เมื่อช่วงเช้าวันนี้ หลายคนคงทราบว่า Apple ได้โพสผลการทดสอบเสาสัญญาณของ Motorola Droid X ออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดแล้วว่า Apple กำลังพยายามลากตระกูล Droid ของ Verizon ให้ลงเหวตาม Apple ไปด้วยนั้น เว็บ Droid Life ก็ออกมาแก้ต่าง และประนาม Apple อย่างรุนแรง ด้วยการโพสวีดีโอผลการทดสอบที่ไม่เป็นไปตามที่ Apple ทดสอบออกมาลงใน Youtube พร้อมตั้งชื่อวีดีโออย่างแรงว่า DROID X Deathgrip, It's not possible!! ซึ่งจากวีดีโอ (ดูได้จากหลังเบรค) ก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่า Apple ทดสอบมั่ว อีกแล้วครับท่านผู้ชม...

เว็บไซต์ AppleInsider รายงานว่ามีผู้ใช้ iPhone 4 และ iPhone 3GS ที่อัพเป็น iOS 4 จำนวนมาก รายงานปัญหาที่เกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Bluetooth เข้ามา โดยอาการคือ iPhone จะตัดการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth กับอุปกรณ์อื่นๆ

ผู้ใช้ iPhone 3GS รายงานว่าก่อนอัพเป็น iOS 4 ไม่เคยมีปัญหานี้

ผู้ใช้รายหนึ่งแจ้งปัญหาไปที่ AppleCare แต่ได้รับการปฏิเสธว่า "นี่ไม่ใช่ปัญหา" และผู้ใช้บางส่วนยืนยันว่า iOS 4.0.1 ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหานี้

ที่มา - AppleInsider

Apple ก็ยังคงไม่ยอมรับความจริงเรื่อง iPhone 4 อยู่ดีครับ แถมยังหาแพะรับบาปอยู่เรื่อยๆ โดยล่าสุด หลังจากที่ Apple ได้ส่งผลการทดสอบของ Nokia N97 Mini ออกมานั้น Apple ก็ได้ส่งผลการทดสอบของ Motorola Droid X ออกมาอีก โดยอ้างว่าเสาสัญญาณของ Droid X นั้น จะอยู่บริเวณ Logo Google หรือ ช่วงล่างของเครื่อง ซึ่งเมื่อได้ทำการทดสอบแล้วนั้น พบว่าสัญญาณจะหายไปเลยจาก 3 ขีด และก็ยังมีคลิปทดสอบให้ดู โดยดูได้จากหลังเบรคครับ

ไม่รู้ว่า Motorola จะออกมาโต้ข่าวยังไง เพราะของเดิม Motorola ก็เจอปัญหาภายในอยู่แล่ว

ที่มา : iClarified

แอปเปิลได้เริ่มให้ลูกค้าที่ซื้อ iPhone 4 ก่อนวันที่ 30 ก.ย. สั่งขอบยาง (bumper) หรือเคสได้แล้ว โดยลูกค้าต้องดาวน์โหลดแอพฯ iPhone 4 Case Program ลง iPhone แล้วลงชื่อเข้าใช้ iTunes Store เลือกขอบยางหรือเคสและสีที่ต้องการ จากนั้นลูกค้าจะได้รับของที่สั่งภายใน 3 ถึง 5 สัปดาห์ - แอปเปิล ผ่าน Engadget

วันนี้แอปเปิลเพิ่งประกาศออกมาบนเว็บว่า iPhone 4 รุ่นสีขาวนั้นอาจจะต้องเลื่อนวันวางขายไปเป็นช่วงปลายปีนี้แทน โดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาทางด้านการผลิต ที่ทำให้สีขาวของเครื่องไม่ "ขาว" ตามที่แอปเปิลต้องการ

ที่มา - MacRumors

ถ้าจำกันได้ใน Press Conference ครั้งล่าสุด แอปเปิลได้เปิดเผยรายชื่อประเทศที่จะวางจำหน่าย iPhone 4 กลุ่มถัดไปช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งประเทศเกาหลีใต้ได้หลุดหายไปจากรายชื่อประเทศที่ประกาศว่าจะมีการจำหน่ายกลุ่มสองอย่างน่าประหลาดใจ

