เก้าอี้แบ่งชนชั้น ที่สรรพากรศรีประจันทร์
ขำๆๆ แต่คนเขียนคงขำไม่ออก -_-!
สมควรเอาลง FailBlog กับ Drama นะเนี่ย อุบาทสิ้นดีประเทศไทย ลูกน้องนั่งเก้าอี้สวยเท่าหัวหน้าก็เกิดจิตริษยากันได้ ประชาชนสับสนเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นว่ะครับ ทางแก้มีเยอะแยะ
มีการบอกอีกว่า เรื่องปวดหลังก็ขอให้รักษาสุขภาพของตนเอง ฟังแล้วของขึ้น /me (ขออนุญาต)เอาคุณโอโล่ไปกินเหอะครับ t(- -*
คุณโอเล่นี่ใช่มือกีตาร์วง ETC หรือเปล่า - -
โอ แอล โอ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ก็เพราะคิดแบบนี้ไงครับ ถึงยังต้องเป็น "น.ส." ต่อไป อิอิ
โป้งเดียวจอด
โหดดด
+1
ต้องให้คุณหมอออกใบรับรองแพทย์มาว่า ต้องรักษาโดยการใช้เก้าอี้ตัวนี้~~~
LinkedIn
ตราบใดที่ยังแบ่งนายแบ่งไพร่กันอยู่แบบนี้ บอกตามตรงเจริญยากครับประเทศไทย
แต่ปกติหัวหน้าเค้าใช้โต๊ะที่ดูดีหน่อยไม่ใช่เหรอ(พวกโต๊ะไม้ใหญ่ๆ) เพิ่งรู้ว่าดูที่เก้าอี้กันด้วย
เรื่องโต๊ะหัวหน้าตัวใหญ่นี่ติดมาตั้งแต่สมัยก่อน โต๊ะหัวหน้าจะมีแฟ้มเอกสารเพื่อรอพิจารณาไปวางไว้มาก ก็เลยต้องมีพื้นที่เยอะเป็นธรรมดา แต่ตอนนี้เอกสารวางบนโต๊ะลดลงแล้ว แต่ก็ยังไม่ลดขนาดโต๊ะ
แต่หัวหน้าทำอย่างนี้ ไร้ความคิดจริงๆ
ยัยสรรพากรอำเภอเนี่ย ไม่เข้าใจความทุกข์ของคนอื่น ถ้าอาการปวดหลังมันหายกันง่ายๆ มันจะมีเก้าอี้รักษาอาการปวดหลังตัวละเป็นหมื่นมาหลอกขายเหรอครับ
ปล. หากผมเป็นคุณรัศมี ผมจะทำสติ๊กเกอร์มาแปะ "ไม่ใช่สรรพากรอำเภอค่ะ"
+100
เป็นผมจะปูเสื่อนั่งแคร่ ทำงานเลย ฮาๆๆ
ไปค้นกูเกิลเลยได้ลิงค์นี้มาครับ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267023241&grpid=00&catid=
ตามไปดูรูปเก้าอี้แล้ว มันก็ไม่ได้อลังการงานสร้างอะไรขนาดนั้นซักหน่อย แต่เก้าอี้สีแดง (เข้าใจว่าเป็นของสนง. จัดมาให้) คิดสภาพแล้ว นั่งทั้งวันก็ไม่ไหวนะครับ
iPAtS
เก้าอี้แบบนั้น ถ้าให้นั่งทุกวันก็ไม่ไหวครับ ผมว่าเมื่อยกว่านั่งเก้าอี้พลาสติกอีก
นึกว่าเอาเก้าอี้ Herman Miller มานั่งแล้วเจ้านายหมั่นไส้ซะอีก... ขำขำนะครับ
แต่ก็น่าเห็นใจคุณรัศมีนะ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง แต่เหตุผลที่คุณศิริลักษณ์อ้างในข้อแรกฟังไม่ค่อยสมเหตุผลเลย บ่งถึงชนชั้น ในองค์กร
แต่อย่างว่าน้า เรื่องทัศนคติ นี่สำคัญจริงๆกับการเป็นเจ้าคนนายคนนะ
ที่ office ผมมี
ไม่เห็นเจ้านายมาบ่นอะไรเลย มีแต่ถามว่า โต๊ะใหญ่พอไหม มากกว่า 555
ใจดำ แล้วยังมีความคิดคับแคบอีก เจ้านายแบบนี้พบได้ทั่วไปในสังคมไทย โดยเฉพาะสายข้าราชการ
ลองคิดอีกทางกันดูมั่งไหมครับ
สมมุติว่า ที่บ้านคุณจ้างคนใช้มาทำงาน และคนใช้คนนั้นบอกว่า ผิวหนังเกิดอาการแพ้ง่าย ต้องใส่เสื้อที่ทำจากผ้าฝ้าย เลยใส่สูทมาทำงานที่บ้านคุณ
ใครไปใครมา ผ่านมาเห็น ก็เกิดความสับสนว่าใครเป็นเจ้าของบ้านกันแน่ ระหว่างคุณที่ใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆ กับคนใช้ ที่ขอใส่สูทมาทำงาน
ความคิดผม เขาก็เขียนไว้อยู่ชัดเจนแล้วเหมือนกัน ว่าทำไมถึงต้องขอห้าม แต่คิดตามแล้ว มันก็มีเหตุผลของเขาเหมือนกันนะ
จะไปบอกว่าใจแคบ, ขี้อิจฉาอะไร ก็เกินไปนิดนา ผมว่าลองตำแหน่งหน้าที่สูงกว่า ความรับผิดชอบสูงกว่า เงินเดือนก็ย่อมมากกว่า แค่เก้าอี้ ทำไมเขาจะหาซื้อไอ่ที่ดีกว่าคนๆ นั้นมาใช้ไม่ได้หนอ
มองกว้างๆ กันนิดนึงนะ
