จากเหตุการณ์กราดยิงครั้งใหญ่ที่ San Bernardino ในปี 2015 มีครอบครัวเหยื่อผู้เสียชีวิตส่วนหนึ่งรวมตัวกันฟ้องโซเชียลมีเดีย Facebook, Google และ Twitter ในข้อหาปล่อยให้โฆษณาชวนเชื่อของกลุ่ม ISIS แพร่หลายในโซเชียล นำไปสู่เหตุโศกนาฎกรรม
เอกสารสำนวนส่งฟ้องมี 32 หน้า Sierra Clayborn ผู้เกี่ยวข้องกับเหยื่อหนึ่งในผู้ฟ้องระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จำเลย (Facebook, Google และ Twitter) ได้หยิบยื่นเครื่องมือแพร่กระจายข้อมูลให้กลุ่ม ISIS เปิดโอกกาสให้ ISIS ระดมทุน และดึงดูดคนให้เข้าร่วมกลุ่มด้วยโฆษณาชวนเชื่อ และหากไม่ใช่เพราะ Facebook, Google และ Twitter การเติบโตของกลุ่ม ISIS คงไม่มากขนาดนี้
สำนวนส่งฟ้องถูกส่งไปที่ศาลแขวงในลอสแองเจลิสเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ด้านโฆษกของบริษัทจำเลยยังไม่ตอบอะไรกับการฟ้องดังกล่าว
ที่มา - Venture Beat
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
ส่วนตัวไม่เห็นด้วยครับ คนเราต้องใช้วิจารณญานเองซิไม่ใช่เหรอ
มันถึงจำเป็นต้องมีกฎหมายไว้บังคับใช้ไงละครับ หวังอะไรกับวิจารณยง วิจารณญาณพวกนี้ไม่ได้หลอก
ปัญหาคือเนื่อหาพวกนี้ไม่ได้มาจาก บ. ดังกล่าว กตหมาย us ระบุว่าคนที่เป็นตัวกลางไม่ต้องรับผิดชอบ ตามแนวทางประชาธิปไตยที่ไม่เน็นการกรองข้อมูล ทุกคนมีวิจารณญาณ ... แต่ช่วงนีคน us ไม่ค่อยมีวิจารณญาณ เลยเลือกตั้งได้ทรัมป์ไป ...
อีกส่วนคือถึงจะไม่เห็นเนื้อหาชักชวนของ isis ผ่านทาง Facebook, Google และ Twitter ก็ไช่ว่าจะไม่มีช่องทางอื่น ... จะต้องบลอกเวปทั้งหมดที่ post ข้อความได้เพื่อกัน isis post เหรอ ...
ส่วนสุดท้ายคือจุดประสงค์ของการก่อการร้ายคือการทำให้คนกังวลและไม่สามารถไช้ชีวิตตามปรกติ ถ้าเวปอย่าง Facebook, Google, Twitter โดนบลอค/ต้องปิด ไช้งานไม่ใด้ ... ก็เท่ากับว่าการก่อการร้ายประสบความสำเร็จ ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ต้องมีเสรีภาพในการพูดให้ก่ออาชญากรรม/ก่อการร้าย
แล้วให้เป็นวิจารณญาณของคนรับสื่อ??
ปลายทางมันกลับไปที่การชั้งน้ำหนัก โซเชียลมีเดีย (ทุกช่องทางรวมถึงการ post บนเวป) กับ ผู้ก่อการร้ายหาที่โฆษณาได้ (ซึ่งก็จะไปหาช่องอื่นอยู่ดี)
ปล. ถ้าไม่ต้องการให้คนตาย ง่ายที่สุดคือห้ามมีรถครับ มีคนตายจากการก่อการร้ายต่ำมากเทียบกับ อันดับต้นๆอย่างการตายจากอุบัติเหตุทางรถ ... การห้ามไม่ให้มีรถอาจเป็นไปไม่ได้ แต่บางประเทศตอนนีระบุแล้วว่ารถต้องมีระบบหยุดอัตโนมัติเพื่อป้องกันไม่ให้ชนคน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
+10
อืม ข้างบนแค่ท้วงเรื่องการพิมพ์ผิดและให้ความหมายตามพจนานุกรมเผื่อมีคนเข้าใจความหมายไปซ้ำกับคำอื่นอย่าง "พิจารณา" เป็นต้น แต่พอผ่านไปรู้สึกอยากแสดงความคิดเห็นเพิ่มหน่อยครับ
จากที่วิจารณญาณเกี่ยวข้องกับปัญญา ซึ่งปัญญาแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน การปล่อยให้บุคคลใช้วิจารณญาณของตนเพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นภัยต่อผู้อื่น ด้วยเหตุนี้ถึงควรมีสิ่งอื่นมาใช้เป็นบรรทัดฐานด้วย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย ศีลธรรม ธรรมเนียม