ขณะที่คนร้อยละ 80 ใช้ซองหุ้มขณะใช้งาน iPhone 4 ผมเองเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยเป็นเหมือนผมคือไม่ชอบใช้โทรศัพท์ที่มีอะไรหุ้มอยู่ขณะใช้งาน ล่าสุดก็มีบริษัท Etsy Inc. ผลิต "พลาสเตอร์" เพื่อรักษาอาการสัญญาณหายของ iPhone 4 โดยไม่ต้องใส่ซองหุ้มแล้ว

ราคา 4.99 ดอลลาร์ต่อหกชิ้น และ 90 ดอลลาร์ต่อ 180 ชิ้น ใครมีตู้อยู่มาบุญครองแนะนำให้ซื้อหามาติดไว้

ที่มา - Antenna-aid

ข่าวในแง่ร้ายของ iPhone 4 ไม่ได้ลดความต้องการของมันลงเท่าใดนัก โดยในงานแถลงข่าวผลประกอบการประจำไตรมาส Tim Cook ได้ตอบคำถามนักข่าวถึงผลกระทบของข่าวร้ายทั้งหลายต่อยอดขาย iPhone 4 และเขาตอบว่า "เรากำลังขาย [iPhone 4] ทุกเครื่องที่เราผลิตได้ในตอนนี้"

ในแง่ของการคืนเครื่องแล้ว Tim ตอบนักข่าวว่าการคืนเครื่องด้วยสาเหตุจากการรับสัญญาณโดยเฉพาะนั้นต่ำมาก ส่วนตัวเลขการคืนเครื่องโดยรวมนั้นเราได้เห็นจากการแถลงข่าวของจ๊อปส์ไปแล้วเมื่อวันศุกร์ว่ายังต่ำกว่า 3GS เสียอีก

ที่มา - TechCrunch

แม้จะผจญปัญหามากมายกับเรื่องสัญญาณหายใน iPhone 4 แต่สำหรับนักลงทุนแล้ว Apple กำลังจะส่งสัญญาณแรงเต็มหลอดมาว่ากำไรของบริษัทอาจจะเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวทีเดียว

มีรายงานว่า Apple อาจจะประกาศรายได้สุทธิในไตรมาสที่สามของปีงบประมาณที่ขยายตัวอย่างมโหฬาร 2.87 พันล้านดอลลาร์หรือ 3.09 ดออลาร์ต่อหุ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 1.28 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งผลประกอบการอันงดงามนี้ได้แรงหนุนจากความนิยมของ iPad ที่สามารถขายได้ถึง 3 ล้านเครื่องในเวลาแค่ 80 วัน รวมไปถึงการที่ iPhone 4 สามารถทำยอดขายได้ถึง 1.7 ล้านเครื่องก่อนปิดไตรมาส

ขออนุญาตไปขุดข่าวเก่ามาเขียนลง Blognone นะครับ :)

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ปัญหาสัญญาณตกจะได้รับการแก้ไขโดยชุดอัพเดท iOS 4 ครั้งหน้า (ถัดจาก iOS 4.0.1) โดยแหล่งข่าวกล่าวว่าปัญหานี้เปิดเผยจุดอ่อนในเรื่องซอฟต์แวร์จัดการการติดต่อสื่อสารพื้นฐาน (ต้นฉบับใช้ basic communications software) ใน iPhone ที่มีมาอย่างยาวนาน แต่เพึ่งได้รับการเปิดเผยโดยผลของการออกแบบ iPhone 4 ดังนั้นปัญหานี้จึงไม่ได้เกิดจากเฉพาะฮาร์ดแวร์เท่านั้น

แหล่งข่าวได้กล่าวเสริมว่า โทรศัพท์ทุกค่ายนั้นย่อมได้รับผลกระทบจากการจับถือตัวเครื่องอยู่แล้ว แต่ระบบซอฟต์แวร์ที่ได้รับการออกแบบมาดีจะทำให้เกิดความสมดุลระหว่างปัจจัยภายนอกที่มีหลากหลายและป้องกันปัญหาสายหลุดได้

ยังจำกันได้ไหม ก่อนที่แอปเปิลจะเปิดตัว iPhone 4 นั้นมีต้นแบบเครื่องสูญหาย แล้ว Gizmodo ก็ได้รับต้นแบบ iPhone เครื่องที่หายดังกล่าวไปรีวิว แอปเปิลเลยขอคืนแต่ Gizmodo ก็ยังรีวิวต่อด้วยการแกะดูภายใน จนนำไปสู่การเข้าตรวจค้นบ้านบรรณาธิการ Gizmodo และเริ่มต้นการสืบสวน แล้วตอนนี้คดีดำเนินการไปถึงไหนแล้วล่ะ?

