ใช้ PC เป็นมาเวลานาน จนเมื่อกลางปีได้เป็นเจ้าของ Macbook Pro 17" 2010
เลยจะเขียนถึงการเปลี่ยนจาก Thinkpad มาเป็น Macbook ซะหน่อย
เอาแค่ hardware ก่อนละกัน
กล่อง
- เล็กมาก ใส่อุปกรณ์มาพอดีกล่อง ไม่มีของแถมเยอะเหมือนซื้อ notebook ทั่วไป
- ไม่มีกระเป๋าแถม
- แผ่นติดตั้งสองแผ่นมาในซองพลาสติกธรรมดามาก น่าจะแพ็คเกจแน่นหนาทนทานกว่านี้หน่อย
Adapter
- มีสลักไว้พันสายไฟเวลาเก็บ อันนี้เข้าท่า
- ใช้แม่เหล็กดูดติดกับตัวเครื่องเวลาเสียบชาร์ท นี่ก็เข้าท่า
- ถ้าต่อสายเพิ่มความยาว จะยาวมาก
- มีไฟบอกสถานะที่ตรงหัว
Macbook
- เปิดเครื่อง ไม่มีหน้าจอ bios ดำๆ
- ตอนเปิดมีเสียงดัง "ติ้งงงงงงงงงง" แค่นี้แหละ
- ไม่มีไฟสถานะใดๆเลย ทั้ง power, disk activity, charge , dvd นอกจากไฟ sleep กับปุ่มกดดูปริมาณแบต
- port ทั้งหมดมากองฝั่งซ้ายอยู่ที่เดียวกันหมด ถ้าใช้ flashdrive อันใหญ่ๆเหมือนเสีย usb ไปสองช่อง
- บานพับใช้แม่เหล็กในการล็อค แน่นหนาเหมือนกัน
- หน้าจอเวลาเปิด ถ้าโดนลม มันจะสั่นๆ โยกเยก อันนี้ไม่ปลื้ม
- back lit keyboard เจ๋งดี มีประโยชน์เวลาใช้ในที่มืดๆ
- touchpad multitouch แจ๋วมาก เวลาไปใช้ notebook จะเผลอกด touchpad เพื่อคลิกอยู่เรื่อย
- ใช้งานหนักๆ ฝั่งซ้ายจะอุ่น ฝั่งขวาเย็นเจี็ยบ เหนือคีย์บอร์ดร้อนฉ่า
- ปุ่มยางกันลื่น กันลื่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่
- ถึงจะ 17" แต่ก็บางและเบากว่าที่คิดเยอะ
- DVD-Drive แบบ slot-in ส่วนตัวไม่ค่อยชอบแบบนี้ โดยเฉพาะเวลาแผ่นติด
- ช่องระบายความร้อนแอบเนียบอยู่ข้างหลัง ตอนแรกสงสัยมันระบายความร้อนที่ตรงไหน
- ลำโพงเสียงธรรมดาๆ
- Kensington lock slot ทำไมเอามาไว้กลางเครื่องฝั่งขวา มันเกะกะ
- ไม่มี SD card slot ที่เหลือตั้งเยอะใส่มาหน่อยก็ได้ อยากใช้ต้องไปซือรุ่น 15" หรือ 13"
- ไม่มี switch เปิดปิด wireless เปิดปิดเองใน OS
- ไม่เคยใช้ แบต ได้ถึง 8 ชม สักที
- ไม่มี modem
- จบ(ดีกว่า)
ใหม่ๆ ก็งี้แหละครับ
จะรู้สึก.."ไม่ครบ" จนอาจจะต้องถามกับตัวเองว่า.. เอ๊ะ.. "กูโง่หรือบ้าหว่ะเนี้ย"
ซักพัก..ครับ..ซักพัก
จะรู้สึกว่า "หล่อ" ขึ้น ^_^
ความรู้สึกขัดอกขัดใจ ที่แมคทำเหมือนวินโดว์ไม่ได้ก็หายไปทีละอย่าง
ผมยังขัดใจหลายอย่างเลย แต่ก็สะดวกใจในอีกหลายอย่าง
เศร้าครับ T T
สักพักจะรู้สึกว่า การประมวลผลที่เร็วที่สุดของ CPU ไม่ไใช่คำตอบ
แต่การใช้งานที่คล่องตัว ทำให้งานหลายๆอย่างเสร็จเร๊วขึ้นมาก
เรื่องช่องอ่าน SD Card ผมกลับอยากให้มันใส่ ExpressCard มากกว่า เพราะมันเสียบได้หลายอย่างกว่าน่ะครับ จะ Aircard ก็ได้ จะเพิ่มพอร์ตก็ได้ ถ้าใส่ตัวอ่านการ์ด ตัวอ่านการ์ดที่ขายก็อ่านการ์ดได้มากชนิดกว่า
ผมเลยเสียใจนิด ๆ ตอนที่ 15" เปลี่ยนเป็นช่อง SD card
My life and hobbies blog!
