งานวิจัยชี้ “สิงคโปร์” คว้าแชมป์ชาวเน็ตที่มีอารยะของฝั่งเอเชีย ด้านชาวเน็ตไทย ได้ที่ 19 ของโลก

MXPhone - 20 July 2021 - 15:40

งานวิจัยดัชนีชี้วัดความมีอารยะทางอินเตอร์เน็ต (DCI) ปี 2020 พบว่า เนเธอร์แลนด์ ครองแชมป์ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อย่างมีอารยะที่สุดในโลก ขณะที่ สิงคโปร์ ได้แชมป์ในฝั่งเอเชีย

The post งานวิจัยชี้ “สิงคโปร์” คว้าแชมป์ชาวเน็ตที่มีอารยะของฝั่งเอเชีย ด้านชาวเน็ตไทย ได้ที่ 19 ของโลก appeared first on mxphone.

Flash Express ประกาศปิดให้บริการศูนย์กระจายสินค้าวังน้อย 3 วัน กระทบอย่างน้อย 15 จังหวัด เริ่ม 20 ก.ค.

Brand Inside - 20 July 2021 - 15:38

พนักงานติดโควิด สั่งปิดศูนย์กระจายสินค้า กระทบหลายจังหวัด

Flash Express ประกาศปิดให้บริการในหลายพื้นที่ หลังจากที่มีประกาศก่อนหน้านี้ กรณีมีพนักงานภายในศูนย์กระจายพัสดุสาขาวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาติดเชื้อ COVID-19 และเพื่อเป็นไปตามมติของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีมติให้สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต้องหยุดให้บริการ

  • “เรียนลูกค้าที่รักทุกท่าน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้น บริษัทขอเรียนแจ้งการปิดให้บริการบางพื้นที่และมาตรการของบริษัทตามเนื้อหาประกาศด้านล่าง ขออภัยในความไม่สะดวก และ โปรดดูแลสุขภาพของท่านด้วยความห่วงใยจากแฟลช เอ็กซ์เพรส”

อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดศูนย์กระจายพัสดุวังน้อยเป็นเวลา 3 วัน (เริ่มปิด 20 กรกฎาคม – 22 กรกฎาคม) มีดังนี้

  • กรุงเทพมหานคร – เฉพาะเขตปทุมวัน สัมพันธวงศ์และสาทร
  • จังหวัดกาญจนบุรี
  • จังหวัดฉะเชิงเทรา
  • จังหวัดนครนายก
  • จังหวัดนครปฐม
  • จังหวัดนนทบุรี
  • จังหวัดปทุมธานี
  • จังหวัดปราจีนบุรี
  • จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • จังหวัดลพบุรี
  • จังหวัดสระแก้ว
  • จังหวัดสระบุรี
  • จังหวัดสิงห์บุรี
  • จังหวัดสุพรรณบุรี
  • จังหวัดอ่างทอง
สินค้าที่รับฝากวันที่ 19 ก.ค. + ส่งในพื้นที่เสี่ยง จะคืนเงินค่าขนส่งทั้งหมด

ประเด็นเรื่องการคืนเงินค่าขนส่ง Flash Express ระบุว่า “พัสดุบางส่วนที่ถูกรับฝากส่งในวันที่19 กรกฏาคม 2564 และบริษัทฯ ทำการตีกลับคืนผู้ส่ง ทางบริษัทฯ จะทำการคืนเงินค่าขนส่ง 100 %”

ส่วนรายละเอียดอื่นๆ อ่านเพิ่มเติมได้ในประกาศของ Flash Express ด้านล่างนี้

ที่มา – Flash Express

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post Flash Express ประกาศปิดให้บริการศูนย์กระจายสินค้าวังน้อย 3 วัน กระทบอย่างน้อย 15 จังหวัด เริ่ม 20 ก.ค. first appeared on Brand Inside.

พบกับส่วนลดสูงสุด 50% ใน Samsung x Shopee Super Brand Day 2021 วันที่ 22 ก.ค.นี้เท่านั้น

MXPhone - 20 July 2021 - 15:24

ซัมซุงแท็กทีมช้อปปี้มอบดีลสุดพิเศษต่อเนื่องเป็นปีที่สาม กับ Samsung x Shopee Super Brand Day 2021 พบกัน 22 กรกฎาคมนี้เท่านั้น!

The post พบกับส่วนลดสูงสุด 50% ใน Samsung x Shopee Super Brand Day 2021 วันที่ 22 ก.ค.นี้เท่านั้น appeared first on mxphone.

อังกฤษสั่งเลิกล็อกดาวน์ แต่หลายร้านยังคงปิดกิจการ-งดเดลิเวอรี่ เพราะพนักงานต้องกักตัว

Brand Inside - 20 July 2021 - 15:03
ภาพจาก Unsplash แม้คลายล็อกดาวน์แต่ผู้มีความเสี่ยงยังต้องกักตัว

รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจคลายมาตรการล็อกดาวน์แม้ยังมีการระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะส่งผลดีกับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

ขณะเดียวกันยังคงมีมาตรการกักตัว 10 วันสำหรับผู้มีผลตรวจโควิดเป็นบวกหรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย โดยจะมีแอพติดตามประวัติการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย และติดตามการกักตัวของประชาชน พร้อมมีค่าปรับหากฝ่าฝืนมาตรการ ซึ่งกฎนี้คาดว่าจะผ่อนคลายได้ช่วงกลางเดือนสิงหาคม 

ด้วยยอดผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 50,000 คนต่อวันและประชาชนกว่าแสนต้องกักตัวจากการติดตามของแอพ ธุรกิจต่างๆ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลขยับแผนผ่อนคลายการกักตัวเข้ามาเร็วขึ้นสำหรับผู้ได้รับวัคซีนครบสองโดสเพื่อให้พนักงานสามารถกลับมาทำงานได้

ยอดผู้ติดเชื้อสูงคืออุปสรรค

สัปดาห์ที่ผ่านมา Greene King หนึ่งในเครือผับชั้นนำของอังกฤษต้องปิดผับกว่า 33 แห่งชั่วคราว เนื่องจากลูกจ้างจำนวนมากจำเป็นต้องกักตัวเพราะมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด 

ซุปเปอร์มาร์เก็ตเจ้าใหญ่ในอังกฤษอย่าง Tesco ก็ต้องงดบริการเดลิเวอรี่เนื่องจากคนขับรถไม่พอ ส่วนคู่แข่งอย่าง Iceland Foods ก็ได้ปิดบางสาขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดเนื่องจากพนักงานมากกว่า 1,000 คนหรือคิดเป็น 4% ของจำนวนพนักงานต้องกักตัว กรรมการผู้จัดการบริษัท Iceland บอกกับ BBC Radio 4

ในขณะที่ Steve Rowe ซีอีโอของ Marks & Spencer บอกว่าผู้ค้าปลีกอาจจะต้องเปลี่ยนหรือลดเวลาทำการของร้านเนื่องจากขาดแคลนพนักงานเนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นในทุกสัปดาห์

สรุป

แม้จะมีประกาศคลายล็อกดาวน์แต่หลายธุรกิจยังไม่สามารถกลับมาเปิดได้เพราะพนักงานยังคงต้องกักตัวเนื่องจากความเสี่ยง จึงเป็นความท้าทายของรัฐบาลอังกฤษที่จะต้องควบคุมยอดผู้ติดเชื้อขณะเดียวกันก็ต้องมีมาตรการให้พนักงานสามารถออกมาทำงานได้ตามปกติ

ที่มา: CNN

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post อังกฤษสั่งเลิกล็อกดาวน์ แต่หลายร้านยังคงปิดกิจการ-งดเดลิเวอรี่ เพราะพนักงานต้องกักตัว first appeared on Brand Inside.