เพิ่มนิด ไอ้เรื่องพรรค์นี้ ทำใจเป็นกลางไว้ครับ ผ่านมาเยอะ เจอมาเยอะแล้ว กับปัญหาบุคคลากรในที่ทำงาน ลูกจ้าง เอะอะอะไร ก็ไปโวยวายๆ ซุบซิบนินทา เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต แล้วองค์กรๆ นึง ยิ่งใหญ่มาก คนก็ยิ่งเยอะมาก จะให้คนมีตำแหน่ง (ทั้งราชการและเอกชน) ไปตามง้อตามแก้ตัว มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ยิ่งถ้าคนเขาเป็นผู้ใหญ่มากๆ เขายิ่งถือว่า ไม่ยุ่งกับเรื่องเด็กๆ เลยยิ่งโดน
มันเหมือนกับเช่นว่า มีเด็กนั่งร้องไห้อยู่ใกล้ๆ ชายหน้าโหดคนหนึ่ง ใครผ่านมา ก็คิดว่าชายหน้าโหดนั่นรังแกเด็กแน่ๆ ที่จริง เด็กออาจจะหกล้มเองก็ได้ ใครจะรู้
หรือยิ่งกว่านั้น ถ้าเป็นกรณีอยากใส่ร้ายขึ้นมา ก็แค่เอาเรื่องไปโวยวายกับคนอื่น ว่าที่ออฟฟิศฉันใจร้ายเหลือเกิน ทำงานมา 10 กว่าปี เงินเดือนไม่เคยขึ้นให้ บลา บลา ใครได้ฟัง ก็ย่อมด่าออฟฟิศนั้น ใจร้าย ใจดำ ใจแคบ ไม่ขึ้นเงินเดือนให้ลูกร้อง ให้พนักงาน แต่ไอ่คนที่ด่า คงไม่มีวันได้รู้ ว่าจริงๆ ไอ่คนๆ ที่โวยวายนั้น 10 กว่าปีมานี่ ไม่เคยมีผลงาน เข้าสายตลอด ไม่โดนไล่ออกนับว่าเป็นบุญแล้ว
เจอมาเยอะครับ ปัญหาบุคลลากรในองค์กรเนี่ย พวกบ่อนทำลายก็มาก พวกเอาเท้าราน้ำก็เยอะ
นิสัยคนไทย เชื่อคนง่าย ขี้สงสารครับ ก็เป็นเรื่องดีที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี แต่ว่าเรื่องเชื่อคนง่ายนี่ไม่ใช่แล้ว ไม่งั้น ไอ่คดีฮีโร่จอมปลอมทั้งหลาย คงไม่แพร่หลายขนาดที่ว่า ถ้าไม่มีคนเอ๊ะใจ มันคงกลายเป็นเทพไปแล้วล่ะครับ
+1 เฉพาะเรื่องคนไทยเชื่อคนง่าย + ขี้สงสาร
-1 เรื่องเก้าอี้ เพราะตรงกับผมมาก
ผมก็มีปัญหาเรื่องปวดหลังมาก เรื่องปวดหลังนี่ถ้าใครไม่เจอคงไม่รู้ว่ามันปวด ทรมานมากขนาดไหน และแน่นอนครับ ผมก็ไปหาอาจารย์หมอมาหลายท่านมากๆ ทั้งหมอด้านกระดูก ด้านการปวด ด้านข้อต่อ ซึ่งวิธีแก้ที่อาจารย์แนะนำส่วนใหญ่คือการปรับเปลี่ยนท่านั่ง ท่านอน
ท่านอน วันนึงๆเรานอนกันถึง 1/3 ของวัน ดังนั้นถ้าเรานอนถูกท่าก็จะช่วยได้อย่างน้อยก็จนถึงสายๆเกือบเที่ยงละครับ ท่านอนที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังได้ดีคือการนอนหงายแล้วยกขาวางพาดบนหมอน โดยมีจุดประสงค์ให้กล้ามเนื่อหลัง erector spinae muscle ได้ผ่อนคลายจากการหดตัวมาทั้งวัน โดยควรหนุนหมอนที่ไม่นิ่มมากเกินไป เพื่อ support กระดูกคอ หรือถ้านอนตะแคง ควรนอนโดยให้กระดูกสันหลังอยู่ตรง ไม่บิดไปมา ควรให้ขาซ้ายอยู่ระดับเดียวกับขาขวา จึงมีการใช้หมอนข้างแบบเล็กที่ใช้หนีบที่ต้นขา และหมอนควรนิ่ม บุ๋มลงไปได้
ท่าน่ัง เก้าอี้นั่ง ถ้าเราต้องนั่งทำงานวันละ 8 ชั่วโมง มันก็มากเท่าๆกับการนอนเลย แถมเรายังมีสติ รู้สึกปวดตลอดเวลาอีก เก้าอี้นั่งที่ดีควรมี lumbar support เพื่อรองรับน้ำหนักตัว ไม่ให้เกิดแรงไปกดที่กระดูกสันหลังมากเกินไป ซึ่งจะพบได้เฉพาะในเก้าอี้ที่ดีสักนิดนึง ในรถสมัยใหม่ก็มี lumbar support กันหมดแล้ว เก้าอี้ที่ไม่มี lumbar support จึงนิยมมีหมอนไว้หนุนหลังแทน
ปล. ไหนๆก็พูดถึงเรื่องนี้ และผมทราบมาว่ามีคนไม่น้อยที่มีอาการปวดจากการทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นปวดไหล่ ปวดหลัง หรือปวดคอ ผมเลยเขียนตามวิธีที่ผมเรียนมาให้ ซึงปัญหาเหล่านี้แก้ได้ง่ายๆด้วยการปรับให้ถูกหลัก ergonomics
วิธีแก้ปวดไหล่ ผมไม่ได้เขียนนะครับ เพราะคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอที่จะสนับสนุนข้อโต้แย้งของผม
ถ้าไปหาหมอมาแล้ว หมอบอกให้เปลี่ยนเก้าอี้ละ !!!