Technology and Gadget blog!
เห็นด้วยเรื่องพอร์ต usb ด้านเดียวครับ
ผมเปลี่ยนกลับทิศกับคุณครับ (Macbook Air > ThinkPad)
สิ่งที่คิดว่าแมคดีกว่าคือ
สิ่งที่แมคห่วยกว่า
ทำฟอร์มว่าแมคก็มีโปรแกรมทดแทน แต่เอาจริงน้ำตาตกใน (แต่แสดงออกไม่ได้เพราะเสียฟอร์ม)
ข้อความนี้เดี๋ยวแนบส่งอีเมล์ไปให้เพื่อนดีกว่า LOL
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
ผมไม่ได้ใช้ PC+Windows มา 8-9 ปีแล้ว ไม่เคยรู้สึกว่ามีอะไรที่ทำให้น้ำตาตกในครับ lol
ผมแนะนำให้ลองกลับมาใช้พีซีดูสักเดือนครับ ก่อนหน้านั้นผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
ถ้าทำงานออกแบบ กลับไปแล้วอาจจะได้น้ำตา แบบไม่ตกในเลยก็ได้ครับ โปรแกรมทดแทนแบบที่ทำได้ใน Mac แทบไม่มีซักตัว ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่อง UX ของโปรแกรมให้มาได้อีก
แต่ถ้าทำงานเกี่ยวกับเอกสาร Doc และไม่ใช้ pdf งาน 3d CAD หรือว่างานเฉพาะทาง อื่นๆ กลับแล้วน่าจะรู้สึกดีขึ้น แล้วยิ่งถ้าใช้ 7 น่าจะโอเคใกล้เคียงกับ Mac เลยทั้งความสวยงาม ความนิ่ง
ที่สำคัญเลยต้องรู้ว่าตัวเอง"ต้องการ"อะไรก่อน จะได้ไม่เป็นปัญหา User Error แล้วถ้า WorkFlow ลงตัว รู้ความต้องการตัวเองแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้อง ไปหาโปรแกรมใหม่มาทดแทนเลยซักนิด
ปล.พอกลับไปแล้วจิ้มมุมจอไม่ได้รู้สึกโลกนี้มันยุ่งยากขึ้นมาทันได
โปรแกรมไหนบ้างครับที่ไม่มีสำหรับงานออกแบบบน win
แค่อยากรู้เพราะที่ใช้หลักๆมันก็มีหมด
ไม่ได้เกี่ยวกับออกแบบโดยตรงครับ แต่เป็นโปรแกรมช่วยเพิ่มความสะดวกในเวลาทำงานครับ
แต่มีพวก TImeTracker นับเวลาทำงาน
Deep ค้นหาภาพในเครื่องแยกตามสี
Tagit เอาไว้ใส่ Tag ให้ File
Kaleidoscope เทียบไฟล์ ความต่าง
Ruler วัดขนาดต่างๆในจอ
Expose สะดวกมากเวลาทำงานหลายๆหน้าต่างพร้อมกัน
Stuf คลิปบอร์ดผ่าน Menubar
QuickLook แอบดูไฟล์
Artfiles เอาไว้รวมลิ้งต่างในไฟล์ Ai คล้ายๆคำสั่ง Package ของ Indesign
Workflow เพิ่มความสะดวก
สร้าง Automator จัดการงาน
เปิดไฟล์โดยลากไปทิ้งใน Icon ที่ Dock ลากภาพจากเบ้าเซอร์ โปรแกรมอื่นเข้า Dock โดยตรง
บางตัวผมไม่รู้จักนะครับ แต่พวก time tracker หรือ tag ภาพนี่ แพลตฟอร์มไหนก็มี
อันที่แมคเหนือกว่าชัดเจนคือ Expose กับ QuickLook ผมแถม Cmd+Shift+3 ปุ่มมหัศจรรย์อีกอัน
ส่วนเปิดไฟล์โดยลากไฟล์ไปทับไอคอนนี่ มันทำได้ตั้งกะ Windows 95 นะครับ
คล้ายๆ OpenMeta ที่สามารถใช้ Spotlight เสิร์ช ได้ตามปกติยังไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ครับ แต่ปกติต้องใช้เฉพาะโปรแกรมของตัวเองถึงจะเห็น Tag ซะมากกว่า
สรุปคือ มันก็ไม่ได้มีโปรแกรมที่ทดแทนไม่ได้บน WIN ตามที่คุณบอกถูกป่าวครับ เพราะที่กล่าวมาก็เห็นมีแต่ตัวช่วยความสะดวกในการทำงาน ซึ่งผมเห็นด้วยว่ามันใช้ง่ายกว่าบน MAC
แต่ไหนล่ะครับโปรแกรมที่ทดแทนไม่ได้ที่ต้องใช้ MAC เท่านั้น?
