Tags:
Node Thumbnail

สถาบันวิจัยด้านยานพานะของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan’s Transportation Research Institute) ได้เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์และคำนวนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงของรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ปรากฎว่าค่าเชื้อเพลิงเฉลี่ยของรถยนต์ไฟฟ้าถูกกว่าเฉลี่ยราวๆ 50%

รายงานระบุว่าต้นทุนเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ถูกที่สุดสำหรับรถยนต์น้ำมันอยู่ที่ราว 1,000 เหรียญต่อปีในหลายๆ รัฐ ส่วนแพงสุดอยู่ที่ราว 1,500 เหรียญต่อปี ส่วนต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงสุดอยู่ที่รัฐโรดไอแลนด์ที่ 747 เหรียญต่อปี ส่วนถูกสุดอยู่ 367 เหรียญต่อปี

alt="shutterstock_523890190"

ส่วนวิธีการคำนวน เนื่องด้วยค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้าของแต่ละมลรัฐในสหรัฐไม่เท่านั้น ทางสถาบันจึงเอาตัวเลขทั้งหมดมาหาค่าเฉลี่ย และคิดรวมกับอัตราการใช้เชื้อเพลิงเฉลี่ยของรถยนต์ทั้งสองรุ่น ขณะที่ระยะทางเฉลี่ยที่รถวิ่งอยู่ที่ 11,500 ไมล์ ซึ่งเป็นตัวเลขเฉลี่ยทั่วประเทศที่รถในสหรัฐวิ่งต่อปี

อย่างไรก็ตามต้นทุนของรถคันหนึ่งๆ คงไม่ได้มีแต่เพียงเชื้อเพลิงเท่านั้น ยังคงมีค่าบำรุงรักษาอื่นๆ อีก ขณะที่ราคาของรถไฟฟ้าในปัจจุบันก็ยังถือว่าแพงกว่ารถยนต์น้ำมันค่อนข้างมาก ซึ่งแนวโน้มก็น่าจะถูกลงมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่มา - FastCompany

Get latest news from Blognone

Comments

By: zda98
Windows Phone
on 22 January 2018 - 11:38 #1029655

ืี่ที่เห็นว่า ต้นทุนไฟ้า น่าจะต้องเอามาคิดด้วย ความคิดเห็นผมนะ

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 22 January 2018 - 11:54 #1029660 Reply to:1029655

ค่าไฟเขาก็เอาต้นทุนบวกกำไรไปแล้วไม่ใช่หรอครับ บริษัทผลิตไฟฟ้าเขาเป็นเอกชนนิครับไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ

By: topty
Contributor
on 22 January 2018 - 12:44 #1029681

ยานพานะ -> ยานพาหนะ

คำนวน -> คำนวณ

By: thanyadol
iPhone
on 22 January 2018 - 12:55 #1029685

สงสัยครับ ทำไมเขายังทำฝาชาติ เหมือนฝาถังนำ้มันอยู่ ผมว่าฝาถังถ้าเรียบไปได้เลยมันจะสวยกว่านะ ไปหาจุดที่ไม่เกี่ยวข้องกับไฟเบอร์ตัวถังเป็นจุดชาร์จแทน

By: Orion
Windows PhoneAndroidWindows
on 22 January 2018 - 13:32 #1029694 Reply to:1029685
Orion's picture

ความเคยชินมั้งครับ แต่บางยี่ห้อ​ก็อยู่ด้านหน้า ของ Tesla 3 ซ่อน​อยู่​ใต้​ไฟ​ท้าย

By: nrml
ContributorIn Love
on 22 January 2018 - 14:45 #1029713 Reply to:1029685
nrml's picture

น่าจะเกี่ยวกับเรื่อง UX พยายามคงรูปแบบให้ใกล้เคียงแบบเดิมอยู่เพื่อให้เกิดความรู้สึกคุ้นเคยและยอมรับได้ง่ายๆ ครับ ถ้าปรับเปลี่ยนมากๆ อาจจะเกิดการความรู้สึกต่อต้าน