งั้นก็ควรให้หมอแนะนำมาเลยอย่างเป็นทางการ ว่าเก้าอี้แบบไหนเหมาะสม แล้วยื่นหนังสือให้หัวหน้างานให้เป็นเรื่องเป็นราว คุยกันให้เรียบร้อยจะดีกว่า
ถ้ายังมีปัญหาให้แง่ของภาพลักษณ์องค์กร ก็ควรตกลงกันให้เรียบร้อยด้วย เช่นเสนอให้ย้ายโต๊ะเข้าให้ในส่วนที่มิดชิดหน่อย (ห่างไกลสายตาคนนอก) น่าจะดีกว่าเอาแปะเผยแพร่บนอินเตอเน๊ต นอกจากจะเป็นการทำลายชื่อเสียงขององค์กรตัวเองแล้ว ยังทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมของราชการไทย ต้องกลายเป็นขี้ปากประชาชนไทยด้วยกันไปอีกตะหาก
ทุกเรื่องมีทางออกครับ หาทางแก้ ดีว่ามานั่งด่ากัน
ไม่เห็นมีใครแนะนำอะไรกันเลย มีแต่เอามานั่งด่ากันสนุกปากไปซะงั้น
ทางแก้คือ การยึดติดกับเก้าอี้หรือชุดที่ใส่ อันเป็นเรื่องที่ไม่เป็นแก่นสาร มากกว่าเหตุผลและการเคารพสิทธิส่วนบุคคล เป็นค่านิยมอันไร้สาระซึ่งควรจะถูกขุดทำลายให้หมดโคตรไปจากสังคมไทยได้แล้ว
ใครผ่านไปผ่านมาเห็นคนใส่สูททำงานบ้าน ก็ช่างเขาสิครับ บางทีิอาจจะดีเสียอีก คนใส่สูทมาทำงานบ้านให้คนใส่ชุดมอซอ อาจจะได้ดังไปเลยนะ และถ้าบอกว่าเป็นผ้าฝ้าย ชุดธรรมดาเป็นผ้าฝ้ายเยอะแยะ จงใจใส่สูทมาเพื่อ? และถ้าเราอยากแก้ปัญหา เอาชุดผ้าฝ้ายที่ดูเป็นชุดธรรมดามาให้ใส่แทนก็ได้ ถึงมีคนบอกว่า วิธีแก้มีเยอะแยะ
การเปลี่ยนเก้าอี้ให้หรูหรา ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานหรือครับ??? ในกรณีนี้การเปลี่ยนเก้าอี้ให้คุณภาพต่ำลงอาจจะลดประสิทธิภาพการทำงานด้วยซ้ำ
ไอ้คนแบบหัวหน้างาน ที่แค่พนักงานคนหนึ่งมีเก้าอี้ส่วนตัวผิดแปลกไปจากชาวบ้าน ก็มีคำสั่งไร้สาระโดยไม่ถามไถ่สาเหตุ ผมไม่รู้จะเรียกว่าเป็น "ผู้ใหญ่มากๆ" ดีมั้ย คำตอบที่เขียนกลับมาก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่อารมณ์หรือสติ หรือค่านิยม ที่มันไม่ดี หรือทั้งหมดมันไม่ดี คงไม่ใช้เหตุผลพรรค์นี้ตอบกลับออกมาเป็นหลักฐานในเอกสารแบบนี้ล่ะครับ
ถ้าคุณบอกให้มองกว้างๆ มันก็มองได้เหมือนกันว่าจริงๆแล้วอาจจะเป็นการจงใจกลั่นแกล้ง การเมืองในที่ทำงาน หรืออาจไปขวางทางน้ำเลี้ยงของผู้ใหญ่ในหน่วยนั้น ถึงได้หาเรื่องเล็กๆน้อยๆมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แล้วให้เขาย้ายตัวเองออกไปจากที่นั่น ผมก็เคยโดนแบบนี้เหมือนกัน
ยอมรับแล้วว่า คนไทยขี้สงสารจริงๆครับ ขนาดว่าเจ้านายคนที่ว่า ทำเรื่องแบบนี้แล้ว ยังมีคุณออกมาช่วยแก้ต่างให้เขาเลย
ส่วนเรื่องที่ึคุณว่า ควรหาทางแก้ที่ดีกว่านี้ หรือ ทำให้ภาพลักษณ์ระบบราชการไทยเสียหาย ราชการไทยภาพลักษณ์โหลยโท่ยมานานแล้วครับ ยอมรับความจริงแล้วหาทางแก้ ดีกว่ากลบเกลื่อนแล้วซุกปัญหาไว้ใต้พรมแบบนี้
แล้ว คุณรู้เรื่องราวทั้งหมดหรือไม่ จริงๆแล้วอาจมีการดำเนินการมาแล้วเรียบร้อย หรืออาจจะดำเนินการหลังจากนั้นไปแล้ว และไม่ได้รับการดำเนินการที่เหมาะสม สุดท้ายเขาถึงได้ต้องย้่ายตัวเองไปพื้นที่อื่น
ขอให้นึกถึง GT200 ที่มีเสียงวิพากษ์บางส่วน วิจารณ์นักวิชาการผู้ออกมาป่าวประกาศ ว่า "ทำไมไม่ทำกันเงียบๆ ทำแบบนี้ภาพพจน์กองทัพเสียหายหมด" ทางฝ่ายนักวิชาการก็ออกมาตอบโต้ว่า ก็ส่งเรื่อง ทักท้วง ทักทาน ไปแล้ว ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ผลคือเรื่องเงียบหาย และกองทัพไม่ใส่ใจจะจัดการ จนกระทั่งวันที่สังคมตั้งคำถามอย่างจริงจัง กองทัพก็ยังตบเท้าออกมาตอบโต้ว่ายังไงมันก็ใช้ได้ เป็นเึครื่องมือที่ได้ผลจริง และบ่ายเบี่ยงการทดสอบ ยืนยันว่าถูกแน่ท่าเดียว
ประโยคแสลงหูคือ "คนที่ไม่ได้ปฏิบัติงาน ไม่รู้จริงหรอก"
มาวันนี้ ผลเป็นอย่างไร? และผลของการทำกันเงียบๆ เพราะเกรงใจ อยากช่วยรักษาหน้าตาให้กองทัพ เป็นอย่างไร? และผลสุดท้ายที่เปิดโปงความจริงแล้ว กองทัพก็ยังดริฟท์กันหน้าไม่อาย สังคมก็หมดความเชื่อถือกับกองทัพ แต่ แล้วมีเหตุอะไรเป้นปัญหาขึ้นมั้ย? มันก็เหมือนเดิม ที่ดีคือประชาชนได้รู้ความจริงมากขึ้น ผมว่า เรื่องนี้ ก็ เหมือน กัน
สุดท้าย คุณจะให้ประชาชน ไปปกป้องภาพลักษณ์ของข้าราชการ ไปทำไม ทำไมไม่ให้เจ้าของภาพลักษณ์ เขาปกป้องกันเอง ภาพลักษณ์ของพวกใครก็ปกป้องกันเอง การปกป้องภาพลักษณ์ที่ดีที่สุด คือตั้งใจบริการประชาชนอย่างซื่อสัตย์จริงใจที่สุด ทำกันได้รึเปล่า