จริงด้วยครับ สงสัยผมจะใช้คำผิดความหมายไป ความสะดวกของการทำงานบน Mac ยังคงดีกว่า Win ในหลายๆเรื่องแล้วก็สู้ Win ในหลายๆส่วนไม่ได้อยู่
ของฟรีในฝัง win ฝัง PC แบบที่คุณใช้งานมันก็มีน่ะครับ หาดูดีๆ เพียงแต่มันไม่สวยเท่าดัดจริตของใครบ้างคนเท่านั้น
ปล. ดัดจริต = รสนิยม = ความชอบส่วนตัว ผมไม่ได้เหน็บแหนมท่านน่ะครับ แต่ใช้เพราะมันเข้าใจง่ายกว่า แล้วก็ไม่มีใครถูกผิดหรอกครับเรื่องดัดจริต รสนิยม เพราะมันเป็นความชอบส่วนตัวน่ะ :)
อย่างเช่นอะไรบ้างครับ คุณ mk ที่ทำให้ต้องน้ำตาตกใน ผมนึกไม่ออกจริงๆ
ที่ผมเจอเยอะๆ นะครับ
ซึ่งทั้งหมดนี้แอปเปิลควบคุมไม่ได้ เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรม ไม่ใช่ความผิด แต่เป็นปัญหากับผู้ใช้ไหม เป็นแน่นอน
ครับผม เป็นหาภายนอกหนิครับ ไม่ใช่ปัญหาของแอปเปิ้ล (หรือว่าเป็นด้วยน่ะ เพราะ Apple ไม่ยอมเปลี่ยนหรือทำตามมาตรฐานชาวบ้านเข้า) ถึงกระนั้นคนใช้ฝังแม็คคงไม่สนกระมังเพราะส่วนใหญ่ทาง Apple ก็มีซอฟแวร์ทดแทน เพียงแต่มีจำนวนคนใช้น้อยกว่าเลยมีปัญหาตรงนี้กับความรู้สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่แพร่หลายเท่าไหร
ที่แน่ๆ ด้านฮาร์ดแวร์นี้น้ำตกตกในชัดๆ ใช้รวมกับคนอื่นยากมากๆ ขนาดที่ชาร์ตแบตเปลี่ยนรุ่นก็ต้องเปลี่ยนแบบ ใช้ด้วยกันไม่ได้ T-T
เป็นไปได้ครับถ้าลักษณะงานคุณมันเอื้อ
แต่ถ้ายังต้องแชร์เอกสาร ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น อยากเล่นเกมใหม่ๆบ้าง บางทีก็อยากทำอะไรที่ OS ที่คุณใช้อยู่ทำไม่ได้ อาจจะไม่ถึงขั้นน้ำตาตกใน แต่มันก็เซ็งๆเหมือนกันนะครับ
สองปีก่อน ผมทำงานที่บริษัทหนึ่ง ตอนเข้าไปแรกๆเค้ากำลังทำเรื่องสั่งซื้อเครื่อง Mac อยู่หน่ะครับ ผมเลยต้องใช้ WindowsXP อยู่ราวๆ2 เดือน ตอนนั้นสิครับรู้สึกน้ำตาตกในมากๆ ความรู้สึกในตอนนั้นคือ ทำอะไรก็ช้า หงุดหงิด กดเม้าสตั้ง 4ทีกว่าจะได้แบบที่ OSX ทำได้ใน 2คลิ๊กเม้าส น้ำตาตกในเลยครับ ทำงานแบบ speed ตกไปสองเดือน ไม่ใช่เพราะ CPU ช้านะ แต่เพราะมันคือ windowsXP ครับ (ผมเชื่อว่า Vista หรือ Seven คงทำได้ดีกว่าในตอนนี้ ซึ่งผมไม่เคยใช้ครับ)
ตอนนั้นทำงานผมก็ใช้ Mac อยู่สองเครื่องทั้ง คือผม และเจ้าของบริษัท และก็แชร์ไฟล์ .doc และ .slx ในวงแลนกับคนอื่นในบริษัทอีกมากมายได้ปกติเลยครับ
ปล.Mac geek ป่ะ ฮ่าๆๆๆ
โปรแกรมอย่าง flash บน windows กดคีย์บอร์ดปุ่มเดียวครับ บน mac ผมต้องกด 3-4 ปุ่ม(คีย์ลัดอะไรจะเยอะขนาดนั้น)
น้ำตาตกในเหมือนกัน แต่ที่ mac เจ๋งกว่าชัดๆเลยคือเปิดโปรแกร adobe 5 ตัวพร้อมกันแล้วไม่อืดเลย
อันที่ผมใช้บนวินโดวส์แล้วพอเปลี่ยนมาแมครู้สึกหงุดหงิดที่สุดก็พวก
ไม่มีโปรแกรมฝึกพิมพ์ดีดภาษาไทย
ไม่มีโปรแกรมบันทึกเสียงการประชุมสไกป์ที่ดีๆ และฟรีๆ
รวมทั้งโปรแกรมเล็กๆ น้อยๆ อีกหลายอย่างที่ดีๆ และฟรีๆ
การบริหารจัดการถังขยะวินโดวส์กินขาด ถังขยะแมคเข้าขั้นกึ่งพิการ
ต้อง Empty Trash แบบ System Wide สถานเดียว ไม่งั้นไม่สามารถเรียกคืนพื้นที่ไฟล์ที่ถูกลบในมีเดียอื่นได้
ประสิทธิภาพ Finder ในการบริหารจัดการไฟล์ ประมาณยุคหิน Explorer ทำงานได้ดีกว่า คล่องตัวกว่าเยอะ