UN รายงาน โควิดกระทบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เสี่ยงตกงาน ไม่ได้ค่าจ้าง โอกาสได้งานใหม่น้อย

Brand Inside - 20 July 2021 - 15:02

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ของ UN รายงานว่าผู้หญิงวัยทำงานได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดมากกว่าผู้ชาย และอัตราการจ้างงานของผู้ชายจะฟื้นตัวเร็วกว่าผู้หญิงในช่วงปี 2021-22

ผู้หญิงเสี่ยงตกงาน รายได้ลด ทำงานหนักกว่าผู้ชายในยุคโควิด

ในช่วงที่มาตรการควบคุมโควิดยังเคร่งครัดอยู่มาก ผู้หญิงมีความเสี่ยงสูงกว่าในด้านของการเลิกจ้างหรือการลดเวลาทำงาน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมโรงแรม ร้านอาหาร และโรงงาน ซึ่งส่งผลต่อรายได้ที่ลดลง

นอกจากรายได้ที่ลดลงอย่างมากแล้ว ผู้หญิงส่วนหนึ่งยังต้องทำงานเพิ่มขึ้นแบบไม่ได้ค่าแรงอีกด้วย โดยเฉพาะกิจกรรมประเภทการดูแลบ้าน การเลี้ยงดูลูก หรือ การสอนเด็กเล็ก ที่ตกมาสู่ผู้หญิงตามค่านิยมของสังคม เพราะโรงเรียนหรือสถานดูแลเด็กต้องปิดตัวลงก็ตาม สถานการณ์โควิดทำให้ความเท่าเทียมทางเพศแย่ลงในหลายประเทศทั้งที่มีความเท่าเทียมน้อยอยู่แล้ว

ในอีกด้านหนึ่ง อาชีพแนวหน้ามีอัตราส่วนของผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอย่างมาก เช่น หมอและพยาบาลมีอัตราส่วนของผู้หญิงถึง 70-75% ในแต่ละหมวดหมู่ อีกทั้งอาชีพบริการอย่างพนักงานในซูเปอร์มาร์เก็ตก็ทำให้ผู้หญิงเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิดมากกว่าผู้ชายหลายเท่า

อัตราเลิกจ้างสูงกว่า และถูกจ้างใหม่น้อยกว่าผู้ชาย

ILO รายงานว่าผู้หญิงถูกเลิกจ้างไปกว่า 4.2% จากสถานการณ์โควิด หรือเท่ากับมีผู้หญิง 54 ล้านคนที่ตกงาน มากกว่าผู้ชายที่ตกงานไป 3% หรือเท่ากับ 60 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับปี 2019 แล้ว คาดการณ์ว่าผู้หญิงจะถูกจ้างงานน้อยลงในปี 2021 กว่า 13 ล้านคน เมื่อเทียบกับผู้ชายที่จะถูกจ้างงานเท่ากับปี 2019

ในปี 2021 จะมีผู้หญิงวัยทำงานเพียง 43.2% เท่านั้นที่จะได้งาน ในอีกด้านหนึ่ง ผู้ชายจำนวน 68.6% ถูกคาดว่าจะได้งานในช่วงปีนี้

สรุป

สถานการณ์โควิดทำลายทั้งธุรกิจและอาชีพไปหลายส่วนทั่วโลก แต่ผลกระทบต่อผู้หญิงกลับมีมากกว่าส่วนตัวคิดว่าธุรกิจและรัฐบาลควรรับรู้และสนับสนุนพนักงานอย่างเท่าเทียมกันให้มากที่สุด

ที่มา – Reuters, ILO 1 2

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post UN รายงาน โควิดกระทบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เสี่ยงตกงาน ไม่ได้ค่าจ้าง โอกาสได้งานใหม่น้อย first appeared on Brand Inside.

รู้จักกับ Wash Tech ผู้อยู่เบื้องหลังการซักผ้าติดเชื้อในโรงพยาบาล ธุรกิจสำคัญในยุคโควิด

Brand Inside - 20 July 2021 - 14:34

รู้จักกับ Wash Tech โรงซักผ้าปลอดเชื้อ ธุรกิจความสะอาดที่เกิดมาเพื่อโรงพยาบาลในยุคที่โควิด-19 ระบาดหนัก ซักผ้าจากโรงพยาบาลด้วยการทำงานแบบปลอดเชื้อ

ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จำนวนผู้ป่วยมหาศาลที่กำลังทำการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ นอกจากการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์แล้ว อีกสิ่งที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงคือการซักผ้าติดเชื้อที่ใช้ในโรงพยาบาล ทั้งชุดคนไข้ ชุดกาวน์ ผ้าปูเตียง หรือผ้าที่ใช้สำหรับการผ่าตัด ซึ่งไม่สามารถซักได้ด้วยวิธีการปกติ

Wash Tech คือธุรกิจโรงซักผ้าปลอดเชื้อ ที่เกิดมาเพื่อโรงพยาบาลในยุคที่โควิด-19 ระบาดหนัก เพราะไม่ใช่ทุกโรงพยาบาลที่จะสามารถซักผ้าที่ติดเชื้อได้ด้วยตัวเอง

วันชัย วงศ์แสงอนันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีซัลท์ พลัส จำกัด เจ้าของแบรนด์ Wash Tech

วันชัย วงศ์แสงอนันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีซัลท์ พลัส จำกัด เจ้าของแบรนด์ Wash Tech เล่าถึงธุรกิจโรงซักผ้าปลอดเชื้อสำหรับโรงพยาบาลว่า ในขณะนี้ยังขาดโรงซักผ้าที่มีความสะอาด และสามารถควบคุมเชื้อได้ ซึ่งลูกค้าของ Wash Tech มีทั้งโรงพยาบาลรัฐ และเอกชนในกรุงเทพฯ เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลสมิติเวชธนบุรี โรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เป็นต้น

สำหรับความสามารถของโรงซักผ้าปลอดเชื้อ Wash Tech จะอยู่ที่ 30 ตันต่อวัน โดยรอบการรับ-ส่งผ้าจากโรงพยาบาลจะเป็นรอบ 24 ชั่วโมง คือ รับผ้าจากโรงพยาบาลตอนเช้า ก็จะส่งผ้ากลับไปให้โรงพยาบาลในเช้าวันถัดไป

โรงซักผ้าปลอดเชื้อ ต่างจากโรงซักผ้าทั่วไปอย่างไร

วันชัยเล่าให้ฟังถึงกระบวนการทำงานของโรงซักผ้าปลอดเชื้อ Wash Tech ว่า เริ่มตั้งแต่การรับผ้าที่ใช้แล้วจากโรงพยาบาล นำมาคัดแยกระหว่างผ้าเปื้อนทั่วไปกับผ้าเปื้อนติดเชื้อ โดยจะต้องทำในห้องความดันลบเพื่อป้องกันเชื้อแพร่กระจาย หลังจากนั้นจะนำผ้าซักในเครื่องซักผ้าชนิดพิเศษ ที่มีประตู 2 ด้าน นำผ้าเข้าด้านหน้า แต่เมื่อผ้าซักเสร็จแล้วต้องนำผ้าออกที่ด้านหลัง ซึ่งเป็นโซนสะอาดที่ได้รับการอัดอากาศจากภายนอก โดยทุกๆ 3 นาที อากาศจะในห้องจะถูกไหลเวียนออกไปภายนอกจนหมด ผ้าที่ซักสะอาดแล้วจะไม่ไปปะปนกับผ้าที่ยังไม่ได้ซัก หลังจากนั้นจึงนำผ้าไปอบ รีด และแพคเพื่อเตรียมส่งคืนให้โรงพยาบาล