ในฐานะประชาชนคนเสียภาษี ผมไม่สนใจหรอกว่าคนที่ผมมาหา ติดต่อทำธุระด้วย จะนั่งเก้าอี้หรูแค่ไหน ใส่ชุดผิดระเบียบแค่ไหน ผมสนใจแค่ว่า ธุระที่ผมมาทำ มันจะเรียบร้อย ครบถ้วน สะดวก รวดเร็ว หรือไม่ นั่งเก้าอี้ประหลาด ใส่ชุดมอซอ แต่งหน้าเป็นงิ้ว ทำผมทรงพังค์ แต่บริการจับใจ ผมจะได้คิดว่า ดีซะอีก ทั้งที่ท่าทางประหลาดแต่เป็นข้าราชการที่น่าจ่ายภาษีให้ แถมภาพลักษณ์ของพวกรสนิยมหลุดกรอบก็ดูดีขึ้นในสังคม ต่อให้นั่งเก้าอี้สมตำแหน่ง ใส่ชุดถูกระเบียบ แต่ทำท่าดูถูกประชาชน ทำงานเช้าชามเย็นชาม ประชาชนก็ไปด่าลับหลังอยู่ดี ว่าพวกโจรโขมยภาษี
อย่างที่บอก เรื่องพวกนี้ผมเห็นมาเยอะแล้ว
สิ่งที่คุณกล่าวมา ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับความคิดเห็นอื่นๆ ก่อนหน้านี้แหละนะ
แค่มองต่างมุม ก็ถูกหาว่าเข้าข้างเสียนี่
โอเคครับ ผมยอมรับ ว่าคุณเองก็มีความคิดของคุณ ดังนั้นจะไม่ขอแสดงความเห็นอะไรต่ออีก
ปล. ประเทศอย่างญี่ปุ่นนี่ มันบ้าไอ่สิ่งที่คุณเรียกว่า "ค่านิยมที่มันไม่ดี" มาเลยนะ จะบอกให้ อะไรๆ ก็ต้องใส่สูท ร้อนก็ร้อน แพงก็แพง ใส่กันเข้าไป
ปล 2. ลืมกดให้รีพลายต่อจากคอมเมนต์บน ขออภัย
ปล 3. ผมมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นคับ มะได้จะมาเถียงหรือเอาชนะแต่อย่างใด :P
1.ก็คุณออกมาเรียกร้องหาทางแก้ ในขณะที่ผมคิดว่า นี่แหละคือทางแก้ที่ดีที่สุด แต่คุณกลับไม่มอง ไม่เห็น และเรียกหาทางแก้ ดูถูกว่าสิ่งที่เราทำๆกัน ไม่ใช่ทางแก้
ผมขอย้ำอีกครั้งละกันว่า ทางแก้คือ เราต้องการส่งเสียงของประชาชนไปบอกข้าราชการว่า "เราไม่เห็นด้วยกับเรื่องไม่เข้าท่าพรรค์นี้" ถ้าเป็นเรื่องไม่มีเหตุผล ติ่งหูชั้นผู้น้อยมาโวยวายอะไรไร้สาระ ก็คงมีไม่กี่คนที่จะบ้าจี้ตาม แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่ ที่สำคัญคือมันไม่มีกฏห้าม ลองอ่านทวนดูดีๆนะครับ มัน ไม่ มี ระเบียบ ห้าม ไว้ เป็นคำสั่งส่วนตัวของผู้บังคับบัญชา มุ่งเป้าที่คนๆเดียวๆ ถูกกิจจะลักษณะหรือ? เป็นการกระทำที่ผู้บังคับบัญชาสมควรทำหรือ?
2.อย่าลืมว่าญี่ปุ่นเป็นเมืองหนาวนะครับ ช่วงเวลาที่หนาวมันมากกว่าเวลาที่ร้อน การใส่สูทจึงไม่ใช่ปัญหาขนาดนั้น ที่สำคัญที่สุดคือ ค่านิยมดีๆก็รับไว้ ค่านิยมโหลยโท่ยเราจะไปมองไปสนใจทำไม? ต้องไปเทียบเรื่องไม่เข้าท่าด้วยเหรอ? และผมก็เห็นว่าญี่ปุ่น มีบริษัทที่ให้พนักงานใส่ชุดตามใจอยู่เยอะแยะนะ
3.การมองต่างมุมก็ดีครับ แต่เป็นการมองต่างมุมที่ไม่ดีเท่าไหร่เลยนะ การยกเรื่องนิสัยความรู้สึกมาอ้างกันว่า "นิสัยคนไทย เชื่อคนง่าย ขี้สงสารครับ" ผมไม่เห็นด้วย แต่ไม่รู้จะว่าอะไรดี ผมเลยถอดกลับไปให้เป็นตัวคุณบ้าง รู้สึุกอย่างไรครับ กับการถูกคิดว่า "ใช้แค่อารมณ์ความรู้สึกขี้สงสารอันเป็นนิสัยคนไทย มาพูดเพื่อช่วยเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง" แต่คุณก็อาจจะไม่รู้สึกอย่างที่ผมรู้สึกละนะครับ
4.ผมก็เจอมาครับ อาจจะไม่เยอะเท่าคุณ แต่ก็เจอมาแล้วด้วยตัวเอง บุคลากรบ่อนทำลายบริษัท เอาเท้าราน้ำ ไม่ได้มีแต่ฝ่ายชั้นผู้น้อย บางทีเป็นหัวหน้าฝ่าย บางทีเป็นหัวหน้าแผนก บางทีฝ่ายบริหารเองที่ถ่วงความเจริญ คิดหยุมหยิม ไม่เข้าใจฝ่ายปฏิบัติงาน การมองต่างมุมคืออะไร มองกว้างๆคืออะไร ทำไมคุณถึงเชื่อว่าคุณเป็นคนเดียวที่มองกว้างกว่าทุกคนในที่นี้???
ใจเย็นๆกันนะครับ
"งั้นก็ควรให้หมอแนะนำมาเลยอย่างเป็นทางการ ว่าเก้าอี้แบบไหนเหมาะสม แล้วยื่นหนังสือให้หัวหน้างานให้เป็นเรื่องเป็นราว คุยกันให้เรียบร้อยจะดีกว่า"
เรื่องอย่างนี้ มีเขียนบอกไว้มากมาย ไม่ต้องอาศัยหมอหรอก อีกอย่างกรณีอย่างนี้ใช้หมอความจะดีกว่า
"สมมุติว่า ที่บ้านคุณจ้างคนใช้มาทำงาน และคนใช้คนนั้นบอกว่า ผิวหนังเกิดอาการแพ้ง่าย ต้องใส่เสื้อที่ทำจากผ้าฝ้าย เลยใส่สูทมาทำงานที่บ้านคุณ"
ยกตัวอย่างไม่ตรงกับเรื่องที่เกิดนะ คนละกรณีกัน
เห็นด้วยครับ กรณีผ้าฝ้ายมันก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสูทนี่ครับ อีกอย่าง คนใช้ใส่สูทดูไฮโซดีครับ :D
พ่อบ้านลูกหนี้!