ชุดออฟฟิศไม่ว่าชุดไหนบนแมค ก็ห่างชั้นกับ MS-Office for Windows หลายปีแสง
โปรแกรมสำหรับ MSN บนแมคไม่มีอันไหนทำได้ใกล้เคียง Live Messenger บนวินโดวส์เลย
ต่อให้เป็นโปรโตคอล IM อื่น ก็ไม่มี Client ของโปรโตคอล (รวมทั้ง Multi-Protocol) ไหนบนแมค
ที่มีฟังก์ชั่นอลังการหลากหลายเทียบได้กับ Live Messenger
บนแมคไม่มีอะไรที่เทียบได้กับ Foobar2000 มีแต่โปรแกรมเพลงอ้วนๆ ง่อยๆ
ผมยังไม่เคยสัมผัสกับแมคสักครับเลยในชีวิต แค่ฟังก็กลัวละ
เรื่อง IM ผมคิดกลับกันนะ Adium = เล็กใช้ง่าย ปรับแต่งได้เยอะ ออนไลน์หลายเจ้าได้พร้อมกัน
Windows Live Messenger = จะเอาอะไรมาให้เยอะแยะ อ้วนก็อ้วน แถมมี ad ให้เปลืองพื้นที่อีก
หมาไฟ
เพราะ Adium ไม่ใช่ของ apple ไงครับเลยปรับได้เยอะ บน windows มีโปรแกรมที่ทำแบบนั้นได้หลายตัวเลย
= pidgin
เครื่องเพื่อน ซื้อมาแล้วไม่เคย empty Trash เลย สะสมไว้แล้วค่อยเคลียทีเดียว ไฟล์ข้างในหลายกิ้กอยู่
แค่กด empty เท่านั้นแหละ จอดำแครชไปเลย
ลองใช้ Ecoute หรือ Bowtie ฟังเพลงแทน iTune ครับ ดีกว่ากันเยอะเลย เบาเครื่องกว่าเยอะแต่มันดึงเพลงจาก Lib ของ iTunevp^jfu
แต่ถ้าไม่ชอบเรื่อง Lib ก็คงต้องไปใช้ Songbird หรือว่า Vlc ครับ
แต่บนแมคก่อนมี Quicklook เนี่ยแทบไม่มีโปรแกรมดูภาพโอๆเลย ถ้าใช้ AcdSee มาก่อนนี่รู้สึกแย่ๆ ใช้ PhoenixSlide ก็ไม่ลงตัวยังไงไม่รู้
Xeeไงครับ เร็วดี (แต่พอมีQuicklookก็แทบไม่ได้ใช้แล้ว)
ผมใช้ dell xps m 1330 มีไฟบอกระดับแบตอยู่ที่ตัวแบตเลยครับ มี LED 5ดวงเรียงกัน
+1
มีไฟบอกแบตที่เหลืออยู่ อันนี้สงสัยมานานว่าทำไมฝั่งพีซีไม่มีใครทำ
ฝั่ง PC ผมก็เห็นว่ามี Dell นี่แหละที่ทำ ฝังอยู่บนตัวแบตเลย กดปุ๊บรู้ปั๊บว่ามีไฟเหลือเท่าไหร่โดยไม่ต้องเปิดเครื่องเพื่อดูแบตแถมดูได้อีกว่าแบตเสื่อมแล้วยังได้อีกด้วย
http://www.dell.com/content/topics/global.aspx/batteries_sitelet/en/batteries_faq?c=us&l=en&cs=04#faq15
ของผมมันไม่ทำงานนะ
แบตเสื่อมแล้วเสื่อมอีก
ยังไงหลอกนั่นก็ยังเต็มอยู่- -
May the Force Close be with you. || @nuttyi
มันจะกลายเป็นประเด็นร้อนแรงไหมครับเนี่ย เหอๆ กลัวจัง
คุยเรื่องนี้เหมือนคุยเรื่องการเมืองอะ
เมื่ออาทิตย์กอ่นผมก็ไปลองลง OSX 10.6.2 ดู ปรากฏว่ามันทำผม งงๆ ยังๆงไม่รู้
ซึ่งอาจจะไม่คุ้นเคย อ่านไฟล์ใน Flash Drive ได้แต่เขียนไม่ได้ ไม่รู้เกี่ยวกับ NTFS หรือป่าวนะ
แต่ก็ไม่ได้อะไรครับ มันก็สวยดีชอบ Explorer เค้านะ เข้าถึงโฟลเด้อไวอะ
อ่านพาติชั่น NTFS ได้แต่เขียนไม่ได้ครับ
ต้องเป็น Fat ถึงจะเขียนได้ ไม่งั้นคงต้องหาโปรแกรมมาลงเพิ่มครับ
อันนี้ก็เป็นหนึ่งในอุปสรรคที่แอบทำน้ำตาตกในน่ะครับ คนใช้แมคก็จะคิดปลอบใจตัวเองว่า "ใช้ FAT ก็ไม่เห็นเป็นไร" (ผมเคยคิดแบบนี้) แต่มันก็มีความลำบากแอบซ่อนอยู่
มันเซฟไฟล์เกิน 4Gb ได้รึเปล่าครับ
ไม่ได้ใช้ mac แต่เหมือนเคยได้ยินว่า apple ทำให้มันเซฟได้ครับ= ='
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ตัว FAT32 ไม่รองรับไฟล์เกิน 4GB โดยสถาปัตยกรรมนะครับ
แอปเปิลฝ่าสถาปัตยกรรมไป โดยยังคงความเข้ากันได้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วยหรือ?