By: darkfaty
AndroidWindows
on 22 January 2018 - 15:01 #1029718 Reply to:1029685
darkfaty's picture

ผมว่ามันเป็นตำแหน่งที่สะดวกไม่ต้องก้มเงย และผู้คนก็คุ้นเคย อย่างเวลาผมไปเติมน้ำมันในปั๊มแบรนด์ที่ไม่ใช้ประจำต้องมายืนมองหน้าจอก่อนเลยว่ากดยังไงบ้าง บัตรรูดตรงไหน ใส่ ZIP code หรือใส่รหัสบัตร แล้วมันจะตื่นเต้นหน่อย ๆ ถ้ามีคนรอ ออกแบบให้เหมือนเดิมนี้ใช้สบายใจกว่าครับ ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่

By: tfctaf
Windows PhoneUbuntuWindows
on 22 January 2018 - 15:00 #1029716

เอาจริงๆ นะ อ่านต้นฉบับก็หาไม่เจอว่าเอารถรุ่นอะไรทดสอบ หรือว่า paper จะต้องจ่ายตังค์ในการอ่าน?
เท่าที่อ่านๆ เข้าใจว่าเป็นการคำนวนค่าเฉลี่ยจากฐานข้อมูลที่ไปรวบรวมมา
แต่ถ้าหาค่าเฉลี่ยจากสหรัฐฯ ต้องดูด้วยว่าคนขับรถกระบะคันใหญ่ๆ ซดน้ำมันเละเทะ กันดาษดื่น ขณะที่รถพลังงานไฟฟ้าเทือกนั้นยังไม่มี มีแต่รถเก๋ง ซึ่งถ้าหารเฉลี่ยหมดก็จะไม่ representative กับข้อสรุปที่ออกมาแบบนี้ว่าไฟฟ้าถูกกว่าน้ำมันสองเท่า
เหมือนรถถังไฟฟ้ากับมอเตอร์ไซค์น้ำมันเทียบกัน แล้วบอกว่าตันทุนพลังงานไฟฟ้าแพง ก็จะเป็นการบิดเบือนเกินไป

By: gololo
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 22 January 2018 - 15:41 #1029722 Reply to:1029716

ถ้าให้คิดแบบทั้วไปผมคิดว่าฐานข้อมูลที่ว่านี้คือสเปกรถในท้องตลาดทั้งสองส่วนน่าจะเอามาเปลียบเทียบกัน จริงๆเราก็น่าจะคำนวนเองได้ครับเคยเปลียบเทียบประมาณ
NISSAN LEAF วิ่งได้ 360km ที่ 40kw ตกkwละ 9km ถ้าบ้านเราขาย kw 3-4 บาท ตก km ละ 0.4บาท
เทียบกับ รถ mazda2 27km ต่อลิตร ถ้าราคาลิตรละ 25-30 บาท ตก km ละ 1 บาท
ก็ค่อนข้างไกล้เคียงนะครับ

By: thearm on 22 January 2018 - 16:30 #1029727
thearm's picture

รถไฟฟ้าราคาแพงกว่า เสียเวลาชาร์จนานกว่าเติมน้ำมัน
แต่ก็ค่าบำรุงรักษาน่าจะถูกกว่า ไม่ต้องเสียค่า
-น้ำมันเครื่อง
-น้ำมันเกียร์
-น้ำมันเบรก
-น้ำยาหม้อน้ำ
-กรองต่างๆ กรองน้ำมันเครื่อง กรองน้ำมันเกียร์ กรองอากาศ

ส่วนกรองแอร์อันนี้ก็ต้องเปลี่ยนเหมือนๆ กัน

10 ปีแบตเสื่อม เปลี่ยนแบตแพงแต่ก็คงครั้งเดียว
ก็เหมือนรถยนต์ 10 ปี ก็ต้องโอเวอร์ฮอลเครื่องหรือยกเครื่องใหม่
เกียร์ก็น่าจะด้วย

