ ในข้อนี้ผมเห็นด้วย อย่างที่ผมเขียนไว้ท้ายข้อความว่า มันจะส่งผลกระทบไหมถ้าไม่ใช่ขึ้นมา? แต่แน่นอนว่าสื่อไม่หยุดหรอกครับ คนเป็นดาราก็รู้กันทั้งนั้นว่าถ้าพูดหรือไม่พูดมันก็เป็นข่าว ยังไงนักข่าวก็ไปถามคนที่รู้จักหมดทุกคน
"เรื่องที่สังคมกระหน่ำแอนนี่่ว่า ไม่อยากทำร้ายแล้วทำไมออกสื่อ (ข้อนี้ผมไม่เห็นด้วย)" ผมก็ไม่เห็นด้วยที่สังคมไปว่าเธอครับ ส่วนที่ผมบอกหมายถึง ยังไงมาถึงตอนนี้ฟิล์มก็โดนแล้ว ยังไงก็ไม่รอด ต่อให้ตรวจมาแล้วใช่ไม่ใช่ ก็เข้ากรณีแด๊ก บิ๊กแอส แต่ยังดีที่สาวเจ้าออกสื่อใต้ดินเลยทำให้คนไม่อินมากนัก
ผมพยายามไม่เข้าข้างใครครับ อาจเพราะผมชอบมองจากมุมรองเลยดูเหมือนเข้าข้างฟิล์ม แต่ถ้าถามผมว่าใจจริงอยากให้เป็นไง ผมอยากให้เขาตัดสินใจกันเองสองคน (ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้แล้ว) ทีนี้ยิ่งนานเรื่องยิ่งมั่วครับ จบยังไงผ่านเวลาไปสักเวลานึงภาพก็จะชัดเจนเอง ผมรอตอนนั้นดีกว่า
Love will keep us alive
ยาวแฮะกระทู้นี้
เรื่องแบบนี้เวลาเอากันไม่โพนทะนาให้ชาวบ้านรู้ว่ามันส์หยดติ๋งขนาดไหน
พอมีปัญหาขึ้นมาเที่ยวร้องแลกแหกกระเชอให้คนอื่นรู้ถึงความบัดสีของตัวเอง
แล้วเที่ยวให้ข่าวเอาดีเข้าตัว ส่วนคนอื่นชั่วไปหมด
ส่วนสื่อก็เหมือนแร้งคอยจับจ้องชำแหละศพ
คนเขาไม่ได้รักก็เชียร์ให้รัก พอเข้าได้กันก็เขียนข่าวยุแยงให้เลิก
บางเรื่องจะเป็นส่วนตัวเขาก็พยายามปกปิด แต่ก์สื่อเองนั่นแหละที่ไปขุดคุ้ย
เอาชีวิตเขามาเผยแพร่ แล้วก็บอกว่าเขาเลวยังงั้นยังงี้
เฮียฮ้อออกมาแฉบ้างแล้ว ท่าทางคดีจะพลิก
มีผู้บริหารช่อง 3 เริ่มแฉร่วมกับเฮียฮ้อแล้ว
คดีนี้มี ผู้ต้องสงสัย 4 ราย มีรายชื่อออกมา 2 รายแล้ว โดนขอตังทั้งสองรายเรื่องลูก
(- -' )/ คดีปี้กันในห้องปิดตาย ขอเอากระปู๋มาเดิมพันกันเลยทีเดียว
สงสารก็แต่เด็ก โดนเอามาเป็นเครื่องมือหากินของทุกฝ่าย
ปล.ไม่ใช่ว่าผมเป็นพวกฟันแล้วทิ้งนะ ผมก็เป็นลูกของแม่ที่เลี่ยงมาโดยไม่มีพ่อเหมือนกัน แต่กรณีนี้มันน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
เปิดฟังคลิปก่อนอ่าน
เรื่องราวจะเป็นอย่างไร! คนร้ายแฝงตัวอยู่ในผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คนงั้นหรือ? เฮียh้อ พยานปากสำคัญเผยตัว! ติดตามชมยอดนักสืบจิ๋วโคนันในตอนหน้า! กับคดี "ปี้กันในห้องปิดตาย" xิล์มจะใช่คนร้ายหรือเปล่านะ!? แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว!
55+ ว่าไปก็เอาไปแต่งเป็นนิยายได้เลยนะเนี่ยะ
ฮาได้อีก 555
จัดเป็นวาระแห่งชาติทีเดียว
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
!!! Thailand Only !!!