ผมว่าฟ้องศาลปกครองเลยดีกว่า ยุติธรรมแน่นอน
แต่ผมเห็นว่าเก้าอี้ไม่ใช้เรื่องใหญ่อะไร ถ้าหัวหน้าทำตัวสมหัวหน้า
สมควรเอาลง FailBlog กับ Drama นะเนี่ย
อุบาทสิ้นดีประเทศไทย ลูกน้องนั่งเก้าอี้สวยเท่าหัวหน้าก็เกิดจิตริษยากันได้
ประชาชนสับสนเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นว่ะครับ ทางแก้มีเยอะแยะ
มีการบอกอีกว่า เรื่องปวดหลังก็ขอให้รักษาสุขภาพของตนเอง ฟังแล้วของขึ้น
/me (ขออนุญาต)เอาคุณโอโล่ไปกินเหอะครับ t(- -*
คุณโอเล่นี่ใช่มือกีตาร์วง ETC หรือเปล่า - -
โอ แอล โอ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ก็เพราะคิดแบบนี้ไงครับ ถึงยังต้องเป็น "น.ส." ต่อไป อิอิ
โป้งเดียวจอด
โหดดด
+1
ต้องให้คุณหมอออกใบรับรองแพทย์มาว่า ต้องรักษาโดยการใช้เก้าอี้ตัวนี้~~~
LinkedIn
ตราบใดที่ยังแบ่งนายแบ่งไพร่กันอยู่แบบนี้ บอกตามตรงเจริญยากครับประเทศไทย
แต่ปกติหัวหน้าเค้าใช้โต๊ะที่ดูดีหน่อยไม่ใช่เหรอ(พวกโต๊ะไม้ใหญ่ๆ) เพิ่งรู้ว่าดูที่เก้าอี้กันด้วย
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
เรื่องโต๊ะหัวหน้าตัวใหญ่นี่ติดมาตั้งแต่สมัยก่อน โต๊ะหัวหน้าจะมีแฟ้มเอกสารเพื่อรอพิจารณาไปวางไว้มาก ก็เลยต้องมีพื้นที่เยอะเป็นธรรมดา แต่ตอนนี้เอกสารวางบนโต๊ะลดลงแล้ว แต่ก็ยังไม่ลดขนาดโต๊ะ
แต่หัวหน้าทำอย่างนี้ ไร้ความคิดจริงๆ
ยัยสรรพากรอำเภอเนี่ย ไม่เข้าใจความทุกข์ของคนอื่น ถ้าอาการปวดหลังมันหายกันง่ายๆ มันจะมีเก้าอี้รักษาอาการปวดหลังตัวละเป็นหมื่นมาหลอกขายเหรอครับ
ปล. หากผมเป็นคุณรัศมี ผมจะทำสติ๊กเกอร์มาแปะ "ไม่ใช่สรรพากรอำเภอค่ะ"
+1
+100
เป็นผมจะปูเสื่อนั่งแคร่ ทำงานเลย ฮาๆๆ
ไปค้นกูเกิลเลยได้ลิงค์นี้มาครับ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267023241&grpid=00&catid=
ตามไปดูรูปเก้าอี้แล้ว มันก็ไม่ได้อลังการงานสร้างอะไรขนาดนั้นซักหน่อย แต่เก้าอี้สีแดง (เข้าใจว่าเป็นของสนง. จัดมาให้) คิดสภาพแล้ว นั่งทั้งวันก็ไม่ไหวนะครับ
iPAtS
เก้าอี้แบบนั้น ถ้าให้นั่งทุกวันก็ไม่ไหวครับ ผมว่าเมื่อยกว่านั่งเก้าอี้พลาสติกอีก
นึกว่าเอาเก้าอี้ Herman Miller มานั่งแล้วเจ้านายหมั่นไส้ซะอีก... ขำขำนะครับ
แต่ก็น่าเห็นใจคุณรัศมีนะ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง แต่เหตุผลที่คุณศิริลักษณ์อ้างในข้อแรกฟังไม่ค่อยสมเหตุผลเลย บ่งถึงชนชั้น ในองค์กร
แต่อย่างว่าน้า เรื่องทัศนคติ นี่สำคัญจริงๆกับการเป็นเจ้าคนนายคนนะ
ที่ office ผมมี
ไม่เห็นเจ้านายมาบ่นอะไรเลย มีแต่ถามว่า โต๊ะใหญ่พอไหม มากกว่า 555
ใจดำ แล้วยังมีความคิดคับแคบอีก เจ้านายแบบนี้พบได้ทั่วไปในสังคมไทย โดยเฉพาะสายข้าราชการ
ลองคิดอีกทางกันดูมั่งไหมครับ
สมมุติว่า ที่บ้านคุณจ้างคนใช้มาทำงาน และคนใช้คนนั้นบอกว่า ผิวหนังเกิดอาการแพ้ง่าย ต้องใส่เสื้อที่ทำจากผ้าฝ้าย เลยใส่สูทมาทำงานที่บ้านคุณ
ใครไปใครมา ผ่านมาเห็น ก็เกิดความสับสนว่าใครเป็นเจ้าของบ้านกันแน่ ระหว่างคุณที่ใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆ กับคนใช้ ที่ขอใส่สูทมาทำงาน
ความคิดผม เขาก็เขียนไว้อยู่ชัดเจนแล้วเหมือนกัน ว่าทำไมถึงต้องขอห้าม แต่คิดตามแล้ว มันก็มีเหตุผลของเขาเหมือนกันนะ
จะไปบอกว่าใจแคบ, ขี้อิจฉาอะไร ก็เกินไปนิดนา ผมว่าลองตำแหน่งหน้าที่สูงกว่า ความรับผิดชอบสูงกว่า เงินเดือนก็ย่อมมากกว่า แค่เก้าอี้ ทำไมเขาจะหาซื้อไอ่ที่ดีกว่าคนๆ นั้นมาใช้ไม่ได้หนอ
มองกว้างๆ กันนิดนึงนะ
เพิ่มนิด
ไอ้เรื่องพรรค์นี้ ทำใจเป็นกลางไว้ครับ ผ่านมาเยอะ เจอมาเยอะแล้ว กับปัญหาบุคคลากรในที่ทำงาน
ลูกจ้าง เอะอะอะไร ก็ไปโวยวายๆ ซุบซิบนินทา เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต แล้วองค์กรๆ นึง ยิ่งใหญ่มาก คนก็ยิ่งเยอะมาก จะให้คนมีตำแหน่ง (ทั้งราชการและเอกชน) ไปตามง้อตามแก้ตัว มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ยิ่งถ้าคนเขาเป็นผู้ใหญ่มากๆ เขายิ่งถือว่า ไม่ยุ่งกับเรื่องเด็กๆ เลยยิ่งโดน
มันเหมือนกับเช่นว่า มีเด็กนั่งร้องไห้อยู่ใกล้ๆ ชายหน้าโหดคนหนึ่ง ใครผ่านมา ก็คิดว่าชายหน้าโหดนั่นรังแกเด็กแน่ๆ ที่จริง เด็กออาจจะหกล้มเองก็ได้ ใครจะรู้
