เปิดตัว Facebook Messenger สำหรับ Mac พร้อมให้โหลดได้แล้วที่ Mac App Store

MacThai - 3 April 2020 - 17:41

หลังจากที่ให้รออยู่นาน ในที่สุด Facebook ก็เปิดตัวแอป Messenger บนแมคให้โหลดกันได้ผ่าน Mac App Store แล้ว ซึ่งรองรับการใช้งานทั้งแชท, โทรผ่านแอป หรือ Video Call

โดยก่อนหน้านี้ทาง Facebook ได้มีการประกาศว่าจะพัฒนา Messenger แอปและเปิดให้โหลดในช่วงปลายปี 2019 แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้มีให้โหลดเสียที

ทั้งนี้ Facebook ได้มีการประกาศเลื่อนจัดงาน Facebook F8 ในปีนี้ไปเนื่องจากปัญหาโควิด-19 ทำให้หลายฟีเจอร์หรือแอปใหม่ จะต้องเปิดตัวเงียบๆ ไปก่อน

โหลด Facebook Messenger สำหรับแมค ได้ที่ -> Facebook Messenger for Mac

The post เปิดตัว Facebook Messenger สำหรับ Mac พร้อมให้โหลดได้แล้วที่ Mac App Store appeared first on Macthai.com.

เสียวหมี่ จับมือ Lazada จัดแคมเปญ “ช้อปเร็ว ต้องเก็บให้ทัน FIRST COME , FIRST SERVED” เอาใจนักช้อปในเทศกาล Super Brand Day

MXPhone - 3 April 2020 - 17:32

สาวกเสียวหมี่ ห้ามพลาดกับแคมเปญ Xiaomi Lazada Super Brand Day ในวันที่ 7 เม.ย. พบส่วนลดสูงสุดถึง 46% พร้อมแจกส่วนลดพิเศษคูปองสูงสุด 1,000 บาท

The post เสียวหมี่ จับมือ Lazada จัดแคมเปญ “ช้อปเร็ว ต้องเก็บให้ทัน FIRST COME , FIRST SERVED” เอาใจนักช้อปในเทศกาล Super Brand Day appeared first on mxphone.

Facebook ปล่อยแอปฯ Messenger สำหรับ Windows และ Mac รองรับการโทรและวิดีโอคอลแบบกลุ่ม

MXPhone - 3 April 2020 - 17:11

หลังจากเปิดทดสอบเบต้ามาพักใหญ่ ล่าสุด Facebook ประกาศเปิดตัวแอปฯ Messenger สำหรับเดสก์ท็อปทั้ง Windows และ MacOS โดยสามารถรองรับการโทรและวิดีโอคอลแบบกลุ่ม

The post Facebook ปล่อยแอปฯ Messenger สำหรับ Windows และ Mac รองรับการโทรและวิดีโอคอลแบบกลุ่ม appeared first on mxphone.

เอาแล้วไง ZOOM แพลตฟอร์มยอดฮิตประชุมช่วง WFH หลุดข้อมูลผู้ใช้งาน

MXPhone - 3 April 2020 - 17:10

มีรายงานออกมาว่า ZOOM แพลตฟอร์มยอดนิยมในช่วง WFH ขณะนี้มีการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้หลายพันคนดดยข้อมูลที่หลุด มีทั้งภาพและรายชื่อติดต่อ

The post เอาแล้วไง ZOOM แพลตฟอร์มยอดฮิตประชุมช่วง WFH หลุดข้อมูลผู้ใช้งาน appeared first on mxphone.

ยอดขาย และผู้เล่นของเกมต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงโรค COVID-19 ระบาด

Brand Inside - 3 April 2020 - 17:08

การระบาดของโรค COVID-19 ยังเกิดขึ้นทั่วโลก และรัฐบาลของแต่ละประเทศก็ขอร้องให้ทุกคนกักตัวอยู่บ้าน จุดนี้เองทำให้ยอดขาย และยอดผู้เล่นของเกมต่างๆ เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะการเล่นเกมคืออีกคำตอบที่ดีในเวลานี้

rovภาพจาก Shutterstock ไม่มีอะไรทำ หรือเบื่อๆ ก็เล่นเกมดีกว่า

สถานการณ์ของหลายอุตสาหกรรมช่วงนี้ไม่ค่อยดีนัก เพราะผู้บริโภคไม่สามารถออกไปไหนได้ จะซื้ออะไรมาตอบสนองความต้องการของตัวเองในเวลานี้ก็คงไม่เหมาะนัก แต่ไม่ใช่กับอุตสาหกรรมเกมที่กำลังเติบโตสุดๆ ทั้งเกมที่เปิดให้เล่นฟรี หรือเกมที่ต้องจ่ายเงินถึงจะเล่นได้

ตัวอย่างที่ดีคือเกม Call of Duty: Warzone ที่เปิดให้เล่นฟรี และเริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ก็มีผู้เล่นลงทะเบียนเข้าเกมกว่า 30 ล้านบัญชี เรียกว่าได้ผู้เล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วเป็นอันดับต้นๆ ของการเปิดตัวเกมก็ว่าได้ ในทางกลับกันเกมที่ต้องเสียเงินเล่นอย่าง Animal Crossing ในเครื่อง Nintendo Switch ก็มีผู้เล่นจำนวนมาก

เพราะหากอ้างอิงจากข้อมูลของ Famitsu จะพบว่า เกมดังกล่าวเพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 20 มี.ค. แต่สามารถจำหน่ายได้ 1.8 ล้านชุดภายใน 3 วันที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ในสหราชอาณาจักร เกมนี้ก็สามารถจำหน่ายได้เป็นจำนวนมาก และมากกว่าจำนวนเกมภาคเก่าๆ ของเกมดังกล่าวมารวมกันเสียอีก

นอกจากนี้เกม Doom Eternal ที่เปิดตัวในเวลาใกล้เคียงกันก็มียอดขายจำนวนมากเช่นกัน โดยบริษัทวิจัย Global X รายงานว่า ในช่วงกลางเดือนมี.ค. 2563 จำนวนการเพิ่มของผู้เล่นเกมนั้นมีมากกว่า 65% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

สรุป

การเล่นเกมน่าจะเป็นวิธีที่สามารถคลายเครียดได้ในช่วงเวลานี้ และมันก็น่าจะเป็นอย่างนี้อยู่ไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นอานิสงส์ก็คงตกอยู่ที่ผู้พัฒนา และผู้ให้บริการเกม ถ้าค่ายใดเปิดตัว และสามารถทำตลาดจนจูงใจผู้บริโภค ก็คงจะชนะ และทำรายได้จำนวนมากในช่วงนี้

อ้างอิง // CNBC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

ยิมปิดก็ฟิตได้! กับเทคนิค “Work out at Home” จาก Samsung

MXPhone - 3 April 2020 - 16:59

Samsung แนะนำเคล็ดลับที่มาพร้อมตัวช่วยที่ให้คงความแอคทีฟขณะอยู่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านแก็ดเจ็ตและแอปพลิเคชันที่จะมาผสานกับเทรนด์การออกกำลังกายแบบใหม่ที่กำลังมาแรง

The post ยิมปิดก็ฟิตได้! กับเทคนิค “Work out at Home” จาก Samsung appeared first on mxphone.