นอกจากนี้ วันชัย ยังเล่าด้วยว่า สำหรับผ้าที่มีเชื้อโควิด-19 จะใช้ถุงชนิดพิเศษที่สามารถละลายน้ำได้ เพื่อบรรจุผ้าที่มีเชื้อโควิด-19 มาจากโรงพยาบาล และนำถุงชนิดพิเศษเข้าเครื่องซักผ้าได้เลยโดยไม่ต้องนำผ้าออกจากถุง เพื่อลดการสัมผัส และช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ได้

ตั้งเป้าปีนี้ เติบโต 20% น้อยกว่าปีที่แล้ว

ในด้านการเติบโตของธุรกิจ Wash Tech วันชัยให้ข้อมูลว่า ปีนี้ Wash Tech เปิดให้บริการเป็นปีที่ 4 แล้ว ปี 2562 มีรายได้ 52 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้ 64 ล้านบาท เติบโต 25% ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเติบโตที่ 20% น้อยกว่าปีที่แล้ว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ลูกค้าส่วนใหญ่ของ Wash Tech เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีสัดส่วนคนไข้ต่างชาติราว 30% แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้หายไป ทำให้เป้าหมายการเติบโตของ Wash Tech ลดลงด้วย

แต่แม้ในปีนี้ Wash Tech จะตั้งเป้าการเติบโตไว้ต่ำกว่าปีที่แล้ว แต่ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า Wash Tech ตั้งเป้าหมายที่จะลงทุนเปิดโรงซักผ้าเพิ่มอีกแห่งทางด้านตะวันตกของกรุงเทพฯ เพราะในขณะนี้พื้นที่ให้บริการยังจำกัดด้วยระยะทางไม่เกิน 100 กิโลเมตร เพราะหากมากกว่านี้ประสิทธิภาพการให้บริการจะลดลง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post รู้จักกับ Wash Tech ผู้อยู่เบื้องหลังการซักผ้าติดเชื้อในโรงพยาบาล ธุรกิจสำคัญในยุคโควิด first appeared on Brand Inside.

จับตาธุรกิจอสังหาฯ ต้นทุนพุ่ง-กำไรหด หลังทุ่มงบระดมฉีดวัคซีนแรงงาน แก้เกมรัฐปิดแคมป์ก่อสร้าง

Brand Inside - 20 July 2021 - 14:23

การก่อสร้างโครงการ 1 โครงการนั้นไม่ได้มีเพียงคนงานก่อสร้าง แต่ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 20-30 ส่วนต่อ 1 ไซต์งานก่อสร้าง ดังนั้น ผลกระจากการปิดไซต์งานก่อสร้างจึงมีมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะผลกระทบต่อการโอนกรรมสิทธิ์ และต้นทุนการเงิน โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีกระแสเงินสดจำกัด อาจส่งผลกระทบต่องานก่อสร้างในโครงการอื่นๆ ให้ล้มลงแบบโดมิโน

real estate

คำสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง และห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นเวลา 30 วัน ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะการที่ไซต์งานก่อสร้างจำเป็นต้องหยุดงาน 30 วัน คนงานจำนวนมากมีปัญหาจากการขาดรายได้ แม้ว่ารัฐบาลบอกว่าจะช่วยเยียวยาในส่วนของค่าจ้าง แต่ก็ไม่สามารถทดแทนรายได้ที่หายไปได้ ขณะที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าหาอาหาร น้ำดื่มต่างๆ ในช่วงที่ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงาน

แต่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นดังกล่าวก็ยังถือว่าเป็นส่วนน้อย เมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้าของงานก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการที่เตรียมส่งมอบหรือโอกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าในเดือน ก.ค.นี้ เพราะหากไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ตามกำหนดเวลา บริษัทอสังหาฯ ต้องสูญเสียรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งจะต้องนำไปใช้หนี้เงินกู้ และใช้หมุนเวียนงานก่อสร้างในโครงการอื่นๆ ดังนั้น การปิดแคมป์คนงานก่อสร้างครั้งนี้บริษัทที่มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างจำนวนมาก และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง จึงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด

real estate

จากการประเมินความเสียหายการสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างของนายกสมาคมอาคารชุดไทย และนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร พบว่ามูลค่าการลงทุนในตลาดอสังหาฯต่อปีอยู่ที่ 900,000 ล้านบาท หรือมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 70,000 -80,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึงอุตสาหกรรมต้นน้ำและปลายน้ำที่ได้รับผลกระทบจากภาคธุรกิจอสังหาฯ หยุดการก่อสร้าง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้างที่อาจจะต้องมีการลดกำลังการผลิตลงเพื่อรองรับกับสถานการณ์การหยุดงานก่อสร้างของธุรกิจอสังหาฯ

ความจำเป็นเร่งด่วนของบริษัทอสังหาฯในวันนี้คือ ทำอย่างไรจะทำให้รัฐบาลอนุมัติให้เปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรได้พยายามหาช่องทางเสนอแนะให้รัฐ ส่งหน่วยงานที่รับผิดชอบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงพื้นที่ตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อออกไปรักษา และออกมาตรการควบคุมคนงานในแคมป์ต่างๆ ให้ครอบคลุม และให้ปิดเฉพาะแคมป์ก่อสร้างที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เพื่อให้แคมป์ก่อสร้างที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเดินหน้าก่อสร้างโครงการต่างๆ ได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายต่อบริษัทอสังหาฯ

real estate

อย่างไรก็ตาม จำนวนของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันที่มีจำนวนสูงถึง 10,000 รายต่อวัน ประกอบกับสายพันธุ์ที่ระบาดหนักในขณะนี้คือ สายพันธุ์เดลต้า ซึ่งมีการแพร่ระบาดได้ง่ายและมีอาการรุนแรง และยังมีสายพันธุ์ เดลต้าพลัส ที่จ่อจะเข้ามาระบาดในประเทศไทย ทำให้รัฐกังลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างมาก และหากแนวโน้มการระบาดยังเพิ่มขึ้นอยู่ มีความเป็นไปได้ที่การปิดแคมป์ก่อสร้างจะขยายเวลาออกไปมากกว่า 30 วัน

ดังนั้น ทางออกของผู้ประกอบการอสังหาฯเวลานี้คือต้องแก้ปัญหาที่ต้นต่อ หรือการฉีดวัคซีนให้กับคนงานก่อสร้าง พนักงานและพันธมิตรการค้า รวมไปถึงครอบครัวคนงานก่อสร้าง ซึ่งหากบริษัทอสังหาฯสามารถดำเนินการดังกล่าวได้ ปัญหาการสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างก็จะได้รับการแก้ไขและรัฐบาลเองก็ยากที่จะหาข้ออ้างมาสั่งปิดแคมป์ก่อสร้างได้

real estate

สิ่งที่เรารู้กันดีในวันนี้คือ รัฐไม่สามารถจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนในประเทศได้เพียงพอ ดังนั้นคงเป็นเรื่องจากที่รัฐจะจัดสรรวัคซีนมาฉีดให้กับแรงงานก่อสร้างในแคมป์ต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง เพราะในแคมป์ก่อสร้างนั้นไม่ได้มีเฉพาะแรงงานคนไทย แถมส่วนใหญ่ยังเป็นแรงงานต่างด้าว จึงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐจะยอมตกเป็นเป้าหมายการโจมตีว่านำวัคซีนมาฉีดให้กับคนต่างด้าวก่อน ในขณะที่คนไทยทั่วประเทศยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน    

ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง และบริษัทอสังหาฯ ต่างทราบดี ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาบริษัทขนาดใหญ่ที่มีงานก่อสร้าง และมีโครงการก่อสร้างในมือจำนวนมากๆ หลายๆ รายจึงเริ่มสั่งวัคซีนทางเลือกเข้ามาฉีดให้กับคนงานของตนเอง ซึ่งเริ่มมีการฉีดไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม เช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นรายแรกที่ออกข่าวอย่างเป็นทางการว่าทุ่มงบกว่า 40 ล้านบาท เพื่อซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับพนักงานและคนงาน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) ขณะที่หลายๆ รายอยู่ระหว่างการเจรจาสั่งซื้อวัคซีนเข้ามาฉีดให้กับพนักงานและแรงงานก่อสร้างในแคมป์ก่อสร้าง

real estate

การจัดหาวัคซีนทางเลือกเข้ามาฉีดให้กับพนักงานและแรงงานก่อสร้างของบริษัทอสังหาฯ และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงการออกมาตรการคัดกรอง ตรวจสอบและควบคุมการแพร่ระบาดในแคมป์ก่อสร้าง คือ กลยุทธ์หลักที่จะทำให้บริษัทอสังหาฯ สามารกลับเปิดแคมป์ก่อสร้างหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาว่าเป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และสามารถกลับมาดำเนินการก่อสร้างในโครงการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าต้นทุนในการจัดหาวัคซีน ต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากการเร่งงานก่อสร้างเพื่อชดเชยเวลาหายไป 30 วัน จากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง ต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น แถมรายได้จากการโอนยังลดลง หรือ มีต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ล่าช้ากว่ากำหนด นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีบริษัทอสังหาฯยังต้องเร่งเปิดโครงการใหม่พร้อมๆ กับการจัดแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นและเร่งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เพื่อผลักดันยอดขายให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงต้นปี หลังจากเสียโอกาสในช่วงครึ่งปีแรกเพราะต้องประสบปัญหาจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 2 และ 3

ปัจจัยที่กล่าวมานั้นจะส่งให้ในปี 64 นี้ อสังหาฯจะกลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีกำไรสุทธิลดลงมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่คาดว่าในปี 64 จะเป็นปีที่บริษัทอสังหาฯ สามารถสร้างกำไรสุทธิได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการได้รับปัจจัยบวกจากรายได้กลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรอบธุรกิจสั้นกว่าคอนโดมิเนียม กลับมาได้รับความนิยมเพราะสอดรับกับพฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยในยุคโควิด-19

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post จับตาธุรกิจอสังหาฯ ต้นทุนพุ่ง-กำไรหด หลังทุ่มงบระดมฉีดวัคซีนแรงงาน แก้เกมรัฐปิดแคมป์ก่อสร้าง first appeared on Brand Inside.

Apple ปล่อยอัปเดต Safari 14.1.2 สำหรับ macOS Catalina และ macOS Mojave

iPhonemod - 20 July 2021 - 14:04

Apple ได้ปล่อยอัปเดต Safari 14.1.2 ให้กับ macOS เวอร์ชั […] More

The post Apple ปล่อยอัปเดต Safari 14.1.2 สำหรับ macOS Catalina และ macOS Mojave appeared first on iMoD.

เผย Twitter กำลังเตรียมให้ผู้ใช้ Log in ผ่าน Google Account ได้

MXPhone - 20 July 2021 - 13:59

9to5Google ได้เผยว่าตัวแอปฯ Twitter Beta สำหรับอุปกรณ์ Android ได้มีการเปิดให้ผู้ใช้สามารถ Log in เข้าใช้งานผ่าน Google Account ได้

The post เผย Twitter กำลังเตรียมให้ผู้ใช้ Log in ผ่าน Google Account ได้ appeared first on mxphone.

vivo จัดงานประกวด VISION+ Mobile PhotoAwards 2021 อย่างเป็นทางการ

MXPhone - 20 July 2021 - 13:53

vivo จัดงานประกวด VISION+ Mobile PhotoAwards 2021 อย่างเป็นทางการ ร่วมมือกับ National Geographic เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันถ่ายภาพด้วยมือถือระดับมืออาชีพ

The post vivo จัดงานประกวด VISION+ Mobile PhotoAwards 2021 อย่างเป็นทางการ appeared first on mxphone.

หลุดเบาะแส Samsung Galaxy Buds2 ผ่านอัพเดตแอปฯ Galaxy Wearable

MXPhone - 20 July 2021 - 13:10

Samsung เตรียมปล่อยอัพเดตแอป Galaxy Wearable เพื่อรองรับสินค้าใหม่อย่าง Galaxy Watch4 และ Watch4 Classic รวมถึง Galaxy Buds2 ที่กำลังจะเปิดตัวในเดือนหน้า

The post หลุดเบาะแส Samsung Galaxy Buds2 ผ่านอัพเดตแอปฯ Galaxy Wearable appeared first on mxphone.

กรุงศรีปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยเหลือโตแค่ 1.2% เพราะโควิดระบาด สถานการณ์เลวร้ายลง อุปสงค์ซบเซา ท่องเที่ยวฟื้นช้า

Brand Inside - 20 July 2021 - 12:42
Bangkok Thailand กรุงเทพ ประเทศไทยภาพจาก Shutterstock จากเดิมคาดการณ์ GDP โตที่ 2% ปรับลดเหลือโตแค่ 1.2% เท่านั้น

วิจัยกรุงศรีคาดการระบาดรอบล่าสุดฉุด GDP  ลงจากประมาณการเดิม 0.8% ตามอุปสงค์ในประเทศที่ซบเซา ท่องเที่ยวฟื้นตัวช้า

สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ได้เข้าสู่กรณีเลวร้ายที่วิจัยกรุงศรีเคยคาดการณ์ไว้ครั้งก่อน จึงได้ปรับขยับสถานการณ์การระบาดดังกล่าวมาเป็นกรณีฐานในการประมาณการครั้งล่าสุด เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่เร่งขึ้นใกล้แตะระดับ 10,000 รายในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม

นอกจากนี้ ภายใต้สมมติฐานการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในระยะข้างหน้าคาดว่าจะมีสาเหตุจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาและเบตาเป็นหลัก

ดังนั้น ข้อมูลรูปแบบการติดเชื้อจึงอ้างอิงจากประเทศอินเดีย แอฟริกาใต้ และอังกฤษ กอปรกับมาตรการล็อคดาวน์ในบางพื้นที่ของไทยในช่วงเดือนกรกฎาคมคาดว่าจะมีผลกระทบราว 70% ของช่วงที่มีมาตรการล็อคดาวน์ในเดือนเมษายน 2563 แบบจำลองชี้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 รายต่อวันได้ภายในต้นเดือนสิงหาคม

ขณะที่สมมติฐานด้านการฉีดวัคซีนของไทย คาดอัตราการฉีดเฉลี่ยอยู่ที่ 250,000 โดสต่อวันในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทำให้เมื่อถึงสิ้นปีจะมีจำนวนวัคซีนฉีดแล้วราว 55 ล้านโดส ซึ่งอาจช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวันได้บ้างโดยเฉพาะหลังจากเดือนกันยายน