หรือยิ่งกว่านั้น ถ้าเป็นกรณีอยากใส่ร้ายขึ้นมา ก็แค่เอาเรื่องไปโวยวายกับคนอื่น ว่าที่ออฟฟิศฉันใจร้ายเหลือเกิน ทำงานมา 10 กว่าปี เงินเดือนไม่เคยขึ้นให้ บลา บลา ใครได้ฟัง ก็ย่อมด่าออฟฟิศนั้น ใจร้าย ใจดำ ใจแคบ ไม่ขึ้นเงินเดือนให้ลูกร้อง ให้พนักงาน
แต่ไอ่คนที่ด่า คงไม่มีวันได้รู้ ว่าจริงๆ ไอ่คนๆ ที่โวยวายนั้น 10 กว่าปีมานี่ ไม่เคยมีผลงาน เข้าสายตลอด ไม่โดนไล่ออกนับว่าเป็นบุญแล้ว
เจอมาเยอะครับ ปัญหาบุคลลากรในองค์กรเนี่ย พวกบ่อนทำลายก็มาก พวกเอาเท้าราน้ำก็เยอะ
นิสัยคนไทย เชื่อคนง่าย ขี้สงสารครับ ก็เป็นเรื่องดีที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี แต่ว่าเรื่องเชื่อคนง่ายนี่ไม่ใช่แล้ว
ไม่งั้น ไอ่คดีฮีโร่จอมปลอมทั้งหลาย คงไม่แพร่หลายขนาดที่ว่า ถ้าไม่มีคนเอ๊ะใจ มันคงกลายเป็นเทพไปแล้วล่ะครับ
+1 เฉพาะเรื่องคนไทยเชื่อคนง่าย + ขี้สงสาร
-1 เรื่องเก้าอี้ เพราะตรงกับผมมาก
ผมก็มีปัญหาเรื่องปวดหลังมาก เรื่องปวดหลังนี่ถ้าใครไม่เจอคงไม่รู้ว่ามันปวด ทรมานมากขนาดไหน
และแน่นอนครับ ผมก็ไปหาอาจารย์หมอมาหลายท่านมากๆ ทั้งหมอด้านกระดูก ด้านการปวด ด้านข้อต่อ
ซึ่งวิธีแก้ที่อาจารย์แนะนำส่วนใหญ่คือการปรับเปลี่ยนท่านั่ง ท่านอน
ท่านอน วันนึงๆเรานอนกันถึง 1/3 ของวัน ดังนั้นถ้าเรานอนถูกท่าก็จะช่วยได้อย่างน้อยก็จนถึงสายๆเกือบเที่ยงละครับ
ท่านอนที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังได้ดีคือการนอนหงายแล้วยกขาวางพาดบนหมอน โดยมีจุดประสงค์ให้กล้ามเนื่อหลัง erector spinae muscle ได้ผ่อนคลายจากการหดตัวมาทั้งวัน โดยควรหนุนหมอนที่ไม่นิ่มมากเกินไป เพื่อ support กระดูกคอ
หรือถ้านอนตะแคง ควรนอนโดยให้กระดูกสันหลังอยู่ตรง ไม่บิดไปมา ควรให้ขาซ้ายอยู่ระดับเดียวกับขาขวา จึงมีการใช้หมอนข้างแบบเล็กที่ใช้หนีบที่ต้นขา และหมอนควรนิ่ม บุ๋มลงไปได้
ท่าน่ัง เก้าอี้นั่ง ถ้าเราต้องนั่งทำงานวันละ 8 ชั่วโมง มันก็มากเท่าๆกับการนอนเลย แถมเรายังมีสติ รู้สึกปวดตลอดเวลาอีก
เก้าอี้นั่งที่ดีควรมี lumbar support เพื่อรองรับน้ำหนักตัว ไม่ให้เกิดแรงไปกดที่กระดูกสันหลังมากเกินไป ซึ่งจะพบได้เฉพาะในเก้าอี้ที่ดีสักนิดนึง ในรถสมัยใหม่ก็มี lumbar support กันหมดแล้ว
เก้าอี้ที่ไม่มี lumbar support จึงนิยมมีหมอนไว้หนุนหลังแทน
ปล. ไหนๆก็พูดถึงเรื่องนี้ และผมทราบมาว่ามีคนไม่น้อยที่มีอาการปวดจากการทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นปวดไหล่ ปวดหลัง หรือปวดคอ ผมเลยเขียนตามวิธีที่ผมเรียนมาให้
ซึงปัญหาเหล่านี้แก้ได้ง่ายๆด้วยการปรับให้ถูกหลัก ergonomics
วิธีแก้ปวดไหล่ ผมไม่ได้เขียนนะครับ เพราะคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอที่จะสนับสนุนข้อโต้แย้งของผม
ถ้าไปหาหมอมาแล้ว หมอบอกให้เปลี่ยนเก้าอี้ละ !!!
งั้นก็ควรให้หมอแนะนำมาเลยอย่างเป็นทางการ ว่าเก้าอี้แบบไหนเหมาะสม แล้วยื่นหนังสือให้หัวหน้างานให้เป็นเรื่องเป็นราว คุยกันให้เรียบร้อยจะดีกว่า
ถ้ายังมีปัญหาให้แง่ของภาพลักษณ์องค์กร ก็ควรตกลงกันให้เรียบร้อยด้วย เช่นเสนอให้ย้ายโต๊ะเข้าให้ในส่วนที่มิดชิดหน่อย (ห่างไกลสายตาคนนอก) น่าจะดีกว่าเอาแปะเผยแพร่บนอินเตอเน๊ต นอกจากจะเป็นการทำลายชื่อเสียงขององค์กรตัวเองแล้ว ยังทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมของราชการไทย ต้องกลายเป็นขี้ปากประชาชนไทยด้วยกันไปอีกตะหาก
ทุกเรื่องมีทางออกครับ หาทางแก้ ดีว่ามานั่งด่ากัน
ไม่เห็นมีใครแนะนำอะไรกันเลย มีแต่เอามานั่งด่ากันสนุกปากไปซะงั้น
ทางแก้คือ การยึดติดกับเก้าอี้หรือชุดที่ใส่ อันเป็นเรื่องที่ไม่เป็นแก่นสาร มากกว่าเหตุผลและการเคารพสิทธิส่วนบุคคล
เป็นค่านิยมอันไร้สาระซึ่งควรจะถูกขุดทำลายให้หมดโคตรไปจากสังคมไทยได้แล้ว
ใครผ่านไปผ่านมาเห็นคนใส่สูททำงานบ้าน ก็ช่างเขาสิครับ
บางทีิอาจจะดีเสียอีก คนใส่สูทมาทำงานบ้านให้คนใส่ชุดมอซอ อาจจะได้ดังไปเลยนะ
และถ้าบอกว่าเป็นผ้าฝ้าย ชุดธรรมดาเป็นผ้าฝ้ายเยอะแยะ จงใจใส่สูทมาเพื่อ?