Forbes ติดตามภารกิจมหาเศรษฐีโลกรวมใจสู้ภัยโควิด-19 มีชื่อเจ้าสัว ธนินท์ เจียรวนนท์ รวมอยู่ด้วย

Brand Inside - 3 April 2020 - 16:35

เว็บไซต์ FORBES.COM สื่อดังระดับโลกเผยแพร่บทความ Billionaire Tracker: Actions The World’s Wealthiest Are Taking In Response To The Coronavirus Pandemic โดยนำเสนอให้เห็นว่าบรรดามหาเศรษฐีชั้นนำได้เข้ามาช่วยโลกรับมือวิกฤตโควิด-19 และพยุงเศรษฐกิจโลกด้วยเช่นกัน

มหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยีเบอร์ต้นของโลกอย่าง “บิลล์ เกตส์” ที่เคยออกมาเตือนถึงโรคระบาดครั้งใหญ่ได้บริจาคเงินหลายล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยสนับสนุนการผลิตวัคซีนและวินิจฉัยโรค เช่นเดียวกับมหาเศรษฐีทุกวงการในสหรัฐฯ และทั่วโลก ซึ่งฟอร์บส์ได้รวบรวมมาว่ามหาเศรษฐีชั้นนำทั่วโลกที่ต่างบริหารธุรกิจจนประสบความสำเร็จสร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งนี้ พวกเขาได้ออกมาช่วยเหลือสังคมอย่างไรบ้างในยามวิกฤตนี้ มีตั้งแต่การบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกสิ่งอย่างตั้งแต่ถุงมือยาง เครื่องช่วยหายใจ เครื่องมือวินิจฉัยและตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไปจนถึงปรับเปลี่ยนไลน์การผลิตสินค้ามาร่วมเดินเครื่องจักรผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ขาดแคลนอย่างเร่งด่วนแทน

อาทิ กลุ่มธุรกิจแบรนด์แฟชั่นดัง LVMH , กลุ่มธุรกิจยานยนต์ Ford และบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง GE และอีกหลายธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต่างกำลังเร่งพัฒนาวัคซีนเพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัสกันอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ฟอร์บส์ยังรายงานด้วยว่าทำเนียบมหาเศรษฐีที่ร่วมเข้ากอบกู้วิกฤตครั้งนี้ หนึ่งในนั้นมีชื่อของคนไทย “ธนินท์ เจียรวนนท์” ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ

ฟอร์บส์ รายงานว่า นายธนินท์ได้เปิดตัวโครงการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับสังคมจากวิกฤตโควิด-19 หลายโครงการและถือเป็นแนวคิดริเริ่มครั้งแรกไม่ว่าจะเป็น การทุ่มงบประมาณสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแจกฟรีให้ทุกคน โดยตั้งเป้าจะเร่งผลิตให้ได้วันละ 100,000 ชิ้น หรือเดือนละ 3 ล้านชิ้น เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ขณะเดียวกันได้มอบชุดป้องกันการติดเชื้อเพื่อแพทย์ พยาบาล และบุคลากรโรงพยาบาล ตลอดจนมีโครงการจัดส่งอาหารฟรีให้บุคลากรโรงพยาบาลรัฐกว่า 70 แห่งทั่วประเทศ และกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักบริเวณ รวมทั้งการประกาศว่าจะไม่มีการขึ้นราคาสินค้าในสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้ นอกจากนี้ได้มีการรวมรวมโครงการเพื่อสังคมที่กลุ่มซีพีได้ดำเนินการในช่วง 4 ปีที่ผ่านมากว่า 450 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเงินบริจาคเงินและอาหารยามวิกฤตน้ำท่วม ทุนการศึกษา โครงการผิงกู่ และการลงทุนให้สังคมด้านการศึกษา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ฟอร์บส์ได้รวบรวมและรายงานให้เห็นภาพของกลุ่มธุรกิจ และมหาเศรษฐีชั้นแนวหน้าของโลกที่ทุ่มเทอย่างเต็มกำลังเพื่อร่วมกู้วิกฤตโควิด-19 อย่างเป็นรูปธรรมจำนวนเกือบร้อยคน

นอกจาก “บิลล์ เกตส์” แล้วยังมี “แจ็ก หม่า” ผู้ร่วมก่อตั้งอาณาจักร Alibaba ได้ให้คำมั่นว่าจะมอบเงิน 14 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 นอกจากนี้เขายังบริจาคชุดทดสอบโรค 500,000 ชุดและหน้ากากอนามัย 1 ล้านชิ้นให้กับประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา รวมทั้งได้ส่งเวชภัณฑ์และชุดทดสอบโรคไปยังอิตาลี และประเทศอื่น ๆ ทั่วแอฟริกา ละตินอเมริกา เอเชีย และล่าสุดได้จัดตั้ง Global MediXchange สำหรับการรวมองค์ความรู้โควิด-19 เพื่อแบ่งปันข้อมูลกับแพทย์ทั่วโลก ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระหว่างการแพร่ระบาด

ขณะที่เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ แห่ง LVMH เจ้าของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง ได้แปลงโรงงานผลิตน้ำหอมสามแห่งมาผลิตเจลล้างมือฆ่าเชื้อโรคแจกจ่ายให้กับหน่วยงานของฝรั่งเศสและระบบโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปฟรี ทั้งยังจัดหาหน้ากากอนามัยอย่างน้อย 40 ล้านชิ้นให้กับฝรั่งเศสโดยจ่ายเงินประมาณ 5.4 ล้านดอลลาร์ (5 ล้านยูโร) สำหรับการจัดส่งในสัปดาห์แรก

ส่วนเศรษฐีเจ้าของอาณาจักรเฟซบุ๊ค “มาร์ค ซักเคอเบิร์ก” ได้ร่วมพามูลนิธิของเขาทำงานร่วมกับ UC San Francisco และ Stanford University เพื่อเร่งวินิจฉัยโรค ตลอดจนซื้อเครื่องตรวจวินิจฉัยที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA นอกจากนี้ยังประกาศมอบเงิน 100 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตนี้ และได้บริจาคเงิน 20 ล้านดอลลาร์ให้กับสหประชาชาติ องค์การอนามัยโลก และศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ขณะเดียวกันยังประกาศจะบริจาคเงินสำรองฉุกเฉินเพื่อซื้อหน้ากากจำนวน 720,000 ชิ้น ให้กับเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพ และจะทำงานเพื่อหาแหล่งบริจาคอีกนับล้านต่อไป

ฟาก “เจฟฟ์ เบโซส” เจ้าของอาณาจักรแอมาซอน ลงทุนจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการ AWS Diagnostic Development Initiative เพื่อสร้างชุดการทดสอบโควิด-19 รวมทั้งยังช่วยสนับสนุนการจ้างงานเต็มเวลาและพาร์ทไทม์ 100,000 ตำแหน่งทั่วสหรัฐอเมริกา ตลอดจนเพิ่มค่าจ้างรายชั่วโมงในอเมริกาและทั่วโลก โดยแอมาซอนยังบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ให้กับกองทุนฉุกเฉินโควิด-19 ในวอชิงตัน ดี.ซี. และสร้างกองทุนบรรเทาทุกข์ 5 ล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และบริจาค 1 ล้านดอลลาร์ให้กับมูลนิธิซีแอตเทิลใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสระบาดด้วย

ขณะที่ “ลี กา–ชิง” นักลงทุนผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในเอเชียบริจาคเงิน 13 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือเมืองอู่ฮั่น เป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดของโรค ขณะเดียวกันมูลนิธิของเขายังได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยจำนวน 250,000 ชิ้น ให้กับองค์กรสวัสดิการสังคมและที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในฮ่องกง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

ยันด้วยภาพ! Honor 30 ใช้กล้อง Sony IMX700 ความละเอียด 50MP

MXPhone - 3 April 2020 - 16:30

Honor 30 กำลังจะมีงานเปิดตัวในวันที่ 15 เมษายน โดยที่ล่าสุดได้มีข้อมูลยืนยันว่ารุ่นนี้จะใช้เซ็นเซอร์กล้อง Sony IMX700 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล

The post ยันด้วยภาพ! Honor 30 ใช้กล้อง Sony IMX700 ความละเอียด 50MP appeared first on mxphone.