By: tnatomtong on 22 January 2018 - 17:12 #1029735 Reply to:1029727

เหมือนเท่าที่อ่านดูรถ EV หลายรุ่นมีหม้อน้ำนะครับ แต่ไม่แน่ใจเรื่องการบำรุงรักษานี่ต่างกับรถที่ใช้ ICE มั้ยนะ

By: nessuchan
iPhoneAndroidWindows
on 22 January 2018 - 18:01 #1029746 Reply to:1029735
nessuchan's picture

น่าจะเป็นหม้อน้ำระบบปิด ไว้ระบายความร้อนให้แบตเตอรี่ ไม่น่าเติมน้ำยาหม้อน้ำได้

By: Nozomi
ContributorWindows PhoneAndroidSymbian
on 22 January 2018 - 18:09 #1029749 Reply to:1029746
Nozomi's picture

หม้อน้ำรถยนต์ก็ระบบปิดนะครับ รถผมก็ไม่เคยเติมน้ำหม้อน้ำเลย 6 ปีแล้ว

By: thearm on 23 January 2018 - 08:40 #1029806 Reply to:1029735
thearm's picture

ใช้แค่น้ำเปล่าพอครับ ไม่ต้องใส่น้ำยาหม้อน้ำให้เปลือง

By: devilblaze
iPhoneAndroidWindows
on 22 January 2018 - 18:57 #1029751 Reply to:1029727
devilblaze's picture

แต่เบรคก็ยังเหมือนเดิมนิ ใช้ดิสเบรคเหมือนเดิม

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 22 January 2018 - 21:00 #1029764 Reply to:1029751

รถไฟฟ้ามีระบบเบรคที่ทำเพื่อดึงไฟเข้าแบตครับอีลอนเคยบอกว่ารถเขาไม่ต้องเปลี่ยนผ้าเบรคเลยตลอดอายุการใช้งานเพราะแทบไม่ได้ใช้

By: Holy
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 22 January 2018 - 23:21 #1029774 Reply to:1029751
Holy's picture

ถ้าเบรคแบบธรรมดา (ไม่กระทืบแบบเบรคฉุกเฉิน) อย่างของ Tesla จะใช้ Regenerative Braking ดึงไฟกลับไปเก็บในมอเตอร์ครับ ไม่ได้ใช้ดิสเบรค

By: foizy
AndroidUbuntuWindows
on 22 January 2018 - 23:09 #1029772

โดยภาพรวมแล้ว

ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วยโรงงานไฟฟ้า (ผลิตจำนวนมหาศาล) .. และเอาไฟฟ้ามาทำ 1 step conversion จากพลังงานไฟฟ้า -> พลังงานในการหมุนมอเตอร์

มันควรจะประหยัดกว่าการเอาน้ำมัน มาเผาในระบบเผาไหม้ เพื่อแปลงเป็นแรงอัดลูกสูบ เพื่อแปลงเป็นแรงในการหมุน อยู่เยอะล่ะนะ

ยิ่งถ้าคิดทุกมิติรวมกันจะมีเรื่อง
ต้นทุนในการขนส่งน้ำมัน กํบการวางระบบเสาส่งไฟฟ้าอีก

แต่คิดดูยังไงฝั่ง EV ก็น่าจะคุ้มกว่า แต่ระยะยาวก็อาจจะต้องออกแบบระบบผลิตไฟฟ้า/ข้อกำหนดการชาร์จ เพื่อบาลานซ์ให้สามารถไปใช้กำลังผลิตส่วนเกิน (ถมที่ว่างให้ถึง max capacity เดิม ไม่ใช่ ไปออกันใช้ในช่วง max ที่มีอยู่ แล้วต้องขยับ max เพิ่ม)

By: Holy
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 22 January 2018 - 23:19 #1029773 Reply to:1029772
Holy's picture