lewcpe.com, @wasonliw
อ่า นั่นน่ะสิ...FAT มันขนส่งไฟล์ ขนาด 4 gb ไม่ได้นี่ครับ
นี่เลย ครั้งแรกที่ผมเอา ext hdd มาต่อกับ MacBook ของญาติ
"ผมงง"
เฮ้ย อะไรวะ มันไรท์ไฟล์ลง HDD แบบ NTFS ไม่ได้????
ตลกมาก
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
Mac อ่าน Format ที่ windows ใช้ได้ทุก format และเขียนลง NTFS ไม่ได้
แต่ windows ทั้งอ่าน และเขียน ของ Mac ไม่ได้เลย
ตลกกว่าใหม ?
.
.
กระทู้ร้อนแรงส์ :P
เฉยๆครับ คนใช้ mac แค่สิวๆ ยังไม่ถึงเวลาสนใจ
ลง ntfsmounter น่าจะช่วยได้
เคยคิดเหมือนกันครับว่าอยากจะได้ เมคบุ๊คแอร์ แต่มาจนถึงตอนนี้ ความคิดนั้น ล้มเลิกไปแล้วครับ เพราะ มีเครื่องที่ใช้ทำมากินอยู่แหละไม่อยากเสียตังเพิ่ม แทนที่จะได้เงินเพิ่ม
เพิ่งซื้อ Paragon NTFS ไปคัรบ เป็น bundle set มาพร้อมกับ HFS+ บน windows $19.95 ทำให้ osx และ windows อ่าน hdd. ของกันและกันได้สบาย
บางทีถ้าใส่ใจหน่อย เราจะได้ software ดีๆ ราคาถูก และ interface สวยงามมากจริงๆ
ปล. ความสวยงามขึ้นอยู่กับความรู้สึกส่วนบุคคล
โปรแกรมเดียวบนแมคที่ไม่มีทดแทนบนแพล็ตฟอร์มอื่นคือ โปรแกรมสตีฟ จ๊อบส์ ติดตั้งมากับ Mac แต่ซึบซับไปยังจิตสำนึกของผู้บริโภค ให้ความเชื่อว่าของข้าดีสุดแล้ว จงลืมข้อบกพร่องอื่นๆ ไปซะ เพราะข้าได้ให้สิ่งอื่นที่ข้าอยากให้เจ้าได้ใช้และคนอื่นไม่มีใช้มาแทนสิ่งนั้นแล้ว อ่ะล้อเล่งงง :p
นี่ก็มากไปป่าวครับ ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้ MAC เป็นแบบนั้นหรอกนะ หรือคุณก็โดนสตีฟ บัลเมอร์ ตั้งโปรแกรมซึมซับมาเหมือนกัน?