Grab ประกาศยุติการเก็บค่าธรมเนียมการใช้แอพฯ ยืนยันไม่มีการเก็บอีกตลอดช่วงโควิด-19

Brand Inside - 3 April 2020 - 16:00

สืบเนื่องจากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลบนช่องทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการประกาศเก็บค่าธรรมเนียมการใช้แอปพลิเคชันของแกร็บนั้น แกร็บ ประเทศไทย ขอเรียนชี้แจงให้ทราบถึงข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ ดังนี้

  • บริษัทฯ ได้ยุติการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้แอปพลิเคชันสำหรับบริการจัดส่งพัสดุ (GrabExpress) และบริการผู้ช่วยฝากซื้อสินค้าพร้อมส่งถึงบ้าน (GrabAssistant)  โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้  (3 เมษายน 2563) เป็นต้นไป ทั้งนี้ แกร็บจะมอบโค้ดส่วนลดมูลค่า 40 บาทให้กับผู้ที่ได้ใช้บริการทั้งสองประเภทในระหว่างวันที่ 31 มีนาคมถึง 2 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นการชดเชยให้กับผู้ใช้บริการ โดยโค้ดส่วนลดดังกล่าวสามารถใช้ได้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 นี้
  • บริษัทฯ ขอยืนยันว่า แกร็บไม่เคยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้แอปพลิเคชันสำหรับบริการจัดส่งอาหาร (GrabFood) แต่อย่างใด
  • บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า จุดประสงค์ของการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้แอปพลิเคชันที่ได้ดำเนินไปก่อนหน้านี้ก็เพื่อนำรายได้ส่วนนี้ไปใช้ในการคุ้มครองและดูแลพาร์ทเนอร์คนขับที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมที่ผ่านมาซึ่งแกร็บได้มีการเพิ่มจำนวนพาร์ทเนอร์คนขับกว่า 29,000 คน และกำลังเปิดรับเพิ่มอีกอย่างน้อย 35,000 คนในเดือนเมษายนนี้ เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้กับคนไทยและรองรับการให้บริการลูกค้าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมดังกล่าวยังจะถูกนำไปใช้ในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมคุณภาพการให้บริการของแกร็บให้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทฯ  ได้ให้การคุ้มครองและดูแลพาร์ทเนอร์คนขับอย่างต่อเนื่อง อาทิ

  • การทำประกันอุบัติเหตุในกรณีเสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติงานสำหรับพาร์ทเนอร์คนขับทุกคนสูงสุด 200,000 บาทต่อคน
  • การทำประกันค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุระหว่างการปฏิบัติงานสำหรับพาร์ทเนอร์คนขับรถยนต์ 100,000 บาท และพาร์ทเนอร์คนขับรถจักรยานยนต์ 50,000 บาท
  • การทำประกันสุขภาพสำหรับพาร์ทเนอร์คนขับรถจักรยานยนต์ประจำที่มียอดการให้บริการสูง
  • การทำประกันอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์สำหรับคนขับประจำที่มียอดการให้บริการสูง โดยคุ้มครองบุคคลที่สามถึง 200,000 บาทและคุ้มครองค่าซ่อมรถสูงสุด 10,000 บาท
  • นอกจากนี้ สำหรับในสถานการณ์ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังได้ทำประกันคุ้มครองรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับทุกคน ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยมอบเงินชดเชย 500 บาทต่อวัน สูงสุด 15 วันหากพาร์ทเนอร์คนขับป่วยเป็นโรคโควิด-19 พร้อมจัดหาหน้ากากอนามัย ตลอดจนสเปรย์ฆ่าเชื้อในอากาศและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือเพื่อมอบให้กับพาร์ทเนอร์คนขับให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
  • อย่างไรก็ดี จากกระแสตอบรับที่เกิดขึ้น บริษัทฯ ขอน้อมรับทุกความคิดเห็นและกราบขออภัยต่อการประกาศเก็บเพิ่มค่าธรรมเนียมการใช้แอปพลิเคชันจากบางบริการในช่วงที่ผ่านมา พร้อมขอยืนยันว่า แกร็บจะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใดๆ เพิ่มขึ้นอีกตลอดช่วงวิกฤติโควิด-19  ทั้งนี้ บริษัทฯ จะหาทางในการรับมือกับต้นทุนที่เกิดขึ้นอย่างสุดความสามารถ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและการสร้างความพึงพอใจต่อผู้บริโภค พาร์ทเนอร์คนขับ และพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร ให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ในภาวะวิกฤติเช่นนี้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Apple Support ปล่อยวิดีโอใหม่ใน YouTube มีคำว่า AirTags ปรากฏในวิดีโอ ก่อนจะลบไปเงียบ ๆ

MacThai - 3 April 2020 - 16:00

AirTags หรือผลิตภัณฑ์ติดตามวัตถุตัวใหม่ของ Apple นั้นมีข่าวลือมาสักระยะหนึ่งและช่วงนี้ยิ่งหนาหูมากขึ้น และรอบนี้เป็นข่าวที่หลุดออกมาจาก Apple ด้วย โดย Apple โพสต์วิดีโอใน Apple Support บน YouTube ที่บังเอิญมีคำว่า AirTags ปรากฏในวิดีโอ

ในวิดีโอนี้ เป็นวิดีโอหัวข้อ “How to erase your iPhone?” ซึ่งเป็นวิดีโอสอนวิธีล้าง iPhone เป็นการตั้งค่าโรงงาน ไม่ว่าจะผ่านตัว iPhone เอง หรือว่าจะผ่านคอมพิวเตอร์ โดยจุดที่น่าสนใจคือในวิดีโอได้บอกให้ปิด Find My iPhone ก่อน

เมื่อเข้าไปหน้า Find My iPhone ก็พบคำว่า AirTags ปรากฏในวิดีโออย่างชัดเจนอยู่ภายใต้ Enable Offline Finding ที่ระบุว่า Offline finding enables this device and AirTags to be found when not connected to Wi-Fi or cellular. ซึ่งก็น่าจะตรงกับที่ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ชื่อดังคาดการณ์เอาไว้ว่า AirTags จะมีเทคโนโลยี Ultra-wideband เพื่อคำนวณระยะห่างระหว่างอุปกรณ์

เดาได้ไม่ยากว่า ตอนนี้ Apple Support ลบวิดีโอนี้ออกจาก YouTube ไปแล้ว และยังไม่มีรายละเอียดว่า AirTags จะมาจริงเมื่อไร แต่จากที่ Apple หลุดเองก็คาดว่าระบบน่าจะพัฒนาไปไกลระดับหนึ่งแล้ว

ที่มา – Appleosophy, Engadget

The post Apple Support ปล่อยวิดีโอใหม่ใน YouTube มีคำว่า AirTags ปรากฏในวิดีโอ ก่อนจะลบไปเงียบ ๆ appeared first on Macthai.com.