คงไม่ได้จัดฉากเหมือนครูขว้างบีบีนะ
บางทีเรื่องจริงมันเกินจินตนาการได้อีกนะนี่
เห็นมีบุคคลที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วนี่ครับ คล้ายๆ ประมาณว่าคนนี้อาจเป็นพ่อเด็กไม่ใช่ฟิมล์
บุคคลที่ 5 แล้วครับ
ผมว่าเฮียฮ้อเล่นบทโหดมากเลย ขุดบ่อล่อปลาให้ออกมาฟ้องร้อง จะได้เข้าชั้นศาล พอเข้าชั้นศาลยังไงก็ต้องได้ตรวจ DNA เป็นแน่แท้
แต่ถ้าไม่ฟ้อง เน่ากันทุกฝ่าย
ฟ. จมไปแล้ว
ฮ. โดนประนาม
อ. สังคมเคลือบแคลงหนักไปอีก ฟ้องไปยังไงก็ชนะเห็นๆ ตอนนี้นักสืบพันทิพเริ่มทำงานกันแล้ว จับผิดกันทุกเม็ด
จ. โดนไปแล้ว 1 ดอก ข้อหาบอกว่าเคยเจอครั้งเดียว ตรงกับ อ. เป๊ะๆ เหมือนเตี้ยมกันมา
บุคคลที่ 4 - 5 ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
ผมแคลงใจอยู่อย่างเดียว ทำไมไม่ตรวจ dna จะอ้างว่ากลัวแย่งลูกไปนี่ไม่ไหวนะ กลุ่มหน่วยงานทางกฏหมายก็มีออกมาช่วยตั้งเยอะตั้งแยะ ถามไม่เป็นเหรอ
ปล.บุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แล้วมีลูกด้วยกัน ลูกเป็นสิทธิ์ของแม่ 100% เท่านั้น ยกเว้นแต่แม่เป็นบุคคลวิกลจริต เลี้ยงลูกในแบบที่อาจเเกิดอันตรายและไม่สมควรแก่เด็ก
เรื่องนี้ผมไม่ค่อยได้สนใจ แต่ติดใจตริง ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ ออกมาบอกออกสื่อมากมาย จนผมรู้ด้วย(ขนาดไม่ได้สนใจข่าวนี้เลย) ว่าผู้หญิงคนนึง มั่วผู้ชาย แล้วมีลูก การกระทำแบบนี้ "มันไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยว่ะครับ" จริงไม่จริง ไม่ีรู้ แต่แบบนี้ มัน น.ต.ม. ชัดๆ
ถ้าคิดจะเล่นแบบนี้จริงๆ เอาผู้หญิงมาแถลงไง จบ(อันนี้ประชด)
...
Ton-Or
ถ้าเป็นเรื่องจริง แล้วต้องทำแบบไหนหรอครับถึงจะไม่ น.ต.ม.
ถ้าเข้าใจที่ผมสื่อ คือผมด่า "ฮ้อ RS" ถ้าถามว่าทำอย่างไรดี
ทำเหมือนตอน ที่ผู้ใหญ่ แกรมมี่ทำ ตอน เรื่องของ Big Ass ไงครับ
ไม่เห็นต้องออกมาประกาศ ว่าเด็กคนนี้หลายผัว เรื่องออกมาทีหลังทุกคนก็ทราบเอง
ฮ้อ ออกมาทำแบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าชมเชย เป็นแบบอย่าง ?
Ton-Or
ว่างั้นแหละ
ถ้าเกิดไม่ใช่ลูกตัวเองผมว่าผู้ชายน้อยคนที่จะรับได้ เป็นผมผมรับไม่ได้ ยกเว้นว่ารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นม้ายลูกติดแล้วเรายอมรับได้ว่าไปอย่าง การที่ผู้หญิงจะเคยผ่านชายมาผมถือเ็ป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้ามาคบคนใหม่แล้วก็ควรซื่อสัตย์ต่อกัน