และถ้าเราอยากแก้ปัญหา เอาชุดผ้าฝ้ายที่ดูเป็นชุดธรรมดามาให้ใส่แทนก็ได้
ถึงมีคนบอกว่า วิธีแก้มีเยอะแยะ
การเปลี่ยนเก้าอี้ให้หรูหรา ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานหรือครับ???
ในกรณีนี้การเปลี่ยนเก้าอี้ให้คุณภาพต่ำลงอาจจะลดประสิทธิภาพการทำงานด้วยซ้ำ
ไอ้คนแบบหัวหน้างาน ที่แค่พนักงานคนหนึ่งมีเก้าอี้ส่วนตัวผิดแปลกไปจากชาวบ้าน ก็มีคำสั่งไร้สาระโดยไม่ถามไถ่สาเหตุ
ผมไม่รู้จะเรียกว่าเป็น "ผู้ใหญ่มากๆ" ดีมั้ย
คำตอบที่เขียนกลับมาก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่
ถ้าไม่ใช่อารมณ์หรือสติ หรือค่านิยม ที่มันไม่ดี หรือทั้งหมดมันไม่ดี คงไม่ใช้เหตุผลพรรค์นี้ตอบกลับออกมาเป็นหลักฐานในเอกสารแบบนี้ล่ะครับ
ถ้าคุณบอกให้มองกว้างๆ
มันก็มองได้เหมือนกันว่าจริงๆแล้วอาจจะเป็นการจงใจกลั่นแกล้ง การเมืองในที่ทำงาน หรืออาจไปขวางทางน้ำเลี้ยงของผู้ใหญ่ในหน่วยนั้น ถึงได้หาเรื่องเล็กๆน้อยๆมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แล้วให้เขาย้ายตัวเองออกไปจากที่นั่น
ผมก็เคยโดนแบบนี้เหมือนกัน
ยอมรับแล้วว่า คนไทยขี้สงสารจริงๆครับ
ขนาดว่าเจ้านายคนที่ว่า ทำเรื่องแบบนี้แล้ว
ยังมีคุณออกมาช่วยแก้ต่างให้เขาเลย
ส่วนเรื่องที่ึคุณว่า ควรหาทางแก้ที่ดีกว่านี้ หรือ ทำให้ภาพลักษณ์ระบบราชการไทยเสียหาย
ราชการไทยภาพลักษณ์โหลยโท่ยมานานแล้วครับ ยอมรับความจริงแล้วหาทางแก้ ดีกว่ากลบเกลื่อนแล้วซุกปัญหาไว้ใต้พรมแบบนี้
แล้ว คุณรู้เรื่องราวทั้งหมดหรือไม่ จริงๆแล้วอาจมีการดำเนินการมาแล้วเรียบร้อย หรืออาจจะดำเนินการหลังจากนั้นไปแล้ว และไม่ได้รับการดำเนินการที่เหมาะสม สุดท้ายเขาถึงได้ต้องย้่ายตัวเองไปพื้นที่อื่น
ขอให้นึกถึง GT200 ที่มีเสียงวิพากษ์บางส่วน วิจารณ์นักวิชาการผู้ออกมาป่าวประกาศ ว่า "ทำไมไม่ทำกันเงียบๆ ทำแบบนี้ภาพพจน์กองทัพเสียหายหมด"
ทางฝ่ายนักวิชาการก็ออกมาตอบโต้ว่า ก็ส่งเรื่อง ทักท้วง ทักทาน ไปแล้ว ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ผลคือเรื่องเงียบหาย และกองทัพไม่ใส่ใจจะจัดการ
จนกระทั่งวันที่สังคมตั้งคำถามอย่างจริงจัง กองทัพก็ยังตบเท้าออกมาตอบโต้ว่ายังไงมันก็ใช้ได้ เป็นเึครื่องมือที่ได้ผลจริง และบ่ายเบี่ยงการทดสอบ ยืนยันว่าถูกแน่ท่าเดียว
ประโยคแสลงหูคือ "คนที่ไม่ได้ปฏิบัติงาน ไม่รู้จริงหรอก"
มาวันนี้ ผลเป็นอย่างไร?
และผลของการทำกันเงียบๆ เพราะเกรงใจ อยากช่วยรักษาหน้าตาให้กองทัพ เป็นอย่างไร?
และผลสุดท้ายที่เปิดโปงความจริงแล้ว กองทัพก็ยังดริฟท์กันหน้าไม่อาย สังคมก็หมดความเชื่อถือกับกองทัพ แต่ แล้วมีเหตุอะไรเป้นปัญหาขึ้นมั้ย?