SCB EIC ปรับลด GDP ไทยปีนี้กรณีแย่สุดที่ –7.2% ต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง

Brand Inside - 3 April 2020 - 15:48

SCB EIC ปรับคาดการณ์ GDP ไทยอีกรอบ โดยล่าสุดคาดว่าเศรษฐกิจถดถอยที่ -5.6% ขณะที่กรณีแย่สุดอาจ -7.2% ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง

Bangkok Siam Square COVID-19 Silentภาพจาก Shutterstock

SCB EIC ได้ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยล่าสุด โดยปรับลดประมาณการ GDP ไทยปี 2020 เป็นหดตัวที่ -5.6% จากเดิมที่ -0.3% ขณะที่กรณีแย่สุดนั้นอยู่ที่ -7.2% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง สาเหตุสำคัญมาจาก เศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่ภาวะถดถอย มาตรการปิดเมืองของไทย และจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มลดลงมากและฟื้นตัวล่าช้าจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในขณะนี้ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงความอ่อนแอของภาคการส่งออกของไทยที่ได้รับผลจากสภาวะภายนอก

สำหรับมุมมองภาพใหญ่นั้น SCB EIC ได้ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่สภาวะถดถอย โดยคาดว่าจะหดตัวที่ -2.1% จากผลกระทบหลักคือ COVID-19 ทั้งนี้ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกประกอบกับปัญหาด้านห่วงโซ่การผลิตที่ชะงักไปนั้นจะมีเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทยอีกทาง

ประเด็นหลักๆ ที่ SCB EIC ต้องปรับคาดการณ์ตัวเลข GDP ของไทยอีกครั้งประกอบไปด้วย

  1. เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย จากการหยุดลงแบบฉับพลันของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เป็นผลจาก COVID-19 และมาตรการปิดเมืองของหลายประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยมีแนวโน้มหดตัวมากที่ -12.9% ในปีนี้
  2. จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศมีแนวโน้มจะลดลงมากและฟื้นตัวล่าช้ากว่าที่คาด โดยจะลดมาอยู่ที่ 13.1 ล้านคนในปีนี้ หรือหดตัวที่ -67% จากปีก่อนหน้า เป็นผลจากความกังวลของนักท่องเที่ยวต่อการเดินทางระหว่างประเทศตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนและการรักษาโรคที่ได้ผล และจากรายได้ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกในปีนี้
  3. การประกาศปิดเมืองในหลายส่วนของไทย ซึ่งแม้เป็นกลยุทธ์ที่จำเป็นในการควบคุมการระบาดของโรค แต่จะส่งผลให้การบริโภคสินค้าและบริการของภาคครัวเรือนโดยรวมลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบที่เพิ่มเติมจากความกังวลของผู้บริโภคต่อธุรกรรมที่มีลักษณะ Face-to-face ในช่วงโรคระบาดอยู่แล้ว

นอกจากนี้ SCB EIC ยังมองว่า มาตรการภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการประคับประคองเศรษฐกิจและลดผลกระทบต่อแรงงานและภาคธุรกิจ มาตรการที่ได้จัดทำไปในช่วงก่อนหน้า ทั้งนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน ส่วนใหญ่มุ่งเน้นในการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ที่ถูกกระทบ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดภาษี มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การพักหนี้และปรับโครงสร้างหนี้ การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน

อย่างไรก็ดี SCB EIC มองว่าหลังจากนี้ภาครัฐจะเร่งดำเนินการออกมาตรการการคลังเพื่อชดเชยรายได้ให้กับแรงงานและผู้ประกอบการที่ตกงานหรือสูญเสียรายได้จาก COVID-19 ทั้งในส่วนการโอนเงินให้กับผู้ถูกกระทบจำนวน 3 ล้านคนที่ประกาศไปแล้ว และการเพิ่มวงเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ถูกกระทบได้มากขึ้น ผ่านการออก พรก. กู้เงินฉุกเฉิน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการอัดฉีดเงินให้ถึงมือของผู้เดือดร้อนได้ตรงจุดและประคับประคองเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วขึ้น

สำหรับตัวเลขคาดการณ์ที่ -5.6% นั้น SCB EIC เพิ่มสมมติฐานของเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากการออก พรก. กู้ฉุกเฉิน จำนวน 200,000 ล้านบาทไว้ในการประมาณรอบนี้ด้วย

ที่มาบทวิเคราะห์จาก SCB EIC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Toyota จับมือ BYD ตั้งบริษัทพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ชูจุดแข็งความร่วมมือจีน-ญี่ปุ่น

Brand Inside - 3 April 2020 - 15:37

ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายต้องเดินหน้า และการร่วมมือกับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมก็คืออีกทางออกที่ดี ซึ่งล่าสุด Toyota กับ BYD ก็พัฒนาความสัมพันธ์ และเตรียมพร้อมช่วยกันเดินหน้าเรื่องนี้แล้ว

toyotaรถยนต์ไฟฟ้าล้วนของ Toyota ที่ทำตลาดในประเทศจีน ความร่วมมือระหว่างจีน-ญี่ปุ่น

หากพูดถึงตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ประเทศจีนคือคลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมี BYD เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดนี้นี้ ในทางกลับกัน แบรนด์รถยนต์ที่ได้รับความไว้ใจ และได้รับความนิยมไปทั่วโลก Toyota ก็ต้องติดอันดับในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นทั้งสองแบรนด์จึงเริ่มมาหารือกันว่า ถ้าหากร่วมมือกันคงเดินหน้าทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้ดีไม่น้อย

สำหรับจุดเริ่มต้นของการหารือนี้เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อเดือนพ.ย. 2562 ที่ทั้งสองบริษัทเซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์เพื่อผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน และล่าสุดในเดือนเม.ย. 2563 ทั้งสองบริษัทก็ได้จัดตั้งบริษัทในชื่อ BYD Toyota EV Technology หรือ BTET ขึ้นมา

บริษัทดังกล่าวถือหุ้นโดย BYD และ Toyota อย่างละครึ่ง คาดว่าจะมีพนักงานในบริษัทนี้ราว 300 คน ตั้งอยู่ที่เซินเจิ้น ประเทศจีน มีคนจากฝั่ง Toyota เป็นประธานบริษัท ส่วนคนจาก BYD เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งหน้าที่หลักๆ ของบริษัทนี้ก็คือการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในประเทศจีนให้ได้มากที่สุด

ทั้งนี้การจับมือของทั้งสองบริษัทแสดงให้เห็นถึงความสัมคัญของการร่วมมือเพื่อเติบโตในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการจับมือระหว่างจีนกับญี่ปุ่นที่ค่อนข้างเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมรถยนต์ ดังนั้นหลังจากนี้น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในโลกรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าเดิมแน่นอน