อย่างไรก็ดี ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของวัคซีนเป็นสำคัญที่จะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน (สมมติฐานประสิทธิภาพของวัคซีนอยู่ที่ 60%) ในกรณีฐานดังกล่าวนี้ คาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันจะลดลงมาต่ำกว่า 1,000 ภายในเดือนพฤศจิกายน

วิจัยกรุงศรีปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2564 ลง 0.8% เหลือขยายตัว 1.2% จากผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงและยาวนานกว่าคาด ท่ามกลางมาตรการช่วยเหลือที่ค่อนข้างจำกัด โดยมีผลเชิงบวกอยู่บ้างจากภาคส่งออกที่เติบโตแข็งแกร่ง

จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศทวีเพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา กอปรกับความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน และการฉีดวัคซีนที่ยังมีความล่าช้า ชี้ว่าการดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มข้นอาจดำเนินต่อไปจนถึงเดือนตุลาคม จึงคาดว่าผลกระทบเชิงลบโดยรวมที่เกิดจากการหยุดชะงักของอุปทาน การลดลงของอุปสงค์ และกิจกรรมการท่องเที่ยวอ่อนแอลง ฉุดการเติบโตของ GDP ของไทยในปีนี้ลดลง 2.0%

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการส่งออกที่แข็งแกร่งจะช่วยหนุนการเติบโตของ GDP ปีนี้บวกขึ้น 0.6% สำหรับการออกมาตรการเยียวยาจากภาครัฐที่คาดว่าจะมีเพิ่มเติมวงเงิน 1 แสนล้านบาทในปีนี้ น่าจะสามารถช่วยเพิ่มการเติบโตของ GDP ได้อีก 0.6% แต่มาตรการทั้งทางการคลังและการเงินอาจมีผลบวกค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับขนาดของผลกระทบจากการระบาดรอบนี้และขนาดของมาตรการที่ดำเนินการในอดีตที่ผ่านมา ผลกระทบสุทธิต่อการเติบโตของ GDP ของไทยรวมแล้วจะลดลงจากคาดการณ์เดิม 0.8% ทำให้ประมาณการอัตราการขยายของเศรษฐกิจในปี 2564 เหลือเติบโตเพียง 1.2% จากเดิมครั้งก่อนคาดไว้ที่ 2.0%

วิจัยกรุงศรีประเมินการฟื้นตัวในรูปแบบตัว “K” จะปรากฎชัดขึ้น โดยภาคท่องเที่ยวจะยังฟื้นตัวได้ช้าแม้จะสามารถเริ่มโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ได้ แต่การระบาดที่รุนแรงและยาวนานเกินคาด ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้คาดว่าจะมีเพียง 0.21 ล้านคน (เดิมคาด 0.33 ล้านคน) ด้านตลาดแรงงานที่อ่อนแอ หนี้ภาคครัวเรือนในระดับสูงและรายได้ที่ลดลง รวมถึงมาตรการพยุงเศรษฐกิจที่มีจำกัด การบริโภคภาคเอกชนในปีนี้อาจมีแนวโน้มเติบโตชะลอลงเหลือ 1.1% (เดิม 1.8%) ส่วนในแง่บวก อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการกลับมาเปิดดำเนินการของกิจกรรมเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ช่วยหนุนให้การขยายตัวของภาคส่งออกของไทยในปีนี้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 15% (ฐานตัวเลขของ ธปท) จากเดิมคาดโต 9.5% แนวโน้มการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้นนี้จะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชนในปีนี้ได้บ้าง

ด้านเศรษฐกิจโลก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังจำเป็นต้องได้รับแรงหนุนจากมาตรการทางการเงินผ่อนคลายต่อไป เงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งโดยคาดว่าเกิดจากปัจจัยชั่วคราว ขณะที่แถลงการณ์เฟดสะท้อนการไม่เร่งรีบถอนการผ่อนคลายทางการเงิน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 5.4% YoY สูงสุดในรอบ 13 ปีและสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ขณะที่ยอดค้าปลีกเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ส่วนในเดือนกรกฎาคมดัชนีการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 43.0 ล่าสุดจำนวนผู้ยื่นขอรับสิทธิสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 กรกฎาคม ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ที่ 3.6 แสนราย

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯสะท้อนสัญญาณบวกต่อเนื่อง ส่วนการฟื้นตัวในระยะต่อไปยังมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ล่าสุด ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้พยายามผลักดันแผนการจัดสรรงบประมาณมูลค่า 3.5 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อใช้จ่ายทางด้านสาธารณสุข สวัสดิการสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยอาจเลือกใช้แนวทางการจัดทำงบประมาณแบบ Budget reconciliation ซึ่งไม่จำเป็นต้องอาศัยการสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน ขณะที่ประธานเฟดระบุว่าการฟื้นตัวในขณะนี้ยังห่างไกลจากเป้าหมายระยะยาวของเฟด อัตราเงินเฟ้อซึ่งเพิ่มเร็วกว่าคาดเกิดจากปัจจัยชั่วคราวทั้งจากฐานต่ำในปีก่อนและการผลิตบางสาขาที่มีข้อจำกัดในการกลับมาเปิดดำเนินการ ส่วนตลาดแรงงานยังอยู่ในระดับต่ำกว่าการจ้างงานสูงสุด จึงเร็วเกินไปที่จะถอนมาตรการ QE และยืนยันว่าจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย วิจัยกรุงศรีคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับลดลงในช่วงปลายปีเมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในภาคบริการกลับมาดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ขณะที่แรงงานบางส่วนจะทยอยกลับสู่ตลาดแรงงานหลังมาตรการจ่ายเงินชดเชยการว่างงานสิ้นสุดในเดือนกันยายน

ธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ และส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยติดลบอย่างน้อยจนถึงปี 2566 ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและมาตรการ QE รวมทั้งมาตรการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลต่อไป นอกจากนี้ ยังได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ปี 2564 ลงสู่ 3.8% (จากเดิม 4% เมื่อเดือนเมษายน 2564) พร้อมกับปรับเพิ่มประมาณการอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 2564 เป็น 0.6% (จากเดิม 0.1%) การปรับประมาณการเศรษฐกิจของ BOJ สะท้อนปัจจัยลบจากการประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งล่าสุดในพื้นที่กรุงโตเกียวและจังหวัดโอกินาวาจนถึงวันที่22 สิงหาคม 2564 ภายหลังจากญี่ปุ่นต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา ล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันในกรุงโตเกียวแตะระดับ 1,308 รายสูงสุดในรอบ 6 เดือน วิจัยกรุงศรีประเมินว่าการแพร่ระบาดรวมถึงมาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นอาจกระทบเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 3/2564 ส่งผลให้การฟื้นตัวล่าช้ากว่ากลุ่มประเทศชั้นนำ นอกจากนี้ BOJ ได้คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2566 ที่ 1.0% ต่ำกว่าเป้าหมาย บ่งชี้ว่า BOJ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยติดลบต่อไปอย่างน้อยอีกสองปีข้างหน้า

GDP จีนไตรมาส 2/2564 ชะลอตัวจากต้นปี คาดธนาคารกลางจีนอาจจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป GDP ไตรมาส 2/2564 ขยายตัว 7.9% YoY ชะลอจากไตรมาส 1/2564 ที่เติบโต 18.3% โดยการขยายตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม (8.9% YoY) ยอดค้าปลีก (13.9%) และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (16.0%) ในไตรมาส 2/2564 ต่างชะลอตัวจากไตรมาสก่อนทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 32.2% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ 5.0% ต่ำสุดในรอบ 2 ปี

การเติบโตของเศรษฐกิจจีนชะลอลงจากต้นปี ทางการได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมโดยการออกพันธบัตรเพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลท้องถิ่นซึ่งในเดือนพฤษภาคมแตะระดับ 8.75 แสนล้านหยวนสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 ส่วนธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เพื่อหนุนการปล่อยสินเชื่อ คาดว่า PBOC จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับต่ำและใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไปเพื่อบรรเทาการชะลอตัวและสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจจริง

ที่มา – วิจัยกรุงศรี

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post กรุงศรีปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยเหลือโตแค่ 1.2% เพราะโควิดระบาด สถานการณ์เลวร้ายลง อุปสงค์ซบเซา ท่องเที่ยวฟื้นช้า first appeared on Brand Inside.

สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์: ไทยล็อกดาวน์เข้มข้นได้ ถ้ารัฐเยียวยาประชาชน-สื่อสารชัดเจนไม่สับสน

Brand Inside - 20 July 2021 - 12:39

สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ ให้ความเห็นว่าการล็อกดาวน์เข้มข้นช่วยลดการระบาดได้ แต่รัฐบาลจำเป็นต้องเยียวยาประชาชน และต้องสื่อสารอย่างชัดเจนไม่สร้างความสับสนจนประชาชนลำบาก

sasin lockdown thailand

คณาจารย์จาก สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุในบทความถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รุนแรงขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาจนปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อต่อวันเกิน 1 หมื่นคน และมีผู้เสียชีวิตต่อวันเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายใน 1 สัปดาห์ ว่าเป็นสัญญาณอันตรายที่แท้จริง โดยมีการเสนอแนวทางในการกำหนดนโยบายว่าให้กับรัฐว่า การล็อกดาวน์เข้มข้นและเข้มงวดสามารถทำได้ภายใต้ 2 เงื่อนไข คือ

  • มีนโยบายช่วยเหลือประชาชนชัดเจน
  • มีการสื่อสารต่อสาธารณชนที่ชัดเจนไม่สร้างความสับสน
ล็อกดาวน์เข้มข้นดีกว่า จากการศึกษาของ IMF

บทความระบุว่าหลายประเทศในโลกเลือกใช้มาตรการล็อกดาวน์อ่อนๆ เพราะไม่อยากสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่บอบช้ำเป็นทุนเดิมและไม่อยากให้ประชาชนได้รับความยากลำบาก แต่ การศึกษาของ IMF แสดงให้เห็นว่าการล็อกดาวน์เข้มงวดดีกว่าการล็อกดาวน์แบบอ่อนๆ ทั้งในแง่ของการควบคุมการระบาดและเศรษฐกิจ เพราะหากให้เทียบกัน การล็อกดาวน์เบาๆ จะทำให้ระดับผู้ติดเชื้อยังคงสูงส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจถูกชะลอ 

แต่การล็อกดาวน์เข้มงวดทำให้การติดเชื้อลดลงอย่างรวดเร็วทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวดีกว่าในขณะที่มีต้นทุนทางเศรษฐกิจในการบังคับใช้นโยบายที่สูงกว่าเพียงเล็กน้อย 

Bangkok MRT COVID-19 Social Distancing รถไฟฟ้าใต้ดินภาพจาก Shutterstock

แน่นอนว่ารัฐจำเป็นต้องออกมาตรการเยียวยาเพื่อให้ประชาชนอยู่ได้ภายใต้สภาวะล็อกดาวน์ ที่สำคัญต้องสื่อสารอย่างชัดเจนว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ไม่สร้างความสับสนในการเอาชีวิตรอดให้ประชาชนภายใต้สถานการณ์ที่บีบคั้นชีวิตประชาชนอยู่แทบทุกวินาที

ถ้าจะล็อกดาวน์ ต้องเยียวยาเต็มที่

สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ กล่าวชัดว่า ก่อนที่จะมีการประกาศล็อกดาวน์ รัฐต้องมีมาตรการทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจน เพื่อให้การล็อกดาวน์มีประสิทธิภาพสูงสุด ประชาชนปฏิบัติตามได้และพร้อมให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรการในด้านสภาพคล่องของประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการทั้งเล็กและใหญ่ 

นี่คือตัวอย่างมาตรการทางเศรษฐกิจและทำในหลายๆประเทศ อาทิ ประเทศเยอรมนี ประเทศออสเตรเลีย ประเทศสิงคโปร์ และประเทศฝรั่งเศส

  • ช่วยผู้ประกอบที่ได้รับผลกระทบจ่ายค่าแรงลูกจ้างในอัตราที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดและไม่ต้องให้พนักงานออก 
  • เสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการทุกขนาดที่ธุรกิจได้รับผลกระทบ เช่น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการบิน และธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ
  • เสริมสภาพคล่องให้ประชาชนในด้านปัจจัย 4 
  • มาตรการพักหนี้โดยไม่คิดดอกเบี้ยเพิ่มสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ
  • พักชำระการจ่ายภาษีของประชาชนและผู้ประกอบการและเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นประชาชนและผู้ประกอบการสามารถจ่ายภาษีของปีที่ผ่านมาแทนในปีถัดไป 
Bangkok Store Mall Closing COVID-19ภาพจาก Shutterstock

[Opinion] ปัจจุบันประเทศไทยมีนโยบายเยียวยาออกมาหลายอย่าง เช่น มาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน เสริมสภาพคล่องให้ประชาชนผ่านโครงการรัฐ (ม.33 เรารักกัน, คนละครึ่ง, เราชนะ) แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นมาตรการระยะสั้นและยังไม่ครอบคลุมผลกระทบทั้งหมด คนทำงานกลางคืน เช่น ศิลปิน ยังไม่ได้รับการเยียวยาจนต้องมีการเข้ายื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐ ไปจนถึงธุรกิจรายย่อยที่ยังต้องเลิกจ้างพนักงาน

จะสั่งห้าม จะให้ความช่วยเหลือ มีข้อกำหนดอะไรรัฐต้องสื่อสารชัดเจน

ทางสถาบันระบุว่าองค์ประกอบหนึ่งที่หลายๆประเทศที่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ชัดเจน คือการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ จากวิจัยที่ได้ทำการศึกษาและรวบรวมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในภาวะวิกฤตของรัฐบาล มีสรุปประเด็นหลักๆ ดังนี้

  • สื่อสารอย่างชัดเจนและครบถ้วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและทำให้ประชาชนไม่เกิดความสับสน เช่น สื่อสารว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ และมีนโยบายที่ชัดเจนเพื่อให้ความสนับสนุนแก่ประชาชนที่จะตอบสนองต่อนโยบายต่างๆของรัฐ ในทิศทางที่ชัดเจนและไม่ขัดแย้งกัน โดยเฉพาะข้อมูลที่ออกมาจากหน่วยงานของรัฐต้องเป็นข้อมูลที่ตรงกัน ถูกต้อง ชัดเจน และปราศจากความสับสน 
  • สื่อสารอย่างมีความเห็นอกเห็นใจ จริงใจและซื่อสัตย์ เช่น แสดงออกถึงความเข้าใจถึงปัญหาและสื่อสารออกไปอย่างเห็นอกเห็นใจ และสื่อสารด้วยคำพูดเชิงบวก
  • สื่อสารถึงความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เช่น ในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นความไม่แน่นอนในสิ่งต่างๆอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และก็ควรสื่อสารออกไป เพื่อสร้างความคาดหวังที่ถูกต้อง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ภาพจาก ทำเนียบรัฐบาล