ขอนอกเรื่องแต่เกี่ยวเนื่องได้มั้ยครับ แค่อยากทราบว่าเวลาสลับภาษาใช้ ตัวนอน กับ alt + shift อันไหนง่ายกว่ากันเหรอครับ
ตัวหนอนเร็วกว่าครับ
ผมว่า ขึ้นอยู่กับความชินมากกว่าครับ
Jusci - Google Plus - Twitter
+1 ตอนนี้ชิน alt + shift กว่าแระ
แล้วแต่ความชินครับ
ผมใช้ alt+shift อยู่ด้วยเหตุผลงี่เง่าบางประการ
ก็ไม่ได้เดือดร้อนนะ ถ้าพิมพ์แบบอวยๆ หน่อยก็จะบอกว่ามันใกล้มือมากกว่า
ยิ่งเล่นเน็ตเยอะๆ ใช้ ctrl+__ เยอะๆ แล้วมันใกล้กันมากเลย ไม่ต้องลากไกล
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ผมใช้ CapLock
lewcpe.com, @wasonliw
เป็นปุ่มที่ใหญ่โตกินพื้นที่แต่โอกาสจะได้ใช้งานน้อยมาก
ถ้าเราไปซื้อแลปทอปสักตัวแล้วบอกคนขายว่า ไม่เอาปุ่ม CapLock จะลดให้อีกเท่าไหร่? คนขายจะลดให้มั้ยนะ
เสียใจ บน windows ไม่มีวิธีแฮคให้มันทำได้แบบสุภาพๆ
ผมเห็นด้วยเรื่อง USB ครับ ลำบากจริงๆ
แต่ก็นะ ขาดๆ เพื่อสิ่งที่เจ๋งกว่า
ดีกว่า เกินๆ แต่ไม่ได้ใช้
ตรรกะแปลกๆ นะ-..-
เค้ามีแต่เผื่อเกินๆ ไว้ดีกว่า ไม่ได้ใช้ไม่เป็นไร
May the Force Close be with you. || @nuttyi
อธิบายเพิ่มเติมครับ
เขายึดหลักที่ว่า less is more ครับ ลองไปค้นดู
การทำให้สิ่งที่เรียกว่า "น้อย แต่ ดีกว่า" เป็นจริงได้
ถือเป็นเรื่องยอดเยี่ยมมาก
เรื่อง USB รับเองว่าลำบาก เลยนึกไม่ออกว่า "น้อย แต่ ดีกว่า" ที่ยกตัวอย่างมานะดีกว่ายังไง
ลำบากเรื่องนี้อะครับ แต่แลกกับสิ่งที่ได้มาก็โอเคนะ
แต่ตามบริบททางศิลปะแล้ว Less is More คือการตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป จนคงเหลือไว้แต่สิ่งที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้นไม่ใช้หรือครับ?
ตัวอย่างก็พวกผลงานศิลปะแนว Minimalism ทั้งหลายนั่นแหละครับ
อธิบายให้ลึกไปอีกก็ถ้าจะวาดรูปคนซักรูป ศิลปะแบบ Classic นั้นก็จะจับคนมานั่งเป็นแบบ
แล้วก็ลากเส้นร่างภาพโน่นนี่นั่นมากมาย ยุ่งเหยิงเต็มไปหมด เก็บรายละเอียด แสงเงา ลงสี
ภาพสุดท้ายที่ได้ออกมามีความสมจริง สวยงาม แต่ก็กินเวลามาก
พวก Minimalism ปฏิเสธความยุ่งยากนี้ออกไป
อยากวาดรูปคนเหรอ? ก็วิเคราะห์ว่าองค์ประกอบที่เพียงพอต่อการเป็นคนคืออะไรบ้าง
สองแขน สองขา สองตา หนึ่งจมูก เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะสื่อความหมายว่านี่คือคน
วาดภาพอย่างรวดเร็ว แสงสีเฉดเงาไม่จำเป็น เพราะตัดทิ้งออกไปก็ยังคงความหมายไว้ได้
ผลลัพท์สุดท้ายออกมาก็สื่อว่าภาพวาดนี้พูดถึงคนเหมือนกัน เพียงแต่รายละเอียดน้อยกว่า
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าภาพนั้นจะมีสวยงามน้อยกว่าแต่อย่างใด
(ขออภัยที่ผมยังไม่ได้ศึกษาศิลปะภาพวาดอย่างลึกซึ้ง เลยอธิบายให้เห็นภาพได้ไม่ชัดเจนนัก)
ผมเลยมองว่า Apple นั้น น่าจะยึดหลัก Less is More จริงอยู่
แต่บางเรื่องอาจคาดการณ์ผิดไปก็ได้ เพราะดันตัดเผลอไปตัดสิ่งที่จำเป็นทิ้งไปซะหนิ
อย่างเรื่องพอร์ต USB ที่มีเหลืออยู่น้อยนิดนี้ไงครับ
ขอบคุณครับ
ผมก็ว่า เขาพลาดเรื่อง USB จริงๆนะครับ
น้อยเกิน สงสัยจะ less ไป อันนี้สมควรโดนตำหนิ นะครับ
แนวคิด less is more ผมว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจนะครับ
apple นำมาใช้ แต่ผมว่า ต้องมีบริษัทที่นำมาใช้ได้เก่งกว่า apple แน่ๆ
อยากให้ บริษัทนั้นเป็นของคนไทย มากๆครับ ^^
นี่แหละที่ผมสงสัย สิ่งที่ได้กลับมานี่อะไร
ความพึงพอใจในแบบ Minimalism
ท่าทางจะคิดว่า
ขาดๆ -> หงุดหงิดที่ไม่สมบูรณ์ -> พัฒนาสิ่งที่สุมบูรณ์มาทดแทน
อย่างกรณีเมาส์ของ Apple ที่เป็น bt ไม่ต้องพึ่งสาย usb กันแล้ว???