แมกกาซีนออนไลน์ชื่อดัง Slate.com ได้วิจารณ์การแถลงข่าวของสตีฟ จ็อบส์เรื่อง iPhone 4 ดังนี้

อันนี้เป็นข่าวภาคต่อจากข่าวที่แล้ว ที่ HTC ออกมาข่มขวัญ Apple ด้วยยอดผู้ร้องเรียนที่ต่ำกว่า Apple ได้ประกาศยอดผู้ร้องเรียนปัญหาของ iPhone 4 ออกมา ซึ่งหลังจากงานแถลงข่าว iPhone 4 ที่ Apple ได้เอามือถือ 3 รุ่น 3 ค่าย 3 OS 2 เครือข่าย อันได้แก่ BlackBerry Bold 9700/HTC Droid Eris/Samsung Omnia 2 ออกมาทดสอบเรื่องของการรับสัญญาณ และเปิดหน้าเพจอธิบายถึงผลการทดสอบไปแล้วนั้น หลังจากนั้นไม่นานทั้ง Nokia, RIM ก็ออกมาโต้ข่าวเรื่องการออกแบบเสารับสัญญาณอย่างทัน

หนึ่งในมือถือที่ถูกแอปเปิลนำไปเปรียบเทียบเรื่องปัญหาสายหลุดบนเวทีแถลงข่าวคือ HTC Droid Eris ซึ่งทางบริษัท HTC ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้เหมือน RIM หรือ โนเกีย แต่ทางเว็บไซต์ Pocket-lint ได้สอบถามไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ HTC และได้คำตอบว่า มีลูกค้าบ่นร้องเรียนปัญหา (ทุกเรื่อง) ของ Droid Eris มาแค่ 0.016% เท่านั้น และลูกค้าที่บ่นเรื่องสัญญาณย่อมน้อยกว่านั้นมาก

ตัวเลขจากการแถลงข่าวของแอปเปิล ลูกค้าที่บ่นเรื่องสัญญาณ (เฉพาะเรื่องสัญญาณ) ของ iPhone 4 คือ 0.55%

นอกจากโนเกียที่ออกมาแถลงหลังจากแอปเปิลจัดงานแถลงข่าวไปเมื่อวานนี้ RIM ที่โดดพาดพิงจากแอปเปิลไปเต็มๆ ก็ได้ออกมาแถลงเช่นกัน ว่า

แม้ว่า Apple จะออกแถลงการณ์ไปเมื่อคืนนี้ และยินยอมที่จะแจก Bumper ให้ฟรีไปแล้วนั้น Consumer Reports หรือสมาคมผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่เคยออกมาบอกว่าไม่แนะนำให้ซื้อ iPhone 4 นั้น ก็ยังคงออกมาบอกอยู่ดีว่า ยังไงก็ไม่แนะนำให้ซื้อ iPhone 4 ถึงแม้ว่า Apple จะยอมแจก Bumper ให้ฟรีนั้น แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การแก้ไขปัญหาในระยะสั้น เพราะว่าข้อเสนอที่จะแจก Bumper นั้นมีกำหนดสิ้นสุดข้อเสนอในวันที่ 30 กันยายนนี้ อีกทั้งยังไม่รองรับกลุ่มลูกค้าที่ใช้ Case อื่นของ iPhone 4 ที่ไม่ใช่ของ Apple อีกด้วย (ในวันแถลงข่าว Apple จะมีข้อเสนอในการแจก Bumper ที่

หลังจากงานแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แอปเปิลให้นักข่าวเยี่ยมชมห้องทดสอบเสาสัญญาณเพื่อให้ได้ชมกันว่าอุปกรณ์ไร้สายมีกระบวนการออกแบบอย่างไร โดยผู้นำชมก็คือ Ruben Caballero (ที่บลูมเบิร์กนำชื่อไปอ้าง และจ็อบส์ตอบคำถามว่าคุยกับ Ruben แล้ว Ruben บอกไร้สาระ) พานักข่าวและบล็อกเกอร์ราว 10 คนชมห้องที่สร้างขึ้นเพื่อการทดสอบอุปกรณ์ไร้สายโดยเฉพาะ ห้องได้ออกแบบให้ลดการสะท้อนของสัญญาณมากที่สุดเพื่อวัดระดับสัญญาณของอุปกรณ์แบบต่างๆ

