ปัจจุบันใช้ D-Link DNS-320L (x2 HDD) ร่วมกับ Windows 10 ใช้เป็นที่เก็บข้อมูลปรกติ ไม่ได้ตั้งเป็น Raid แต่อย่างใด
ตั้งแต่มีปัญหาเรื่อง SMBv1 ก็ลากถูกันเรื่อยมา โดนปิดฟังก์ชันที ก็กลับไปเปิดใหม่ที ถ้าไม่ได้ใช้เชื่อมต่อกับ NAS เป็นเวลา X วัน Windows 10 จะปิดการรองรับ SMBv1 อัตโนมัติ
เหนื่อยแล้วและไม่อยากวุ่นวายแล้วครับ
ที่เล็งตัวใหม่ไว้จะเป็น Synology DiskStation DS218J
คำถามคือ
- ตัวที่เล็งไว้มันรองรับ SMBv2 up ไหม
- มีตัวอื่นๆ แนะนำไหม ในราคาใกล้ๆ กันนี้
- ถ้าจะถอด HDD จากตัวเดิม มาเสียบแล้วมีปัญหาไหม (เช่นต้อง format ใหม่หรือไม่ ในกรณีของผมที่บนเครื่องเก่าใช้เป็นที่เก็บข้อมูลธรรมดา ไม่ได้ตั้งเป็น Raid) หรือใช้ได้เลย
- สมมติว่าได้มีการเซ็ทเป็น Raid ไว้ (ทั้งแบบ 0 และ 1) หากมีการเปลี่ยนเครื่องเช่นนี้ ผลจะเป็นอย่างไรครับ
4.1 แค่ยก HDD จากตัวเก่ามาให้ครบทุกลูก (เซ็ท) ก็สามารถตั้งค่าใช้งานต่อได้เลย โดยไม่ต้อง format
2.2 แม้จะเอา HDD เซ็ทเดิมมาทั้งหมด ก็ต้องมาตั้งค่าใหม่ และข้อมูลหายเกลี้ยง
1.D-Link DNS-320L เท่าที่ค้นดู น่าจะแค่ SMB1 นะครับ
2.แนะนำ synology diskstation ds218j รองรับถึง SMB3
3.ถ้าตั้งเป็น JBOD ไม่ได้เป็น RAID น่าจะถอดไปเสียบใช้ได้เลยครับ เหมือน HDD ทั่วไป
4.ถ้าตั้งเป็น RAID ย้ายไปยี่ห้อเดียวกันอาจจะใข้ได้ครับ ขึ้นอยู่กับรุ่น แต่ถ้าข้ามยี่ห้อมีแนวโน้มที่จะต้อง format ทำ Array ใหม่ ตามหลักแล้วก็ควรจะ Backup ข้อมูลออกมาก่อนครับ
*ถ้าจะทำ Raid เพื่อเก็บข้อมูล และข้อมูลนั้นมีความสำคัญพอ แนะนำให้หา Hardware Raid ที่เป็น Raid 5 หรือ 6 เป็นอย่างต่ำครับ
Raid 0 สำหรับต้องการอ่านเขียนเร็ว 2 Bay ไม่น่ามีประโยขน์อะไร
Raid 1 ทำ mirror เสียตัวนึงอีกตัวก็รอด แต่ช้าลงเยอะ
แต่ถ้าเป็นข้อมูลทั่วไป เอามาเป็น NAS ส่วนกลางก็โอเคครับ
ขอบคุณครับ
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ตอนนี้มีรุ่นใหม่เป็น 220j ด้วยครับ เป็น Realtek RTD1296 64bit(A53) 1.4GHz Quad Core
ส่วน 218j เป็น Marvell Armada 385 32bit(A9) 1.3Ghz Dual Core
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ขอบคุณครับ
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาใช้ PC แทนครับ เป็น Core-i5 4460 บอร์ดทุกอย่างเป็นพีซีหมด ใช้ HDD ผสมกันระหว่าง WD Red กับ Seagate Ironwolf รวมกัน 8 ตัว 12TB เป็น RAID 5 x2 ก็ไม่ถึงกับระดับ Enterprise แต่สำหรับ Home Server ด้วยกันผมว่าก็ค่อนข้างสูงอยู่มั้ง ? (เพราะผมใช้คนเดียว)
คือผมใช้ NAS มาหลายตัว พวกตัวถูก ๆ นะครับ พวกหมื่นกว่าไม่มี (ฮา) แล้วเจอปัญหาด้านเสถียรภาพมาตลอด คราวนี้เลยรู้สึกว่า พอกันที สร้างเองมันเลยดีกว่า