สรุป

หากบริษัทนี้วิจัย และพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ตลาดจีนสำเร็จ การพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ตลาดโลกก็คงไม่ใช่เรื่องยาก และมันน่าจะเป็นเรื่องดีของทั้งสองบริษัท เพราะ Toyota เองก็ไม่เชี่ยวชาญเรื่องรถยนต์ไฟฟ้านัก ส่วน BYD เองถ้าได้รับการสนับสนุนจาก Toyota การก้าวไปในตลาดโลกก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

อ้างอิง // Toyota

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Disney สั่งพักงานลูกจ้างเป็นการชั่วคราว หลังสวนสนุกปิดยาว ไร้วี่แววกลับมาเปิดอีกครั้ง

Brand Inside - 3 April 2020 - 15:02
DisneylandANAHEIM, CALIFORNIA – MARCH 13: Disneyland visitors enter and depart the famed amusement park as the monorail passes above on March 13, 2020 in Anaheim, California. Walt Disney Co. is shuttering Disneyland Park and Disney California Adventure tomorrow until the end of the month due to the spread of COVID-19. (Photo by Mario Tama/Getty Images) พักงานลูกจ้าง หลังสวนสนุกปิดยาว

Disney สั่งพักงานลูกจ้างที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพแรงงาน (non-union workers) เป็นการชั่วคราว หลังสวนสนุกหลายแห่งต้องปิดตัวลงเพราะโควิด-19 และยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งเมื่อใด

ในประกาศของ Disney ระบุว่าไม่ได้พักงานลูกจ้างทุกคน เพราะมีบางส่วนที่ยังมีหน้าที่ต้องดูแลในสวนสนุก ส่วนลูกจ้างที่ถูกพักทุกคนจะยังคงได้รับเงินเต็มจำนวนไปจนถึงวันที่ 18 เมษายนนี้ และรวมถึงสิทธิในการรักษาพยาบาลตามปกติ ส่วนหลังจากนั้นถัดไป พนักงานจะได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

พนักงานของ Disney ที่ทำงานในสวนสนุกมีจำนวนมากถึง 177,000 คน แต่ในการประกาศพักงานครั้งนี้ ทางบริษัทไม่ได้ระบุจำนวนที่แน่นอนว่าได้สั่งพักงานไปเท่าไหร่

ธุรกิจสวนสนุกของ Disney ถือเป็นหนึ่งในรายได้หลักของบริษัท อย่างในปี 2019 รายได้จากสวนสนุกมีสัดส่วนคิดเป็น 37% ของรายได้ทั้งหมด

ที่มา – CNBC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Wongnai ปล่อยฟีเจอร์ใหม่ “Pickup” พร้อมแคมเปญ Gift Voucher ซื้อวันนี้ใช้ได้ถึงปีหน้า

Brand Inside - 3 April 2020 - 14:26

Wongnai เดินหน้า เปิดฟีเจอร์ใหม่ “Pickup” (รับที่ร้าน) กดสั่งอาหารล่วงหน้าผ่านแอป จ่ายเงินไว้ก่อนแล้วไปรับที่ร้านได้ สะดวก รวดเร็ว ลดการสัมผัส 

พร้อมดันแคมเปญล่าสุด Covid Relief Gift Voucher ให้ทุกคนรวมพลังสนับสนุนร้านอาหารที่ชื่นชอบ ด้วยแคมเปญเวาเชอร์เงินสดเพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้ร้านในช่วงวิกฤติ ซื้อวันนี้เก็บไว้ใช้ได้ถึงปีหน้าพร้อมสิทธิพิเศษสุดคุ้ม

แค่นั้นยังไม่พอ Wongnai ยังยกเครื่องหน้าโฮมโฉมใหม่ #สู้ไปด้วยกัน รวมเนื้อหาที่จำเป็นให้ผู้ใช้ร่วมฝ่าวิกฤติได้แม้อยู่ที่บ้าน อัปเดตแอปเวอร์ชันใหม่ได้แล้ววันนี้

ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วงใน มีเดีย จำกัด เผยตัวเลขร้านอาหารเติบโตสูงมาก “ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมเป็นต้นมาที่มีการออกประกาศมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยให้ร้านอาหารเปิดขายเฉพาะนำกลับบ้านเท่านั้น

ตัวเลขร้านอาหารที่เปิดหน้าร้านออนไลน์ และเปิดขายเดลิเวอรีบน LINE MAN ผ่าน Wongnai Merchant App (WMA) ทะลุ 15,000 ร้าน (เฉพาะ 22-31 มี.ค.) ซึ่งสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 3-5 เท่า โดยมีจำนวนร้านที่สมัครใหม่เพิ่มขึ้นมากถึง 2,000 ร้านต่อวัน”

ยอด ชินสุภัคกุลแห่ง Wongnai

“ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามีร้านอาหารจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากและเร่งปรับตัวเพื่อประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ โดยในวันนี้ Wongnai สานต่อวาระสำคัญที่สุด ณ เวลานี้ โดยการปล่อยฟีเจอร์และแคมเปญใหม่ พร้อมยกเครื่องหน้าโฮมโฉมใหม่ที่จะทำให้ผู้ใช้ Wongnai มีส่วนร่วมในการ #Saveร้านอาหาร และ #สู้ไปด้วยกัน กับพวกเรา”

#สู้ไปด้วยกัน วาระสำคัญสูงสุดของ Wongnai ในการเป็นตัวกลางที่เชื่อมต่อร้านอาหารทั่วประเทศและคนไทยให้สู้ไปด้วยกัน ปล่อยฟีเจอร์-แคมเปญ-หน้าโฮมใหม่ ดังนี้

  1. ฟีเจอร์ใหม่ “Pickup (รับที่ร้าน)” บนแอป Wongnai ตอบโจทย์ทุกคนที่ใส่ใจต่อการลดความเสี่ยงในการสัมผัส กดสั่งอาหารและจ่ายเงินออนไลน์ไว้ล่วงหน้า เพื่อรับอาหารที่ร้าน แล้วไปกินที่บ้านได้ทันที โดยไม่ต้องรอคิว อัปเดตแอปเวอร์ชันใหม่ได้แล้ววันนี้ และสามารถดูรายชื่อร้านอาหารที่สามารถสั่งล่วงหน้า รับที่ร้านทั่วกรุงเทพฯ ได้ที่ https://www.wongnai.com/collections/self-pick-up-restaurant
  2. หน้าโฮมโฉมใหม่ทั้งบนแอปและเว็บไซต์ Wongnai รวมเนื้อหาที่จำเป็นให้ผู้ใช้ร่วมฝ่าวิกฤติได้แม้อยู่ที่บ้าน อัปเดตแอปเวอร์ชันใหม่แล้ว ผู้ใช้ Wongnai จะสามารถ 
  • ค้นหาและซื้อ Covid Relief Gift Voucher เพื่อสนับสนุนร้านอาหารที่ชื่นชอบ
  • สั่งอาหารสำหรับ Pickup (รับที่ร้าน) และเดลิเวอรีได้ง่ายมากขึ้น
  • อ่านเรื่องราวและการปรับตัวจากร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบ
  • ค้นหารายชื่อร้านอาหารที่น่าลองสั่งเดลิเวอรี
  • อ่าน “อยู่บ้านทำไรดี?” ที่รวมเนื้อหาและทิปส์สำหรับการอยู่บ้านให้มีความสุข