Mouse ของ PC ก็มีนี่ครับ แถมมีให้เลือกเยอะกว่าอีก
อันนั้นทราบดีอยู่แล้วครับ เพราะผมชอบเดินดูอุปกรณ์เสริมมากกว่าเครื่องคอมฯ ซะอีก
เพียงแต่ยกกรณีนี้ขึ้นมาเพราะว่า Mac นั้นควบคุม Hardware ได้เองหมดครับ
ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจะมีคุณสมบัติพื้นฐานเหมือนกัน
เช่นกรณีที่ Mac ทุกเครื่องมี่ bt (อันนี้ผมไม่รู้ข้อเท็จจริงนะ แต่เห็น Magic Mouse มันไช้ได้กับทุกเครื่อง)
กอรปกับการที่ Apple ออกแต่เมาส์ bt อย่างเดียว
ทำให้ผู้ใช้ Mac ร้อยทั้งร้อยเหมือนโดนบังคับกลายๆ ว่ายังไงก็ต้องใช้เมาส์ bt กันหมด
ซึ่งกรณีนี้แตกต่างออกไปจากฝั่ง PC ที่ผู้ผลิตมีจำนวนเยอะกว่า (ควบคุม Hardware ได้ไม่เต็ม 100%)
ถ้าเกิดผมอยากต่อเมาส์ bt เข้ากับ Netbook รุ่นเก่าๆ ที่ไม่มี bt ผมต้องทำไงครับ (ทำใจ แล้วเดินไปซื้อหัว bt จาก belkins เพิ่ม)
นี่เปิดโอกาสให้ฝั่ง PC มีอุปกรณ์เยอะกว่า หลากหลายกว่า และไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันมากกว่า
ถ้าลองเดินดูผู้ใช้ PC จำนวนหนึ่ง จะเห็นว่าบ้างก็ต่อเมาส์แบบ bt บ้างก็ต่อโดยใช้ receiver แต่ละเจ้า บางก็ยังเป็นสายอยู่
แน่นอนว่าทางเลือกของผู้ใช้มีเยอะขึ้น ใครใคร่ใช้อะไรก็ใช้ แต่มันก็นำมาสู่ความไม่เป็นมาตรฐานเดียวครับ (ซึ่งก็ไม่ได้เสียหายครับ)
นี่คือข้อแตกต่างสำคัญครับ
และด้วยเหตุที่ Mac ไม่จำเป็นต้องพึ่งพอร์ต USB สำหรับต่อเมาส์แล้ว (เพราะเมาส์จาก Apple เป็น bt หมด)
ก็ทำให้ Apple มีพอร์ต USB เพียง 2 พอร์ต แทนที่จะมี 3 (หรือมากกว่า) เหมือนฝั่ง PC (เพราะต้องเผื่อไว้ต่อเมาส์ด้วย)
ดังนั้น กรณีนี้ น่าจะเป็นตัวอธิบายเรื่อง Less is More ได้อยู่นะครับ (ลดพอร์ต USB ลง เพราะอุปกรณ์จาก Mac ใช้ USB ลดลง)
แต่ส่วนตัวผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่แฮะ เพราะผมเชื่อใน "เผื่อเหลือดีกว่าเผื่อขาด"
อือๆ น่าคิด
เขาก็คงอยากถูกด่าเรื่องนี้หละมั๊ง ฮาๆๆ ชอบทำตัวเป็นเป้าล่อ ประจำ ให้ได้โดนด่า คนจะได้จำได้
ตอนเขาตัด ไดร์ฟ A: ก็รอบนึงแล้วนะครับ
ด่ากันทั่วโลก
รอบนี้คงไม่บังอาจขนาดเอา USB ออกไปเลย เพราะยังไงก็เป็นสิ่งจำเป็น
กลายเป็น เวลาจะใช้อุปกรณ์ ก็เสียบ USB เปลี่ยนกันให้วุ่น ฮาๆ เอา USB แบบต่อเพิ่มมาเสียบ
ไฟเลี้ยงก็ไม่พออีก ปวดหัว
แต่เราก็บ้าซื้อมาเองหนิครับ จะด่าใครได้ ฮาๆ
ผมว่ามันหนักไปหน่อย
ผมรู้สึกไปเอง หรือว่ามันคือเรื่องจริง ที่ว่ามันเริ่มร้อนแรงแล้วกระทู้นี้?
บางคนบอก Mac งง Windows แหล่ะทั่วโลกใช้กันเข้าใจมาตั้งแต่เด็ก ขี้เกียจเรียนรู้
บางคนบอก Mac และ Win Seven ไม่ดีทั้งคู่ สุดยอดแล้วคือ Ubuntu
งานคนบอกว่า Ubuntu ไม่ดีเลย ไม่เถียร ต้อง Debian (Stable) เท่านั้น
บางคนบอกว่า Ubuntu และ Deb ห่วยสู้ Gentoo ไม่ได้แน่นอน ไปกันใหญ่แล้ว!!!