ในข่าวนี้คือพวกโซเชียลมีเดียปล่อยให้มีข้อมูลที่ผิดบรรทัดฐานเผยแพร่ออกมาจนทำให้มีบุคคลหลงผิดไปกระทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
+1 วิจารณญาณมันค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนบุคคล การกระทำที่เราคิดว่าดี อาจจะไม่ใช่สำหรับทุกคน เพราะในความหมายของ ISIS การฆ่าคนที่ไม่ใช่กลุ่มของตัวเองถือเป็นเรื่องดีเพราะงั้นการกราดยิงก็ถือเป็นเรื่องที่ผ่านวิจารณญาณมาแล้ว(สำหรับเค้า)
เรื่องนี้ควรมีการควบคุมมากกว่า และคนที่เผยแพร่แต่ควมคุมอะไรไม่ได้ก็ควรจะมีการรับผิดชอบ
สื่อรุ่นเก่าอย่างทีวีหรือวิทยุ การนำสิ่งใดมาเผยแพร่นั้นก็มีการควบคุมและผ่านการพิจาณาทางด้านกฏหมาย ศีลธรรม
ธรรมเนียมมาแล้ว และถ้าเผยแพร่สิ่งไม่ดีเค้าก็ต้องมีการรับผิดชอบ แต่สื่อใหม่อย่างอินเตอร์เนตจะมาบอกว่า การควบคุมทำไม่ได้ แล้วอ้างเรื่องความเสรีผมว่ามันฟังไม่ขึ้น ถ้าคุมไม่ได้ก็ควรรับผิดชอบนะไม่ใช่แสวงหาประโยชน์อย่างเดียวและไม่รับผิดชอบผลเสียที่ตามมา
/me เปิดดู Youtube ต่อไป
บรรทัดฐานนี้ยังตบตีได้อีกมากครับ ISIS อัดคลิปก่อความรุนแรงฆ่าคนทุกคนบอกเป็นสิ่งผิดควรปิดลบไป แต่ข่าวอเมริกาเอาโทวมาฮอกซัดฐานทัพอากาศซีเรียไป 59 ลูก ดูแล้วน่าจะรุนแรงกว่ามากๆ ก็เป็นข่าวกันโครมครามได้ มันก็รุนแรงนะมากด้วยบึ้มทั้งสนามบิน แต่รัฐบาลถืออภิสิทธิ์ความชอบธรรมในการบอกตัวเองทำเพื่อผู้คนแล้วสามารถใช้ความรุนแรงได้อย่างเปิดเผย ผมไม่ได้มองว่า ISIS แต่แม้แต่นิดเดียวนะครับ แต่เราอยู่ในโลกที่บรรทัดฐานไม่เท่ากันมากๆ แล้วเราจะทำอย่างไรดี โยนให้เป็นความผิดของบริษัทพวกนี้ที่เราต้อดกูแลใช้งานปกติเป็นพันๆล้านๆ แบบที่ไม่ใช่เรื่องของเราเขาทำไม่ได้ก็ปิดไป ก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก ควรจะช่วยกันตั้งองคืกรหรืออะไรสักอย่างมาช่วยส่วนนี้ด้วย ไม่งั้นก็ไปฟ้องบริษัทผลิตปืนด้วยละครับที่ทำให้อาวุธ ไปฟ้องลิงด้วยที่วืวัฒนาการทำให้มีมนุษย์บางส่วนคลั่งความรุนแรง
ผมขอตอบเท่าที่พยายามทำความเข้าใจใจความของคุณนะ
1. บรรทัดฐานมันไม่ได้มีเพียงหนึ่งบรรทัดฐาน แต่ละกลุ่มชนย่อมมีการสร้างบรรทัดฐานกลุ่มของตน อย่ายัดเยียดบรรทัดฐานของตนให้คนอื่น เมื่อมีสร้างความสัมพันธ์ก็ควรรู้บรรทัดฐานของผู้อื่น ซึ่งสามารถที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่การปรับบรรทัดฐานร่วมกัน
2. ถ้าคุณฟังแหล่งข่าวให้หลากหลาย คุณควรจะทราบว่าไม่ใช่ทุกชาติที่เห็นด้วยกับการกระทำของสหรัฐอเมริกา
3. บริษัทย่อมมีการตั้งขึ้นและปฏิบัติตามตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทโซเชียลมีเดียหรือบริษัทผลิตอาวุธ หากปฎิบัติตามกระบวนการทางกฎหมายแล้วก็ไม่ต้องตั้งองค์กรอะไรมากำกับดูแลเพิ่มเติมและทับซ้อนกันอีก ไม่เช่นนั้นก็เป็นเพียงการตั้งกลุ่มทำงานขึ้นมาเพื่ออำนวยให้เป็นไปตามกฎหมายหรือเสนอปรับปรุงกฎหมาย
4. การฟ้องลิงโดยอ้างเป็นต้นเหตุความรุนแรงในตัวมนุษย์นั้น เป็นเหตุผลวิบัติครับ
คนที่ฟ้องคือฝ่าย "เหยื่อ" นะครับ เหยื่อเค้าต้องใช้วิจารณญาณอะไรเหรอครับ
ยกตัวอย่างว่า ผมประท้วงเลิกใช้อินเทอร์เน็ตไปเลย แต่ผมเดินถนนอยู่ดีๆ โดนยิง นี่ผมต้องใช้วิจารณญาณยังไงอะครับ
iPAtS
ผมเห็นแค่ครอบครัวเหยื่อหาโอกาสในวิกฤตที่เกิดขึ้น
ไม่ได้ใจร้ายหรือว่าไม่มีคนเสียใจนะครับ
แต่คนอยู่ ก็ต้องอยู่ เป็นเราเราก็ทำ