3. แคมเปญล่าสุด “Covid Relief Gift Voucher” ให้ทุกคนได้รวมพลังสนับสนุนร้านอาหารที่ชื่นชอบ ด้วยเวาเชอร์เงินสดช่วยร้านเพิ่มกระแสเงินสดในช่วงวิกฤติ ซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2563 และเก็บไว้ใช้ได้สูงสุดถึง 30 เมษายน 2564 ราคาเริ่มต้น 300 – 5,000 บาท รับเมนูพิเศษหรือของสมนาคุณจากร้านอาหาร (มีจำนวนจำกัดต่อวัน)

เมื่อซื้อเวาเชอร์บนหน้าแรกบนแอปและเว็บไซต์ Wongnai พร้อมสิทธิพิเศษสุดคุ้ม มูลค่าเพิ่มออนท็อปจากราคาคูปองที่ซื้อ สูงสุดถึง 40% และส่วนลดสำหรับสมาชิก dtac reward โดยเวาเชอร์นี้จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนหรือคืนเงินได้หลังจาก 7 วันนับจากวันที่ซื้อทุกกรณี เนื่องจากเราจะนำเงินที่ได้ไปช่วยเหลือร้านที่ได้รับผลกระทบ ดูรายชื่อร้านอาหารเกือบ 50 ร้านที่เข้าร่วมได้ที่ https://www.wongnai.com/evouchers?domain=1

“ผมและทีมงาน Wongnai ทุกคนได้ระดมสรรพกำลังเพื่อ #Saveร้านอาหาร อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น การทำให้ร้านอาหารใหม่ขึ้นระบบเดลิเวอรีได้ภายใน 1 วัน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยสามารถเลือกเข้าร่วม GP หรือไม่เข้าร่วมก็ได้ตามความต้องการ และให้ร้านอาหารได้ใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

เช่น โปรโมทร้านและสร้างเมนูโปรโมชันบน Wongnai เพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้ด้วยตัวเอง รวมไปถึงฟีเจอร์ใหม่ Pickup ที่ร้านอาหารสามารถใช้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคม 2563 อีกด้วย ซึ่งพวกเราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฟีเจอร์และแคมเปญใหม่ต่างๆ ที่ออกไปนั้นจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยได้ทั้งวงการร้านอาหารทั่วประเทศและคนไทยทุกคนฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน” คุณยอดกล่าวสรุป

ที่มา – Wongnai

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

ไขข้อสงสัย ใครออกจากบ้านได้บ้างช่วงเคอร์ฟิว

Brand Inside - 3 April 2020 - 14:10

วันนี้ (3 เมษายน 2563) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวอธิบายข้อสงสัยเรื่องการเคอร์ฟิวทั่วราชอาณาจักรระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ตามประกาศฉบับที่ 2 ของรัฐบาลที่ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งก่อให้เกิดความสงสัยในหลายเรื่อง

เริ่มต้นที่เคอร์ฟิว 6 ชั่วโมง อาจขยายเป็น 8-10 ชั่วโมง

นายวิษณุ อธิบายว่าประกาศเคอร์ฟิวต้องการให้คนหยุดออกไปเตร็ดเตร่นอกบ้าน เพื่อไม่ให้ไปกระจายไวรัสเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งงานส่วนใหญ่ที่มีคนรวมตัวกันมากๆ มักเป็นตอนกลางคืน เช่น สถานบันเทิง งานศพ งานแต่งงาน เป็นการต้อนคนเข้าบ้าน ส่วนตอนกลางวันคนไปทำงาน ก็เจอกันเฉพาะแค่ในที่ทำงาน ไม่ได้เจอคนมากนักอยู่แล้ว

เมื่อเจอคำถามว่า การประกาศเคอร์ฟิวเริ่มต้นตอน 4 ทุ่ม แต่งานส่วนใหญ่เป็นตอนหัวค่ำซะมากกว่า นายวิษณุตอบว่าปัจจุบันเป็นการเคอร์ฟิวนาน 6 ชั่วโมง (22.00-04.00) เพื่อส่งสัญญาณให้รู้กันก่อน ถ้ายังไม่เวิร์คก็อาจขยายเป็น 8 หรือ 10 ชั่วโมงได้ในอนาคต

มีข้อยกเว้นสำหรับบางอาชีพ เช่น คนป่วย หมอ พยาบาล คนส่งของ

นายวิษณุยังระบุว่า ความตั้งใจของประกาศฉบับนี้ มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คนออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ แต่ถ้ามีงานที่ต้องทำหรือมีภารกิจเร่งด่วน ก็สามารถออกจากบ้านได้ เพราะมีข้อยกเว้นให้

ข้อยกเว้นของประกาศแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

  • ข้อยกเว้นเป็นการทั่วไป ถ้าเข้าข่ายตามนี้ สามารถออกจากบ้านได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
  • ข้อยกเว้นเป็นการเจาะจง ต้องมาขออนุญาตเจ้าหน้าที่ก่อน

กรณีของข้อยกเว้นเป็นการทั่วไป ได้แก่อาชีพดังนี้

  • ผู้ที่มีภารกิจด้านการแพทย์ รวมคนไข้ หมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ คลินิก โรงพยาบาล
  • อาชีพด้านขนส่ง สินค้าอุปโภค บริโภค ข้าวปลาอาหาร ขับรถขนของไปเติมซูเปอร์มาร์เก็ตตอนกลางคืน ขนส่งอาหารสด อาหารแห้ง นำเข้า-ส่งออก
  • อาชีพขนส่งอาหาร นายวิษณุยกตัวอย่าง Grab และ Line Man
  • การเงินการธนาคาร ขนเงินเติมเข้าตู้ ATM ตอนกลางคืน
  • ขนส่งหนังสือพิมพ์
  • คนขับรถไปรับคนที่สนามบิน
  • คนที่ทำงานกะดึก โรงงาน เช่น เข้ากะ 4 ทุ่ม ต้องให้คนเหล่านี้สามารถไปทำงานได้

กรณีของข้อยกเว้นเป็นการเจาะจง คือกลุ่มคนที่ในประกาศไม่ได้คาดไว้ว่าต้องออกจากบ้าน แต่ก็เริ่มมีคนขอเข้ามาแล้ว เช่น อาชีพประมง กรีดยาง ซ่อมสายโทรศัพท์ตอนกลางคืน ถ้ามีปริมาณเยอะๆ ในอนาคตรัฐบาลก็จะเพิ่มในกลุ่มข้อยกเว้นเป็นการทั่วไปให้ จะได้ไม่ต้องมาขอ

ส่วนการขออนุญาตพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็คือ ตำรวจทหารที่มาตั้งด่าน หรือกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่

ต้องพกเอกสารติดตัว เผื่อเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ

คนที่จำเป็นต้องออกจากบ้านในตอนกลางคืน ต้องพกเอกสารติดตัวเผื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจ

  • บัตรประจำตัวประชาชน
  • เอกสารรับรองจากต้นสังกัด นายวิษณุยกตัวอย่างคนขับรถส่งหนังสือพิมพ์ ก็ให้ขอเอกสารจากบริษัทหนังสือพิมพ์ว่าเป็นพนักงานขับรถจริงๆ เท่านั้นพอ

นายวิษณุยังแนะนำว่าให้ถ่ายเอกสารรับรองจากต้นสังกัดไว้หลายๆ ชุด เผื่อเจ้าหน้าที่ต้องการเก็บไว้เป็นหลักฐานจะได้มีให้ หรือถ้าไม่มีจริงๆ ก็สามารถให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปเอกสารต้นฉบับไว้ได้

คนกรุงเทพต้องเคอร์ฟิว 22.00-05.00 ต่ออีก 1 ชั่วโมงตามประกาศ กทม.