[Opinion] เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลไทยยังมีปัญหาอย่างมากในเรื่องนี้ แม้แต่ข้อมูลที่สำคัญต่อชีวิตประชาชนจากหน่วยงานของรัฐก็ยังขัดแย้งกันเอง เช่น ในกรณีที่ กรุงเทพมหานคร ประกาศให้นั่งทานอาหารในร้านได้ถึง 1 ทุ่ม แต่ในภายหลังฟากรัฐบาลกลับออกมาประกาศให้นั่งได้ถึง 3 ทุ่ม หรือในกรณีที่รัฐบาลออกมากล่าวว่าไม่มีการล็อกดาวน์ ธุรกิจร้านอาหารที่พากันสต็อคของสดเพราะคาดหวังว่าจะได้ประกอบกิจการต่อไป แต่หลังจากนั้นก็มีการประกาศล็อกดาวน์ในวันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคมช่วงเย็น ทำให้กิจการต่างๆ ถูกกระทบจากความผิดพลาดของรัฐ

ชัดเจนว่าการสื่อสารของรัฐล้มเหลว ไร้เอกภาพ ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระและตกอยู่ในความเสี่ยง แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศใช้พรก. ฉุกเฉินที่ ‘ควร’ จะทำให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจสั่งการรวมศูนย์แล้วก็ตาม

ยังไม่นับรวมการสื่อสารที่แสดงให้เห็นท่าทีผลักภาระและกล่าวโทษประชาชนของทางการ และมักโยนความผิดของการระบาดว่าเป็นเพราะความหละหลวมของประชาชน แทนที่จะแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจในฐานะมนุษย์ อย่างที่รัฐบาลในอารยประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ที่ถึงกับต้องออกมาขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า และรัฐบาลยังไม่ได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบในความไร้ประสิทธิภาพในควบคุมการระบาดและความล้มเหลวในการเจรจาจัดซื้อวัคซีนที่มีประสิทธิภาพจนต้องผลักภาระสู่ประชาชน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์: ไทยล็อกดาวน์เข้มข้นได้ ถ้ารัฐเยียวยาประชาชน-สื่อสารชัดเจนไม่สับสน first appeared on Brand Inside.

สื่อดังอ้าง iPhone 13 Series จะมีฟังค์ชั่น Always-on Display

MXPhone - 20 July 2021 - 12:30

เทคโนโลยี Always-on Display (AOD) เป็นสิ่งที่มีมานานกว่าทศวรรษ และล่าสุดลือกันว่า Apple กำลังจะนำฟีเจอร์นี้มาใช้งานกับ iPhone 13 Series

The post สื่อดังอ้าง iPhone 13 Series จะมีฟังค์ชั่น Always-on Display appeared first on mxphone.

เก็บทุกความทรงจำด้วยกล้อง 108MP จาก Redmi Note 10 Pro เริ่มต้นเพียง 8,499 บาท ซื้อวันนี้รับฟรี Mi Smart Speaker!

MXPhone - 20 July 2021 - 12:17

เก็บทุกภาพความทรงจำที่สวยงามด้วยกล้องความละเอียด 108 ล้านพิกเซล จาก Redmi Note 10 Pro ที่ให้คุณเป็นเจ้าของได้ทันที พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. - 14 ส.ค.นี้

The post เก็บทุกความทรงจำด้วยกล้อง 108MP จาก Redmi Note 10 Pro เริ่มต้นเพียง 8,499 บาท ซื้อวันนี้รับฟรี Mi Smart Speaker! appeared first on mxphone.

The TOYS เล่นใหญ่ แร็ปเพลงใหม่ “มันเสียงดี” โปรโมทหูฟังหัวเว่ย

MXPhone - 20 July 2021 - 11:56

The TOYS เล่นใหญ่ แร็ปเพลงใหม่ “มันเสียงดี” โปรโมทหูฟังหัวเว่ย ถ้าอยากรู้ว่า #มันเสียงดี อย่างไร? ไปโชว์สกิลกันได้ที่ JOOX BUZZ!

The post The TOYS เล่นใหญ่ แร็ปเพลงใหม่ “มันเสียงดี” โปรโมทหูฟังหัวเว่ย appeared first on mxphone.

เช็ก 10 อาการของโรคทางการเงินที่คุณอาจเป็นอยู่โดยไม่รู้ตัว

Brand Inside - 20 July 2021 - 11:45

เงินเป็นได้ทั้งขนมหวานและยาขม ขึ้นอยู่กับว่าเราจะบริหารมันให้ดี หรือปล่อยให้มันมีอิทธิพลเหนือชีวิตเรา 

ปัญหาการเงิน

Brad Klontz และ Ted Klontz สองนักจิตวิทยาชาวอเมริกันผู้เขียนหนังสือ Mind over Money : Overcoming the Money Disorders That Threaten Our Financial Health เล่าว่า ปัญหาทางการเงินต่างๆ มักเกิดจาก 10 อาการหลักด้วยกัน

ลองสำรวจตัวเองดูว่ามีอาการเหล่านี้ไหม ? 1. อาการสั่งให้สมองลืมปัญหาทางการเงิน

คนที่มีอาการนี้จะพยายามอย่างมากเพื่อลืมว่าตอนนี้ตัวเองมีปัญหาทางการเงินอยู่ เช่น แม้จะมีหนี้บ้านหรือหนี้บัตรเครดิตมากแค่ไหนก็จะใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยต่อไป โดยลืมคิดว่าต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาชำระหนี้เป็นประจำทุกเดือน ทำให้เกิดปัญหาที่ตามมาบ่อยๆ คือจ่ายหนี้ล่าช้ากว่ากำหนด

2. อาการชอบโกหกและปกปิดเรื่องเงิน

โรคนี้มักนำมาสู่ปัญหาครอบครัว เพราะผู้เขียนพบว่าสามีภรรยาหลายๆ คู่มักปกปิดปัญหาการเงินที่ตัวเองมีอยู่ แต่พอปัญหาทางการเงินลุกลามก็สร้างความเสียหายมากเกินกว่าที่เจ้าตัวจะรับไหว ซึ่งอาจนำมาสู่การทะเลาะเบาะแว้งและการหย่าร้างกันในที่สุด

3. อาการใจอ่อนทุกครั้งเมื่อคนมาขอยืมเงิน

คนมีอาการนี้จะใจอ่อนเมื่อคนมาขอยืมเงินตลอด ซึ่งหลายครั้งก็ให้ยืมด้วยความสงสาร แต่หลายครั้งก็ให้ยืมเพราะไม่กล้าปฏิเสธ ทำให้เกิดปัญหาคือมักไม่ได้เงินคืนแล้วมานั่งเสียใจทีหลัง เพราะคนอื่นๆ มาหลอกขอยืมเงินโดยใช้ความใจอ่อนเป็นเครื่องมือ

4. อาการทำงานหนักเพื่อเงินจนเซื่องซึม

ผู้เขียนอธิบายว่า โรคนี้ไม่ได้หมายถึงคนที่ต้องทำ OT บ่อยเพราะหน้าที่ แต่หมายถึงคนที่เลือกทำงานหลายอย่างแบบหนักหน่วงเพื่อเงิน จนไม่มีเวลาพักผ่อนรวมถึงไม่มีเวลาให้กับครอบครัว ทำให้ท้ายที่สุดคนกลุ่มนี้อาจตกอยู่ในภาวะเครียดสะสมหรือภาวะซึมเศร้าได้