จริงๆ แล้วเรื่อง Balance พลังงานนี่ ทำได้ไม่ยากครับ ปกติช่วงใช้ไฟน้อยคือช่วงกลางคืน ซึ่งก็เป็นเวลาที่คนเอารถมาจอดที่บ้านอยู่แล้ว ชาร์จตอนนั้น ไว้ขับตอนกลางวันก็ช่วยได้เยอะครับ

By: foizy
AndroidUbuntuWindows
on 23 January 2018 - 00:52 #1029782 Reply to:1029773

จริงๆปีหลังๆมา peak hour มันเลื่อนจากทุ่ม มาราวๆ 4 ทุ่ม นะครับ ด้วยการปรับวิธีการใช้งาน และด้วยเราเริ่มๆมี backup power supply ตามบ้านที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยในตอนกลางวัน

https://www.egat.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=1552:article-20160705-01&catid=49&Itemid=251

แต่อันนี้คือมองร่วมๆกันทั้งระบบนะครับ
เพราะว่า peak-use จริงๆแม้จะเป็นกลางวัน แต่ peak-generation (ที่ซ่อนอยู่จากการใช้ off-grid / ที่มองเห็น จากพวก on-grid) มันก็ชดเชยกันด้วย

จนกว่า EV จะเป็น self-sustainable เช่น generate จากแสงอาทิตย์ระหว่างวันได้ถึง 60-80% ของปริมาณการชาร์จเต็ม ... หรือเป็นแบบรถมันชาร์จเองได้ยามอยู่กลางแดดอะไรแบบนี้

ผมว่าก็อาจจะยังต้องคำนวณกันดีๆล่ะครับ ไฟดับกลางคืนไม่ใช่เรื่องสนุกแน่นอน

By: wasant
Windows
on 23 January 2018 - 09:50 #1029825

ใน US ส่วนใหญ่นิยมรถเครื่องใหญ่ๆ เทียบกับรถไฟฟ้าแล้วต่างกันเยอะนี่ไม่แปลกครับ อยากให้ลองไปเทียบในยุโรป ซึ่งนิยมใช้เครื่องเล็ก + Turbo หรือ Supercharge รวมถึงดีเซล อยากรู้ว่าค่าใช้จ่ายจะต่างกันมากไหม

By: terdsak.s on 23 January 2018 - 12:20 #1029865

ใครที่เข้าใจกระบวนการของ 2 ภาพต่อไปนี้
1.Gasoline
http://energyeducation.ca/wiki/images/thumb/7/7a/Energyloss_combined_n.png/780px-Energyloss_combined_n.png
2.Power plant
http://lh5.ggpht.com/_1wtadqGaaPs/TGrwYzJDWlI/AAAAAAAARjI/FiaIQxpaKtE/tmp2C819_thumb_thumb.jpg?imgmax=800

จะไม่มานั่งเถียงว่าทำไมต้นทุนของการผลิตไฟฟ้าเพื่อมาวิ่งในรถมันถึงประหยัดกว่าการใช้น้ำมันกับเครื่องยนต์สันดาป
มันอยู่ใน Thermodynamics

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 26 January 2018 - 10:29 #1030352

อยากให้เปรียบเทียบค่าบำรุงรักษาตลอด 1แสนกิโล หรือ 5 ปีด้วย ถ้าเป็นบ้านเราต้องรวมราคาขายต่อมือสอง(เพราะรถแพง รถเก่าคือต้นทุนดาวน์รถใหม่ ไม่ได้ใช้แล้วขายราคาแบบทิ้งซาก เช่นราคา camry hybridมือสองราคาร่วงกว่า camry เครื่องยนต์ICE เยอะนะครับ) ราคาแบตที่ต้องเปลี่ยนเมื่อใช้งาน 5 ปี(คงต้องมีเสื่อมบ้าง) ราคาอุปกรณ์จำพวกinverter(ถ้าเป็น EVคงไม่มี?) พวกนี้เป็นต้นทุนแฝง ที่อาจมากกว่าราคาพลังงานที่ใช้