มันก็เหมือนเดิม ที่ดีคือประชาชนได้รู้ความจริงมากขึ้น
ผมว่า เรื่องนี้ ก็ เหมือน กัน
สุดท้าย
คุณจะให้ประชาชน ไปปกป้องภาพลักษณ์ของข้าราชการ ไปทำไม
ทำไมไม่ให้เจ้าของภาพลักษณ์ เขาปกป้องกันเอง ภาพลักษณ์ของพวกใครก็ปกป้องกันเอง
การปกป้องภาพลักษณ์ที่ดีที่สุด คือตั้งใจบริการประชาชนอย่างซื่อสัตย์จริงใจที่สุด
ทำกันได้รึเปล่า
ในฐานะประชาชนคนเสียภาษี ผมไม่สนใจหรอกว่าคนที่ผมมาหา ติดต่อทำธุระด้วย จะนั่งเก้าอี้หรูแค่ไหน ใส่ชุดผิดระเบียบแค่ไหน
ผมสนใจแค่ว่า ธุระที่ผมมาทำ มันจะเรียบร้อย ครบถ้วน สะดวก รวดเร็ว หรือไม่
นั่งเก้าอี้ประหลาด ใส่ชุดมอซอ แต่งหน้าเป็นงิ้ว ทำผมทรงพังค์ แต่บริการจับใจ ผมจะได้คิดว่า ดีซะอีก ทั้งที่ท่าทางประหลาดแต่เป็นข้าราชการที่น่าจ่ายภาษีให้
แถมภาพลักษณ์ของพวกรสนิยมหลุดกรอบก็ดูดีขึ้นในสังคม
ต่อให้นั่งเก้าอี้สมตำแหน่ง ใส่ชุดถูกระเบียบ แต่ทำท่าดูถูกประชาชน ทำงานเช้าชามเย็นชาม ประชาชนก็ไปด่าลับหลังอยู่ดี ว่าพวกโจรโขมยภาษี
อย่างที่บอก เรื่องพวกนี้ผมเห็นมาเยอะแล้ว
สิ่งที่คุณกล่าวมา ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับความคิดเห็นอื่นๆ ก่อนหน้านี้แหละนะ
แค่มองต่างมุม ก็ถูกหาว่าเข้าข้างเสียนี่
โอเคครับ ผมยอมรับ ว่าคุณเองก็มีความคิดของคุณ ดังนั้นจะไม่ขอแสดงความเห็นอะไรต่ออีก
ปล. ประเทศอย่างญี่ปุ่นนี่ มันบ้าไอ่สิ่งที่คุณเรียกว่า "ค่านิยมที่มันไม่ดี" มาเลยนะ จะบอกให้ อะไรๆ ก็ต้องใส่สูท ร้อนก็ร้อน แพงก็แพง ใส่กันเข้าไป
ปล 2. ลืมกดให้รีพลายต่อจากคอมเมนต์บน ขออภัย
ปล 3. ผมมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นคับ มะได้จะมาเถียงหรือเอาชนะแต่อย่างใด :P
1.ก็คุณออกมาเรียกร้องหาทางแก้
ในขณะที่ผมคิดว่า นี่แหละคือทางแก้ที่ดีที่สุด
แต่คุณกลับไม่มอง ไม่เห็น และเรียกหาทางแก้ ดูถูกว่าสิ่งที่เราทำๆกัน ไม่ใช่ทางแก้
ผมขอย้ำอีกครั้งละกันว่า ทางแก้คือ เราต้องการส่งเสียงของประชาชนไปบอกข้าราชการว่า "เราไม่เห็นด้วยกับเรื่องไม่เข้าท่าพรรค์นี้"
ถ้าเป็นเรื่องไม่มีเหตุผล ติ่งหูชั้นผู้น้อยมาโวยวายอะไรไร้สาระ ก็คงมีไม่กี่คนที่จะบ้าจี้ตาม
แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่ ที่สำคัญคือมันไม่มีกฏห้าม ลองอ่านทวนดูดีๆนะครับ มัน ไม่ มี ระเบียบ ห้าม ไว้
เป็นคำสั่งส่วนตัวของผู้บังคับบัญชา มุ่งเป้าที่คนๆเดียวๆ ถูกกิจจะลักษณะหรือ? เป็นการกระทำที่ผู้บังคับบัญชาสมควรทำหรือ?
2.อย่าลืมว่าญี่ปุ่นเป็นเมืองหนาวนะครับ ช่วงเวลาที่หนาวมันมากกว่าเวลาที่ร้อน การใส่สูทจึงไม่ใช่ปัญหาขนาดนั้น
ที่สำคัญที่สุดคือ ค่านิยมดีๆก็รับไว้ ค่านิยมโหลยโท่ยเราจะไปมองไปสนใจทำไม? ต้องไปเทียบเรื่องไม่เข้าท่าด้วยเหรอ?
และผมก็เห็นว่าญี่ปุ่น มีบริษัทที่ให้พนักงานใส่ชุดตามใจอยู่เยอะแยะนะ
3.การมองต่างมุมก็ดีครับ
แต่เป็นการมองต่างมุมที่ไม่ดีเท่าไหร่เลยนะ การยกเรื่องนิสัยความรู้สึกมาอ้างกันว่า "นิสัยคนไทย เชื่อคนง่าย ขี้สงสารครับ"
ผมไม่เห็นด้วย แต่ไม่รู้จะว่าอะไรดี ผมเลยถอดกลับไปให้เป็นตัวคุณบ้าง
รู้สึุกอย่างไรครับ กับการถูกคิดว่า "ใช้แค่อารมณ์ความรู้สึกขี้สงสารอันเป็นนิสัยคนไทย มาพูดเพื่อช่วยเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง"
แต่คุณก็อาจจะไม่รู้สึกอย่างที่ผมรู้สึกละนะครับ
4.ผมก็เจอมาครับ อาจจะไม่เยอะเท่าคุณ แต่ก็เจอมาแล้วด้วยตัวเอง
บุคลากรบ่อนทำลายบริษัท เอาเท้าราน้ำ ไม่ได้มีแต่ฝ่ายชั้นผู้น้อย บางทีเป็นหัวหน้าฝ่าย บางทีเป็นหัวหน้าแผนก บางทีฝ่ายบริหารเองที่ถ่วงความเจริญ คิดหยุมหยิม ไม่เข้าใจฝ่ายปฏิบัติงาน
การมองต่างมุมคืออะไร มองกว้างๆคืออะไร ทำไมคุณถึงเชื่อว่าคุณเป็นคนเดียวที่มองกว้างกว่าทุกคนในที่นี้???
ใจเย็นๆกันนะครับ
"งั้นก็ควรให้หมอแนะนำมาเลยอย่างเป็นทางการ ว่าเก้าอี้แบบไหนเหมาะสม แล้วยื่นหนังสือให้หัวหน้างานให้เป็นเรื่องเป็นราว คุยกันให้เรียบร้อยจะดีกว่า"
เรื่องอย่างนี้ มีเขียนบอกไว้มากมาย ไม่ต้องอาศัยหมอหรอก อีกอย่างกรณีอย่างนี้ใช้หมอความจะดีกว่า
"สมมุติว่า ที่บ้านคุณจ้างคนใช้มาทำงาน และคนใช้คนนั้นบอกว่า ผิวหนังเกิดอาการแพ้ง่าย ต้องใส่เสื้อที่ทำจากผ้าฝ้าย เลยใส่สูทมาทำงานที่บ้านคุณ"
ยกตัวอย่างไม่ตรงกับเรื่องที่เกิดนะ คนละกรณีกัน
เห็นด้วยครับ กรณีผ้าฝ้ายมันก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสูทนี่ครับ อีกอย่าง คนใช้ใส่สูทดูไฮโซดีครับ :D
พ่อบ้านลูกหนี้!
ผมว่าฟ้องศาลปกครองเลยดีกว่า ยุติธรรมแน่นอน
แต่ผมเห็นว่าเก้าอี้ไม่ใช้เรื่องใหญ่อะไร ถ้าหัวหน้าทำตัวสมหัวหน้า