นายวิษณุ ยังอธิบายถึงข้อ 2 ในประกาศที่บอวกว่าจังหวัดหรือพื้นที่ใด กำหนดเงื่อนเวลาที่เข้มงวดกว่าหรือเคร่งครัดกว่าข้อกำหนดนี้ ให้ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นต่อไปด้วย

ตัวอย่างที่นายวิษณุยกมาคือ ประกาศของกรุงเทพมหานคร ที่กำหนดให้ปิดร้านค้าในช่วง 24.00-05.00 น. ซึ่งเหลื่อมเวลากับประกาศของรัฐบาล 22.00-04.00 น.

กรณีแบบนี้ ให้นับประกาศของรัฐบาลก่อนคือ 22.00-04.00 จากนั้นให้นับเวลาต่อตามประกาศของ กทม. อีก 1 ชั่วโมง จึงกลายเป็นว่าคนกรุงเทพต้องเคอร์ฟิว 22.00-05.00 มากกว่าในประกาศของรัฐบาล 1 ชั่วโมง

นายวิษณูบอกว่ารัฐบาลจะทยอยปรับเวลาตามประกาศของจังหวัดต่างๆ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน คนจะได้ไม่งง

คลิปแถลงข่าวฉบับเต็มของนายวิษณุ เครืองาม จาก ThaiPBS

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

อยากกินก็ทำเองได้ ฟาสต์ฟูด Shake Shack ออกชุดเบอร์เกอร์พร้อมปรุงส่งให้ถึงบ้าน

Brand Inside - 3 April 2020 - 13:00

ก่อนหน้านี้ร้านอาหารฟาสต์ฟูดชื่อดังอย่าง Burger King ออกแคมเปญโฆษณาใหม่โชว์วัตถุดิบในการทำเบอร์เกอร์ Whopper ด้วยวัตถุดิบที่ซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ตและทำทานเองที่บ้าน

PSA: We just dropped DIY ShackBurger Kits! ? These ready-to-cook boxes ship with ingredients to recreate 8 ShackBurgers at home (including our custom blend of @patlafrieda 100% Angus beef + our secret ShackSauce). Order yours now via @goldbelly: https://t.co/O77n1sDUbl pic.twitter.com/41boukBxPO

— SHAKE SHACK (@shakeshack) March 31, 2020

แต่ร้านอาหารฟาสต์ฟูด Shake Shack ไปไกลกว่าด้วยการจัดทำชุด Shackburger ชุดวัตถุดิบสำเร็จรูปพร้อมปรุงสำหรับลูกค้าที่อยากทำเมนูเบอร์เกอร์ด้วยตัวเอง ส่งตรงถึงหน้าบ้านลูกค้า เพื่อสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้ทานอาหารที่มีคุณภาพ และสะอาดท่ามกลางความกังวลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

แฮมเบอร์เกอร์ ภาพจาก Shake Shack

ชุดวัตถุดิบเบอร์เกอร์สำเร็จรูป Shackburger แต่ละชุดสามารถทำเบอร์เกอร์ได้ 8 ชิ้น ในราคา 49 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,610 บาท ซึ่งเป็นราคาเดียวกับที่หน้าร้าน โดยมีส่วนผสมที่เตรียมไว้ให้คือ เนื้อ ขนมปัง มันฝรั่ง ชีส และซอสสูตรพิเศษของทางร้าน แต่ไม่มีผักกาดหอม และมะเขือเทศมาให้ แต่หากอยากทาน Shake Shack แนะนำว่าลูกค้าสามารถหาวัถตุดิบที่ชอบมาใส่เพิ่มได้ เช่น ผักดอง และพริกไทย

Mark Rosati หนึ่งในผู้บริหารของ Shake Shack เล่าว่าชุดวัตถุดิบเบอร์เกอร์สำเร็จรูปนี้ เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ของอาหารกลางวัน เพราะเป็นการทำให้เส้นแบ่งระหว่างอาหารฟาสต์ฟูด กับอาหารสำหรับผู้ที่ชอบทานอาหารอย่างจริงจังเลือนหายไป

ที่มา – fool, secretnyc

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Spotify อัปเดตล่าสุดรองรับ Siri บน Apple Watch ที่รัน watchOS 6 แล้ว

MXPhone - 3 April 2020 - 07:23

Spotify ได้เปิดตัวอัปเดตเวอร์ชั่น 8.5.52 (2 เม.ย. 2020) ที่รองรับ Siri บน Apple Watch ที่รัน watchOS 6 ได้แล้ว

The post Spotify อัปเดตล่าสุดรองรับ Siri บน Apple Watch ที่รัน watchOS 6 แล้ว appeared first on mxphone.

ราคาน้ำมันดิบกลับมาที่ 25 เหรียญอีกครั้ง หลังสหรัฐ-รัสเซีย-ซาอุ เคลียร์กันได้

Brand Inside - 3 April 2020 - 02:45

ราคาน้ำมันดิบล่าสุดกลับมาเพิ่มขึ้นสูงถึง 22% หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมากล่าวถึงการที่สหรัฐอเมริกาได้พูดคุยกับซาอุดิอาระเบียรวมไปถึงรัสเซีย เพื่อลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง

บ่อน้ำมัน Oil Jack Pumpภาพจาก Shutterstock

ราคาน้ำมันดิบ West Texas ในช่วงการซื้อขายวันนี้กลับมาบวกถึง 22.11% ราคาล่าสุดอยู่ที่ 24.80 เหรียญต่อบาร์เรล สาเหตุมาจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้ออกมากล่าวถึงการที่สหรัฐอเมริกาได้พูดคุยกับซาอุดิอาระเบียรวมไปถึงรัสเซีย โดยหวังว่าจะลดกำลังการผลิตน้ำมันลงมาสูงสุดถึง 10 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ประธานาธิบดีสหรัฐเชื่อว่าอาจลดกำลังการผลิตได้มากกว่านี้

ขณะที่รัฐมนตรีพลังงานของรัสเซียได้ออกมากล่าวว่าจะกลับเข้ามาสู่การเจรจาอีกครั้ง ส่งผลทำให้ภายในช่วงการซื้อขายน้ำมันดิบในวันนี้ราคาได้กระโดดไปถึง 30% ถือว่าเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นสูงสุดของวันนับตั้งแต่มีการซื้อขายน้ำมันดิบเป็นต้นมา