ผมใช้ Linux เป็น OS (Arch Linux) แทนที่จะเป็นพวก NAS OS เพราะพบว่า พวกฟีเจอร์ Virtualization ที่ระดับแอพลิเคชันเนี่ยมันเยอะเกินไปสำหรับผม คือแบบกลายเป็นว่าแอพนึงมีหนึ่งไอพี แล้วถ้าเราต้องคอยมานั่งเซ็ต Firewall กับ VPN เพื่อให้มันต่อออกไปข้างนอกได้ก็ต้องมานั่งคอยตั้ง อะไรแบบนี้ครับ
ข้อดีคืออยากได้อะไรก็ทำเองเลย (ตามคอนเซ็พท์ Open Source) เกิดแบบผมอยากมีแอพพิเศษสำหรับใข้เองก็เขียนแล้ว Deploy ขึ้นเองได้เลย หรืออยากจะติดตั้งอะไรก็ติดตั้งเองได้เลย
ข้อเสียคือการมอนิเตอร์อะไรจะลำบากนิดนึง เพราะว่ามันไม่มี web ui รวมศูนย์ (ไอ้ตัวที่มีก็ไม่ค่อยเวิร์คก็เลยเอาออกไปครับ) อีกข้อเสียนึงคือก็จะกินไฟนิดนึง อย่างเครื่องผมตอนนี้ต้องใช้พาวเวอร์ถึง 600W อะไรงี้น่ะครับ
ส่วนตัวถ้ามีงบเยอะนิดนึง แล้วพอจะจัดการอะไรเองได้ ผมยังคิดว่าซื้อเคส mini-itx มาสร้าง NAS เองน่าจะคุ้มกว่าซื้อพวกมีแบรนด์น่ะครับ แต่ก็ราคาสูงกว่าด้วยนะครับ
้อ้อ จะว่าไป ผมเคยเล็ง HPE MicroServer อยู่ครับ ราคาสูงกว่า NAS ตามบ้านประมาณนึง (ตอนมันลดราคาอยู่ราว ๆ หมื่นปลาย ๆ ) แต่ผมว่าน่าจะยืดหยุ่นกว่า NAS ตามบ้านทั่วไปมากครับ
ก็เป็นลักษณะ Home User ทั่วไปเลยครับ เก็บไฟล์ Media โดยมาก (แต่ไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่น Stream จำพวก Plex) ไว้เรียกใช้ระหว่าง Xbox, PC, Tablet
ถ้าไม่มีปัญหาเรื่อง SMBv1 ตัวเดิมคือเพียงพอเลยครับ
เคยคิดจะเอา Raspberry Pi (2) มาทำอยู่ครับ แต่ดูเซ็ทอัพแล้ว น่าจะเกินมือไปหน่อย รวมถึงไม่มั่นใจว่าในระยะยาว ตัวผมเองจะจัดการมันได้ไหม เลยซื้อสำเร็จเอาดีกว่า
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
RPi ผมเคยลองแล้วครับ ไม่เวิร์คครับ performance ไม่ดีพอจริง ๆ (นึกสภาพว่าโอนไฟล์ผ่าน USB 2.0 น่ะครับ)
แล้วเรื่องเสถียรภาพผมเจอว่า ........ มันรันได้ไม่ถึงวันก็ค้างละครับ ต้องคอยรีสตาร์ทบ่อย ๆ
SATA บน RPi มัน Interface บน USB 2.0 จริงๆ นะครับ
ผมคุ้น ๆ ว่ามันไม่มี SATA นะ?? แต่ RPi รุ่น 4 มี USB3 ละ
ผมคงพิมพ์สั้นไป... อันนี้แบบยาวแล้วกันนะ
ก็มันไม่มี SATA Interface มาบน SoC อยู่แล้ว แต่มี USB 2.0 มาบน SoC ให้
ดังนั้นหากจะใช้ SATA จึงต้องวาง SATA Chip มา Interface กับ USB 2.0 ซึ่งก็ย่อมได้ความเร็วประมาณเดียวกับการโอนไฟล์ผ่าน USB 2.0 นั่นแหละครับ
ก็ใช่ครับตามนั้นเลย
Use case ประมาณนี้ผมใช้ Pi 4 เสียบ USB HDD 2 ตัวเหลือๆครับ
ไม่ RAID
ผมใช้ HP N54L อยู่ครับ ราคาขายประมาณ 4000-5000 มีมาปล่อยกันเป็นช่วงๆ (ของใหม่ แต่ค้างสต๊อก)
ข้อเสียเดียวคือ CPU เก่า ไม่มี AES-NI เลยไม่สามารถทำ full disk encryption แบบไวๆได้ครับ (ได้แค่ราวๆ 80-100 MB/s)
+1
พวก NAS ถูกๆ ผมใช้มา 2-3 ตัว เรื่องเสถียรภาพมีปัญหาทุกตัว
Dlink 2 bays, 4 bays ต้อง restart ทุกวัน บางทีอยู่ข้างนอก จะ FTP เข้ามาโหลดไฟล์ ต่อไม่ติด ต้องโทรมาบอกให้คน reset ให้
พอเปลี่ยนมาใช้ Synology ตัวแพงหน่อย ก็ไม่เจอปัญหาแบบนี้อีกเลย