เพราะเรื่องแบบนี้(ท้องไม่ท้อง) ผู้หญิงไม่ให้ท่า ผู้ชายมันไม่ได้เสียบง่ายๆ หรอก อีกอย่าง แอนนี่ไม่ใช่ตาสีตาสา ความรู้เรื่องนี้หรือข่าวคราวเรื่องนี้ก็มีตัวอย่างเยอะแย่ะทำไมไม่ระวัง เหมือนจงใจให้ตัวเองท้อง (ถ้าไม่อยากท้องกินยาขับช่วงเดือนแรกก็ออกแล้ว ถ้าคุณใจดำพอหรือกล้าพอ)แต่แล้วมาประกาศใ้ห้สังคมรู้ทั้งๆ เป็นเรื่องของคนสองคน แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องที่สังคมอยากรู้ แต่ทำไมกลับมาอ้างความรู้สึกส่วนตัว ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยผ่านผู้หญิงประเภทท้องมาก่อนโดยที่ผมไม่รู้ ดีหน่อยผมมีอะไรกันแล้วผมไม่ปล่อยข้างใน และนิสัยผู้หญิงมีอะไรที่เป็นความลับ สุดท้ายผู้หญิงบอกขอเลิกเอง ผ่านไป 1 เดือนได้ยินว่าแต่งงานแล้ว แล้วผ่านไปอีก 6 เดือนคลอดลูก บทเรียนนี้สอนให้ผมรู้ว่า "สมัยนี้ผู้ชายไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอไปบางครั้งกลับเป็นฝ่ายถูกสวมเขาเสียอีก"
ผู้ชายน่ะถ้าเป็นมั่นใจว่าเป็นลูกจริงๆเขาก็อยากยอมรับทั้งนั้นล่ะครับ ลูกทั้งคนเลยนะ ลูกคนแรกเลยนะ แฟนผมก็ท้องก่อนแต่ง แต่พอรู้ผมก็รีบหาเงินหาทองซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน แต่ที่ฟิล์มพูดแปลกๆคงเพราะไม่มั่นใจว่าเป็นพ่อจริงหรือเปล่า เขาอาจจะคิดว่ายอม น.ต.ม. ดีกว่าเป็น ฟาย นะครับ
คิดดูนะครับ ถ้าเกิดไม่ใช่ลูกจริงๆแล้วมายอมรับเนี่ย ก็หมายความว่าแอนนี่ไปมีอะไรกับคนอื่นขณะที่คบกับตัวเอง แล้วยังต้องมาเลี้ยงดูลูกของชู้อีก นี่มัน ฟาย ชัดๆเลยนะ !
ตอนนี้แอนนี่คงยังได้เปรียบจนกว่าจะไปตรวจ DNA ครับ เพราะถ้าตรวจว่าใช่ลูกฟิลม์ ฟิล์มมันก็ยอมรับอยู่แล้ว เรื่องก็จบ ถ้าไม่ใช่ แอนนี่ก็จบ
+1 เกิดเป็นคนเหมือนกัน หมดยุกต์แยกชายแยกหญิง อยู่ร่วมโลกกัน มันต้องแฟร์ๆ
ตรวจก็ตรวจไปสิ แต่ต้องมาแถลงข่าวบอกว่าคนนั้นคนนี้หลายผัว?
ดูอย่างของ Big Ass ผู้ใหญ่แกรมมี่ ทำอย่างนี้กับเขาเหรอ?
ผมว่า ฮ้อ ส่วน ฟิล์ม ผมไม่ได้ตามข่าว ผมเลยไม่ได้ออกความเห็นส่วนนี้ครับ
Ton-Or
ก็เพราะแอนนี่ไม่ยอมให้ตรวจนะซิครับ
ผมว่าเฮียฮ้อขุดบ่อล่อปลา วางแผนให้แอนนี่ฟ้อง จะได้หาทางให้ศาลสั่งตรวจ DNA ขัดคำสั่งศาลไม่ได้อยู่แล้ว
ถ้าผมเป็น ฮ้อ ผมจะเฉยๆ ปล่อยอีกฝ่าย บ้าไป ถ้าเพราะยังไงก็ไม่ตรวจ(ผมไม่ได้อ่านรายละเอียดข่าว ตอบจากข้อความของคุณนะ)
ผมว่านิ่งๆ แ่ค่พูดประมาณ ว่ายินดีีัรับผิดชอบการกระทำของคนในสังกัด และให้ความช่วยเหลือทุกอย่างหลังได้รับการพิสูจน์ แล้วยังจะออกมาดูดีเสียกว่า เพราะตัวเองเป็นผู้ใหญ่
การบังคับ ให้คนมาตรวจ DNA ต้องหาสามีให้หลายๆ คน เพื่อที่สังคมจะกดดัน จนจะยอมตรวจ?
ตรรกะแบบไหน ฮ้อ น.ต.ม. อีกรอบ
...
Ton-Or
+1 เช่นกันครับ เป็นเรื่องของคนสองคน คนอื่นไม่ควรมาก้าวก่าย แต่คิดอีกแง่การที่ฟิมเสียชื่อเสียงนั่นก็หมายถึงรายได้เขาก็ลดลงเยอะนะ เพราะเสียเงินไปกับการโปรโมตฟิม อาจมีอารมณ์ไม่ดีไม่ชอบแอนนี่อยู่เหมือนกันถึงได้ทำอย่างนี้ คิดไปคิดมาผมว่ามันการตลาดบนกระแสมากกว่าหรือเปล่า อิอิ (คิดเหมือนในหนังฝรั่งเลยถ้าจำไม่ผิด เจมบอน007 ตอนนักข่าววางแผนทำให้สองประเทศมหาอำนาจทำสงครามกันแล้วตัวเองก็ขายข่าว เอาเงินเข้ากระเป๋า)