ในระหว่างที่แอปเปิลจัดแถลงข่าวไปเมื่อประมาณ 11 โมงตามเวลาสหรัฐฯ ซึ่งก็มีผลสรุปว่าจะแจกขอบยาง (bumper) ให้ลูกค้าทั้งในและนอกสหรัฐฯ ฟรีจนถึง 30 ก.ย. นี้ รวมถึงลูกค้าสามารถคืนสินค้าภายใน 30 วันนับจากวันซื้อโดยไม่คิด Restocking Fee และเลื่อนการวางจำหน่ายเครื่องสีขาวออกไป (ดูข่าวเก่า) แอปเปิลก็ได้อ้างผลการทดสอบสัญญาณตกของ BlackBerry Bold 9700, HTC Droid Eris และ Samsung Omnia II ด้วย ซึ่งก็คงทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้และลองหยิบโทรศัพท์มือถือของตนมาลองจับดูสัญญาณตกกันเลยทีเดียว

วันนี้เป็นวันชี้ชะตาของ Apple จริงๆ ครับ และก็ผ่านไปแล้วด้วยสำหรับ iPhone 4 Press Conference เฉพาะกิจ ที่จัดขึ้นเพื่อแถลงข่าวว่ามีปัญหาอะไรยังไง กับตัว iPhone 4 ที่ถูกร้องเรียนมาอยู่เรื่อยๆ นั่นเองครับ การแถลงการณ์ก็สั้นนิดเดียวครับ ซึ่งก็ทำให้ทราบด้วยว่า ตามที่ Wall Street Journal ฟันธงมา ก็เป็นจริงครับ และแล้วผมก็จะขอสรุปให้ฟังสั้นๆ ละกันครับ

ที่มา : Engadget (Live Blog), MobileCrunch (Live Blog)

สืบเนื่องจากปัญหาสัญญาณหายของ iPhone 4 เมื่อผู้ใช้จับตัวเครื่องที่บริเวณขอบซ้ายล่าง ล่าสุด สตีฟ จ็อบส์ ได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะแจก Bumper ฟรีให้กับผู้ที่ซื้อ iPhone 4 ทุกคน (สามารถเลือกรับได้ทั้ง Bumper ยางของทางแอปเปิลเองหรือ Case จากผู้ผลิตรายอื่นที่ร่วมรายการ) สำหรับคนที่ซื้อ Bumper Case ไปแล้วทางแอปเปิลยินดีคืนเงินให้ และสำหรับผู้ที่ต้องการคืนสินค้าสามารถนำไปคืนได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียค่าคืนครับ

ที่มา: Engadget

Wall Street Journal รายงานโดยการอ้างแหล่งข่าวว่า ในงานแถลงข่าวของแอปเปิลนั้นจะไม่มีการประกาศเรียกคืน iPhone 4 แต่อย่างไร แต่เขาก็ไม่ได้ระบุว่าแอปเปิลจะแถมเคสให้ฟรีหรือออก iPhone 4 รุ่นปรับปรุงหรือไม่

แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า แอปเปิลรู้ปัญหานี้มาก่อนแล้ว และยังกล่าวว่าปัญหานั้นเกิดขึ้นจากกระบวนการทดสอบที่บกพร่อง แต่ฝ่ายบริหารที่นำทีมโดยคุณสตีฟ จ็อบส์นั้นยังคงเลือกใช้ดีไซน์นี้เพราะทำให้ตัวเครื่องมีความบางและเบากว่า (ดูข่าวเก่า) นอกจากนั้นการที่ไม่สามารถตรวจพบปัญหาได้นั้นเกิดขึ้นจากวัฒนธรรมการรักษาความลับอย่างรุนแรงของบริษัทแอปเปิลเอง (ต้นฉบับใช้ Apple's extremely secretive nature)

Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิลออกมาให้สัมภาษณ์กับ MIFI Europe ว่าเขาเองก็พบปัญหาการรับสัญญาณใน iPhone 4 เช่นกัน และเขาสังเกตได้ว่าการรับสัญญาณนั้นแย่ลง จากการทดลองใช้งานในรถในย่านที่สัญญาณอ่อนอยู่แล้ว โดยบทสรุปของปัญหานี้จาก Wozniak คือ "ดูเหมือนบริเวณอับสัญญาณจะกว้างขึ้นด้วยโทรศัพท์เครื่องใหม่นี้"

อย่างไรก็ตามเขาระบุว่าปัญหานี้ไม่สร้างความลำบากในการใช้งานของเขา iPhone 4 ทำงานได้ดีพอ และมันสวยจนคุ้มที่จะถือ

บทสัมภาษณ์ยาวมาก และส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของการใช้บริการข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือ อาจจะน่าสนใจหากใครอยากศึกษาว่าฝรั่งเองก็เจอปัญหาเรื่องการ roaming เหมือนกัน

ที่มา - MIFI Europe

ข่าวต่อเนื่องจาก แอปเปิลระบุ "ปัญหาสัญญาณหายเป็นเรื่องการแสดงผลผิดพลาด", แอปเปิลเตรียมปล่อย iOS 4.01 แก้ปัญหาสัญญาณตกของ iPhone 4 และ แอปเปิลแจก iOS 4.1 ให้กับนักพัฒนาแล้ว

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ iOS 4.1 Beta คือการแสดงขีดสัญญาณแบบใหม่ที่ขีดสูงขึ้น ซึ่งแอปเปิลระบุก่อนหน้านี้ว่าเป็นวิธีคำนวณที่ถูกต้องกว่าเดิม ทางเว็บไซต์ Gizmodo เลยนำขีดสัญญาณของ iOS 4.0 กับ 4.1 มาเทียบให้ดูกันแบบชัดๆ เน้นๆ

ช่วงนี้ยังมีข่าวแอปเปิลกับ iPhone 4 ออกมาเรื่อยๆ เพราะมันข้ามพ้นข่าวไอทีไปเป็นข่าวธุรกิจ และข่าวพาดหัวทั่วไปเรียบร้อยแล้ว

Bloomberg อ้างแหล่งข่าวภายในบริษัทแอปเปิล รายงานว่า Ruben Caballero วิศวกรอาวุโสผู้เชี่ยวชาญด้านเสาอากาศของแอปเปิล (ผมเข้าใจว่าเป็นคนนี้) เคยเตือนฝ่ายบริหารของแอปเปิลตั้งแต่ช่วงออกแบบว่า การวางเสาอากาศแบบนี้ (ซึ่งออกแบบโดยทีมของ Jonathan Ive และถูกเลือกโดยระดับบริหาร) จะก่อให้เกิดปัญหาเรื่องสัญญาณอย่างร้ายแรง

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลมาอีกทางว่า โอเปอเรเตอร์รายหนึ่งได้ทดสอบ iPhone 4 ก่อนวางขาย และพบปัญหานี้ แต่แจ้งไปยังแอปเปิลแล้วไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นหลังจากนั้น

Bloomberg รายงานว่า Senior Engineer ของแอปเปิล นาย Ruben Caballero ได้เคยพูดคุยกับฝ่ายบริหารของแอปเปิลมาแล้วว่าดีไซน์เสาอากาศใหม่ของ iPhone 4 นั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ ส่วน AT&T เอง ก็เคยได้ออกมาแสดงความกังวลกับดีไซน์ใหม่เช่นกันในช่วงก่อนวันเปิดตัวในวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา

แต่ฝ่ายบริหารที่นำทีมโดยสตีฟ จ็อบส์นั้นยังคงที่จะเลือกใช้ดีไซน์นี้ เนื่องจากเป็นดีไซน์ที่ทำให้ตัวเครื่องมีความบางและเบากว่า

ทาง Bloomberg เองก็ได้บอกว่าสำหรับบริษัทที่ตั้งตนเป็นผู้นำในด้านดีไซน์สินค้าที่ "Cool" แต่กลับมีสินค้าที่มีปัญหาแบบนี้อาจจะทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้นรู้สึกเหินห่างจากแบรนด์แอปเปิลไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายได้รุมเร้ามาถึงจุดนี้แล้ว