ก่อนหน้านี้นั้นสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียเกิดขึ้นจาก ซาอุดิอาระเบียได้ขอให้รัสเซียลดกำลังการผลิตซึ่งจะหมดข้อตกลงที่ทำกับกลุ่ม OPEC ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่รัสเซียปฏิเสธเงื่อนไขในการที่จะลดกำลังการผลิต และยังได้กล่าวว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าเดิม ส่งผลทำให้ซาอุดิอาระเบียได้เพิ่มกำลังการผลิตรวมไปถึงตัดราคา เพื่อที่จะกดดันให้รัสเซียกลับเข้ามาเจรจา

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักในรอบเกือบๆ 20 ปี โดยราคาในช่วงเดือนมกราคมราคายังอยู่ในช่วง 60 เหรียญต่อบาร์เรล แต่หลังจากศึกการตัดราคาน้ำมันนั้นทำให้ราคาลงมาแตะระดับต่ำกว่า 20 เหรียญสหรัฐ ส่งผลทำให้ราคาถือว่าจูงใจให้โรงกลั่นในทวีปเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นจากจีนและอินเดียที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก มาสนใจราคาน้ำมันดิบจากซาอุดิอาระเบียทันที แต่ส่งผลเสียกับผู้ส่งออกน้ำมันจากประเทศอื่นๆ รวมไปถึงผู้ผลิตในสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ต่ำ

Just spoke to my friend MBS (Crown Prince) of Saudi Arabia, who spoke with President Putin of Russia, & I expect & hope that they will be cutting back approximately 10 Million Barrels, and maybe substantially more which, if it happens, will be GREAT for the oil & gas industry!

— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) April 2, 2020

ที่มา – BBC, CNBC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

ผู้ผลิตมาเอง! Foxconn ยืนยันกับนักลงทุนว่าการผลิต iPhone 12 ยังเป็นไปตามเป้าสำหรับเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้

MacThai - 3 April 2020 - 02:20

จากที่ได้เคยเสนอข่าวไปหลายครั้งจากหลายสื่อ อาทิ Bloomberg และ Nikkei ทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องความกังวลว่าการเปิดตัวไอโฟน 12 นั้นอาจจะเลื่อนออกไปได้ มีคำตอบที่แตกต่างกันออกมาจากสื่อเหล่านั้น

ในครั้งนี้ จากการรายงานของ Bloomberg ทาง Foxconn ที่รู้กันว่าเป็นผู้ผลิตสินค้าให้แอปเปิลเจ้าใหญ่บอกนักลงทุนผ่าน Conference Call ส่วนตัวว่ายังคงกำลังเตรียมการสำหรับการเปิดตัวไอโฟน 12 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือช่วงเดือนกันยายนนี้อยู่

หากมองกลับไปตั้งแต่ไอโฟน 4s เป็นต้นมา แอปเปิลเปิดตัวไอโฟนรุ่น Flagship ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงมาตลอด ซึ่งมักจะหมายเดือนกันยายน แต่บางทีก็เปิดตัวในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนเช่นกัน อย่างปี 2018 ไอโฟน XR ได้เปิดตัวในอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม ปี 2018

การผลิตขั้นทดสอบของตัวไอโฟนนั้นเชื่อว่าจะเริ่มในเดือนมิถุนายน ทาง Foxconn เองก็ยืนยันกับนักลงทุนว่าต้องเจอกับการเลื่อนกำหนด จากนโยบายการกักตัวและการห้ามเดินทางนอกประเทศ ทว่าตัวบริษัทเองก็เชื่อว่าจะสามารถที่จะเร่งทำงานทดแทนเวลาที่เสียไปได้

ดังนั้นแล้ว Foxconn ระบุว่าไอโฟน 12 นั้นยังจะออกตามกำหนดเดิมในช่วงกันยายนนี้ และเป็นไปได้ว่าบางรุ่นในไอโฟน 12 จะเปิดตัวในเดือนสองเดือนให้หลัง  ไลน์อัพครั้งนี้ของไอโฟน 12 นั้นคาดว่าจะมาทั้งหมด 4 รุ่นหลัก ทั้งหมดใช้จอ OLED และแอปเปิลจะเปลี่ยนขนาดหน้าจอจากรายงานที่เคยออกมาก่อนหน้า ซึ่งจะมีรุ่นหน้าจอ 5.4 นิ้ว, 6.1 นิ้ว 2 รุ่น และ 6.7 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่าขนาดของไอโฟน 11 Pro Max ที่มีขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว

ไอโฟน 12 คาดว่าจะมาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกแบบใหม่ ที่จะกลับมาตัดขอบเหลี่ยมๆ (นึกภาพคล้ายๆ ไอโฟน 5 แต่อาจจะไม่เหมือนเลยเสียทีเดียว) และยังรองรับ 5G พร้อมในรุ่นสูงจะมี LiDAR Scanner ที่เปิดตัวใน iPad Pro ไปแล้วด้วย

ที่มา — 9to5Mac

The post ผู้ผลิตมาเอง! Foxconn ยืนยันกับนักลงทุนว่าการผลิต iPhone 12 ยังเป็นไปตามเป้าสำหรับเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ appeared first on Macthai.com.

ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐทำลายสถิติใหม่ที่ 6.6 ล้านราย

Brand Inside - 3 April 2020 - 01:01

ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐทำลายสถิติใหม่ที่ 6.6 ล้านราย ทำสถิติใหม่อีกรอบ เป็นสัญญาณเตือนถึงเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังคืบคลานเข้ามาในเร็วๆ นี้

United States Jobless New York Cityภาพจาก Shutterstock

กระทรวงแรงงานสหรัฐ ได้เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์นี้มากถึง 6.6 ล้านราย และได้ทำสถิติใหม่ ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ยื่นขอสวัสดิการไป 3.3 ล้านราย และมากกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 3.76 ล้านราย ทำให้ล่าสุดถ้าหากรวมตัวเลขของ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะทำให้มีผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเกือบๆ 10 ล้านราย คิดเป็นจำนวน 6% ของแรงงานทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา

โดยผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานมากที่สุดในสัปดาห์นี้มาจากรัฐแคลิฟอร์เนียมากถึง 878,727 ราย รองลงมาคือรัฐเพนซิลเวเนีย นิวยอร์ก และมิชิแกน โดยรัฐเหล่านี้ส่วนใหญ่กำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 อยู่ในขณะนี้โดยเฉพาะที่นิวยอร์กที่เป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาด

การเลิกจ้างพนักงานนั้นสาเหตุหลักๆ มาจากรัฐบาลสหรัฐได้ประกาศที่ให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านจนถึงช่วงปลายเดือนเมษายน เพื่อที่จะลดการแพร่ระบาดของ COVID-19 แม้ว่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่มาแล้วก็ตาม

ตัวเลขของผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ยังทำให้มีการคาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานของสหรัฐอาจสูงเกิน 10% โดยทาง Credit Suisse คาดไว้ที่ 12% ขณะที่ Bank Of America คาดไว้ที่ 15% มากกว่าในปี 1982 ที่สถิติอัตราว่างงานอยู่ที่ 10.2%

ขณะที่มุมมองของ Mohamed A El-Erian ที่ปรึกษาเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Allianz ได้ทวีตเตือนว่า สัญญาณผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงมากขนาดนี้จะทำให้อัตราการว่างงานทั่วโลกสูงกว่าสมัยวิกฤติการเงินด้วยซ้ำ

ที่มา – Credit Suisse

ที่มา – BBC, Euronews

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Pages