คนมีหลายประเภษ เช่นเดียวกัน คอมพิวเตอร์ก็มีปลายประเภท ครับ ซึ่งพอดีผมคงถูกประเภทกับ Mac เข้าพอดีหล่ะมัง
เรื่องนี้เถียงกันไปก็ไม่จบ ผมเคยเถียงมาหลายพันปีแล้ว บอร์ดลุกเป้นไฟ 555
สิ่งที่ได้มา และสิ่งที่เสียไป อย่างไหนมากกว่ากัน คือเรื่องจริงที่ได้พบเห็นตลอดมา รอบตัวผมไม่ว่าใครที่ได้เปลี่ยนมาใช้ Mac แล้วไม่เคยย้อนกลับไปใช้ PC+Windows เลย
รอดูผลจากคุณเจ้าของกระทู้ก็ได้ครับ :P
ปล.หนีดีกว่าเดียวไฟใหม้กระทู้ :)
ผมว่า ความเคยชิน ความชอบ ตอบปัญหาพวกนี้ได้หมดนะครับ
Jusci - Google Plus - Twitter
ไม่เกี่ยวกันครับ
ผมใช้อะไรก็ได้ที่ทำให้ผมทำงานได้ (และร่วมกับคนอื่นด้วย)
อย่างถ้าทำจะทำ presentation ส่วนตัว ตอนนี้ยังไม่มีอะไรมาแทน keynote ได้
แต่ถ้าผมได้วงจรหลอดดีๆ แล้วไม่อยาก hand wire ล่ะ (มือไม่ถึง) ก็ต้องใช้ potel อยู่ดี เพราะผมหาโปรแกรมออกแบบลายวงจรบน MAC ไม่ได้เลย
put the right man on the right job
Kicad, Eagle... to name a few
จอ 17 นิ้ว resolution สะใจมาก 1920 x 1200
ตัดสินใจซื้อ Macbook Pro มาเหมือนกันครับ
ณ ตอนที่ตัดสินใจซื้อมีความคิดอยู่ในหัวแค่อยากได้โน๊ตบุคสวย ไปๆมาๆ เลยได้แมคมาเฉย เพราะตอนนั้น ราคามันลดลงมามาก มากจนโน็ตบุ๊ค HP หรือ Sony ยังราคาแพงกว่า ก็เลยลองสอยแมคมาใชดู
สิ่งที่ชอบ
- แบตอยู่ได้นาน แต่ก็ไม่เคยลองเกิน 4 ชั่วโมง
- คียบอร์ดมีไฟ
- ที่ชาร์จ Magsafe มันเล็กน่ารัก
- Expose
- ผมชอบการที่ปุ่ม Command มาอยู่ตรงนิ้วโป้ง มันถนัดกว่าใช้นิ้วก้อยกด ctrl
- Spotlight
-นึกไม่ออก เพราะ ตอนนี้อยู่บน Windows
สิ่งที่ไม่ชอบ
- ไม่มี IDM อันนี้สำคัญ
- ทำไมไม่ยอมให้ตั้งเปลียนภาษาตรงตัวหนอน ไม่เข้าใจผมใช้มาตั้งแต่เกิด
- USB สองช่องแถมติดกันมาก
- การใช้เม้าน่ารำคาญ มันหนืดๆ
- ไม่มี Cut ใน Finder งง เหมือนกัน
สรุป
ผมชอบตัว Hardware ของ แมคบุคมาก ชอบอลูมีเนียม ชอบคีย์บอร์ด ชอบความบางจนกระทั้งที่ใส่ CD เพราะมันสวย ผมชอบความสวยงามของมัน
แต่ตัว OS ผมยังหาความดีได้ไม่เท่าไร (ยังใช้แค่ 2 เดือน อาจจะกลับคำในภายหลัง ^^)
ถ้าเอา Mac OS เทียบกับ XP ผมว่ามันดีกว่ามาก แต่พอดีตอนนี้มันเป็น Windows 7 มันมีสื่งที่ไปทำเหมือน Mac หลายอย่าง อย่างตรงคล้าย Spotlight ตรงปุ่ม Start การที่สามารถเอา Icon มาวางไว้ตรงด้านล่างเหมือน Mac ซึ่งผมชอบที่ตรง Windows มากกว่า นิดๆ เลยรู้สึกได้เลยว่า Window แอบ กอป Mac มาเล็กๆ
สงครามเริ่มขึ้น Mac VS PC
บีเบี้ยวกับบีบึ้ง
แนะนำ ultra-slim ของ MSI เจ้าที่ทำ body ให้ Mac เป็น PC บางๆ คล้ายแมค แต่เป็น PC จุดอ่อนคือ keyboard
บีเบี้ยวกับบีบึ้ง
สองอย่างที่ผมชอบเกี่ยวกับเครื่อง Mac คือ MagSafe กับ Backlit keyboard
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