5. อาการกล้ารับความเสี่ยงทางการเงินมากเกินไป

คนที่มีอาการนี้มักทุ่มเงินกับบางอย่างจนเกินตัว โดยไม่ประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ทำให้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่ต้องรีบใช้เงินเร่งด่วน กลับหมุนเงินมาใช้จ่ายไม่ทัน ซึ่งอาการนี้ค่อนข้างอันตรายเพราะอาจทำให้คุณมีหนี้ก้อนโตหรือล้มละลายได้เลยทีเดียว 

6. อาการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางการเงิน

ความเสี่ยงทางการเงินเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง แต่ถ้าบางคนกลัวความเสี่ยงมากอย่างไม่มีเหตุผลจนต่อต้านการลงทุนในแบบต่างๆ เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนในหุ้น ก็อาจทำให้พลาดโอกาสจากการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงินในบัญชีธรรมดา

7. อาการปฏิเสธการใช้เงิน

คนที่มีอาการนี้จะพยายามทำงานหาเงินอย่างหนัก และประหยัดมากจนไม่กล้าแบ่งเงินมาใช้จ่ายเพื่อสร้างความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้กับตัวเอง ซึ่งถ้าวันไหนมีการใช้จ่ายเงินมากกว่าปกติเจ้าตัวก็จะรู้สึกผิด ทำให้เกิดความเครียดและความกดดันตัวเองสะสมอยู่ลึกๆ

8. อาการเสพติดการใช้เงิน

อาการของโรคนี้ต่างจากโรคปฏิเสธการใช้เงินอย่างสิ้นเชิง เพราะคนที่มีอาการนี้มักจะใช้เงินซื้อสินค้าและบริการต่างๆ มากเกินความจำเป็น เพื่อแก้เบื่อบ้าง เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจทางการเงินบ้าง เเม้สุดท้ายจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นเลยก็ตาม

9. อาการกลัวติดเงินคนอื่น

คนที่มีอาการนี้จะรู้สึกผิดทุกครั้งเมื่อต้องขอยืมเงินคนอื่น ไม่ว่าเงินนั้นจะเป็นจำนวนน้อยขนาดไหนก็ตาม ซึ่งผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า คนที่มีความมั่นใจในตัวเองต่ำมีแนวโน้มเกิดอาการนี้มากกว่าคนทั่วๆ ไป 

10. อาการติดพนัน ติดหวย

หลายๆ คนติดพนันเพราะอยากหาเวลาหลบเลี่ยงจากปัญหาบางอย่างในชีวิตจริง ทั้งที่วิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ส่วนคนที่ทุ่มเงินจำนวนมากไปกับการซื้อหวยโดยหวังว่าจะถูกรางวัลใหญ่สักครั้งก็มักผิดหวังกันมานักต่อนักแล้ว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาการ 10 ข้อนี้ก็ยังไม่ร้ายแรงมากเมื่อเทียบกับอาการของ Sam Polk ซึ่งเคยทำงานอยู่ที่ตลาดหุ้น Wall Street และมีอาการเสพติดความร่ำรวย

Sam Polk อดีตหนุ่มนักลงทุนแห่งตลาดหุ้น Wall Street ผู้มีอาการเสพติดความร่ำรวย

Sam Polk เล่าว่า ย้อนกลับไปตอนนั้น แม้เขาจะได้รับโบนัส 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 117 ล้านบาท) เขาก็ยังรู้สึกโกรธว่าทำไมตัวเองถึงได้เงินจำนวนแค่นี้ และในขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่พอใจที่ต้องจ่ายภาษีสูงมาก

เขาเปรียบเทียบให้ฟังว่า อาการเสพติดความร่ำรวยก็คล้ายกับอาการเสพติดประเภทอื่นๆ เพราะเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินจำนวนมหาศาลมา เช่นเดียวกับคนติดสารเสพติดที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินไปเสพยา

เมื่อได้ลองไปหาจิตแพทย์ เขาก็พบว่าตัวเองมีปมลึกๆ ฝังอยู่ในใจ คือเชื่อว่า “ตัวเองจะไร้คุณค่าหากปราศจากเงิน” และ “ตัวเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หากไม่มีเงินพอสำหรับใช้ชีวิตแบบหรูหรา”

เขาพยายามรักษาอาการนี้โดยตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำอยู่และออกไปท่องเที่ยว ซึ่งเขายอมรับว่ารู้สึกกลัวมากในช่วงแรกที่ไม่ต้องตื่นไปใช้ชีวิตแบบคนทำงานทั่วไป และเขาก็กลัวว่าเพื่อนๆ จะลืมไปแล้วว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เพราะเขายังยึดติดอยู่กับการอยากเป็นคนสำคัญในแวดวงการเงิน

ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะเขาต้องพยายามกล่อมตัวเองทุกคืนก่อนนอนว่า “ฉันมีเงินมากพอแล้ว ขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่” เขาเลยตัดสินใจช่วยเหลือสังคมเพิ่มเติมโดยจัดตั้งองค์กรเพื่อสังคมขึ้นมาหลายแห่ง เพื่อใช้เงินที่มีอยู่ให้เกิดคุณค่าสูงสุด

นอกจากนี้ เขาได้ย้ายที่อยู่จาก New York ไปยัง Los Angeles แทน เพราะถ้ายังอยู่ New York ต่อไปก็อาจทำให้กลับมามีอาการเดิมคือเช็กตัวเลขหุ้นบ่อยถึงขนาดที่เข้าไปเว็บไซต์ Bloomberg 15 ครั้งต่อวัน และเขาก็อาจจะลืมเรื่องราวที่ตลาดหุ้น Wall Street ได้ยากขึ้น เพราะ New York เป็นสถานที่ตั้งของตลาดหุ้น Wall Street นั่นเอง

คำแนะนำจากผู้เขียนหนังสือ The Soul of Money: Transforming Your Relationship with Money and Life

เราไม่จำเป็นต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีเดียวกับ Sam Polk เสมอไป เพราะ Lynne Twist ผู้เขียนหนังสือ The Soul of Money: Transforming Your Relationship with Money and Life แนะนำว่ายังมีวิธีอื่น เช่น ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองเอาคุณค่าของชีวิตไปผูกติดกับเรื่องเงินมากเกินไป ให้ลองลิสต์ข้อดีด้านอื่นๆ ของตัวเองออกมา 20 อย่าง โดยเริ่มจากการนึกว่าที่ผ่านมาคนรอบตัวทั้ง พ่อ แม่ พี่น้อง หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน เคยชมคุณว่าอะไรบ้าง แล้วคุณจะเห็นคุณค่าด้านอื่นๆ ของตัวเองมากขึ้น รวมถึงเอาชีวิตของตัวเองไปผูกติดกับเงินน้อยลงด้วย

โดยสรุป

อาการทางการเงินต่างๆ สามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีการที่เหมาะสม เช่น การทำความเข้าใจต้นตอของปัญหา หรือการไปพบจิตแพทย์ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทางการเงินแบบใหญ่โต เราก็ควรรู้จักวางแผนการเงินและประมาณการใช้จ่ายให้เหมาะสมกับรายได้และไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

ที่มา : theconversation, forbes, Silverman, 747club

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post เช็ก 10 อาการของโรคทางการเงินที่คุณอาจเป็นอยู่โดยไม่รู้ตัว first appeared on Brand Inside.

Pages